บทที่ 169 ถอนเขี้ยวจากปากพยัคฆ์
หุบเขาอัคคีเมฆาเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรต้าเซี่ย มีข่าวลือว่าเคยมีกิเลนเพลิงอาศัยอยู่ที่นี่เมื่อหนึ่งแสนปีก่อน
หลังจากที่กิเลนเพลิงถือกำเนิด มันก็เผาผลาญทุกเมืองที่อยู่ในรัศมีสามสิบกิโลเมตรจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน
ยังมีข่าวลืออีกว่ากิเลนเพลิงเป็นจักรพรรดิสัตว์อสูรระดับห้า แต่ก็ยังคงมีข้อครหาว่าในโลกใบนี้มีสัตว์อสูรระดับนั้นอยู่จริงหรือไม่?
นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่หมื่นปีที่ผ่านมา มีวิหคเพลิงเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ปรากฏตัวรอบภูเขาไฟในหุบเขาอัคคีเมฆาซึ่งผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ก็ไม่ได้สนใจนัก
ภูเขาไฟที่อยู่ในหุบเขาอัคคีเมฆาเป็นภูเขาไฟที่ไม่ได้ปะทุเป็นเวลานานหลายพันปี แต่แน่นอนว่าภายในนั้นยังคงมีไอร้อนที่น่ากลัวกระจายตัวอยู่ตลอดเวลา
ฟึ่บ
เจียงอี้มุ่งหน้าเข้าไปในหุบเขาอัคคีเมฆาและตรงไปยังยอดเขา หากว่าเขาปรารถนาที่จะครอบครองเพลิงโลกา เขาก็จำเป็นต้องปีนลงไปในปล่องภูเขาไฟและดำดิ่งสู่เบื้องล่าง
ยิ่งเข้าใกล้ปากปล่องภูเขาไฟมากเท่าไหร่ อุณหภูมิโดยรอบก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่หมาป่าจันทราสีเงินก็ยังชะลอความเร็วโดยสัญชาตญาณ
“เจ้าหมา กลับเข้ามานี่!”
หลังจากที่ไต่ขึ้นมาได้หลายร้อยเมตร เจียงอี้ก็ตระหนักแล้วว่าหมาป่าจันทราสีเงินได้มาถึงขีดจำกัดของมันแล้ว เขาจึงเก็บมันลงไปในเครื่องรางสัตว์วิญญาณ
ลำดับต่อมา เจียงอี้ก็ทดลองดึงพลังลึกลับออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิง เมื่อพลังเหล่านั้นไหลเข้ามาอยู่ในร่างกาย เขาก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนที่รุนแรงอีกต่อไป
นี่ก็หมายความว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ไข่มุกวิญญาณเพลิงจะสามารถดูดกลืนเพลิงโลกาจากภูเขาไฟได้
“เอ๊ะ? มีคนอยู่ด้วยรึ?”
เมื่อเดินเท้าไปสักพัก ร่างของเจียงอี้ก็หยุดเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างซึ่งห่างออกไปหลายร้อยเมตร มันเป็นเสียงร้องคร่ำครวญจากภายใต้กองหิน
เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่ดูแล้วจะไม่สามารถทนต่อความร้อนของสถานที่แห่งนี้ได้
คิ้วของเจียงอี้ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ในบริเวณภูเขาไฟไม่น่าจะมีสัตว์อสูรหรือทรัพย์สมบัติ ทำไมถึงยังมีคนมาที่นี่?
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท จากนั้นเขาก็เลือกที่จะเดินอ้อมไปอีกด้านของภูเขาไฟโดยไม่ลังเล
ในที่สุด…
ระหว่างทางขึ้นสู่ภูเขาไฟ เจียงอี้ได้สังเกตเห็นหน่วยสอดแนมเจ็ดถึงแปดคน พวกเขาเหล่านี้ค่อนข้างที่จะมีความสามารถอยู่บ้าง ผู้ที่อ่อนแอสุดก็บรรลุถึงขอบเขตจื่อฝู่ขั้นที่หนึ่งหรือสองแล้ว
หากไม่ใช่เพราะความร้อนเข้มข้นที่ภูเขาไฟปลดปล่อยออกมา เขาก็คงจะไม่สังเกตเห็นคนเหล่านี้เป็นแน่
มีใครบางคนอยู่บนยอดเขา! เป็นไปได้ไหมว่าจะมีสมบัติเร้นลับบางอย่างซ่อนอยู่ในภูเขาไฟ? คนเหล่านี้มาเพื่อตามหาสมบัติใช่หรือไม่?
เจียงอี้อยู่ห่างจากปล่องภูเขาไฟหลายพันเมตร เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงเสียงลมหายใจของผู้คนนับสิบที่อยู่ด้านบน
ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้กำลังซ่อนตัวอยู่รอบปล่องภูเขาไฟและหยุดนิ่งราวกับรูปปั้น ไม่อาจทราบได้ว่าพวกเขากำลังรออะไรอยู่
“จะทำยังไงดี?”
เจียงอี้เริ่มลังเลเล็กน้อย เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของคนพวกนี้ ดังนั้นจึงไม่สามารถวัดความแข็งแกร่งของพวกเขาได้
แต่ถ้าหากดูจากหน่วยสอดแนมด้านล่างที่เป็นจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ทั้งหมดแล้ว มันก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้
หากถูกพบตัวเข้า ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีการกระทบกระทั่งเกิดขึ้น
หรือจะลงจากเขาดี?
หลังจากที่ใช้เส้นทางอ้อมมาอย่างต่อเนื่องเพื่อมายังอาณาจักรต้าเซี่ยและยังรวมถึงเรื่องที่เพลิงโลกาอยู่แค่เอื้อม เจียงอี้ก็ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ง่ายๆ
ในที่สุดเขาก็กัดฟันแน่นและซ่อนตัวอยู่ใต้ชั้นหินเพื่อรอคอยให้คนเหล่านี้จากไปโดยไว แม้ว่าคนเหล่านี้จะได้สมบัติล้ำค่ากลับไปแต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเขาอยู่แล้วเพราะเดิมทีเป้าหมายของเขาก็มีเพียงแค่เพลิงโลกาเท่านั้น
หลังจากที่รอคอยมาเกือบทั้งวัน
เจียงอี้ก็พบว่าหน่วยสอดแนมอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก พวกเขาหายใจหนักขึ้นซึ่งเห็นได้ชัดว่าแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่น่าแปลกที่พวกเขายังคงไม่ขยับไปไหน
บัดซบ!
แม้ว่าความร้อนอันรุนแรงของสถานที่แห่งนี้จะไม่เป็นปัญหากับเจียงอี้ แต่เขากลับกำลังร้อนใจ หากคนเหล่านี้เฝ้าอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามวันสามคืน เขาจะไม่แย่หรือ?
หากว่าพลาดสงครามราชอาณาจักรในครั้งนี้ไป แล้วอีกนานแค่ไหนกว่าเขาจะพบเบาะแสของสมุนไพรสยบวิญญาณอีกครั้ง?
ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำเมื่อย่างเข้าสู่ยามราตรี ไอร้อนที่ถูกปล่อยออกมาจากภูเขาไฟไม่ได้อยู่ในรูปแบบของเปลวเพลิงแต่เป็นเพียงแค่แก๊ส ดังนั้นบริเวณโดยรอบก็ยังคงมืดสนิท
อีกทั้งอุณหภูมิก็แทบจะไม่ได้ลดลง ทำให้ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่รอบปล่องภูเขาไฟหายใจหนักหน่วงเนื่องจากความเหนื่อยล้า
“แกว๊ก-แกว๊ก!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา จู่ๆก็มีเสียงร้องของวิหคดังขึ้นมาจากด้านบน จอมยุทธทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหยุดหายใจทันที ในเวลานี้ดวงตาของเจียงอี้ส่องประกาย ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้กำลังจะเคลื่อนไหวแล้ว
หรือว่าพวกเขาจะรอคอยอยู่ที่นี่เพื่อล่าสัตว์อสูร?
ครื้นนน!
คลื่นความร้อนพวยพุ่งออกมาทำให้ท้องฟ้าสว่างไสวชั่วครู่ ทันใดนั้นร่างของวิหคยักษ์สีแดงเพลิงก็พุ่งขึ้นมาด้วยเร็วสูง ร่างของมันถูกอาบไปด้วยเปลวไฟที่ร้อนแรงซึ่งเกือบจะทำหน่วยสอดแนมบางคนเกือบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
สัตว์อสูรระดับสาม วิหคเพลิงอมตะ?
เจียงอี้ตื่นตระหนกอยู่ชั่วครู่แต่ก็ไม่ถึงกับหวาดกลัว ด้วยไข่มุกวิญญาณเพลิงที่อยู่ในมือ แม้แต่กิเลนทมิฬก็ยังไม่สามารถทำร้ายเขาได้ นั่นก็หมายความว่าเปลวไฟของวิหคเพลิงอมตะตัวนี้ก็ไม่น่าจะทำร้ายเขาได้เช่นกัน
“แกว๊ก-แกว๊ก!”
ดูเหมือนว่าวิหคเพลิงอมตะจะไม่ได้สังเกตเห็นเหล่าผู้มาเยือน มันบินโฉบขึ้นไปบินท้องฟ้าก่อนที่จะหายลับไปทางทิศเหนือ
“ประเสริฐ! วิหคเพลิงอมตะออกไปหาอาหารแล้ว ผู้อาวุโสหง! พวกท่านรีบลงมือเถิด”
“รีบไปนำเห็นหลินจืออัคคีมาให้ได้ เดี๋ยวนายน้อยผู้นี้จะตบรางวัลให้อย่างงาม… ด้วยพลังของมัน นายน้อยผู้นี้จะทะลวงสู่ขอบเขตเสินโหยวได้เสียที ฮ่าฮ่า!”
หลังจากที่เสียงของชายหนุ่มสิ้นสุดลง กลุ่มคนนับสิบก็เริ่มเคลื่อนไหว ร่างเงาหลายสิบร่างตรงไปยังปากปล่องภูเขาไฟจากนั้นก็โยนเชือกสีดำลงไปและรีบไต่ลงไปอย่างรวดเร็ว
คนพวกนี้มาเพราะสมบัตินี่เอง!
เจียงอี้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที หลังจากที่ได้สมบัติดังกล่าวมาแล้วหวังว่าพวกเขาจะรีบจากไปทันทีนะ?
หลังจากนั้นเขาก็จะได้เข้าไปเก็บเพลิงโลกาก่อนที่วิหคเพลิงจะกลับมา เจียงอี้รู้สึกโชคดียิ่งนักที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำอะไรโง่ๆลงไป
ในบรรดากลุ่มคนเหล่านี้มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวแฝงตัวอยู่ห้าถึงหกคน แม้ว่าแต่ละคนจะบรรลุเพียงแค่ขั้นที่สองหรือสาม แต่ก็ยังไม่ใช่คนที่เขาจะประมือด้วยได้ในตอนนี้
“กว่าเจ้านกบัดซบนั่นจะยอมออกไปได้ นายน้อยผู้นี้ก็เกือบถูกย่างจนตายเสียแล้ว! ช่างเถอะ หากว่าข้าได้เห็นหลินจืออัคคีมาครอง หนทางที่จะทะลวงสู่ขอบเขตเสินโหยวก็อยู่ไม่ไกลแล้ว ฮ่าฮ่า!”
นายน้อยหนุ่มคนนั้นเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งซึ่งทำให้เจียงอี้ประหลาดใจเล็กน้อย ตัดสินจากกลิ่นอายที่สัมผัสได้ ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะบรรลุขอบเขตจื่อฝู่ขั้นที่แปดหรือเก้าแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น เพียงแค่เห็นหลินจืออัคคีอะไรนั่นอย่างเดียวจะสามารถทำให้เขาทะลวงสู่ขอบเขตเสินโหยวได้เลยจริงๆหรือ? มันวิเศษวิโสขนาดนั้นเชียว?
เจียงอี้ไม่มีความคิดที่จะฉกชิงสมบัตินั้น เพราะยังไงเสียเขาก็ไม่ใช่ผู้ที่พบมัน นอกจากนี้ ด้วยการคงอยู่ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวจำนวนมาก เขาจะทำอะไรได้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว แต่เขาจะกล้าถอนเขี้ยวจากปากพยัคฆ์เลยหรือ?
“แกว๊ก-แกว๊ก!”
“อ๊ากกกก!”
ทันใดนั้นเสียงของวิหคเพลิงอมตะก็ดังออกมาจากด้านในปล่องภูเขาไฟ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนา
ไม่นานนัก ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็ทะยานออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟและรีบตะโกน
“นายน้อยรีบหนีไป! พวกเจ้าที่เหลือก็ด้วย ด้านล่างนี้ยังมีวิหคเพลิงอยู่อีกตัว!”
“เวรเอ้ย! ไหนบอกว่ามีวิหคเพลิงอมตะเพียงแค่ตัวเดียวไงห๊ะ!?”
ทันทีที่นายน้อยผู้นั้นกล่าวจบ ร่างของเขาก็ถูกคว้าไปโดยหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวและหลบหนีด้วยความเร็วสูง
วิหคเพลิงอมตะเป็นถึงสัตว์อสูรระดับสาม นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวแล้ว จอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ก็อาจจะต้องตายเมื่อเผชิญหน้ากับมัน
ทางด้านของเจียงอี้ เขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวและกำลังกลั้นหายใจสุดฤทธิ์ เขาไม่กล้าที่จะเผยตัวออกไปในเวลานี้ โชคดีที่พวกเขากำลังตกอยู่ในความอลหม่าน ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
“แกว๊ก-แกว๊ก!”
เป็นดังคาด วิหคเพลิงอมตะที่มีรูปร่างคล้ายกับวิหคเพลิงอมตะก่อนหน้านี้พุ่งทะยานออกมาจากปล่องภูเขาไฟ ดวงตาของมันแผ่ความร้อนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
เมื่อเห็นจอมยุทธจำนวนมากหลบหนีกันไปคนละทิศคนละทาง มันก็โฉบลงมาและไล่ตามไป
ลูกไฟที่ถูกพ่นออกมาจากปากของมันทำให้ร่างของหน่วยสอดแนมสองคนที่อยู่รั้งท้ายถึงกลับกลายเป็นเถ้าถ่าน
จะหนีหรืออยู่ที่นี่ต่อดี?
หัวใจของเจียงอี้เต้นรัว สัญชาตญาณของเขาบอกว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไป เขาอาจจะต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าหากกล่าวว่าเขาไม่สนใจเห็ดหลินจืออัคคีเลย มันก็ดูจะเป็นการโกหกเกินไป
ก่อนหน้านี้ที่เจียงอี้ไม่กล้าทำอะไรก็เป็นเพราะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ แต่ในเมื่อคนพวกนั้นถูกไล่ตะเพิดไปแล้ว เขาจะไม่ลองเสี่ยงดวงดูสักตั้งหน่อยหรือ?
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน! หากไม่เสี่ยงอันตราย ข้าจะก้าวหน้าได้ยังไง!
สุดท้ายเจียงอี้ก็ไม่อาจทนต่อความเย้ายวนของเห็ดหลินจืออัคคีได้ หากว่ามันน่าอัศจรรย์เหมือนกับที่นายน้อยผู้นั้นกล่าวจริง มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง!
“แย่แล้ว!”
แต่น่าเสียดายที่เจียงอี้กะจังหวะผิดไปหน่อย เมื่อเขาเคลื่อนตัวออกจากที่ซ่อนและตรงไปที่ปากปล่องภูเขาไฟ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวผู้หนึ่งซึ่งกำลังหลบหนีก็หันกลับมาเห็นเขาพอดี
“นายน้อย มีไอ้สารเลวบางตัวต้องการที่จะขโมยเห็ดหลินจืออัคคีของท่าน!”
“อะไรนะ?!”
สีหน้าของนายน้อยหนุ่มบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธขณะที่ถูกอุ้มโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว จากนั้นเขาก็คำรามออกมา
“ผู้อาวุโสจ้าว ผู้อาวุโสเฉา พวกท่านทั้งสองรีบไปขัดขวางวิหคเพลิงอมตะไว้! ผู้อาวุโสหง ท่านรีบกลับไปเอาเห็ดหลินจืออัคคีให้เร็วที่สุด แล้วก็สับไอสารเลวนั่นให้เป็นชิ้นๆด้วย!”
“มันบังอาจพยายามขโมยของๆนายน้อยผู้นี้ เห็นทีมันคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!”