ตอนที่แล้วตอนที่ 39 ความสนใจจากสำนัก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41 ‘ยุคสมัย’ ของนักเชิดหุ่น

ตอนที่ 40 เจ้าสำนักเล่ยซาน!


โครกคราก~

ในระหว่างที่รอ ท้องของป๋ายเสี่ยวเฟยส่งเสียงร้องตักเตือนให้เขาเติมเต็มพลังงาน หากแต่เสวี่ยอิ่งที่แลตื่นเต้นเป็นอย่างมากไม่มีทีท่าจะปล่อยเขาไป

“พี่หญิงเสวี่ย ท่านเจ้าสถาบันอาจจะไม่มาก็ได้ เหตุใดพวกเราไม่ไปหาอะไรทานกันก่อน? ข้าเลี้ยงท่านเอง!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยลูบอกแสดงความเป็นสุภาพบุรุษใจกว้างที่หาได้ยาก อย่างไรเสียเขาก็ได้รับโชคลาภมาไม่น้อยเมื่อครู่...

น่าเสียดายที่เสวี่ยอิ่งไม่ตอบรับความใจดีของเขา

“หากท่านเจ้าสถาบันไม่มา เช่นนั้นก็ต้องเป็นหลินหลีและสือเฉินที่มา รอไปอย่าบ่น หากเจ้าส่งเสียงอีกคราข้าจะถลกหนังเจ้าเสีย!”

เสวี่ยอิ่งหมุนตัวกลับมาขึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวเฟยก่อนจะเบนไปยังทิศเดิม ความคาดหวังบนใบหน้าของนางมากกว่าเมื่อยามที่นางเฝ้ารอศิษย์นักเรียนเป็นอย่างน้อยสามเท่า

“ยัยแม่มดเฒ่า หากข้าเก่งกาจกว่าเจ้าเมื่อใด ข้าจะไม่ถลกหนังเจ้า แต่จะถลกเสื้อผ้าเจ้าแทน!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยพึมพำเสียงเบาก่อนจะนั่งลงไปบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้าพลางลูบท้องน้อยไม่รู้จบ

ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเสียใจที่หลงเชื่อคำของพ่อสี่ เคล็ดวิชากลืนโลกามีประโยชน์หลายประการแต่มันทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยหิวโหยได้ง่ายกว่าคนธรรมดาทั่วไป และมันแย่มากเมื่อเขารู้สึกหิว...

โชคดีที่สวรรค์มีตา ในยามที่ป๋ายเสี่ยวเฟยแทบจะเป็นบ้าเพราะความหิว เสียงฝีเท้าพลันดังขึ้นมาจากทางเดิน

ป๋ายเสี่ยวเฟยกระโดดเหยงจากเก้าอี้ ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย

เขากวาดตามองไปยังทิศทางของเสียงเห็นชายชราผู้หนึ่งเดินมายังห้องเรียนคนเถื่อน ชายชราผู้นั้นยิ้มกริ่มมีลักษณะไม่ต่างอันใดไปจากชายชราข้างบ้าน หลินหลีและสือเฉินเดินตามหลังชายชราด้วยท่าทีเคร่งขรึม เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยมองผ่านทั้งสองพลันเห็นชายวัยกลางคนหัวล้านรูปร่างอ้วนท้วม แค่หางสายตาไปเห็นก็ทำเอาป๋ายเสี่ยวเฟยหายหิวและแทบจะอาเจียนออกมา

“ผู้ที่เดินนำหน้าคือเจ้าสถาบันเล่ยซาน เขาอยู่ในระดับตำนานขั้นสูงสุด เขาได้รับฉายาว่าจักรพรรดิอัสนีในวัยเยาว์ขณะที่เขาท่องยุทธภพ ตอนนี้เขาได้เกษียณไปแล้วและไม่มีใครเคยเห็นเขาต่อสู้มานานกว่ายี่สิบปี”

เสวี่ยอิ่งแนะนำเจ้าสถาบันด้วยเสียงแผ่วเบา นางยืนอยู่ข้างป๋ายเสี่ยวเฟย ความรังเกียจเดียดฉันท์มีอยู่ให้เห็นทุกที่เมื่อนางมองชายรูปร่างอ้วนท้วม

“เจ้าอ้วนนั่นคือผู้อาวุโสที่รับผิดชอบจัดการเรื่องศิษย์ใหม่ในสถาบัน เฟ่ยกวงสือ เมื่อตอนที่ข้ายังเป็นแค่ผู้สมัครเป็นอาจารย์ มันต้องการให้ข้าไปหามันในยามวิกาล ข้าจึงรีบแจ้งเตือนเจ้าสถาบันเรื่องเจ้า แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะมาด้วย”

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความดูถูกรังเกียจยามที่กล่าวถึงเฟ่ยกวงสือ ความดูหมิ่นนี้นางไม่แม้แต่จะปกปิดจากใบหน้า ท่าทีของนางราวกับปรารถนาจะแช่งชักหักกระดูกเขา

“เฟ่ยกวงสือ? เขามีบุตรหรือไม่?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยพลันนึกถึงเฟ่ยโก่วทันที เขาเปรียบเทียบขนาดรูปร่างของทั้งคู่...

“ใครจะไปรู้ กระทั่งเวลาให้ข้าหลบหน้าเขายังไม่พอ จะเอาเวลาที่ไหนไปสืบความ”

ทั้งคู่ไม่ได้พูดมากนักเมื่อกลุ่มของเล่ยซานมาถึงห้องเรียน เสวี่ยอิ่งรีบนำป๋ายเสี่ยวเฟยไปทักทายพวกเขาทันที

“ปู่เล่ย ท่านสบายดี?”

“คารวะท่านเจ้าสถาบัน”

ป๋ายเสี่ยวเฟยและเสวี่ยอิ่งพูดในจังหวะเดียวกันเป๊ะ แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยใช้ลุกเล่นที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง กระทั่งตัวเสวี่ยอิ่งเองยังไม่คาดคิดว่าป๋ายเสี่ยวเฟยจะไร้ยางอายเช่นนี้เมื่อทักทายใครเป็นครั้งแรก...

แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนับถือในตัวเขา เป็นเพราะเล่ยซานดูราวกับชมชอบที่ถูกเรียกว่า ‘ปู่เล่ย’ อยู่ไม่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นกว่าเดิม

“ไม่เลว เจ้าหนุ่ม เจ้าร่าเริงสดใสและบุคลิกเหมือนข้าเมื่อเยาว์วัยมาก”

หลังจากที่ได้ยินที่เล่ยซานกล่าว ทุกคนคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า

‘พวกเขาเข้ากันได้ดีตั้งแต่แรกพบเลยรึ?’

“มิผิด มิผิด ข้าก็สังเกตได้เช่นกันว่าเจ้าหนูป๋ายผู้นี้ช่างมากพรสวรรค์เหลือเกิน”

เฟ่ยกวงสือที่เดินตามหลังมาหวาดกลัวอย่างมากที่จะไม่ได้พูด กระทั่งคำพูดประจบประแจงของเขายังเอ่ยชมป๋ายเสี่ยวเฟยไปด้วย

“ข้าจะไปเทียบกับท่านได้อย่างไร ปู่เล่ย? ข้าแค่พึ่งพาอาศัยวิธีประหลาดเท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่าปู่เล่ยคืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ”

ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่เคยเชื่อว่าตนจะด้อยกว่าใครในด้านประจบสอพลอ

“นั่นมันเป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบันข้าเป็นแค่ชายชราไร้ประโยชน์และข้าทำได้เพียงใช้เวลาในช่วงเกษียณไปกับการกินนอนอยู่ในเทือกเขานี้ ข้าไม่อ่อนวัย ไม่ได้เต็มไปด้วยพลัง ไม่มีโอกาสมากมายเฉกเช่นพวกเจ้า”

เล่ยซานหัวเราะลั่น คำพูดของป๋ายเสี่ยวเฟยแลจะถูกใจเขามาก

“ท่านเจ้าสถาบัน ไปคุยข้างในกันเถิด จะมีคนมาที่นี่อีกมากและมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่หากคุยตรงนี้”

คำพูดของเสวี่ยอิ่งเป็นเพียงข้ออ้างในการพาเจ้าสถาบันเข้าไปในห้อง เพราะนอกเหนือจากงู แมลง หนูและมดแล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดจะเข้ามาใกล้ห้องเรียนคนเถื่อน....

“งั้นก็เข้าไปกันเถิด”

เสียงของเล่ยซานทั้งชัดเจนทั้งมีพลัง แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเขาอายุเกินหนึ่งร้อยปีหากฟังแค่เสียง

เสวี่ยอิ่งนำทางเข้าไปทันที ตัวนางสัมผัสป๋ายเสี่ยวเฟยเล็กน้อยขณะเดินผ่านก่อนจะชี้นิ้วอย่างลับๆ ส่งสัญญาณไปยังประตูหน้าห้องเรียนที่ถูกเตะจนเหลือเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยป๋ายเสี่ยวเฟย

ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยรอยยิ้มว่าเข้าใจ ส่งสายตาบอกเสวี่ยอิ่งว่าไม่ต้องเป็นกังวล

“ประตูนี้...?”

เมื่อชายชราเห็นประตูไม้ที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เขาถามถึงมันก่อนที่ป๋ายเสี่ยวเฟยและเสวี่ยอิ่งจะได้เอ่ยถึง

“มันไม่ได้ถูกซ่อมเป็นเวลาหลายปีแล้ว พอถูกลมแรงเข้าหน่อยจึงพัง แต่พวกเราได้แจ้งกับผู้อาวุโสเฟ่ยและท่านเอ่ยปากตกลงว่าจะดำเนินการให้ ผู้อาวุโสเฟ่ยกระทั่งบอกว่าจะซ่อมแซมทั้งห้องเนื่องเพราะเขาคิดว่าห้องเรียนทุกห้องควรเท่าเทียมกัน”

ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจาปั้นน้ำเป็นตัว เฟ่ยกวงสือที่อยู่ข้างหลังตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อได้ยิน

“ใช่หรือไม่ ผู้อาวุโสเฟ่ย?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยถามพลางมองไปยังชายหัวโล้น เล่ยซานมองตามไปเช่นกัน

“ถูกต้อง! พวกเขามาแจ้งช้าเกินไปในวันนี้ จึงต้องรอช่างฝีมือมาซ่อมวันรุ่งขึ้น”

การตอบสนองของเฟ่ยกวงสือรวดเร็วเป็นอย่างมาก เขาตอบตกลงรับผิดชอบงานชิ้นใหญ่

“ฮืม เราจะปล่อยให้ศิษย์ของพวกเราต้องทนเรียนอยู่ในสภาพยากลำบากไม่ได้ เพราะพวกเขาคือรากฐานของสถาบัน ครั้งนี้เจ้าทำได้ดี กวงสือ”

เล่ยซานพยักศีรษะพลางกล่าว รอยยิ้มพึงพอใจปรากฎขึ้นบนใบหน้า

ในอีกด้าน เฟ่ยกวงสือมีสีหน้าปลื้มปีติราวกับเก็บสมบัติได้ กระทั่งสายตาที่เขาใช้มองป๋ายเสี่ยวเฟยก็อ่อนโยนขึ้น

“เป็นสิ่งที่ข้าพึงกระทำ ทั้งหมดมีท่านเป็นต้นแบบ ท่านเจ้าสถาบัน”

เลียให้เก่งพ่อสอนไว้คือคติประจำใจของเฟ่ยกวงซือ และเป้าหมายการยกยอของเขาคือเล่ยซานตั้งแต่แรกเริ่ม

หากแต่เล่ยซานดูเหมือนว่าจะไม่ชอบเขามากนัก ชายชราแค่นเสียงแผ่วเบาในลำคอก่อนจะเลิกสนใจเขา

“ข้าจะไม่พูดวกวนให้มากความ ที่ข้ามาเพราะอยากเห็นหุ่นเชิดของเจ้า”

เล่ยซานจ้องมองไปยังป๋ายเสี่ยวเฟยหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้

หากเจ้าไม่ใช่คนโง่เจ้าสมควรรู้ว่าใครกันแน่ในห้องเรียนที่เป็นนักเชิดหุ่นสายมายาแขนงลอกเลียนแบบที่หลินหลีและสือเฉินกล่าวถึง

ป๋ายเสี่ยวเฟยสูดหายใจเข้าลึกใบหน้ามีรอยยิ้มจางที่ไม่รู้ว่ามีความหมายเช่นไร เขาเรียกเสี่ยวเอ้อออกมา

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ปู่เล่ย ผู้อาวุโสเฟ่ย ข้าจะแสดงความสามารถเล็กน้อยของข้าให้พวกท่านรับชม”

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ ร่างของเสี่ยวเอ้อเริ่มแปลงกายพร้อมกับปราณกำเนิดที่ไหลเข้าไปในตัวมัน หลังจากแปลงกายเสร็จสมบูรณ์ เล่ยซานมีสีหน้าประหลาดใจระคนยินดีขณะที่เฟ่ยกวงสือเหม่อมองอย่างโง่งม

เป็นเพราะสิ่งที่เสี่ยวเอ้อแปลงกายหาใช่ใครอื่นนอกจากเฟ่ยโก่ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด