GE438 ราชาสุสานบุบผา [ฟรี]
ผมดำขลับพลิ้วไหวราวกับน้ำตก ดวงตากระจ่างใสราวกับดารา มือจับผ้าขาวโบกสะบัดรับมือกับการจู่โจมจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 4
เยว่หลิงคงยืนย่างกลางนภา แสงจันทราอาบร่าง ขับส่งให้นางดูราวกับเป็นสนมอสูรผู้มีชื่อเสียงในสมัยโบราณ
*ตูม ตูม ตูม*
ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงของเผ่าเขาคู่ ชายชราในเกราะดำมีร่างกายที่ทรงพลัง เหลืออีกเพียงก้าวเดียวมันจะบรรลุขอบเขตกายทองคำ ยิ่งหากนับรวมกับความแข็งแกร่งที่แฝงมากับเผ่าพันธุ์ มันจัดว่าทรงพลังกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นทั่วไปมาก
แต่เมื่อมันต้องรับการจู่โจมจากผ้าขาวของหลิงคง เขาที่มันใช้เขาต้านรับการจู่โจมของนางก็ไม่อาจทานไหว กระทั่งเขาได้หักไป
มันเปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น มันไม่เข้าใจว่าเหตุใดมันถึงเอาชนะหลิงคงไม่ได้
*ตูม ตูม ตูม*
ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นกลางของเผ่าเนตรปีศาจ ได้เปล่งพลังทั้งหมดที่มี ดวงตาที่ปรากฏกลางหน้าผาก ปรากฏขึ้นบนแขน ลำคอ และหน้าหน้าท้องของมัน นับรวมทั่วร่างปรากฏดวงตาปีศาจขึ้นกว่า 50 ดวง
การปรากฏขึ้นของดวงตาปีศาจมาจากวิชาที่สืบทอดทางสายเลือดของพวกมัน นามว่า ‘วิชาพันเนตรปีศาจ’ เพียงแต่ผู้ที่สามารถสร้างเนตรปีศาจได้ถึงพันดวง ในประวัติศาสตร์ของพวกมันมีเพียงปีศาจในยุคโบราณเท่านั้น
หวางเหลียง ผู้เชี่ยวชาญเผ่าเนตรปีศาจ ได้กระตุ้นวิชาจนถึงขีดสุด ดวงตาปีศาจทั้ง 50 ดวงจุดเปลวเพลิงสีดำขึ้น หลอมรวมผสานทั้งหมดเป็นหนึ่ง อานุภาพทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมเต็มกำลังของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น
แต่นั่นกลับไม่ได้สร้างปัญหาให้หลิงคง เพราะผ้าขาวที่นางโบกสะบัด สร้างแสงจันทรานับล้านสาย พุ่งเข้าใส่เนตรปีศาจทั่วร่างของมัน ราวกับเข็มขนาดเล็กที่ทิ่มแทงเข้าไปในดวงตา จนทำให้มันตาบอด ยากจะรักษาให้กลับมาปกติ
หวางเหลียงกรีดร้องด้วยความทรมาน ความหวาดกลัวปกคลุมจิตใจ
*ตูม ตูม ตูม*
ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงของนิกายสุสานบุบผานาม ‘หลัวซ่ง’ อีกเพียงก้าวเดียวมันจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง แต่หากเทียบกับหลิงคงแล้ว มันอ่อนด้อยกว่านางมาก ทำได้เพียงใช้อาวุธในมือต้านรับการจู่โจมของนาง
แต่การจู่โจมที่รุนแรงของนางยากจะต้านรับ ทำให้มันถูกผ้าของนางจู่โจมกระทบร่าง เลือดลมปั่นป่วน อาการบาดเจ็บเพิ่มพูนทุกขณะ
ผ่านไปชั่วไม่กี่ลมหายใจ อาวุธในมือของมันก็ไม่อาจต้านทานการจู่โจมได้อีก เสียงระเบิดดังสนั่น อาวุธของมันถูกทำลายทั้งหมด
ดวงตาของมันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง มันเร่งนำยันต์สีเงินออกมา แปะเข้าที่กลางหน้าอก ก่อนที่ร่างของมันจะแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงที่รวดเร็วเทียบเท่าขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น หนีห่างจากนางอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงมันจะเร็ว แสงจันทร์ของหลิงคงกลับเร็วกว่า พาดผ่านแขนของมัน โลหิตพุ่งกระฉูด แขนหลุดออกจากร่าง มันเปล่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวในความแข็งแกร่งของหลิงคง
*ตูม ตูม ตูม*
ลู่เจี่ยเฟินทุ่มเวลาการฝึกฝนมานานหลายเดือนจนมันแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่อาจรับมือกับเยว่หลิงคงได้ พวกมันทั้ง 4 ประมาทนาง คิดว่านางไม่อาจสู้พวกตนได้
เมื่อนางจัดการกับ 3 คนนั้นเสร็จ ต่อไปคือคราวของลู่เจี่ยเฟิน โดยทั่วไปแล้วไม่มีผู้ใดรู้ว่าตัวมันมีความแค้นกับหนิงฝาน แต่จากท่าทางของนางราวกับนางจะรู้ว่ามันคือตัวการสำคัญที่เป็นภัยกับหนิงฝาน ดังนั้นนางจึงจู่โจมมันรุนแรงกว่าคนอื่นๆ
“บัดซบ! นางบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง! ทำไมทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญ มันต้องเป็นคนมาขวางข้าตลอด บัดซบ! ครั้งนี้ข้าไม่ยอมแน่” แววตาลู่เจี่ยเฟินแปรเปลี่ยนเย็นชา มันนำสมบัติที่ทรงพลังที่สุดที่มันมีออกมาจากกระเป๋า
กระจกเพลิงม่วงหยินหยาง สมบัติมันนำไปใช้ในวังดาราถูกอสูรมิติทำลาย
ขวานเพลิงของมันก็ถูกหนิงฝานทำลาย
ส่วนลูกดอกที่มันจะใช้ลอบจู่โจมหนิงฝาน ลูกดอกที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงยังต้องบาดเจ็บ ก็ถูกหลิงคงทำลายไป
ดังนั้นยามนี้ มันจึงนำค้อนสีครามด้ามหนึ่ง กระถางโลหิะสีดำ และกระบี่บินที่เปล่งแสงหลากสีออกมา
สมบัติที่มันนำออกมาล้วนเป็นสมบัติชั้นยอดที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงก็ยังปรารถนา
แต่ถึงมันจะนำสมบัตรออกมามากมายเท่าไหร่ ก็ยังไม่อาจต้านรับการจู่โจมของเยว่หลิงคงได้ เพราะสุดท้าย สมบัติแต่ละชิ้นก็ถูกทำลายลง
ทุกครั้งที่สมบัติของมันถูกทำลาย ความตระหนกของมันก็ยิ่งเพิ่มพูน เพราะสมบัติเหล่านั้นใช่ว่าจะหามาได้ง่ายๆ
มันจ้องมองหลิงคงด้วยสายตาเกลียดชัง มันปฏิญาณว่าหากวันนี้มันรอดไปได้ เมื่อใดที่มันบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง มันจะกลับมาแก้แค้นนาง
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่รอดพ้นสายตาของหนิงฝาน เขารู้ว่ามู่เจี่ยเฟินเกลียดชังหลิงคงมาก ดังนั้น เขาจะไม่เก็บมันไว้เด็ดขาด เขาจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปได้เด็ดขาด
[ล่าสุดถึงตอนที่ 455 แล้วนะครับ ติดตามได้ที่ https://laosoofung.com/NovelRead/ea7b57af-e0e4-45ee-b1e1-8da20a590a87]
เฉวียนยี่ ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่าหกปีกที่ได้หนิงฝานช่วยไว้ รู้สึกขอบคุณหนิงฝานมาก หากไม่ได้เขา ชายชราคงตาย เผ่าคงถูกทำลาย
ชายชราตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของหนิงฝาน แค่ดรรชนีเดียวของเขา ก็ทำให้อาวุธระดับกึ่งไร้ดัดแปลงถูกทำลาย นอกจากนี้ เขายังมีทาสไร้ดัดแปลง 3 ตน และมีสตรีที่ทรงพลังอย่างเยว่หลิงคง ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา
ชายชราเองก็ประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของเยว่หลิงคงเช่นเดียวกัน การที่ได้เป็นสหายกับหนิงฝาน นับเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของชายชรา
ชายชราสังเกตุเห็นดวงจิตที่อยู่บนไหล่หนิงฝาน เมื่อเพ่งมองดีๆจึงรู้ว่าเป็นเฟินซื่อ
“เฟินซื่อ! เหตุใดนางถึงอยู่กับท่านหมิง?”
“จากสภาพของนาง ดูเหมือนเผ่าเนตรปีศาจและเผ่าเขาคู่จะจู่โจมนาง แล้วท่านหมิงก็ช่วยนางไว้”
“ไม่รู้ว่าที่ท่านหมิงช่วยนาง เป็นเพราะเรื่องบังเอิญหรือเป็นมีบางอย่างแอบแฝง”
“แต่จากนิสัยของท่านหมิง ถึงเขาจะยอมช่วยเรา แต่ย่อมไม่ได้มีเจตนาจะช่วยเผ่าหกปีก... เขาจะไม่ทำสิ่งใดหากไม่ได้รับผลตอบแทน ที่เขายอมช่วยข้าต้องเป็นเพราะจะให้ข้าเปิดศิลาฟื้นฟูให้อย่างแน่นอน ดังนั้นต่อให้คนของข้าตายไปมากเท่าไหร่ เขาย่อมไม่สนใจ...”
ชายชราไม่ได่อ่อนแอ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังคนหนึ่ง แต่ก็มีเพียงตนเองที่ทรงพลัง หากเทียบกันแล้ว คนในเผ่าหกปีกนับว่าอ่อนแอนที่สุดในบรรดาเผ่าปีศาจทั้ง 4 หากไม่มีคนมาช่วย ทั้งเผ่าคงถูกสังหารภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม
ชายชราไม่ตำหนิที่หนิงฝานจะไม่สนใจคนอื่นๆในเผ่า เพราะหนิงฝานไม่ใช่คนของเผ่า เหตุใดต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง
การที่หนิงฝานยอมช่วยก็ถือว่าดีมากแล้ว ดังนั้นเรื่องที่เหลือชายชราก็ต้องช่วยตัวเอง
“ไหนๆก็เผาโลหิตปีศาจแล้ว ข้าคงหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บไม่ได้ แม้ระดับพลังจะต้องลดลง ข้าก็จะปกป้องเผ่าของข้าให้ได้”
ชายชราทะยานขึ้นไปบนท้องนภา ปีกทั้ง 6 ปรากฏที่แผ่นหลัง ทั่วร่างลุกโหมด้วยเพลิงสีดำ
เมื่อการเผาโลหิตเปล่งอานุภาพ อาการบาดเจ็บที่ชายชราได้รับก็ถูกสะกดเอาไว้ ชายชราจึงมุ่งทะยานเข้าสู่สนามรบ สังหารทุกผู้ที่หวังจะทำลายเผ่าของตน
ชายชราสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มและตัดวิญญาณราวกับมดปลวก ผู้ที่จะรับมือชายชราได้ในยามนี้ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตไร้ดัดแปลงเท่านั้น
ไม่นานชายชราก็ไล่ล่าสังหารศัตรูผู้รุกรานเผ่าของตนจนหมด ส่วนหนิงฝานไม่ได้สนใจพวกมัน ไม่ว่าเผ่าใดขุมกำลังใดจะตาย ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา
แม้การที่เผ่าหกปีกถูกรุกรานจะนับเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่หากหนิงฝานไม่ได้ทรงพลังเหมือนอย่างวันนี้ เขาอาจกลายเป็นผู้ที่ถูกเผ่าหกปีกล่าก็ได้
ดังนั้นการที่เผ่าหกปีกทำดีกับเขา ก็เพราะหวาดกลัวในความแข็งแกร่งของเขา ลู่เจี่ยเฟินเองก็เช่นกัน หากวันใดมันแข็งแกร่งขึ้น มันคงจะตามมาแก้แค้นเขาอย่างแน่นอน
มนุษย์นั้นไม่อาจคาดเดา ดังนั้นหนิงฝานจะดีใจที่เผ่าหกปีกถูกทำลายมากกว่าที่จะเก็บพวกมันได้ แต่ที่เขายังไม่ปล่อยให้พวกมันถูกทำลาน ก็มีเพียงเหตุผลเดียวคือศิลาฟื้นฟูเท่านั้น
“ทะ...ท่านหมิง ได้โปรดช่วยเผ่าของข้าด้วย!” เฟินซื่อที่อดทนอยู่นาน ไม่อาจอดทนรอได้อีก
“ช่วยเผ่าเจ้าแล้วข้าจะได้ประโยชน์อะไร?” หนิงฝานกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ประโยชน์? หากท่านช่วยเผ่าของข้ายามที่เผชิญอันตราย เผ่าของข้าย่อมเป็นหนี้บุญคุณท่าน!”
“งั้นเหรอ? ข้าว่าคงไม่เป็นแบบนั้น เผ่าของเจ้าไม่มีทางคิดว่าจะติดหนี้บุญคุณข้า… เจ้าลองคิดดู หากข้าไม่ทรงพลังมากพอ เผ่าของเจ้าจะเห็นหัวข้าหรือเปล่า?”
“ข้า...” นางไม่รู้จะตอบยังไง เพราะที่หนิงฝานกล่าวมาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ศิลาฟื้นฟูคือสมบัติที่ล้ำค่าของเผ่าหกปีก สมบัติที่มีพลังในการรักษาที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ เหตุใดพวกมันจะยอมให้คนภายนอกใช้
แม้ว่าเฉวียนยี่จะรับปากว่าจะให้หนิงฝานยืมใช้ศิลาฟื้นฟู แต่ก็เสียงคัดค้านในตระกูลไม่น้อยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันก็ไม่อาจขัดคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่ จึงได้คิดวางแผนจัดการกับหนิงฝานยามที่เขามาเยือนเผ่าของพวกมัน
แต่แล้วเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นกับพวกมัน อนุสรณ์ปีศาจปรากฏขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ภัยพิบัติมาเยือนเสียก่อน
การที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ล่มสลายของเผ่า ทำให้พวกมันไม่มีกะจิตกะใจจะคิดร้ายกับหนิงฝานอีก
เผ่าหกปีกเป็นเหมือนหมาป่าที่ชั่วร้าย หนิงฝานไม่โง่พอที่จะช่วยให้หมาป่ามาลอบกัดตน
“แสง… มี… คน… มา...” ศพนางสวรรค์กล่าวพลางชี้นิ้วไปยังทิศทางที่ไร้ซึ่งผู้คน แววตาของนางแปรเปลี่ยนเย็นชา
หนิงฝานขมวดคิ้วพลางกระตุ้นโลหิตฟู่ลี่และสัมผัสเทพ แผ่ไปยังทิศทางที่นางชี้ แต่เขากลับไม่เห็นสิ่งใด
ยิ่งทะเลสติของศพนางสวรรค์ฟื้นฟู นางก็ยิ่งน่าเกรงขามขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หนิงฝานเชื่อในสิ่งที่นางกล่าว นางไม่เคยโกหกเขา เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เบาบางไกลออกไปในมหาสมุทร และมันกำลังใกล้เข้ามา
เป็นแรงกดดันของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง!
“เยว่เอ๋อร์ ถอยกลับมา!”
ในช่วงที่หลิงคงกำลังจะสังหารลู่เจี่ยเฟิน หนิงฝานกลับกล่าวขึ้น ทำให้นางต้องถอยกลับมาทันที
“แตงกวาน้อย เกิดอะไรขึ้น? ข้ากำลังจะฆ่ามันได้แล้วเชียว!” เยว่หลิงคงไม่พอใจ แต่นางก็ไม่ได้ตำหนิหนิงฝาน เพราะนางรู้ว่าเขามีเหตุผล
“มีบางคนกำลังมา...” หนิงฝานกล่าวด้วยแววตาเย็นชา
ไม่นานนัก แรงกดดันที่ทรงพลังก็ปรากฏ ตรงเข้ามายังทิศทางของหนิงฝานอย่างรวดเร็ว
บุรุษในชุดจีน สวมมงกุฏบนศีรษะ ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แต่ดูมีราศรีราวกับเป็นจักรพรรดิได้ปรากฏตัว
การปรากฏตัวของบุรุษผู้นั้นทำให้กุ๋ยเจี่ยวและหวางเหลียนตกตะลึง
“คาดไม่ถึงว่ามันเองก็อยากได้อนุสรณ์ปีศาจ! บัดซบเอ้ย ถ้ามีมัน แบบนี้เราก็หมดโอกาสกันพอดี! แต่ในเมื่อมันปรากฏตัว ต่อให้ซัวหมิงมีทาสไร้ดัดแปลงหรือมีเยว่หลิงคง ก็สู้มันไม่ได้แน่”
“ในโลกพิรุณ นอกจากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกแล้ว ก็ไม่มีใครสู้มันได้อีก!” เมื่อลู่เจี่ยเฟินเห็นผู้ที่มา มันก็หยุดมือและเร่งถอย การต่อสู้ที่รุนแรงในเผ่าหกปีกเองก็หยุดลงเช่นเดียวกัน เหล่าผู้เชี่ยวชาญเร่งถอยกลับไปรวมขุมกำลังของตน
ไม่นานคนผู้นั้นก็มาถึง คนผู้นั้นดูสูงศักดิ์ ไม่สมควรสนใจกับอนุสรณ์ปีศาจ กลิ่นอายที่มันแผ่ออกมา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นคนของนิกายฝ่ายธรรมะ เพียงแต่แววตาของมันกลับไม่ต่างจากผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม
“ข้าราชาสุสานบุบผา… หากพวกเจ้าไม่อยากตาย ก็อย่างได้แก่งแย่งสิ่งนั้นกับข้า!” คาดไม่ถึงว่าราชาสุสานบุบผา ผู้ที่ได้ชื่อว่ามากพรสวรรค์ของวิหารพิรุณ จะมาเยือนที่นี่ด้วยตัวเอง...