ตอนที่ 138 บรรพชนฮั่วเซีย
ภูเขาเต็มไปด้วยหิมะ ราวกับฟ้าดินถูกเขมือบในแสงสีเงินสลัว
เมืองจอแจจตรงกลางมันปกคลุมด้วยชั้นหิมะสดใหม่และทุกอย่างก็ขาวสนิท
เมื่อลมหนาวพัดผ่าน หิมะก็จะลอยในอากาศ ตกลงมาบนไหล่กลุ่มคนอย่างแผ่วเบา
เฟิงหลินสะบัดเกล็ดหิมะบนตัว ฉากตรงหน้าเขายังแปลกใหม่
โดยไม่รู้ตัว เขาได้ออกจากโลกมาเดือนกว่าแล้ว ทุกอย่างรู้สึกแปลกตาไปหมด
โลกได้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว และหิมะก็กำลังตก
เฟิงหลินรู้สึกคิดถึงเล็กน้อยเพราะฉากนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้บนภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยทรายของดาวอังคาร
เฟิงหลินมาถึงโลกด้วยยานอวกาศ หลังจากนั้น เขาก็เก็บมันไป โดยไม่เสียเวลา เขาตรงไปยังตระกูลเขา
เขาเร่งความเร็วจนทำให้ร่างเขาทิ้งเป็นภาพติดตาไว้ แม้กระทั่งหิมะก็ยังไม่มีรอยเท้าเขา
ร่างเขากลายเป็นภาพลวงตา เขาก้าวไปบนหิมะอย่างไร้ร่องรอย
การบ่มเพาะของเฟิงหลินได้มาถึงจุดที่ไม่อาจจินตนาการได้สำหรับมนุษย์ธรรมดา
เขาแหงนมองท้องฟ้าและคิดสักพัก
วันนี้คือวันปีใหม่ มันควรเป็นวันที่ตระกูลจะเซ่นไหวบรรพบุรุษ
ในยุคโลกโบราณ ด้วยการระบาดของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ละอารยธรรมจึงเข้าสู่ยุคใหม่ในการแสวงหาความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน
รูปแบบโบราณของตระกูลหมดไป
ด้วยขนาดของโลกและขอบเขตการเติบโตของแต่ละประเทศ มีตระกูลใหญ่แค่ไม่กี่ตระกูลที่อนุรักษ์ไว้ได้
เมื่อมนุษย์ก้าวออกไปนอกขอบเขตระบบสุริยะ พวกเขาก็ปลุกยีนในตำนานขึ้น
มนุษย์เริ่มรู้สึกถึงสายเลือดโบราณและพบความสำคัญของบรรพบุรุษอีกครั้ง
จักรวาลใหญ่โตมาก มันยังโหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อและเต็มไปด้วยความมืด
เพื่ออนุรักษ์พวกเขา ผู้คนได้รวมตัวกัน
รูปแบบสังคมโบราณของตระกูลได้รับการฟื้นฟูและปลดปล่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะพลังของสายเลือดไม่ได้เป็นตำนานอีก ซึ่งถูกส่งต่อจากปากต่อปาก มันราวกับสายโซ่ที่มองไม่เห็นซึ่งเชื่อมโยงทั้งตระกูลเขาด้วยกันโดยไม่มีวิธีแยก
ทุกๆวันสิ้นปี คนของตระกูลเดียวกันจะจัดเตรียมเครื่องบูชาต่อบรรพบุรุษตามพิธีกรรมโบราณเพื่อเพิ่มความเป็นหนึ่งเดียวของตระกูล
เมื่อการบูชาต่อบรรพบุรุษเส็รจ การแข่งขันประจำตระกูลจะเริ่มขึ้นเพื่อพิจารณาว่าใครจะเป็นอัจฉริยะภายในตระกูล
หลังได้ผลลัพธ์ ทั้งตระกูลจะสนับสนุนอัจฉริยะคนนี้เพื่อเตรียมให้เขาหรือเธอเข้าร่วมมหาวิทยาลัยดวงดาว
ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถบ่มเพาะอัจฉริยะแท้จริงไดสั้กคนที่สามารถเดินข้ามขอบเขตระบบสุริยะ ตระกูลก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างมาก
เวลาเป็นสิ่งสำคัญ!เฟิงหลินรู้ว่าเขาต้องเร่งฝีเท้าเขา ดังนั้น ทั่วร่างเขาจึงเปลี่ยนเป็นลมขณะเร่งไปข้างหน้า
หากก่อนหน้าเป็นภาพติดตา ตอนนี้ก็ไม่มีใครเห็นตัวเขาได้เลย
...
ภายในตึกตระกูลเฟิง พิธีโบราณกำลังจัดขึ้นที่โถงหลัก
ไม่มีเทคโนโลยีรอบๆ มีแค่พิธีเรียบง่าย ดูน่าเคารพ
ปรมาจารย์ตระกูลเฟิงได้นำทุกคนที่สวมชุดโบราณคุกเข่าและทำความเคารพต่อบรรพบุรุษ ผู้นำตระกูลคุกเข่าอยู่หน้าสุด
จากด้านหน้าไปด้านหลัง มีการเรียงลำดับชนชั้นอย่างชัดเจน
ผู้อาวุโสที่เป็นประธานพิธีได้ขับขานกลอนและก็สะท้อนผ่านอากาศเป็นจังหวะ
“ภูเขายาวกว้างใหญ่และเฟื่องฟู แม่น้ำเหว่ยกำลังไหลผ่านเส้นทางของมัน”
“ไถห่าว ฟูซือสร้างยุคสมัยใหม่ขึ้น”
“วาดแปดเหลี่ยมและกลายเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์ นำยุคใหม่ของอารยธรรมมา”
“สร้างความคิด การสังเกต ความแตกต่างของหยินและหยาง”
“ประดิษฐ์อวนจับปลา สอนให้คนทำนาและเลี้ยงปศุสัตว์”
“สร้างบ้านและที่พักพิง ประดิษฐ์ตัวอักษรและการเขียน”
“สร้างพิธีแต่งงานของชายและหญิง”
“ประดิษฐ์เครื่องมือต่างๆ แต่งเพลงและนำมันเข้าสู่ชีวิตของผู้คน”
“สร้างกฏ เจ้าหน้าที่ ระเบียบสังคม”
“วางรากฐานของฮั่วเซีย เริ่มต้นความเจริญ”
“ความสำเร็จของเขานั้นเหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ความสำเร็จเขาไม่มีขอบเขต!”
“จักรพรรดิซีอานผู้ยิ่งใหญ่ได้รับการยกย่องเป็นรุ่นต่อมา”
“ปกป้องประเทศและประชาชน ทำให้สายเลือดมังกรเจริญสืบต่อกันมา”
“เพื่อนมัสการและแสดงความขอบคุณต่อเขา เรายินดีต้อนรับเขาด้วยธูปและอาหารเป็นเครื่องบูชา”
“โปรดมาเพื่อลิ้มรส!”
ชุดของพิธีกรรมรวมถึงการวางธูป ท่องบดสวด ถวายข้าว ชา ผ้าไหม ไวน์ เนื้อสัตว์แห้ง เผาของ คำนับ ทุกอย่างซับซ้อนมาก
ทุกคนแสดงความเคารพต่อแผ่นโลหะตรงหน้า คำจารึกด้วยกระดูกเขียนบนแผ่นโลหะ สี่คำที่ด้านซ้าย และสี่คำที่ด้านขวา
“บรรพบุรุษแห่งฮั่วเซียน” “ไถห่าว ฟูซือ!”
แผ่นโลหะถูกสลักด้วยสัญลักษณ์ของชายชราหางงู เขาถือปากกาบนมือหนึ่งและแหงนมองสวรรค์ สีหน้าเขาคือความว่างเปล่าราวกับเขาเห็นผ่านฟ้า ดิน เต๋าและธรรมชาติ ตรงหน้าเขามีเข็มทิศที่สลักด้วยแปดเหลี่ยม หยินและหยาง
แผ่นโลหะดูแปลกตา ไม่มีการแกะสลักตกแต่งมากมายมีกลิ่นอายความเก่าแก่ ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป
มันเรียบง่ายแต่ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นมรดกสืบทอดของตระกูล
ภายในฝูงชน พ่อแม่ของเฟิงหลินพร้อมด้วยน้องเขากำลังทำความเคารพอยู่ด้านหลังสุด สีหน้าพวกเขาเป็นกังวลมาก
เฟิงหลินกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเขาออกไปทำงานเสริม แต่เขาก็ไปนานแล้ว เขายังไม่มาร่วมพิธีของตระกูล
นี่ถือเป็นบาปใหญ่ นับเป็นการดูหมิ่นบรรพชน
พวกเขารู้สึกได้ถึงสายตาเย็นชาของหัวหน้าพ่อบ้าน
หากเฟิงหลินไม่มา ครอบครัวพวกเขาจะพบกับความโชคร้าย
ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังจากฝูงชน
เมื่อพิธีบูชาจบ สมาชิกตระกูลก็ตื่นเต้น
พวกเขารู้ว่าการแข่งขันประจำปีกำลังเริ่ม
ผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลขึ้นเวที แข่งวิชายุทธ์และระลึกถึงบรรพชนในแบบโบราณ นอกจากนี้ มันยังแสดงถึงความสามารถของคนรุ่นต่อไป
ปรมาจารย์ตระหนักถึงความคิดของสมาชิกตระกูล โดยไม่ล่าช้า เขาประกาศเริ่มการแข่ง“การแข่งขันประจำตระกูล เริ่มได้!”
“พวกที่สนใจเข้าร่วม จงมาและเขียนชื่อ!”
“ลุย!”คนของตระกูลอุทาน
พวกเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ทำให้ประมาจารย์พยักหน้าด้วยความพอใจ
เขาจะไม่พอใจได้ยังไง?ฉากการลงทะเบียนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย สิ่งนี้ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าตระกูลเจริญรุ่งเรืองงั้นหรอ?
“พวกที่ลงทะเบียน มาตรงนี้!”สิบผู้อาวุโสเดินออกมาและประกาศเสียงดัง
บูม!
“ข้า เฟิง ไห่เฉิงจะลงนาม!”
“ข้าด้วย เฟิงเช่า!”
“ข้า เฟิงหยาง จะลงนามด้วย!”
...
สมาชิกรุ่นเยาว์หลายคนของตระกูลรีบมาลงทะเบียน ไม่มีใครอยากล้าหลัง
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสทุกคนก็มีแถวตรหง้นา
ปึก ปึก!
เสียงเท้าดังขึ้น
ชายหนุ่มในชุดแนบตัวเดินมา สีหน้าเขาเย็นดุจน้ำแข็ง ทั่วร่างเขาเหมือนดาบไร้ฝัก
เมื่อเขาเดินมา คนที่อยู่ใกล้ๆก็จะถอยห่าง
ไม่ว่าชายคนนั้นจะเดินไปไหน พื้นที่ว่างจะปรากฏ
“ข้า เฟิงหลี่จะลงนาม!”เขาเดินไปตรงหน้าผู้อาวุโสและกล่าวเสียงเย็น
“ดูนั่น!มันคือเฟิงหลี่!”
“เขาคือไอดอลของฉัน!”
“ใช่แล้ว!”
“พ่อแม่ของเฟิงหลี่คือคนธรรมดา เขาใช้พลังเขาเพื่อกลายเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลให้ความสนใจ!”
“คนระดับต่ำกลับกลายเป็นอันดับหนึ่งของตระกูล!”
..
คนรอบๆอุทาน และคำพูดก็มาถึงหูของชายหน้าซีด หลังได้ยิน มันก็ทำให้หน้าเขาเย็นชายิ่งกว่าเดิม
“และข้า!”เขาตะโกนลั่นขณะเดินออกจากด้านหลังปรมจารย์ เขายืนบนเวทีสูงามสิบเมตร ก้มมองฝูงชน ทันใดนั้น เขาก็กระโดดลงมาเหมือนเหยี่ยว
“รีบหลบเร็ว!”
“มันคือเฟิง จินเผิง!”
“อัจฉริยะอีกคน เขาคือหลานชายของปรมจารย์ เป็นคนชั้นสูง!”
“ใช่แล้ว!”
เฟิงจินเผิงได้รับการสอนโดยปรมาจารย์ตั้งแต่เด็ก พลังเขาเหนือล้ำ เขาคือคนที่คาดว่าจะได้เข้าเรียน
...
ทุกครั้งที่อัจฉริยะของตระกูลเผยตัว มันจะทำให้ฝูงชนระเบิดเสียง
ยิ่งมีพรสวรรค์เท่าไร ตระกูลก็ยิ่งรุ่งเรือง
แต่ละคนภูมิใจและมีความสุข
ในฐานะคนชั้นสูง เฟิงหลางยืนอยู่ไม่ไกลจากปรมจารย์ขณะมองเฟิงจินเผิงผู้เปล่งประกาย เขาลอบกัดฟัน
ทั้งคู่ต่างเป็นหลานของปรมาจารย์ แต่ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างตำแหน่งพวกเขาในตระกูล
ในเวลาเดียวกัน เขาก็มองไปทางพ่อแม่ของเฟิงหลิน สีหน้าเขายิ่งหดหู่
ถึงตอนนี้ เด็กนั่นก็ยังไม่เผยตัว เขาไม่สนใจครอบครัวเขาเลย?เขาไม่กล้ากลับมา?
หากเขาทิ้งครอบครัวไป...
กระบวนการลงทะเบียนเกือบจบแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจ ผู้อาวุโสจึงตะโกนอีก“มีใครอีกไหม?”
“หากไม่ งั้น..”
“ข้าต้องการลงทะเบียน!”
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขัดผู้อาวุโส
ประตูโถงหลักเปิดและตูโถงหลักเปิดและลมหนาวเย็นก็ไหลเข้ามา ทำให้ผู้คนสั่นเทา
มีเงาร่างหนึ่งเดินมาอย่างสงบ เดินมาภายในโถงหลัก
เขาปกคลุมด้วยหิมะ
เฟิงหลินกลับมาแล้ว!