GE439 สังหารลู่เจี่ยเฟิน [ฟรี]
บุรุษผู้นั้นคือผู้ที่มากพรสวรรค์ของวิหารพิรุณ ราชาสุสานบุบผา!
ข่าวลือว่ามันอยู่ในขอบเขตกึ่งไร้แบ่งแยก แต่ระดับพลังที่แท้จริงของมันกลับอยู่เพียงจุดสูงสุดของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง
เมื่อหนิงฝานสังเกตุดูดีๆเขาก็รู้สาเหตุ ราชาสุสานบุบผาที่มานี้คือดวงจิตที่ 2 ของมัน ไม่ใช่ร่างจริง แต่ถึงจะเป็นเพียงดวงจิตอีกดวง มันก็ยังทรงพลังจนทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว
เมื่อเฉวียนยี่เห็นราชาสุสานบุบผาปรากฏตัว ชายชรารู้สึกหมดหวังในทันที เพราะต่อให้หนิงฝานแข็งแกร่ง ก็ไม่น่าจะปกป้องเผ่าหกปีกเอาไว้ได้... ชายชราคงเก็บอนุสรณ์ปีศาจเอาไว้ไม่ได้อีก ไม่รู้ว่าหากยอมส่งมันให้ จะทำให้เผ่าของตนปลอดภัยหรือเปล่า
เยว่หลิงคงเองก็ตระหนก นางเตรียมจะเปิดประตูจันทราตลอดเวลาเพื่อพาหนิงฝานหนี นางรู้ว่าราชาสุสานบุบผาทรงพลัง
“แตงกวาน้อย เราต้องเตรียมหนี เราสู้มันไม่ได้… นอกจากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกแล้ว ไม่มีผู้ใดในโลกพิรุณเอาชนะมันได้!”
“ไม่ต้องกังวลไป มันไม่ใช่ร่างจริง มันเป็นเพียงดวงจิตที่ 2 เท่านั้น...”
“ถึงจะเป็นดวงจิตที่ 2 ก็ยังทรงพลัง มีข่าวลือว่าดวงจิตที่ 2 ของมันสังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงได้...”
หลิงคงตื่นตระหนก นางเป็นห่วงหนิงฝาน
“วางใจเถอะ มันไม่ได้สนใจเราเท่าไหร่ มันสนใจเพียงเผ่าเนตรปีศาจ และเผ่าเขาคู่… ส่วนกับเผ่าหกปีก มันต้องการเพียงอนุสรณ์ปีศาจเท่านั้น… น่าสนใจจริงๆ ถึงแม้เบื้องหน้าพวกมันจะทำเป็นร่วมมือกัน แต่อีกไม่นานอนุสรณ์ปีศาจทั้งหมดน่าจะถูกราชาสุสานบุบผาช่วงชิง… พวกมันร่วมมือกันได้เพราะผลประโยชน์เท่านั้น หากไร้ซึ่งผลประโยชน์ พวกมันก็เป็นได้แค่ศัตรู”
หนิงฝานสัมผัสได้ว่าสัมผัสเทพของราชาสุสานบุบผาเพ่งอยู่ที่สองชายชราของเผ่าเนตรปีศาจและเผ่าเขาคู่ บางทีมันอาจจะมาชิงอนุสรณ์ปีศาจจากพวกนั้นก็ได้
แม้ว่าเยว่หลิงคงจะทรงพลัง แต่นางก็อยู่เพียงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น ไม่ได้มีขุมกำลังใหญ่หนุนหลัง ราชาสุสานบุบผาจึงไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
ดังนั้น สิ่งที่ทำให้มันเป็นกังวล คือคนของเผ่าเนตรปีศาจและเขาคู่ เพราะสองเผ่าปีศาจนั้นทรงพลัง
“เฉวียนยี่ ส่งอนุสรณ์ปีศาจของเจ้ามาซะ” ราชาสุสานบุบผากล่าวพลางแผ่แรงกดดันที่รุนแรงเข้าใส่
ชายชราที่บาดเจ็บอยู่ก่อนย่อมไม่อาจต้านทาน ชายชราหวาดกลัว หากไม่ส่งอนุสรณ์ปีศาจให้ ทั้งตนและเผ่าคงถูกทำลาย ดังนั้นชายชราจึงต้องตัดใจ
อนุสรณ์ปีศาจที่ชายชรามีนั้น อัดแน่นไปด้วยตัวอักษรโบราณที่ซับซ้อน ยากจะทำความเข้าใจ แต่ที่น่าแปลกคือ ตัวอักษรที่สลักเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
เท่าที่ชายชราได้ลองศึกษา ชายชราพอจะรู้ว่าในอนุสรณ์นี้ มีวิธีการลบล้างตราประทับทาสของโม๋หลัว และวิธีสร้างอักษรของปีศาจโบราณ
สิ่งที่ชายชราสนใจมากที่สุดคือวิธีลบล้างตราประทับปีศาจ แต่เมื่อราชาสุสานบุบผามาด้วยตัวเอง ชายชราก็ทำได้เพียงจำยอม
ชายชรานำศิลาสีดำสนิทก้อนหนึ่งออกมา บนศิลาสลักด้วยตัวอักษรที่ซับซ้อนอยู่เต็มไปหมด
ทุกสายตาจับจ้องอยู่กับสิ่งที่อยู่ในมือเฉวียนยี่ สัมผัสเทพที่ทรงพลังหลายสายแผ่เข้าหาอนุสรณ์ปีศาจ สำรวจอักษรที่อยู่บนนั้น
แต่แล้วสีหน้าของพวกมันกลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง อักษรที่อยู่บนอนุสรณ์ปีศาจซับซ้อนเกินกว่าที่พวกมันจะเข้าใจ ที่สำคัญ ตัวอักษรเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงแอยู่ตลอดเวลา
สีหน้าหนิงฝานก็แปรเปลี่ยนเช่นเดียวกัน เขาไม่เข้าใจอักษรเหล่านั้น แต่ในชัวพริบตานั้น โลหิตของโม๋หลัวและรอยสักปีศาจของเขากลับเดือดพร่าน รอยสักราวกับกำลังยกระดับ
อนุสรณ์นั้นซ่อนความลับเกี่ยวกับโลหิตของโม๋หลัวเอาไว้ ทั้งยังซ่อนพลังบางอย่างที่ทำให้รอยสักปีศาจยกระดับ
เมื่อหนิงฝานกระตุ้นเนตรของโมหลัว เขากลับต้องประหลาดใจ จากอักษรที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ กลับเข้าใจอย่างชัดเจนทุกตัวอักษร โดยที่อักษรเหล่านั้นไม่เปลี่ยนแปลง
ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด มีเพียงหนิงฝานคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ นอกจากนี้ เขายังสัมผัสได้ถึงปราณปีศาจจำนวนมหาศาลที่อัดแน่นอยู่ภายใน
หนิงฝานสัมผัสรู้ได้ว่า โลหิตโม๋หลัวที่อยู่ภายในร่างสามารถกระตุ้นเอาปราณปีศาจที่อยู่ในอนุสรณ์ออกมาได้ ซึ่งสิ่งที่ทำให้รอยสักปีศาจของเขายกระดับ คือปราณปีศาจเหล่านั้น
ในโลกพิรุณใบนี้ มีเพียงหนิงฝานคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ มีเพียงหนิงฝานเท่านั้นที่ดึงเอาปราณปีศาจเหล่านั้นออกมาได้
“ปราณปีศาจเหล่านั้นทำให้รอยสักปีศาจของข้ายกระดับได้ ซึ่งนั่นเท่ากับว่าร่างกายของข้าก็จะยกระดับได้เช่นกัน!”
“ข้าเข้าใจอักษรเหล่านั้นอย่างถ่องแท้และสลักลงในความทรงจำเรียบร้อย… หากข้าดึงเอาปราณปีศาจที่อยู่ในนั้นออกมา อนุสรณ์นั่นก็จะเป็นเพียงศิลาธรรมดาทั่วไป!”
“เรื่องนี้มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ ต่อให้เป็นราชาสุสานบุบผาหรือเผ่าปีศาจเหล่าก็ไม่มีผู้ใดรู้… แค่เอาปราณปีศาจในนั้นออกมาได้ ก็เท่ากับว่าอนุสรณ์ปีศาจกลายเป็นของข้าอย่างสมบูรณ์”
แววตาหนิงฝานเปล่งประกาย แผนการทุกอย่างถูกวางเอาไว้เรียบร้อย
ราชาสุสานบุบผาต้องการอนุสรณ์ปีศาจ เฉวียนยี่จึงต้องยอม ส่วนคนของเผ่าเนตรปีศาจและเขาคู่ทำได้เพียงขบฟันด้วยความแค้น
ราชาสุสานบุบผากล่าวว่าจะร่วมมือกับสองเผ่าปีศาจเพื่อชิงอนุสรณ์ แต่ท้ายที่สุด มันกลับกลายเป็นผู้มาชิงอนุสรณ์ไปด้วยตนเอง
ราชาสุสานบุบผาทรยศพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่กล้ากล่าว เพราะราชาสุสานบุบผาทรงพลังเกินไป ไม่ใช่ผู้ที่พวกมันจะรับมือได้ หากพวกมันรู้ว่าราชาสุสานบุบผาจะทรยศ พวกมันคงไม่ร่วมมือด้วยแต่แรก
ในขณะที่ทุกคนไม่กล้าขยับนั้น หนิงฝานกลับเป็นผู้เคลื่อนไหว ปรากฏกายเบื้องหน้าเฉวียนยี่ คว้าอนุสรณ์ปีศาจมาแล้วยิ้มพลางกล่าว
“ฮ่าฮ่า… คาดไม่ถึงว่าผู้เชี่ยวชาญมากมายจะมาช่วงชิงสิ่งนี้ ข้าสงสัยจริงๆว่าศิลาชิ้นแค่นี้สำคัญยังไง? เหตุใดถึงทำให้พวกท่านแย่งชิง? ผู้อาวุโสใหญ่เฉวียนยี่ ข้าขอดูสักเล็กน้อย”
เมื่อคว้าอนุสรณ์ปีศาจมา เขากระตุ้นโลหิตโม๋หลัว ดึงเอาปราณปีศาจเหล่านั้นออกมาทั้งหมด เก็บเข้าไปในร่างกายของตน
เมื่อปราณปีศาจผ่าเข้าไปในร่าง เขาเร่งกระตุ้นรอยสักปีศาจให้ดูดซับปราณปีศาจเหล่านั้นเข้าไป
เมื่อปราณปีศาจถูกดึงออกจากอนุสรณ์จนหมด อักษรที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาก็ค่อยๆหยุดลง
คาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะกล้าฉวยอนุสรณ์ปีศาจไปต่อหน้าราชาสุสานบุบผา นั่นเท่ากับตบหน้ามันอย่างแรง
ราชาสุสานบุบผาจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหาร
“เจ้าโง่! กล้าช่วงชิงของไปต่อหน้าราชาสุสานบุบผา หาเรื่องตายชัดๆ!” ลู่เจี่ยเฟินเย้ยหยันหนิงฝานในใจ แต่มันก็คาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะกล้าทำแบบนั้นจริงๆ
ลู่เจี่ยเฟินเองก็อยากได้อนุสรณ์ปีศาจ แต่มันก็ไม่กล้าทำเหมือนหนิงฝาน
“แตงกวาน้อย ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น! ถึงบางครั้งเขาจะบ้าบิ่นแต่ก็รู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองดี เขาย่อมรู้ว่าราชาสุสานบุบผาแข็งแกร่ง เขาทำไปทำไม… แต่ยังไงข้าก็ต้องช่วยเขา ต้องเตรียมประตูจันทราเพื่อพาเขาหนีให้ได้!” หลิงคงเตรียมพร้อมใช้วิชาประตูจันทราตลอดเวลา
ทุกคนเดาว่าหนิงฝานที่คิดหวังช่วงชิงอนุสรณ์ปีศาจ จะจบลงด้วยความตาย แต่แล้วกลับเกิดสิ่งที่พวกมันคาดไม่ถึง เพราะถึงแม้แววตาของราชาสุสานบุบผาจะปรากฏเจตนาสังหารอย่างชัดเจน แต่มันกลับยังไม่ลงมือ เพราะราชาพิรุณกล่าวกำชับว่าห้ามทำร้ายหนิงฝานเด็ดขาด
“เจ้าคือผู้อาวุโสคนใหม่ของวิหารพิรุณ ‘ซัวหมิง’ สินะ? เจ้ามีร่างต้านเพลิงที่ราชาพิรุณต้องการ แต่ต่อให้ราชาพิรุณจะกล่าวว่าห้ามทำร้ายเจ้า แต่ไม่ได้ห้ามทำร้ายสตรีของเจ้า… ถ้าเจ้ายังทำให้ข้าโกรธ สตรีของเจ้าจะถูกจัดการอย่างทารุณ… ส่งอนุสรณ์ปีศาจมาแล้วไสหัวไปซะ!”
ราชาสุสานบุบผากล่าวข่มขู่ ในสายตาของมัน หนิงฝานเป็นเพียงมดปลวก แต่เหตุที่มันสังหารไม่ได้เป็นเพราะหนิงฝานยังจำเป็นต่อกษัตริย์พิรุณ
ราชาสุสานบุบผาเป็นถึงความหวังของวิหารพิรุณ ที่จะได้มีผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกคนต่อไป ผิดกับหนิงฝานที่มีประโยชน์เพียงอย่างเดียว และยังอ่อนด้อยกว่ามันมาก
เพียงแต่คำกล่าวของมันกลับทำให้หนิงฝานไม่พอใจ เขากำหมัด แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาไม่ชอบคนที่มาข่มขู่สตรีของตน
เขาต้องทุ่มความพยายามอย่างหนักเพื่อให้วิหารพิรุณกลายเป็นที่หลบภัย ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้ตระกูลซัวเป็นที่หลบภัย ทั้งหมดนั้นก็เพื่อไม่ให้คนอื่นกล้าลงมือกับสตรีของเขา
แต่ช่างน่าเศร้าที่ชื่อเสียงวิหารพิรุณและตระกูลซัวไม่เพียงพอที่จะทำให้ราชาสุสานบุบผาหวาดกลัว
ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้แบ่งแยก ตัวเขาเป็นได้เพียงแค่มดตัวหนึ่ง หากจะทำให้พวกมันหวาดกลัว เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น
เจตนาสังหารปรากฏในใจหนิงฝาน แต่เขาก็ต้องสยบมันเอาไว้ เพราะเขารู้ดีว่าตนเองยังไม่อาจสู้มันได้ แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องอนุสรณ์ปีศาจก็ยังตกเป็นของเขา แค่ไม่ทำให้ราชาสุสานบุบผาคิดแย่งชิงอนุสรณ์ปีศาจจากเผ่าเขาคู่และเนตรปีศาจยามนี้ ก็เพียงพอแล้ว
หนิงฝานหันมองไปยังทิศทางหนึ่ง เขาสัมผัสได้ถึง 2 กลิ่นอายที่ทรงพลัง กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นกลางของเผ่าเนตรปีศาจและเผ่าเขาคู่! ดูเหมือนพวกมันจะมาเพื่ออนุสรณ์ปีศาจเช่นเดียวกัน
การที่ราชาสุสานบุบผาหักหลัง พวกมันย่อมรู้ พวกมันไม่โง่พอที่จะเชื่อใจนิกายฝ่านธรรมะ
แต่การปรากฏตัวของพวกมันก็นับเป็นเรื่องดี เพราะหนิงฝานสามารถใช้อนุสรณ์ปีศาจที่ไร้ประโยชน์แล้ว ทำให้พวกมันต่อสู้กันเองได้
หากทำให้พวกมันต่อสู้กันสำเร็จ หนิงฝานสามารถลอบจู่โจมผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงของทั้งสองเผ่า เพื่อชิงอนุสรณ์ปีศาจมาจากพวกมันได้
“ราชาสุสานบุบผา ข้าซัวหมิงจะจดจำสิ่งที่เจ้ากล่าวเอาไว้!” หนิงฝานกล่าวพลางโยนอนุสรณ์ปีศาจให้ราชาสุสานบุบผา จากนั้นคว้าตัวเยว่หลิงคงและศพนางสวรรค์ พาพวกนางจากไปพลางกล่าวกับพวกนางด้วยสัมผัสเทพ
“หมดเรื่องของเราแล้ว… มารอดูอะไรสนุกๆดีกว่า!”
แววตาของราชาสุสานบุบผาที่เรียบเฉยมาโดยตลอด กลับแปรเปลี่ยนเมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของหนิงฝาน มันรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
เป็นความกลัวที่มาจากความรู้สึกอันตราย มันคาดไม่ถึงว่ามันจะสัมผัสได้ถึงอันตรายจากผู้ที่มันเห็นเป็นเพียงมดปลวก
“บางทีข้าอาจเข้าใจผิดไป เด็กนั่นอยู่แค่ขอบเขตตัดวิญญาณ ไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสได้บรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงหรือเปล่า หากให้เวลามันอีก 1000 ปี หรือ 10,000 ปี บางทีมันอาจจะโชคดีบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง คนอย่างมันไม่ใช่ศัตรูของข้า เป็นเพียงมดปลวก… แต่ทำไมมดอย่างมันถึงให้ความรู้สึกอันตราย?”
ราชาสุสานบุบผาดูแคลนหนิงฝาน เมื่อครู่แม้มันจะแค่ขู่แต่ก็คาดไม่ถึงว่าคำขู่ของมันจะไปกระตุ้นหนิงฝานเข้า
ราชาสุสานบุบผาเก็บอนุสรณ์ปีศาจ ส่วนสองผู้เชี่ยวชาญที่มา ก็ใกล้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“ราชาสุสานบุบผา! เจ้ากล้าช่วงชิงอนุสรณ์ปีศาจของพวกข้า! รนหาที่ตาย!” สองผู้เชี่ยวชาญที่มาแผดเสียงคำรามด้วยโทสะ
“เผ่าปีศาจของพวกเจ้าเป็นได้แค่ข้าทาสของกษัตริย์อัสนี แต่กลับคิดว่าจะชิงอนุสรณ์ปีศาจไปจากข้าได้… พวกเจ้ากล่าวว่าข้ารนหาที่ตาย? มาดูกันว่าใครจะตาย!”
ราชาสุสานบุบผาก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ยกมือซ้ายส่งพลังจู่โจมสองผู้เชี่ยวชาญที่มา
สีหน้าพวกมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง พวกมันไม่กล้าประมาท โคจรวิชาที่ทรงพลังที่สุด ร่วมมือจู่โจมราชาสุสานบุบผา
พวกมันทั้งสามต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ในระหว่างต่อสู้ พวกมันก็ยิ่งออกห่างจากเผ่าหกปีกไปเรื่อยๆ
ผู้ที่รุกรานเผ่าหกปีกในยามนี้ ไม่สนใจเผ่าหกปีกอีกต่อไป พวกมันสนใจเพียงการต่อสู้ เพื่อดูว่าใครจะเป็นผู้ที่ได้อนุสรณ์ปีศาจ
เผ่าเนตรปีศาจ เผ่าเขาคู่ และนิกายสุสานบุบผาล้วนเป็นขุมกำลังใหญ่ เคยเข่นฆ่าสังหารกันมาเนิ่มนาน ในหมู่พวกมันจึงไม่มีมิตรแท้ มีเพียงอนุสรณ์ปีศาจที่เป็นผลประโยชน์เท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญของเผ่าเนตรปีศาจ เผ่าเขาคู่ และนิกายสุสานบุบผาเร่งทะยานติดตามผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นกลางของตนไป เหลือไว้เพียงคนของวังผนึกอสูรที่ยังรั้งอยู่ในเผ่าหกปีก
วังผนึกอสูรสังหารคนของเผ่าหกปีกไปมากมายย หากไม่เพราะเผ่าปีศาจทั้งสองและนิกายสุสานบุบผาร่วมด้วย เฉวียนยี่ย่อมไม่เห็นวังผนึกอสูรอยู่ในสายตา
เมื่อไร้ซึ่งขุมกำลังที่ทรงพลัง ก็ถึงคราวที่วังผนึกอสูรจะเอาคืน
“ฆ่ามัน!”
เฉวียนยี่สังให้ผู้เชี่ยวชาญของเผ่าหกจู่โจมคนของวังผนึกอสูร
ไม่นาน คนของวังผนึกอสูรก็ถูกสังหารจนหมด เหลือเพียงลู่เจี่ยเฟินนำแผ่นข่ายอาคมเคลื่อนย้ายออกมาเพื่อเตรียมหนี
แต่ก่อนที่มันจะหนี เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นทางด้านหลังของมัน
“ช้าไป!”
*ตูม*
หนิงฝานชกใส่แผ่นหลังของลู่เจี่ยเฟินอย่างแรง มันเร่งกระตุ้นยันต์ป้องกันหลายแผ่นที่ติดตัว ยันต์เหล่านั้นเปล่งแสงราวกับม่านพลังคุ้มกาย แสงแต่ละชั้นทรงพลังมากพอที่จะป้องกันการจู่โจมเต็มกำลังขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง แต่สุดท้ายแสงเหล่านั้นก็ไม่อาจทานการจู่โจมของหนิงฝานได้
สีหน้าลู่เจี่ยเฟินแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันมั่นใจว่าหนิงฝานยังไม่บรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง และยังไม่บรรลุขอบเขตกายทองคำ แต่หมัดของหนิงฝานที่กระทบร่างของมันนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าหมัดในขอบเขตกายทองคำเลย
หมัดที่ทรงพลังของหนิงฝานทำให้ร่างของลู่เจี่ยเฟินระเบิดเป็นหมอกโลหิต เหลือเพียงดวงจิตที่เท่านั้น
แผ่นข่ายอาคมเคลื่อนย้ายของมันก็ถูกหนิงฝานทำลาย ยามนี้ มันจึงไม่มีโอกาสหนีอีกแล้ว
“ซัวหมิง!”
มันขบฟันพลางจ้องมองหนิงฝาน หนิงฝานขัดขวางมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันวางแผนที่จะได้อนุสรณ์ปีศาจมาครอบครอง แต่สุดท้ายก็ต้องพลาดโอกาสไป
มันเฝ้ารอมาอย่างยาวนานว่าจะได้ครอบครองอนุสรณ์ปีศาจ และขึ้นเป็นใหญ่ในโลกพิรุณ
“ซัวหมิง ครั้งนี้ข้าจะไม่ทนอีกแล้ว วันนี้เจ้าจะต้องตาย!” มันแผดเสียงคำรามด้วยความเกลียดชัง มันจะใช่ไพ่ตายที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เพราะหากไม่ใช้สิ่งนั้น มันคงเอาชีวิตรอดไปจากหนิงฝานไม่ได้
“วิชาผสานทาส!”
มันนำทาสตนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า จากนั้นขยับมือเป็นท่าทาง ก่อนที่ดวงจิตของมันจะผสานเข้าไปในร่างของทาส
ร่างของทาสมีพลังอยู่ในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง แต่เมื่อดวงจิตของมันผสานเข้า ระดับพลังของทาสก็ทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นทันที!
นับจากวันนี้ไป ลู่เจี่ยเฟินจะไร้ตัวตน แม้มันจะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงในร่างทาส แต่ก็แลกกับอายุขัยที่ลดลงเหลือเพียง 100 ปี
“ซัวหมิง เจ้าบังคับให้ข้าต้องผสานกับทาส… ข้าจะให้เจ้าชดใช้อย่างสาสม!”
ลู่เจี่ยเฟินเหวี่ยงหมัดเข้าสังหารผู้เชี่ยวชาญของเผ่าหกปีกที่ตรงเข้ามาราวกับมดปลวก
เฉวียนยี่ตกตะลึง ลู่เจี่ยเฟินที่ผสานร่างกับทาส แทบจะไม่ได้ด้อยไปกว่าตน
เยว่หลิงคงขมวดคิ้ว นางตำหนิตนที่ไม่ได้สังหารมันก่อน ตำหนิที่ตนเองอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถช่วยหนิงฝานจัดการราชาสุสานบุบผาได้
แต่ถึงนางจะอ่อนแอ นางก็ทรงพลังมากพอที่จะเอาชนะลู่เจี่ยเฟิน
นางก้าวเท้าไปเบื้องหน้า หวังทะยานเข้าปลิดชีพลู่เจี่ยเฟินด้วยวิชาจันทรา แต่หนิงฝานกลับรั้งนางไว้
“ข้าเอง… ทาสตนนั้นอยู่ในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น ข้าไม่อยากให้มันถูกทำลาย… วิชามิติ หมัดมังกรคู่!”
หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้า หมัดทั้งสองข้างชกไป มังกระทมิฬสองตนขดพันรอบแขนทั้งสองข้าง พุ่งทะยานพร้อมเปล่งกับคำรามเสียงดังสนั่นราวกับอัสนีฟาดผ่า
ระดับร่างกายหนิงฝานทรงพลังเทียบขอบเขตกายทองคำที่ 1 แม้หมัดมังกรคู่ยามนี้จะเปล่งอานุภาพได้ด้อยกว่าราชามังกรอยู่บ้าง แต่หากเทียบกับขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นแล้ว ยากที่ผู้ใดจะต้านรับได้
ต่อให้ลู่เจี่ยเฟินผสานร่างกับทาสจนทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง แต่ความแข็งแกร่งของมันยังต่างจากหนิงฝานราวพิภพกับสวรรค์
*ตูม*
มังกรคู่กระแทกร่างของลู่เจี่ยเฟินอย่างรุนแรง... มันตกตะลึง แม้มันจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงแล้ว แต่มันยังเทียบหนิงฝานไม่ติด กระทั่งจะหยั่งความแข็งแกร่งของหนิงฝานยังทำไม่ได้
ไม่ยอม…
ไม่ยอม...
แต่สุดท้ายมันก็ไม่อาจต้านพลังหมัดของหนิงฝาน ดวงจิตถูกทำลายสิ่ง ร่างของทาสเสียหายอย่างรุนแรง ร่วงหล่นจากท้องนภา ไม่อาจขยับเคลื่อนไหว
การที่ดวงจิตลู่เจี่ยเฟินผสานเข้ากับทาส ทำให้ทาสยกระดับจากกึ่งไร้ดัดแปลงไปยังขอบเขตไร้ดัดแปลง
แม้ยามนี้ทาสจะเสียหายร้ายแรง แต่ก็สามารถซ่อมแซมมันกลับมาใหม่ได้
“ลู่เจี่ยเฟิน...ข้ายอมรับในความทะเยอทะยานของเจ้า” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย แม้สังหารลู่เจี่ยเฟินเพื่อเลี่ยงภัยคุกคามในอนาคต แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีนัก เพราะยังเหลือราชาสุสานบุบผาที่เป็นภัยคุกคามอีกคน
คนอย่างลู่เจี่ยเฟิน หากไม่สังหารทิ้ง วันหนึ่งมันกลายเป็นเสี้ยนหนาม เพราะคนอย่างมันไม่ยอมปล่อยวางความแค้น ดังนั้นการสังหารมันย่อมทำให้คนของเขาปลอดภัยมากกว่า...