ตอนที่แล้วบทที่ 306 - ลิลิธ (6) [05-01-2021]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 308 - ทะลวงผ่าน (1) [09-01-2021]

บทที่ 307 - ลิลิธ (7) [07-01-2021]


บทที่ 307 - ลิลิธ (7)

"ไพก้า นี่มันดูเหมือนอะไรนะ?"

[เขา?]

"ให้ตายสิ..!"

ฉันได้ถามไพก้าเผื่อที่ว่าฉันจะพลาดไป แต่ว่าคำตอบของไพก้าก็ไม่ได้เปลื่ยนไปเลย ตากนั้นดอร์ตูก็ได้สร้างกระจกโลหะขึ้นมาให้ฉัน ฉันได้เห็นตัวเองสะท้อนอยู่ภายในกระจกสีเงินและฉันก็สามารถจะมองเห็นเขาสีแดงดำที่ยื่นออกมาได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่นั้นแต่ผิวของฉันก็ยังเปลื่ยนไปเป็นสีดาวหิมะในขณะที่ผมของฉันส่วนหนึ่งก็ได้กลายเป็นสีแดง ฉันคิดว่านี่เป็นการที่ฉันได้เอาเอกลักษณ์ของลิลิธมา

"พระเจ้า...."

ฉันตระหนักได้ว่ามันมีพลังของเธอส่วนหนึ่งที่ฉันไม่สามารถจะทำให้มันยอมรับผสมเข้ากับมานาของฉันเพื่อเป็นรูปเขานี้ได้ ฉันควรตัดมันไปดีไหมนะ? ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้ แต่แล้วฉันก็ปฏิเสธมันในทันที ฉันได้รู้ในตอนแรกแล้วว่าฉันสามารถจะรีบเอาพลังของลิลิธมาได้ทั้งหมด ในไม่ช้าเขานี้จะหายไปเอง

หรืออีกอย่างก็คือแค่เพราะการที่ฉันดูดซับเขาของลิลิธมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะใช้พลังของเธอได้เต็มที่ แน่นอนว่าฉันได้ตรวจสอบสเตตัสของฉันและมองดูค่าเสน่ห์ของฉันที่เพิ่มขึ้นมา 300 แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ถึงจุดที่เสน่ห์จะส่งผลกับสิ่งไม่มีชีวิตได้

ถ้าฉันเอาพลังมาจากเขาทั้งหมดมันจะเป็นไปได้ไหม? ฉันไม่มั่นใจนัก แต่ว่าด้วยเสน่ห์ของฉันที่เพิ่มมากขึ้นสกิลต่างๆก็ยังแข็งแกร่งขึ้นด้วย

ตามปกติแล้วดวงตามารจะส่งผลตามเสน่ห์เหมือนกับสกิลยั่วยุและสะกดข่ม ถ้าความต่างระวห่างฉันกับศัตรูมากเกินไป ฉันก็สามารถจะฆ่าศัตรูได้ในทันทีด้วยเพียงแค่แรงกดดัน ฉันไม่อยากจะจินตนาการถึงในตอนนั้นเลยจริงๆ

"พลังของลิลิธมันยังไม่ได้กลายมาเป็นพลังของฉันจริงๆ ดังนั้นฉันจะต้องมีเจ้าเขานี่เชื่อมต่อเอาไว้ ถ้าฉันโลภมากไปมันจะจบด้วยการสูญเสียแน่เลย"

[เสน่ห์ของนายท่านในตอนนี้มันน่าทึ่งมากๆ!]

"ฉันก็คิดแบบนั่นเหมือนกัน"

ฉันได้ตอบไพก้าไปด้วยรอยยิ้มขม 300 แต้ม ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากยอมรับแต่ว่าเสน่ห์ของฉันมันก็ก้าวข้ามมนุษย์มานานแล้ว เมื่อคิดจากการที่สกิลของฉันจะส่งผลกับเพศตรงข้ามเป็นสองเท่าแล้ว ฉันอาจจะใช้การล่อลวงของลิลิธใส่ตัวลิลิธเองยังได้เลย แต่แน่นอนว่าในเมื่อเธอตายไปแล้วเรื่องนี้มันคงเป็นไปไม่ได้

ฉันได้มองไปที่กระจกอีกครั้งและตระหนักได้ว่าตัวฉันเองยังเปลือยอยู่ ฉันคิดที่จะใส่เกราะกับไปแต่ว่าเมื่อคิดว่าฉันไม่จำเป็นจะต้องสู้อีกแล้ว ฉันก็แค่ใสเสื้อสภาพๆอย่างชุดเซ็ตราชินีวิญญาณพยาบาทหรือเซ็ตลอร์ดแวมไพร์ก็พอแล้ว

จริงๆแล้วเซ็ตราชาอินคิวบัสมันก็ดูดีเช่นกันแต่ว่าเนื่องจากมันเผยหลายๆส่วนออกมามากเกินไปฉันก็เลยเลือกไม่ใส่มัน ในทางกลับกันแล้วเซ็ตราชินีวิญญาณพยาบามกับเซ็ตลอร์ดแวมไพร์นั่นเป็นผ้าที่ใส่สบายกว่าอีรกด้วย

แต่ว่าในตอนที่ฉันได้เปลื่ยนไปใส่ชุดเซ็ตแวมไพร์ลอร์ดและมองไปที่กระจก ฉันก็ดูคล้ายกับบอสประจำชั้นเอามากๆ

"ตัวฉันเปลื่ยนไปแค่เขากับสีผิว แต่ว่านี่.... ไม่สิ นี่มันเปลื่ยนไปมากเลย"

ให้ตายสิ ถ้าฉันตัดเขานี่ออกไปได้นะ!

"ตอนนี้ไปกันดีกว่า ทำได้ดีมากทุกคน"

[นายท่านก็ทำได้ดีเหมือนกัน]

[มันเป็นเกียรติที่ได้ช่วยนายท่าน]

[ข้าดอร์ตู ในตอนนี้ดอร์ตูทำโอไรท์ชาคอสได้แล้ว]

ฉันได้ออกมาจากบียอนพร้อมๆกับภูติธาตุทั้งสาม ฉันยังได้ตรวจสอบโอไรท์ชาคอสที่อาจจะเหลืออีกด้วย แต่ว่าดูเหมือนเมื่อลิลิธตายมันจะหายไปทั้งหมดเช่นกัน แต่เนื่องจากดอร์ตูได้บอกว่าเขาสร้างมันได้ฉันก็ไม่คิดอะไรมากแล้ว

"ชิน ยินดีต้อนรับกลับนะ... เอ๊ะ?"

ฉันรู้สึกไม่ดีกับการที่ทิ้งโรเล็ตต้าเอาไว้และตรงเข้าไปในบียอนเลย ดังนั้นฉันก็เลยคิดจะแวะมาหาเธอซักเดียว แต่ว่าท่าทางของโรเล็ตต้าดูแปลกไปนิด

"โรเล็ตต้า มีอะไรหรอ?"

"นั่นมันเป็นสิ่งที่ฉันจะถามชินมากกว่า ชินรู้ในสภาพของชินไหม?"

"สภาพ? ... อ่า"

อ่อ มันเพราะการที่ฉันสู้กับลิลิธ เสน่ห์ที่ฉันมีอยู่เลยพุ่งไปถึงขีดจำกัด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ฉันได้รับพลังของลิลิธมาด้วย ฉันในตอนนี้ยับยั้งเสน่ห์ตัวเองไม่ได้แล้ว...!

โรเล็ตต้าได้เข้ามาหาฉันเงียบๆและจับที่มือของฉันก่อนที่ฉันจะได้มีเวลาตอบกลับ

"ชิน ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าชินสู้กับอะไรในบียอนชั้นที่ 35 แล้ว ภาพลักษณ์ของชินเปลื่ยนไปอยากมากและมันก็เห็นได้ชัดมากด้วย หุหุ"

"อย่างที่คิดเลยว่าเเธอจะรู้โรเล็ตต้า เพราะแบบนี้ฉันก็มีบางอย่างอยากจะถาม"

โรเล็ตต้าได้ยินขึ้นเหมือนกับไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เธอได้เข้ามาตัวติดกับฉันและกระซิบที่ข้างหู

"ไม่ต้องห่วงน่า มันจะเป็นแบบนี้ไม่นานหรอก ฉันแยกพวกเราจากมุมมองของลอร์ดได้"

"ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้นนน!"

ฉันได้ตะโกนออกไปแต่จู่ๆโรเล็ตต้าก็จับมือของฉันแน่น ดวงตาของเธอได้ส่องประกายออกมาอย่างรุนแรง เธอได้ดึงแขนของฉันเอาไว้ราวกับจะบอกว่าจะไม่ปล่อยฉันไป

"มาเร็ว ไปที่กระท่อมของฉันกัน"

"โรเล็ตต้า คุยกันก่อนสิ!"

"ชิน ฉันรู้สึกว่าการคุยด้วยร่างกายมันดีกว่า คุยปกติไว้ทีหลัง"

"อ๊ากกกกกกก"

ฉันได้กรีดร้องออกมาและสะบัดร่างกาย แต่เพราะการที่ฉันไม่ได้ใส่เกราะอยู่ทำให้ฉันใช้พลังเต็มที่ไม่ได้! โรเล็ตต้าได้เปิดประตูสวนแฟรี่และพึมพัมอย่างมีความสุข

"หุหุ เราควรจะตั้งชื่อลูกคนที่สิบสามว่าอะไรดีนะ"

"นั่นมันจะเยอะเกินไปแล้ว!?"

จากนั้นฉันก็ต้องใช้เวลาพักหนึ่งก่อนจะหนีมาได้ ฉันรู้สึกเหมือนกับฉันได้ใช้พลังมากกว่าในการสู้กับลิลิธซะอีก การพูดเรื่องนี้มันทำให้ฉันแทบจะร้องไห้

เมื่อฉันมาถึงบ้านแล้วอาหารเย็นก็ยังไม่ได้ถูกเตรียมเอาไว้เนื่องจากว่าแม่ได้เข้าไปในดันเจี้ยน ฉันได้คิดที่จะเข้าไปในสวนมาเรียเน่แต่ว่าฉันก็กลัวว่าโรเล็ตต้าอาจจะดักรอฉันอยู่ทำให้ฉันตัดสินใจเปลื่ยนไปกินราเม็งทันที ในตอนที่ฉันกำลังต้มน้ำในห้องครัวเสียงคนๆหนึ่งก็ดังขึ้น

"คังชิน เติมเต็มสัญญา?"

"ทำไมเธอถึงมาในบ้านฉันล่ะ?"

เดซี่ได้ใส่ชุดเดรสและกางเกงหลวมๆอย่างเคยนั่งเล่นอยู่ เธอได้ทำตัวเหมือนกับชายแก่ที่เบื่อหน่ายในชีวิต นอกจากนี้เสื้อของเธอมันยังไร้การป้องกันเกินไปแล้ว

"ทำไมเธอไม่ใส่อะไรให้มันมิดชิดกว่านี้ล่ะ? นอกจากนี้กางเกงเธอก็สั้นไปแล้วนะ"

"เสื้อสบายดีที่สุด ในตอนไม่สู้หลวมๆดีที่สุด"

"แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ในบ้านฉัน"

บ้านฉันมันสบายงั้นสิ มันเป็นความผิดของฉันเองที่พาเธอมาที่นี่ง่ายๆ เพราะแบบนี้ฉันก็เลยได้ไปหยิบเอาถ้วยราเม็งออกมาอีกอันหนึ่ง แต่แล้วเดซี่ก็เสริมขึ้นมา

"ฉันกินสอง"

"โอเคๆ"

ฉันก็พอจะคิดไว้แล้ว แม้ว่าพวกเราจะใช้มานาสู้แต่เราทั้งคู่ต่างก็มีกล้ามเนื้อที่เหนือมนุุษย์ เพราะแบบนี้เเราจึงกินมากกว่าคนปกติมาก ฉันได้หยิบเอาถ้วยราเม็งเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ลังเล

ในตอนที่ฉันกำลังเทน้ำนั้นเอง จู่ๆเดซี่ก็ถามออกมา

"คังชิน นายได้เขามาหรอ?"

"อ่า ใช่แล้ว ฉันเพิ่งไปเอาชนะคนที่เรียกว่าลิลิธและมันก็เกิดแบบนี้นะ ในตอนนี้ฉันคงจะต้องเป็นแบบนี้ แต่อีกไม่นานนักมันจะหายไปเองในตอนที่ฉันควบคุมมันได้สมบูรณ์"

"เขา โอเค เขาคือสัญลักษณ์ของพลัง ถ้าปีศาจอ่อนแอมีเขา ปีศาจที่แข็งแกร่งจะทำลายมันทิ้ง มังกรพวกมันส่วนใหญ่ก็มีเขาที่สวยงาม เอลฟ์ที่แข็งแกร่งก็ยังมีเขาเหมือนกันนะ"

"ใช่แล้ว ฉันก็เพิ่งมารู้เอาวันนี้เหมือนกัน"

"....นายแต่งงานกับราชินีเอลฟ์?"

"ไม่!"

ฉันได้หันตะโกนกลับไปทันที จากนั้นเองเดซี่ได้หรี่ตาและจ้องมาที่ฉัน

"ราชินีเอลฟ์เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ ที่ไม่แต่งกับเธอมันเพราะนายชอบฉันหรอ?"

"ฉันจริงจังนะ ฉันไม่ได้มีความคิดที่มีปัญหากับผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่สามารถจะบอกยอมรับได้ แต่ฉันก็ไม่...."

"...นายไม่อยากจะถูกติดตาม ความรู้สึกนี้เพื่อฉัน?"

"ความมั่นใจแปลกๆของเธอนี่มันทำให้ฉันตกใจได้ทุกครั้งเลยนะ! ฉันหมายถึงอยากที่ฉันพูด ฉันไม่คิดที่จะชอบเธอแบบโรแมนติก"

ถึงแม้ว่าฉันจะพูดแบบนั่น เดซี่ก็ยังมีแววตาแบบที่ว่าเธอรู้ทุกอย่าง ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีทางจะทำอะไรได้อีกแล้วเลยได้แต่ยอมแพ้และหันกลับมาต้มน้ำเงียบๆ

ในตอนที่ฉันหยุดพูดลงไปเดซี่ก็หยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นเธอก็แกว่งเท้าไปมาในขณะที่ฮัมเพลงที่ฉันไม่ได้รู้จัก นี่มันก็ยังเป็นเหตุผลให้ฉันต้องตั้งใจฝึกมากกว่านี้ ตอนนี้เธอดูเหมือนกับเด็กประถมที่ร่าเริง

ทันใดนั้นเองจู่ๆดวงตาเดซี่ก็เบิกกว้างขึ้นเหมือนกับเธอตระหนักได้ถึงบางอย่างที่สำคัญ

"นี่คือ... บรรยากาศบ่าวสาว?"

"บ่าวสาวกับผีเธอสิ"

"ไม่มีเงินกินอาหารดีๆเลยทำราเม็ง บ้านเล็กๆที่เต็มไปด้วยความรัก"

"คนจนไม่มีใครเขามากินราเม็งสองห่อใหญ่ๆหรอกน่า แถมบ้านนี้ก็ไม่ได้เล็กแล้วก็ไม่ได้มีความรักระหว่างเราด้วย"

"คังชิน น้ำเดือนแล้ว"

"อ่า จริงด้วย"

ฉันได้หันกลับไปทันทีและเริ่มเปิดห่อราเม็ง จากนั้นเดซี่ก็พูดขึ้นเบาๆ

"คังชิน ขอบคุณนายมากๆเลยนะ"

"ฉันสิที่เป็นคนที่ควรขอบคุณเธอ"

"ในตอนนี้นายควรจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรสิ"

"ถ้าหากว่าเธออยากจะพูดกับตัวเอง เธอก็แค่พูดในหัวเธอไปสิ"

ในตอนที่ฉันได้โต้กลับไปเดซี่ก็ส่งเสียงฮึ่มออกมา เมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนหน้าของเธอทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าทุกๆอย่างเปลื่ยนไปแล้ว ฉันรู้ว่าฉันมีผลกับเธอมันทำให้ฉันภูมิใจ

ในตอนนี้เองนางฟ้าที่ฉันไม่ได้เจอมานานแล้วก็ยื่นหัวเข้ามาในห้องครัว

"พี่ค่ะ ถ้าหนูจะกินราเม็งด้วยมันจะไม่สายไปใช่ไหมค่ะ"

"แน่นอนสิมันไม่ได้สายเลย รอเดี๋ยวนะ"

"กรี๊ดด พี่ค่ะ เขาบนหัวพี่! ... แล้วพี่ก็ดูน่าหลงใหลด้วย"

อย่าเรียกว่าน่าหลงใหลสิยุย

"มันไม่ได้มีอะไรมากหรอก ไม่ต้องห่วงยุย เขานี่มันก็คือตัวต่อกันดั้มไง"

"ถ้าพี่บอกแบบนั้นก็โอเค เฮะๆ"

ยุยได้ใส่ชุดบางๆเหมือนกับว่าเธอเพิ่งจะไปอาบน้ำมาหลังจากที่ออกมาจากดันเจี้ยน บนแขนของเธอมีมังกรตัวเล็กๆกำลังหาวอยู่ซึ่งมันก็คือลูกมังกรที่เกิดออกมาจากไข่ของราชาลาวา

เนื่องจากฉันยังไม่ได้ใส่ราเม็งลงหม้อต้นทำให้ฉันยังเติมน้ำเข้าไปได้อีก เพราะแบบนี้ฉันคงต้องรออีกจนกว่าน้ำจะเดือดไหม

เมื่อเห็นยุยนั่งลงข้างๆเธอเดซี่ก็เอียงหัว จากนั้นก็ได้อธิบายขึ้นถึงสถานการณ์ในหัวที่เธอคิด

"น้องสาว ขัดขวางคู่บ่าวสาว... น่ารำคาญ"

"คุณเดซี่ คุณช่วยพูดดังอีกนิดได้ไหมคะ?"

"น้องสาว ขัดขวางคู่บ่าวสาว... น่ารำคาญ"

"อึก"

แม้แต่ยุยที่ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ก็ยังผงะไปกับคำพูดของเดซี่ เดซี่เธอมีพรสวรรค์ในการทำเรื่องตลกให้ไม่ตลกจริงๆด้วย

"แต่ว่าเราไม่ไล่เธอหรอกนะ น้องสาวก็ควรจะมากินราเม็งกับเรา"

"อย่ามาเรียกฉันว่าน้องสาวนะคุณเดซี่"

"คังยงอูบอกว่าฉันเรียกเธอแบบนั้นได้"

"ขอบคุณที่บอกฉันนะคุณเดซี่"

ดูเหมือนว่าพ่อก็จะออกห่างยุยแล้ว ไม่สิ ชายแก่คนนี้ก็พูดแบบนี้มันกับทุกๆคนนั่นแหละ ดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามที่จะหาหลานมาทำเป็นทีมฟุตบอลจริงๆซะแล้ว

"คังชิน แล้วราเม็งได้เมื่อไหร่?"

"อีก 5 นาที ขอโทษนะที่ฉันทำให้ต้องรอ"

"ไม่เป็นไรเรามีคนเยอะ ฉันรอได้ เอลฟ์เทาเป็นพวกสบายมากๆ"

"พวกนั่นคือ?"

"อื้อ พวกเขาเป็นพวกสบายๆและผ่อนคลายในทุกๆสิ่ง แต่ถึงแบบนั้นทุกๆคนก็มีพรสรรค์มาก แต่ที่พวกเขาไม่ได้มีนักรบที่โดดเด่นขึ้นมาก็เพราะพวกเราสบายๆนี่แหละ"

"นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ยินเรื่องนี้"

"แน่นอนว่าในตอนที่เราต้องการอะไรพวกเราก็จะจริงจังกับมัน พวกเราก็ยังอยู่กับเป็นทีม แต่นั่นมันจะจบลงร็วมาก"

หัวข้อจากเรื่องของราเม็งได้เปลื่ยนไปเป็นเรื่องที่น่าสมใจแล้ว ฉันได้โยนราเม็งลงไปในน้ำร้อนและคิดย้อนไปในตอนที่ฉันเจอเดซี่ครั้งแรก เธอได้นอนอยู่บนเตียงเหมือนกับคำอธิบายของเอลฟ์เทาจริงๆ จากนั่นเองเดซี่ก็ได้เสริมขึ้นมา

"ดังนั้นคู่เอลฟ์เทาจริงสบายๆ ความรักและความสัมพันธ์ก็ยังชิวๆ"

"คุณเดซี่?"

"หิวแล้ว"

ในตอนที่ยุยได้เรียกเธอ เดซี่ก็เมินและก้มลงไปมองโต๊ะ ฉันอดไม่ได้ที่จะขำกับท่าทางนี้ของเธอ

"อย่างที่ฉันบอกไงถ้าหากว่าเธออยากจะพูดกับตัวเอง เธอก็ควรพูดมันในหัวนะ"

"อย่างที่ฉันบอกในทุกๆครั้งนายควรจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลย แต่ว่าในเมื่อนายได้ยินไปแล้วก็ไม่เป็นไร"

เดซี่ได้พูดขึ้นมา

"แม้ว่าหลัจากพวกเขาจะเอาชนะเดม่อนลอร์ดได้แล้วแต่คังชินก็จะต้องทำราเม็งให้ฉันตลอดไป คังชินกับฉันจะใช้ชีวิตอย่างสบายๆ มันน่าสนุกดีนะ"

ราเม็งในค่ำคืนนี้ของเราอร่อยมากๆ แต่ว่าโชคร้ายที่ยุยกำลังโกรธอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด