บทที่ 80 ครั้งแรกกับการทำงานในฐานะหัวหน้าอย่างเต็มตัว!
บทที่ 80 ครั้งแรกกับการทำงานในฐานะหัวหน้าอย่างเต็มตัว!
ผู้แปล loop
ในเวลา 10.00 น.
ดงซูบินกำลังจะเรียกฉางจี้ เข้ามาในห้องทำงานของเขา แต่เมื่อ กาแพนเหว่ยชนประตูห้องทำงานเข้ามาในตอนนั้นพอดี มันทำให้ดงซูบินคิดอะไรบางอย่างได้ เขาจำได้ว่าเกาแพนเหว่ยเคยสั่งให้ดงซูบินทำนู้นนี้นั้นในอดีตและดงซูบินก็ไม่ชอบเขา นอกจากนี้เกาแพนเหว่ยไม่มีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งอีกต่อไป นอกจากมีความสนิทสนมกับหัวหน้าปางปินแล้วแต่ก็มีข่าวลือว่าลุงของเขาเป็นหัวหน้าในด้านศุลกากร นี่คือเหตุผลที่เกาแพนเหว่ยเป็นบุคคลที่สองที่จะได้รับการจัดการ
“หัวหน้าซูบิน! ผมทำงานให้เสร็จแล้วครับ ต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ?”
“จัดห้องประชุมเสร็จแล้วยังงันหรอ?” ดงซูบินถามกลับไป
เกาแพนเหว่ยยิ้ม “ผมได้จัดเรียงมันตามคำสั่งของหัวหน้าแล้วครับ ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดีครับ”
ดงซูบินพยักหน้า เขาหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาและรู้ว่าชาของเขานั้นเย็นแล้ว เขาวางถ้วยน้ำชากลับไปที่โต๊ะ
ในตอนนั้นเกาแพนเหว่ยเห็นว่าน้ำชาในถ้วยของดงซูบินนั้นเย็นแล้ว เขาจึงเทน้ำร้อนลงในถ้วยของดงซูบิน “ดื่มชาหน่อยก่อนนะครับหัวหน้า”
“อืม.” ดงซูบินรู้สึกประหลาดใจเก่าแพนเหว่ยคนนี้รู้วิธีการประจบประแจงอย่างแท้จริง เขาเป็นพวกไร้ยางอายมาก เพราะขนาดดงซูบินอายุน้อยกว่าเขามาก แต่เขายังสามารถคำนับดงซูบินได้ อีกทั้งดงซูบินรู้ว่าเขาไม่สามารถทำตัวเหมือนเกาแพนเหว่ยได้ แต่เขาประทับใจมากกับการปฏิบัติตัวของเกาแพนเหว่ย และเขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ตั้งแต่เกาแพนเหว่ยรู้ว่าเขาอยู่ในสถานะไหน ‘ฉันจะจัดการกับเขาที่หลังล่ะกัน ฉันขอสังเกตพฤติกรรมของเขาไปก่อนล่ะกัน’ “เรียกฉางจี้เข้ามาหน่อย”
เกาแพนเหว่ยพยักหน้าและออกจากห้องทำงานของดงซูบินไป
และอีกประมาณ 10 วินาทีต่อมาก็มีคนมาเคาะประตูเบา ๆ
ดงซูบินพูดตอบรับด้วยความเคร่งขรึมอีกครั้ง “เข้ามา!” ใบหน้าที่บูดบึ้งของฉางจี้ปรากฏขึ้นมันหน้าของเขานั้นดูเหมือนว่าพ่อของเขาเพิ่งจะเสียชีวิต ดงซูบินไม่อยากจะพูดกับเขามาก เขาเพิ่งขว้างเอกสารวางไว้บนโต๊ะ “ป้อนข้อมูลเหล่านี้ลงในระบบและทำการสำรองข้อมูลในเอกสารเหล่านี้ ทำได้ทันที ฉันต้องการมันก่อนหมดวัน!” หากต้าหลินเหม่ยต้องป้อนข้อมูลเหล่านี้เธอจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ถึง 4 ชั่วโมง แต่สำหรับฉางจี้เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7 ถึง 8 ชั่วโมง
ฉางจี้กัดฟันของเขาก่อนที่จะพูดว่า “นี้เป็นงานของผมคนเดียวอย่างงั้นหรอ?”
ดงซูบินมองเขา "คุณคิดว่าอย่างไงล่ะ?"
ฉางจี้ได้แต่สบถอยู่ในใจ เขาเก็บความโกรธไว้และนำเอกสารเดินออกมา
หลังจากฉางจี้เดินออกไปแล้วดงซูบินก็กดเข้าใช้อินเตอร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อติดต่อกับต้าหลินเหม่ยเขาบอกว่า:“หลินเหม่ย, ฉันให้ฉางจี้จัดการเอกสารเหล่านั้น โปรดช่วยฉันตรวจสอบด้วยและอย่าให้คนอื่นช่วยเขา เขาต้องทำมันด้วยตัวของเขาเอง”
ต้าหลินเหม่ยหัวเราะเมื่อเธอได้อ่านข้อความนั้น "ตกลง. ฉันรู้ว่าว่าฉันจะทำอย่างไรดี."
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาฉางจี้ได้มอบงานให้กับดงซูบิน,จ้วงจื่อ และ ต้าหลินเหม่ยตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะถูกเอาคืนแล้ว
ตลอดทั้งบ่ายคนในสำนักงานทุกคนแทบจะไม่มีอะไรยกเว้นฉางจี้เขาพิมพ์งานอย่างดุเดือดตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็ผ่านมา7 ชั่วโมงได้แล้วและฉางจี้เริ่มจะหมดแรง หลังของเขาเป็นตะคริวและนิ้วมือของเขาชา ฉางจี้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆของเขานั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีซึ่งกันและกัน ตัวอย่าง ต้าหลินเหม่ย, ฉางจ้วง, พี่หยางและคนอื่นๆ พวกเขาดูสนุกเมื่อเห็นฉางจี้ทำงานอยู่คนเดียว
เมื่อเกือบจะถึงเวลาที่จะต้องเลิกงาน ฉางจี้ก็สามารถพิมพ์เอกสารจนเสร็จและนำเอกสารส่งคืนไปที่ดงซูบิน
ดงซูบินบันทึกสำเนาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขา แต่ไม่ได้บอกให้ฉางจี้นั่งลง เขาเปิดไฟล์และเริ่มอ่านเอกสาร 10 นาที 20 นาที…… และเมื่อเขาอ่านไปมันทำให้ดงซูบินโมหามาก เขาจ้องไปที่ฉางจี้และเลียนแบบหยางจินหงษ์และหัวหน้าคนอื่น ๆ "นายกำลังทำอะไรของนายกันเนี่ย? อา? นายไม่สามารถทำภารกิจง่ายๆให้สำเร็จได้ใช่ไหม? นายรู้หรือไม่ว่านายกำลังพิมพ์อะไรอยู่? นายกลับไปเรียนเรื่องการพิมพ์เอกสารใหม่ไม่ดีกว่าหรอ เอกสารทั้งหมดเต็มไปด้วยคำที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด ฉันควรทำอย่างไรกับมันดี? ฉันจะให้โอกาสนาย ฉันต้องการให้นายส่งรายงานนี้ที่ดีกว่านี้ในวันนี้ อีกครั้ง?”
ฉางจี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นหน้าซีด “ผมมีเวลาไม่พอ!”
“หยุดหาข้อแก้ตัวได้แล้ว!” ดงซูบินกระแทกโต๊ะ “ต้าหลินยังใช้เวลาเท่ากันในการพิมพ์รายงานได้ ทำไมเธอถึงทำได้และนายกับทำไม่ได้กัน? นายมีสมองที่เล็กกว่าต้าหลินหรือนายใช้แค่สมองข้างเดียวทำงานกันแน่”ดงซูบินหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง “ฉันกำลังบอกนายว่าฉันต้องการเอกสารนี้ในวันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากนายทำไม่สำเร็จนายก็จะต้องอยู่ทำงานต่อไปและทำมันให้สำเร็จ นายไม่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านจนกว่านายจะทำงานนี้เสร็จ!”
ตอนนั้นฉางจี้ได้แต่โกรธและสาปแช่งดงซูบินอยู่ในใจของเขา ‘เวรเอ้ย! ฉันจะฆ่าแก’……เขาเดินออกจากห้องทำงานของดงซูบินเพื่อไปทำรายงานต่อ
ก่อนที่ประตูสำนักงานจะปิดต้าหลินเหม่ยกนิ้วให้ดงซูบินจากใต้โต๊ะ
ดงซูบินก็เห็นมันและยิ้มกลับมาหาเธอ
ฉางจ้วงเห็น ฉางจี้ได้รับการคำสั่งจากรองหัวหน้าที่พึงเลื่อนตำแหน่งใหม่และเธอก็ดูเป็นห่วง เมื่อสองวันก่อนฉางจี้ยังคงหยิ่งพยองและมั่นใจว่าเขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ตอนนี้เขาเป็นคนแรกที่เดือดร้อน ฉางจ้วงจำวันนั้นได้ที่การประชุมคณะกรรมการพรรคยังคงดำเนินต่อไปเธอแนะนำให้ดงซูบินให้คำนับฉางจี้และเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอเป็นห่วงว่าดงซูบินอาจไม่พอใจเธอเป็นรายต่อไปก็เป็นได้
ยิ่งเธอคิดมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเป็นห่วง เกือบจะถึงเวลาที่เลิกงานแล้วฉางจ้วงแตะเครื่องสำอางค์ของเธอก่อนที่จะเคาะประตูสำนักงานของดงซูบิน
"เข้ามา."
หลังจากเข้ามาในห้องทำงานของดงซูบิน ฉางจ้วงปิดประตูที่อยู่ด้านหลังของเธอและเผชิญหน้ากับดงซูบิน ด้วยรอยยิ้มเย้ายวน “หัวหน้าซูบิน”
ดงซูบิน รู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ "นั่งก่อนสิ. เกิดอะไรขึ้น”
ฉางจ้วงนั่งลงโดยใช้ก้นเพียงครึ่งเดียวบนเก้าอี้ “หัวหน้าซูบิน! ดิฉันอยากจะขอโทษหัวหน้า หัวหน้าก็รู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดออกไปอย่างงั้น บ่ายวันนั้นในวันประชุมคณะกรรมการดิฉัน……โปรดยกโทษให้ดิฉันด้วยเถอะนะคะ……”
ดงซูบินตกตะลึงเป็นครั้งที่สองและจดจำสิ่งที่เธอพูดถึง เขาหัวเราะ. “พี่จ้วงใจเย็นก่อน พี่กำลังพยายามจะช่วยผมและผมก็เข้าใจเช่นนั้น พี่จ้วงไม่จำเป็นต้องขอโทษผมเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เลย ผมยังคิดว่าพี่จ้วงไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
ฉางจ้วงเมื่อได้ยินดงซูบินเรียกเขาว่าพี่จ้วงเธอรู้สึกดีขึ้น “ฮิฮิ! ดิฉันรู้ว่าหัวหน้าซูบินจะไม่โทษฉัน อ่า……ถ้าไม่มีใครอยู่แถวนี้ ดิฉันจะขอเรียกหัวหน้าว่าน้องซูบินจะได้ไหม หัวหน้าจะโกรธดิฉันหรือเปล่า?” คำพูดเหล่านี้ฟังดูสมเหตุสมผล แต่น้ำเสียงของ ฉางจ้วงมีเสน่ห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอพูดว่า“ถ้าไม่มีใครอยู่แถวนี้” ดูเหมือนจะอึดอัด
ดงซูบิน ไอ “พี่จ้วงเชิญตามสบาย ผมไม่รังเกียจหรอก”
"อา!"
“ถึงเวลาจะเลิกงานแล้ว พี่ควรกลับไปก่อน พี่จ้วงต้องไปรับลูกไม่ใช่หรือยังไง?”
“สามีของพี่ไปรับลูกมาแล้วล่ะ” ฉางจ้วงหัวเราะ “หัวหน้าซูบิน! ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ หากหัวหน้าต้องการให้ฉันช่วยอะไรสามารถแจ้งให้ดิฉันทราบเลยได้นะคะ” เธอขยับขาขวาของเธอออกไปและกระโปรงของเธอถูกยืดออกดงซูบินเกือบจะเห็นทุกสิ่งภายใต้กระโปรงของเธอ
‘เวรเอ้ย! เธอกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้’
ดงซูบินจะรู้สึกว่าอุณหภูมิของเขาเริ่มสูงขึ้น หลังจากฉางจ้วงออกจากห้องทำงานของเขา ดงซูบินก็เช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขา
‘ว้าว……วันนี้เป็นวันพิเศษ ขนาดนี้เป็นวันแรกนะเนี่ย’
มันเป็นครั้งแรกที่ดงซูบินได้กลายเป็นหัวหน้า และเป็นครั้งแรกที่เขาสั่งลูกน้องของเขา อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่เขาดุใครบางคน รวมไปถึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เป็นผู้ประเมินความพึงพอใจหลังจากเขาเป็นถูกประเมินมาเนินนาน และสุดท้ายนี้เป็นครั้งแรกของเขาที่ถูกล่อลวง……
‘ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนต้องการจะเป็นหัวหน้า นี่คือสิทธิพิเศษของการมีอำนาจนั้นเอง!’