บทที่ 170 เพลิงโลกา
ในขณะที่นายน้อยผู้อยู่ในชุดหรูหราออกคำสั่ง บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งหลายก็ไม่มีทางเลือกนอกเสียจากต้องกัดฟันลงมือ
หากไม่มีพวกเขา เหล่าจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่อาจจะต้องตายทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องถ่วงเวลาเพื่อให้คนอื่นมีโอกาสรอดเพิ่มขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวจำนวนหนึ่งเริ่มกระหน่ำโจมตี ประกายแสงจากดาบและกระบี่ถาโถมใส่วิหคเพลิงอมตะ
เมื่อมันสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง วิหคเพลิงอมตะก็พ่นลูกไฟออกมาขณะที่สยายปีกของมันเพื่อทะยานขึ้นไปบนท้องนภา
ตู้มมมม!
การปะทะกันของพลังจากทั้งสองฝ่ายก่อให้เกิดการระเบิดที่น่ากลัวราวกับดอกไม้ไฟที่จุดประกายอยู่กลางท้องฟ้า คลื่นสะท้อนของทำให้เกิดกระแสลมที่รุนแรงซึ่งกวาดทำลายบรรดาต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมด
จอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ผู้หนึ่งโชคร้ายนัก เขาบังเอิญถูกสะเก็ดไฟจากการโจมตีของวิหคเพลิงอมตะทะลวงเข้ากลางหลังจนทำให้กรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนาก่อนที่จะขาดใจตาย
ฟึ่บ!
ร่างของชายชราเคลื่อนตัวลัดเลาะไปตามแนวป่าเพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปด้านบนยอดเขา เขาเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบหมายจะไปถึงปากปล่องภูเขาไฟให้ทันการ
ก่อนหน้านี้ คนเหล่านี้ถูกวิหคเพลิงอมตะทำให้หวาดกลัว แต่บัดนี้พวกเขาได้ทิ้งระยะห่างและกระจายตัวซึ่งทำให้พวกเขาแทบจะไม่ต้องเผชิญกับอันตรายโดยตรง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสังหารวิหคเพลิงอมตะได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งหลายก็คงไม่ถูกฆ่าตายง่ายๆเช่นกัน
หลังจากที่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน พวกเขาก็แทบจะหลงลืมเกี่ยวกับเห็ดหลินจืออัคคีไปจนหมดสิ้น แต่เพราะการปรากฏตัวของเจียงอี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกตัวอีกครั้ง
ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเพราะเห็นหลินจืออัคคีที่ทำให้สหายของพวกเขาตกตายไป แล้วอย่างนี้พวกเขาจะปล่อยให้คนนอกช่วงชิงมันไปง่ายๆได้ยังไง?
บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวต่างก็ใช้กลยุทธ์สลับกันรุกสลับกันรับ เมื่อมีผู้หนึ่งตกเป็นเป้าหมายของวิหคเพลิงอมตะ คนผู้นั้นก็จะทำการถอยหนี ในขณะเดียวกันคนที่เหลือก็จะทำการกระหน่ำโจมตีเพื่อดึงดูดความสนใจ
‘เมื่อศัตรูโจมตี เราละถอยหนี เมื่อศัตรูถอยหนี เขาจะโจมตีกลับไป’
เห็นได้ชัดว่าวิหคเพลิงอมตะไม่ได้มีสติปัญญามากนักจึงถูกล่อลวงได้โดยง่าย แม้ว่ามันจะโกรธเกรี้ยวจนแทบจะคลุ้มคลั่งแต่ก็ยังไม่สามารถสังหารผู้รุกรานได้ในเวลาสั้นๆ
มันไม่มีกระทั่งเวลาที่จะสังเกตว่าผู้อาวุโสหงกำลังมุ่งตรงไปยังปากปล่องภูเขาไฟอย่างลับๆ
ตึก! ตึก!
เจียงอี้ไม่ทราบว่ามีอะไรที่เกิดขึ้นด้านนอก เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังถูกไล่ล่าโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่สามผู้หนึ่ง ในเวลานี้เขากำลังใช้เชือกไต่ลงมาจากปากปล่องภูเขาไฟอย่างรวดเร็วเพราะไม่มั่นใจว่าวิหคเพลิงอมตะอีกตัวจะกลับมาเมื่อไหร่
ที่ด้านล่างนั้นมีแสงสว่างเจิดจ้าซึ่งนั่นก็สมควรเป็นเพลิงโลกา!
ภูเขาไฟลูกนี้มีขนาดใหญ่มหึมาและลึกมากเช่นกัน แม้ว่าเจียงอี้จะไต่ลงมาประมาณหนึ่งพันห้าร้อยเมตรแล้ว แต่เขาก็ยังคงมองไม่เห็นก้นหลุม สายตาของเขามองเห็นเพียงประกายแสงอันเจิดจ้าที่ชวนให้แสบตาเท่านั้น
ฟืบบ!
เจียงอี้รูดเชือกลงมาด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวเขาก็ไต่ลงมาอีกหนึ่งพันเมตรแล้ว ตอนนี้แสงที่อยู่ด้านล่างก็ยิ่งส่องสว่างมากขึ้น
ในเวลาเดียวกันเจียงอี้ก็ตระหนักได้ว่าไข่มุกวิญญาณเพลิงได้เปล่งแสงสีแดงออกมาและก่อตัวเป็นม่านพลังสีโปร่งแสงเข้าปกคลุมร่างของเขาไว้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นจึงทำให้ไข่มุกวิญญาณเพลิงทำการปกป้องเจ้านายด้วยจิตสำนึกของมันเอง
เพลิงโลกา!
เจียงอี้โคจรแก่นแท้พลังสีดำไปที่ดวงตาเพื่อเสริมศักยภาพในการมองเห็น เขามองเห็นลาวาเหลวที่อยู่เบื้องล่าง ฉากนี้ไม่ต่างอะไรไปจากขุมนรกอเวจี แต่เมื่อกวาดสายตามองจนทั่ว เขาก็ไม่พบเห็นสมุนไพรวิญญาณใดๆ
ในที่สุดเจียงอี้ก็ตัดสินใจไต่ลงไปอีกสามร้อยเมตรและหยุดอยู่ห่างจากลาวาราวๆหนึ่งร้อยเมตร นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขาหวาดกลัว แต่มันเป็นเพราะว่าเชือกที่อยู่ด้านล่างมันถูกเผาจนไหม้เกรียมไปแล้ว
ข้าควรจะทำยังไงดี?
ที่ด้านล่างนั้นเป็นหลุมลาวาขนาดยักษ์ซึ่งมีเพียงลาวาเหลวกำลังคุกรุ่นอยู่เท่านั้นและไม่มีไม่สิ่งใดให้เขายึดเกาะอีกต่อไป ถ้าหากเจียงอี้ตกลงไป เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะกลับขึ้นมาได้อีก
แม้ว่าจะมีเชือกอยู่ในไข่มุกวิญญาณ แต่ก็ชัดเจนว่าแตกต่างกับเชือกสีดำเหล่านี้อย่างสิ้นเชิงเพราะเชือกสีดำพวกนี้สมควรทำมาจากวัสดุที่ทนความร้อนเป็นพิเศษ หากว่านำเชือกธรรมดาออกมา มันจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
หรือจะกลับดี?
หากว่าเขาประเมินพลังของไข่มุกวิญญาณเพลิงผิดไปและกระโดดลงไปเบื้องล่าง เขาอาจจะถูกเผาไหม้จนตายในพริบตา แต่ถึงจะไม่ใช่แบบนั้นเจียงอี้ก็อาจจะถูกขังอยู่ด้านล่างตลอดกาล และมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ดาบเกล็ดทมิฬซึ่งได้รับจากจูเก๋อชิงหยุนตัดผ่านชั้นดินหรือหินเหล่านี้
แต่ถ้าหากเขาถอดใจและกลับออกไปมือเปล่า ภายในใจของเขาก็รู้สึกไม่ยินยอมอยู่ดี
เจียงอี้ไม่มีเวลาให้คร่ำครวญอีกแล้วเพราะวิหคเพลิงอมตะอาจจะกลับมาได้ทุกเมื่อ
แต่ทันใดนั้นเองเงาร่างสีดำก็ไต่ลงมาจากข้างบนด้วยความเร็วสูงแต่คำรามด้วยเสียงอันเย็นชา “เจ้าสารเลวน้อย เจ้าที่จะฉกฉวยสิ่งของของพวกเรารึ? เช่นนั้นก็ตายเสีย!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว!
เจียงอี้คร่ำครวญในความโชคร้ายของตัวเองอยู่ในใจ เขากำไข่มุกวิญญาณเพลิงไว้แน่นและเตรียมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ผู้อาวุโสหงอยู่ห่างออกไปราวๆสามร้อยเมตร เขาปลดปล่อยคลื่นกระบี่ออกมาโดยใช้แก่นแท้พลังเป็นตัวขับเคลื่อนและต้องการที่จะแยกร่างของเจียงอี้ให้เป็นสองส่วน
“หึ!”
เจียงอี้เค้นเสียงอย่างเย็นชาขณะที่โยกตัวหลบการโจมตีของผู้อาวุโสหงได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นก็เบี่ยงตัวไปทางผนังหินและกระโดดไปที่เชือกอีกเส้น
ฟับบ!
คลื่นกระบี่ที่ผ่าลงมาทำให้เชือกเส้นเดิมที่เจียงอี้ยึดจับอยู่ถูกฉีกกระชากเป็นเสี่ยงๆ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังคงตรงไปยังบ่อลาวาเบื้องล่างและทำให้ลาวาเหลวสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง
“หลบได้ดีไอ้หนู! เหอะ มาดูกันสิว่าเจ้าจะหลบการโจมตีของชายชราผู้นี้ได้อีกกี่ครั้ง?!”
หลังจากที่กล่าวจบ ผู้อาวุโสหงก็ปลดปล่อยคลื่นกระบี่ออกมาอีกหลายสาย แต่เป้าหมายของเขาหาใช่เจียงอี้ไม่ แต่เป็นเชือกสีดำที่อยู่รอบผนังหิน!
เจ้าสุนัขเฒ่าตัวนี้จะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
เจียงอี้สบถออกมาไม่หยุด ในเวลาเดียวกันเขาก็ครุ่นคิดว่าควรจะใช้วิธีใดรับมือตาเฒ่าผู้นี้ดี?
แต่น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสหงระแวดระวังมากเกินไป อีกทั้งระยะห่างระหว่างพวกเขายังไม่ใช่น้อยๆ เจียงอี้ไม่มีโอกาสได้ใช้หินวิญญาณเพลิงเพื่อโจมตีสวนกลับไป
ในเวลานี้หากว่าเขาสามารถใช้ไหมปีศาจนภาได้ มันก็คงจะช่วยได้ไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่ได้ขัดเกลามันจึงทำให้ไม่สามารถใช้มันได้ในตอนนี้
เขาทำได้แค่มองเชือกสีดำถูกตัดไปที่ละเส้นๆ
ฟับ!
เมื่อเชือกที่เจียงอี้เกาะอยู่ถูกตัดขาด เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนำดาบเกล็ดมังกรออกมาและแทงไปบนผนังหินเพื่อใช้ยึดเกาะ แต่ผลที่ได้กลับเป็นเสียงกระทบกันของโลหะ
เป็นอย่างที่คิด ผนังหินเหล่านี้ถูกหลอมโดยเพลิงโลกาเป็นเวลานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน ทำให้มันทีความทนทานไม่ต่างอะไรไปจากเหล็กกล้า!
ตุบบ!
ในเมื่อไม่มีที่ยึดเกาะ ร่างของเจียงอี้ก็ตกลงไปในบ่อลาวาราวกับก้อนหินที่ตกลงสู่แม่น้ำ ลาวาจำนวนมากสาดกระเซ็นไปทั่ว พริบตาเดียวร่างของเขาก็จมหายไปอย่างสมบูรณ์
หืม?
ดวงตาของผู้อาวุโสหงเผยให้เห็นความประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้ยังคงมีสภาพดีทั้งๆที่อยู่ใกล้กับเพลิงโลกาขนาดนี้ เขาก็สงสัยว่าเจียงอี้อาจจะครอบครองสมบัติเร้นลับบางอย่าง
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายชราไม่กล้าประมาทและลงมือโจมตีไปที่เชือกแทน
แต่ความสงสัยของผู้อาวุโสหงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อเจียงอี้ตกลงไปบนลาวา ทำไมเขาถึงไม่กลายเป็นเถ้าถ่านทันที แต่กลับค่อยๆจมลงไปแทน?
แต่จากนั้นไม่นานชายชราก็สลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปทันที แม้ว่าสมบัติของเด็กคนนั้นจะวิเศษวิโสขนาดไหน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพลิงโลกาที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็ยังหวาดกลัว ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี!
เห็นหลินจืออัคคี!
ผู้อาวุโสหงเพ่งมองไปยังลาวาที่สั่นกระเพื้อมอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าไอร้อนของมันจะอันตรายอย่างยิ่งยวด แต่สุดท้ายเขาก็ต้องกัดฟันและร่อนไปลงด้านล่าง
ในเวลานี้เขาอยู่ห่างจากพื้นผิวลาวาเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็กระแทกฝ่ามือที่แฝงไว้ด้วยแก่นแท้พลังลงไปทั่วทุกสารทิศ
เขาทำแบบนี้ก็เพื่อยืมพลังจากแรงสะท้อนของการโจมตีเพื่อช่วยพยุงให้ร่างของเขาบินข้ามผ่านไปได้
ตรงบริเวณใกล้เคียงกับหลุมลาวามีสมุนไพรวิญญาณที่ส่องประกายอยู่ต้นหนึ่ง มันเปล่งแสงสีแดงอันสุกสกาวออกมาตลอดเวลา ลำต้นของมันอยู่ติดกับผนังหินและปล่อยกลิ่นหอมอ่อนๆออกมาเล็กน้อย