ตอนที่ 40 เจ้าสำนักเล่ยซาน!
โครกคราก~
ในระหว่างที่รอ ท้องของป๋ายเสี่ยวเฟยส่งเสียงร้องตักเตือนให้เขาเติมเต็มพลังงาน หากแต่เสวี่ยอิ่งที่แลตื่นเต้นเป็นอย่างมากไม่มีทีท่าจะปล่อยเขาไป
“พี่หญิงเสวี่ย ท่านเจ้าสถาบันอาจจะไม่มาก็ได้ เหตุใดพวกเราไม่ไปหาอะไรทานกันก่อน? ข้าเลี้ยงท่านเอง!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยลูบอกแสดงความเป็นสุภาพบุรุษใจกว้างที่หาได้ยาก อย่างไรเสียเขาก็ได้รับโชคลาภมาไม่น้อยเมื่อครู่...
น่าเสียดายที่เสวี่ยอิ่งไม่ตอบรับความใจดีของเขา
“หากท่านเจ้าสถาบันไม่มา เช่นนั้นก็ต้องเป็นหลินหลีและสือเฉินที่มา รอไปอย่าบ่น หากเจ้าส่งเสียงอีกคราข้าจะถลกหนังเจ้าเสีย!”
เสวี่ยอิ่งหมุนตัวกลับมาขึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวเฟยก่อนจะเบนไปยังทิศเดิม ความคาดหวังบนใบหน้าของนางมากกว่าเมื่อยามที่นางเฝ้ารอศิษย์นักเรียนเป็นอย่างน้อยสามเท่า
“ยัยแม่มดเฒ่า หากข้าเก่งกาจกว่าเจ้าเมื่อใด ข้าจะไม่ถลกหนังเจ้า แต่จะถลกเสื้อผ้าเจ้าแทน!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพึมพำเสียงเบาก่อนจะนั่งลงไปบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้าพลางลูบท้องน้อยไม่รู้จบ
ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเสียใจที่หลงเชื่อคำของพ่อสี่ เคล็ดวิชากลืนโลกามีประโยชน์หลายประการแต่มันทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยหิวโหยได้ง่ายกว่าคนธรรมดาทั่วไป และมันแย่มากเมื่อเขารู้สึกหิว...
โชคดีที่สวรรค์มีตา ในยามที่ป๋ายเสี่ยวเฟยแทบจะเป็นบ้าเพราะความหิว เสียงฝีเท้าพลันดังขึ้นมาจากทางเดิน
ป๋ายเสี่ยวเฟยกระโดดเหยงจากเก้าอี้ ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
เขากวาดตามองไปยังทิศทางของเสียงเห็นชายชราผู้หนึ่งเดินมายังห้องเรียนคนเถื่อน ชายชราผู้นั้นยิ้มกริ่มมีลักษณะไม่ต่างอันใดไปจากชายชราข้างบ้าน หลินหลีและสือเฉินเดินตามหลังชายชราด้วยท่าทีเคร่งขรึม เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยมองผ่านทั้งสองพลันเห็นชายวัยกลางคนหัวล้านรูปร่างอ้วนท้วม แค่หางสายตาไปเห็นก็ทำเอาป๋ายเสี่ยวเฟยหายหิวและแทบจะอาเจียนออกมา
“ผู้ที่เดินนำหน้าคือเจ้าสถาบันเล่ยซาน เขาอยู่ในระดับตำนานขั้นสูงสุด เขาได้รับฉายาว่าจักรพรรดิอัสนีในวัยเยาว์ขณะที่เขาท่องยุทธภพ ตอนนี้เขาได้เกษียณไปแล้วและไม่มีใครเคยเห็นเขาต่อสู้มานานกว่ายี่สิบปี”
เสวี่ยอิ่งแนะนำเจ้าสถาบันด้วยเสียงแผ่วเบา นางยืนอยู่ข้างป๋ายเสี่ยวเฟย ความรังเกียจเดียดฉันท์มีอยู่ให้เห็นทุกที่เมื่อนางมองชายรูปร่างอ้วนท้วม
“เจ้าอ้วนนั่นคือผู้อาวุโสที่รับผิดชอบจัดการเรื่องศิษย์ใหม่ในสถาบัน เฟ่ยกวงสือ เมื่อตอนที่ข้ายังเป็นแค่ผู้สมัครเป็นอาจารย์ มันต้องการให้ข้าไปหามันในยามวิกาล ข้าจึงรีบแจ้งเตือนเจ้าสถาบันเรื่องเจ้า แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะมาด้วย”
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความดูถูกรังเกียจยามที่กล่าวถึงเฟ่ยกวงสือ ความดูหมิ่นนี้นางไม่แม้แต่จะปกปิดจากใบหน้า ท่าทีของนางราวกับปรารถนาจะแช่งชักหักกระดูกเขา
“เฟ่ยกวงสือ? เขามีบุตรหรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพลันนึกถึงเฟ่ยโก่วทันที เขาเปรียบเทียบขนาดรูปร่างของทั้งคู่...
“ใครจะไปรู้ กระทั่งเวลาให้ข้าหลบหน้าเขายังไม่พอ จะเอาเวลาที่ไหนไปสืบความ”
ทั้งคู่ไม่ได้พูดมากนักเมื่อกลุ่มของเล่ยซานมาถึงห้องเรียน เสวี่ยอิ่งรีบนำป๋ายเสี่ยวเฟยไปทักทายพวกเขาทันที
“ปู่เล่ย ท่านสบายดี?”
“คารวะท่านเจ้าสถาบัน”
ป๋ายเสี่ยวเฟยและเสวี่ยอิ่งพูดในจังหวะเดียวกันเป๊ะ แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยใช้ลุกเล่นที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง กระทั่งตัวเสวี่ยอิ่งเองยังไม่คาดคิดว่าป๋ายเสี่ยวเฟยจะไร้ยางอายเช่นนี้เมื่อทักทายใครเป็นครั้งแรก...
แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนับถือในตัวเขา เป็นเพราะเล่ยซานดูราวกับชมชอบที่ถูกเรียกว่า ‘ปู่เล่ย’ อยู่ไม่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นกว่าเดิม
“ไม่เลว เจ้าหนุ่ม เจ้าร่าเริงสดใสและบุคลิกเหมือนข้าเมื่อเยาว์วัยมาก”
หลังจากที่ได้ยินที่เล่ยซานกล่าว ทุกคนคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า
‘พวกเขาเข้ากันได้ดีตั้งแต่แรกพบเลยรึ?’
“มิผิด มิผิด ข้าก็สังเกตได้เช่นกันว่าเจ้าหนูป๋ายผู้นี้ช่างมากพรสวรรค์เหลือเกิน”
เฟ่ยกวงสือที่เดินตามหลังมาหวาดกลัวอย่างมากที่จะไม่ได้พูด กระทั่งคำพูดประจบประแจงของเขายังเอ่ยชมป๋ายเสี่ยวเฟยไปด้วย
“ข้าจะไปเทียบกับท่านได้อย่างไร ปู่เล่ย? ข้าแค่พึ่งพาอาศัยวิธีประหลาดเท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่าปู่เล่ยคืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่เคยเชื่อว่าตนจะด้อยกว่าใครในด้านประจบสอพลอ
“นั่นมันเป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบันข้าเป็นแค่ชายชราไร้ประโยชน์และข้าทำได้เพียงใช้เวลาในช่วงเกษียณไปกับการกินนอนอยู่ในเทือกเขานี้ ข้าไม่อ่อนวัย ไม่ได้เต็มไปด้วยพลัง ไม่มีโอกาสมากมายเฉกเช่นพวกเจ้า”
เล่ยซานหัวเราะลั่น คำพูดของป๋ายเสี่ยวเฟยแลจะถูกใจเขามาก
“ท่านเจ้าสถาบัน ไปคุยข้างในกันเถิด จะมีคนมาที่นี่อีกมากและมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่หากคุยตรงนี้”
คำพูดของเสวี่ยอิ่งเป็นเพียงข้ออ้างในการพาเจ้าสถาบันเข้าไปในห้อง เพราะนอกเหนือจากงู แมลง หนูและมดแล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดจะเข้ามาใกล้ห้องเรียนคนเถื่อน....
“งั้นก็เข้าไปกันเถิด”
เสียงของเล่ยซานทั้งชัดเจนทั้งมีพลัง แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเขาอายุเกินหนึ่งร้อยปีหากฟังแค่เสียง
เสวี่ยอิ่งนำทางเข้าไปทันที ตัวนางสัมผัสป๋ายเสี่ยวเฟยเล็กน้อยขณะเดินผ่านก่อนจะชี้นิ้วอย่างลับๆ ส่งสัญญาณไปยังประตูหน้าห้องเรียนที่ถูกเตะจนเหลือเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยป๋ายเสี่ยวเฟย
ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยรอยยิ้มว่าเข้าใจ ส่งสายตาบอกเสวี่ยอิ่งว่าไม่ต้องเป็นกังวล
“ประตูนี้...?”
เมื่อชายชราเห็นประตูไม้ที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เขาถามถึงมันก่อนที่ป๋ายเสี่ยวเฟยและเสวี่ยอิ่งจะได้เอ่ยถึง
“มันไม่ได้ถูกซ่อมเป็นเวลาหลายปีแล้ว พอถูกลมแรงเข้าหน่อยจึงพัง แต่พวกเราได้แจ้งกับผู้อาวุโสเฟ่ยและท่านเอ่ยปากตกลงว่าจะดำเนินการให้ ผู้อาวุโสเฟ่ยกระทั่งบอกว่าจะซ่อมแซมทั้งห้องเนื่องเพราะเขาคิดว่าห้องเรียนทุกห้องควรเท่าเทียมกัน”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจาปั้นน้ำเป็นตัว เฟ่ยกวงสือที่อยู่ข้างหลังตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อได้ยิน
“ใช่หรือไม่ ผู้อาวุโสเฟ่ย?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยถามพลางมองไปยังชายหัวโล้น เล่ยซานมองตามไปเช่นกัน
“ถูกต้อง! พวกเขามาแจ้งช้าเกินไปในวันนี้ จึงต้องรอช่างฝีมือมาซ่อมวันรุ่งขึ้น”
การตอบสนองของเฟ่ยกวงสือรวดเร็วเป็นอย่างมาก เขาตอบตกลงรับผิดชอบงานชิ้นใหญ่
“ฮืม เราจะปล่อยให้ศิษย์ของพวกเราต้องทนเรียนอยู่ในสภาพยากลำบากไม่ได้ เพราะพวกเขาคือรากฐานของสถาบัน ครั้งนี้เจ้าทำได้ดี กวงสือ”
เล่ยซานพยักศีรษะพลางกล่าว รอยยิ้มพึงพอใจปรากฎขึ้นบนใบหน้า
ในอีกด้าน เฟ่ยกวงสือมีสีหน้าปลื้มปีติราวกับเก็บสมบัติได้ กระทั่งสายตาที่เขาใช้มองป๋ายเสี่ยวเฟยก็อ่อนโยนขึ้น
“เป็นสิ่งที่ข้าพึงกระทำ ทั้งหมดมีท่านเป็นต้นแบบ ท่านเจ้าสถาบัน”
เลียให้เก่งพ่อสอนไว้คือคติประจำใจของเฟ่ยกวงซือ และเป้าหมายการยกยอของเขาคือเล่ยซานตั้งแต่แรกเริ่ม
หากแต่เล่ยซานดูเหมือนว่าจะไม่ชอบเขามากนัก ชายชราแค่นเสียงแผ่วเบาในลำคอก่อนจะเลิกสนใจเขา
“ข้าจะไม่พูดวกวนให้มากความ ที่ข้ามาเพราะอยากเห็นหุ่นเชิดของเจ้า”
เล่ยซานจ้องมองไปยังป๋ายเสี่ยวเฟยหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้
หากเจ้าไม่ใช่คนโง่เจ้าสมควรรู้ว่าใครกันแน่ในห้องเรียนที่เป็นนักเชิดหุ่นสายมายาแขนงลอกเลียนแบบที่หลินหลีและสือเฉินกล่าวถึง
ป๋ายเสี่ยวเฟยสูดหายใจเข้าลึกใบหน้ามีรอยยิ้มจางที่ไม่รู้ว่ามีความหมายเช่นไร เขาเรียกเสี่ยวเอ้อออกมา
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ปู่เล่ย ผู้อาวุโสเฟ่ย ข้าจะแสดงความสามารถเล็กน้อยของข้าให้พวกท่านรับชม”
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ ร่างของเสี่ยวเอ้อเริ่มแปลงกายพร้อมกับปราณกำเนิดที่ไหลเข้าไปในตัวมัน หลังจากแปลงกายเสร็จสมบูรณ์ เล่ยซานมีสีหน้าประหลาดใจระคนยินดีขณะที่เฟ่ยกวงสือเหม่อมองอย่างโง่งม
เป็นเพราะสิ่งที่เสี่ยวเอ้อแปลงกายหาใช่ใครอื่นนอกจากเฟ่ยโก่ว!