บทที่ 79 วันแรกในการทำงานในฐานะรองหัวหน้า!
บทที่ 79 วันแรกในการทำงานในฐานะรองหัวหน้า!
ผู้แปล loop
วันนี้เป็นวันแรกหลังจากคำสั่งอย่างเป็นทางการออกมา
ในตอนเช้าดงซูบินมองดูตัวเองในกระจกแล้วจัดชุดที่เขากำลังใส่อยู่ เขาจงใจออกจากบ้านช้ากว่าเดิมเล็กน้อยและตั้งใจจะไปทำงานสายด้วย เหตุที่เขาตั้งใจไปทำงานสายเพราะว่า ดงซูบินเข้าใจว่าทำไมหัวหน้าทุกคนในหน่วยงานราชการจึงไปทำงานสายไม่กี่นาที นั่นคือเพื่อแสดงสถานะของพวกเขา หากหัวหน้าไปทำงานเร็วกว่าลูกน้องแล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างการเป็นหัวหน้ากับลูกน้องล่ะ? เขาต้องแสดงความเป็นหัวหน้าของเขา ว่าเขามีสิทธิ์ที่จะมาสายได้
ณ หน้าสำนักงานสาขา
“อรุณสวัสดิ์ท่านหัวหน้า”
“หัวหน้าซูบิน”
พนักงานสองสามคนจากแผนกอื่นๆทักทายดงซูบินอย่างสุภาพ
มันเป็นที่พอใจเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ดงซูฐินยิ้มและพยักหน้า “อรุณสวัสดิ์……”
ในอดีตดงซูบินต้องเดินไปรอบๆที่ทำงานของเขาอย่างรวดเร็ว เพราะนั้นคือการสร้างความประทับใจให้กับหัวหน้าว่าเขาขยันและกระตือรือร้น แต่ตอนนี้ดงซูบินเพียงเดินช้าๆ เขาต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดูมั่นคงเนื่องจากตำแหน่งของเขาในตอนนี้มันทำให้เขาไม่สามารถปฏิบัติตัวแบบเดิมได้อีกต่อไปแล้ว ดงซูบินค่อยๆได้รู้ว่าการเป็นหัวควรทำตัวอย่างไร
เขาเดินไปตามทางเดินและเข้าไปในสำนักงานกิจการทั่วไป
ขณะที่เขาก้าวเข้ามามีเสียงลากเก้าอี้ของต้าหลินเหม่ย, จ้วงจื่อ, ฉางจ้วง, เกาแพนเหว่ย และคนอื่น ๆ ยืนขึ้น
ฉางจ้วงตอนนี้ใบหน้าของเธอลงเมคอัพหนามาก เธอยิ้ม:“หัวหน้าซูบินมาแล้ว”
ต้าหลินเหม่ยทักทายอย่างเชื่องช้า:“สวัสดีเช้าที่สดใสหัวหน้าซูบิน”
พี่หยางและจ้วงจื่อ ก็ทักทายเขาในฐานะหัวหน้าซูบิน
สองวันที่ผ่านไปฉางจี้ และ เกาแพนวเหว่ยก็ยอมรับความจริงที่ว่าดงซูบินกลายเป็นหัวหน้าของพวกเขา แต่ท่าทางของพวกเขาต่างกัน ฉางจี้เป็นคนสุดท้ายที่ยืนขึ้น เขาทักทายดงซูบินอย่างไม่เต็มใจ:“หัวหน้าซูบิน” จากนั้นเขาก็ดึงหน้าแล้วกลับไปนั่งเพื่อพิมพ์อะไรบางอย่าง เกาแพนเหว่ยดูเหมือนว่าจะได้รับความจริงที่ว่าเขาไม่ได้เป็นรองหัวหน้า เขายิ้มไปที่ดงซูบินและพูดอย่างสุภาพ:“หัวหน้าซูบิน! ผมทำความสะอาดสำนักงานให้หัวหน้าแล้วนะครับ หากหัวหน้ารู้สึกว่ามันยังไม่สะอาดแจ้งให้ผมทราบได้เลยนะครับ”
‘อิอิ,เกาแพนเหว่ย หมอนี้รู้ดีว่าเขาอยู่ในสถานะไหน’
ดงซูบินเองก็คาดไว้แล้วว่าเกาแพนเหว่ยจะตอบโต้เขาด้วยวิธีนี้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าเกาแพนเหว่ยจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้ แต่ดงซูบินยังคงพอใจกับการแสดงของเขา ดงซูบินจึงเลียนแบบโจวฉางจูและพยักหน้าเล็กน้อย “มีการประชุมเวลา 10.00 น. ในห้องประชุม 3. เกาแพนเหว่ย, ฉางจี้คุณทั้งคู่ไปและจัดสถานที่ประชุม ต้าหลิน(ต้าหลินเหม่ย)ไปจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการประชุม เตรียม 12 ชุด ฉางจ้วง ซุนจ้วง(จวงจื่อ)คุณทั้งคู่ไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าเสี่ยว หลังจากมีเอกสารบางอย่างส่งมาที่นี้”ตำแหน่งของดงซูบินตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนและเขาต้องเปลี่ยนวิธีที่เขาพูดกับเพื่อนร่วมงานของเขา เรื่องนี้มันไม่สำคัญตอนหลังจากเลิกงาน แต่ที่ทำงานเขาไม่สามารถใช้ชื่อเล่นว่า“หลินเหม่ย, จ้วงจื่อ” อีกต่อไป
เกาแพนเหว่ยตอบทันที "รับทราบครับ. ผมขอตัวไปจัดห้องก่อนนะครับ”
ฉางจี้ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เขาก็ยืนขึ้นแล้วเดินขึ้นไปข้างบนพร้อมกับหน้าที่บูดบึ้ง
หลังจากมอบหมายงาน ดงซูบินก็เข้าไปในห้องทำงานเล็กๆของเขา ห้องพักจัดระเบียบและมันก็สะอาดสะอ้าน ชื้อทิ้งไว้ข้างหลังโดยโจวฉางจูก็ถูกลบทิ้ง ดงซูบินนั่งลงบนเก้าอี้สำนักงานที่สะดวกสบายและเปิดคอมพิวเตอร์ เขาหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาคิดถึงความรู้สึกในการมอบหมายงานก่อนหน้านี้ เขายังไม่คุ้นเคยกับมันแต่โชคดีที่เขาฝึกมาหลายครั้งเมื่อคืนนี้ ถ้าไม่ได้ฝึกมาก่อนเขาอาจพูดติดอ่างในตอนนี้ก็ได้
ดงซูบินฟังเพลงแล้วชงชาด้วยตัวเอง จากนั้นเขาก็เล่นเกมเรือกวาดทุ่นระเบิดบนคอมพิวเตอร์ นี่คือข้อดีของการเป็นหัวหน้า ทุกอย่างสามารถมอบหมายให้ส่วนที่เหลือและหัวหน้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร
หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็มีคนมาเคาะประตู เสียงเคาะนุ่มดังขึ้นมา
ดงซูบินบอกได้เลยว่าคนที่เคาะประตูไม่น่าจะเป็นหัวหน้าของเขา เขาปิดเกมเรือกวาดทุ่นระเบิดและพูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึม:“เข้ามา”
ประตูเปิดออกและต้าหลินเหม่ยและจ้วงจื่อ เข้ามา
หลังจากปิดประตูจ้วงจื่อ เกาหัวของเขาและยิ้มไปที่ดงซูบิน “จ้วงจื่อนั่น……”
ต้าหลินเหม่ยกระโดดขึ้นมาแล้วจ้องมองไปที่เอวจ้วงจื่ออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่า:“หัวหน้าซูบิน! มีเอกสารที่ต้องเซ็นต์ค่ะ” เธอโมโหที่จ้วงจื่อทำ เธอเตือนเขาหลายครั้งเมื่อวานนี้ว่าให้เคารพดงซูบิน พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติต่อดงซูบิน ในฐานะเพื่อนได้อีกต่อไป ดงซูบินนั้นเป็นหัวหน้าโดยตรงของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถเรียกเขาว่าซูบินได้อีกต่อไปแล้ว!
จ้วงจื่อหน้าแดงและมองไปที่ดงซูบิน “หัวหน้าซูบิน! นี่คือเอกสารจากหัวหน้าเสี่ยวครับ”
ดงซูบินก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี “หลินเหม่ย จ้วงจือ พวกเธอไม่ต้องมีมารยาทขนาดนั้นก็ได้ ตอนไม่มีใครอยู่แถวนี้ พวกเธอสองคนก็เรียกซูบินตามเดิมนั้นแหละ”
ต้าเหลินเหม่ย มองไปที่ดงซูบินอย่างกังวลใจ:“เอ่อ…นี่มันไม่ถูกต้อง”
“เอาเถอะ” ดงซูบินหัวเราะ “เมื่อฉันได้ยินเธอเรียกฉันว่าหัวหน้า เธอทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ค่อยคุ้นเคยเลย”
ต้าหลินเหม่ยจ้องที่เขา:“ใครจะทำอย่างงั้นได้ล่ะ? ฮึ่ม! แต่นายคือคนที่พูดแบบนี้เอง งั้นฉันจะเรียกนายว่าซูบิน ซูบินลงชื่อตรงนี่สิ!”
จ้วงจื่อหัวเราะและยื่นเอกสารไปให้ดงซูบิน
"ตกลง. ให้ฉันดูก่อนนะ "ดงซูบินอ่านเอกสารดงซูบิน แล้วเซ็นชื่อ “ส่งไปที่แผนกจัดเก็บนะ”
ต้าหลินเหม่ยยิ้มและตอบกลับด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ :“หัวหน้าซูบิน! ตอนนี้นายประสบความสำเร็จแล้ว อย่าลืมเราเมื่อนายได้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายหรือหัวหน้าสำนักงานสาขาในอนาคตนะ จ้วงจื่อและฉันจะตามรอยเท้าของนายอย่างใกล้ชิดเลย” เธอแสดงความปรารถนาของเธอว่าพวกเขาจะกลายเป็นผู้ช่วยที่ซื่อสัตย์ของดงซูบิน
ดงซูบินตอบกลับไปว่า:“ฉันเพิ่งได้ตำแหน่งนี้และเธอกำลังพูดถึงหัวหน้าสำนักเลยนะ? หยุดหยอกฉันได้แล้ว แต่ตราบใดที่ฉันอยู่ในสำนักงานกิจการฉัน จะทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครกลั่นแกล้งเธอทั้งสองคนแน่ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เราจะจำคำพูดของนายไว้” ดงซูบินไม่ได้แสดงความเป็นหัวหน้าไปที่เขาทั้งสองคนและต้าหลินเหม่ยก็ดีใจ เธอกลับไปที่พูดปกติของเธออย่างตรงไปตรงมา แต่เธอก็ยังต้องระวังคำพูดของเธอเมื่อพูดกับดงซูบิน เธอไม่สามารถพูดความคิดของเธอโดยไม่คิดได้อยู่ดี
หลังจากต้าหลินเหม่ยและจ้วงจื่อออกไป ดงซูบินคิดว่าเขาจะปรับปรุงสำนักงานนี้ได้อย่างไร
เขาเอาไม้กวาดใหม่กวาดทำความสะอาด เขาควรทำอะไรเกี่ยวกับสำนักงานนี้หรือไม่
ใครควรตั้งเป้าหมายก่อน? มีใครอีกบ้าง? แน่นอนว่าคนที่น่าจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้คือ ฉางจี้!
ดงซูบินก็รู้ว่าถ้าเขาสร้างปัญหาให้กับฉางจี้ผู้ที่ไม่ชอบเขาในอดีต คนอื่นๆมองว่าดงซูบินเป็นพวกที่ขี้แพ้ แต่ฉางจี้เองก็รังแกเขาตั้งแต่วันที่เขาเข้ามาทำงานใหม่และยังอ้างว่าเขาจะเตะดงซูบินออกจากสำนักเมื่อเขากลายเป็นรองหัวหน้า ตอนนี้ดงซูบิน ได้รับการเลื่อนตำแหน่งแทนเขาแล้ว ไม่มีทางที่ดงซูบินจะปล่อยเขาไป จริงๆแล้วดงซูบินควรจะต้องดูแลฉางจี้และปล่อยให้คนทุกคนเห็นว่าดงซูบินนั้นเป็นคนใจกว้างจริงไหม?
‘เวรเอ่ย! ใครจะใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้กัน’
‘ฉันต้องแก้แค้นหมอนั้นให้ได้!’