บทที่ 62 เป้าหมายใหม่ หัวหน้าหลิวหัว!
บทที่ 62 เป้าหมายใหม่ หัวหน้าหลิวหัว!
ผู้แปล loop
เวลาเที่ยง ณ โรงอาหารของสำนักสาขา
อาหารกลางวันในโรงอาหารนั้นคือผัดหมูกระเทียมและไข่กวนกับกระเทียม ตอนนี้อากาศในโรงอาหารเต็มไปด้วยกลิ่นอาหารและทำให้บางคนในโรงอาหารสำลักออกมาเล็กน้อย หลังจากได้รับข้าวหนึ่งชามดงซูบินก็นั่งลงกับต้าหลินเหม่ยและจ้วงจื่อ ที่โต๊ะใกล้หน้าต่าง คะแนนโหวตที่สำคัญที่สุดของเสี่ยวหยานนั้นได้ถูกยกให้ดงซูบินแล้ว แต่มันเร็วเกินไปที่จะมีความสุข หากไม่มีใครอื่นนอกจากรองหัวหน้าเสี่ยวช่วยเขา เขาเองก็จะไม่สามารถชนะการแข่งขันกับฉางจี้ และเกาแพนเหว่ยได้
‘นี้มันพึงจะแค่เริ่มต้น ฉันควรกำหนดเป้าหมายใหม่ใครจะเป็นคนต่อไป’
มันเหลือเวลาอีก 4 วันดงซูบิน จะต้องใช้เวลาที่เหลืออย่างเต็มที่เพื่อรวบรวมคะแนนเสียงให้เพียงพอ
หลังอาหารกลางวันพวกเขาก็กลับไปที่สำนักงาน ดงซูบินจึงวิเคราะห์สถานการณ์ เขาเริ่มมีสองเป้าหมายในใจ หนึ่งในนั้นคือรองหัวหน้าสำนักการศึกษาที่เรียนไม่ค่อยสูงมากเพราะเขาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการพรรคและเพิ่งย้ายมาที่สาขานี้ ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มใด ๆ ในสำนักและถือว่าเขายังมีความ "เป็นกลาง" อีกทั้งดงซูบินเคยได้ยินหัวหน้าหยางจินหงษ์ ว่าเขามีวัตถุประสงค์ของเขาเองและไม่เคยเลือกข้างในระหว่างการประชุมคณะกรรมการที่ผ่านมา และอีกคนคือรองหัวหน้าหลิวหัว เขามีความสัมพันธ์ของเขากับกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ เขาถูกโอนมายังสาขานี้เป็นการชั่วคราว มีข่าวลือว่าเขาจะถูกโอนกลับไปที่เดิมในอีกไม่กี่เดือน เพราะเขาอายุยังน้อยและโปรไฟล์ยังไม่เยอะมาก อีกทั้งเขาไม่เคยคัดค้านการตัดสินใจใด ๆ ระหว่างการประชุมคณะกรรมการเลย
‘ใช่แล้ว.ต้องเป็นสองคนนี้!’
ดงซูบินเริ่มดำเนินการทันที เขาดึงคีย์บอร์ดออกมาและเริ่มพิมพ์ เขากำลังเขียนคำปราศรัยให้สำหรับรองหัวหน้าหยาง สำหรับการประชุมครั้งต่อไปของเขาในเวลา 15.00 น. ร่างจดหมายที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาจนแล้วเสร็จ ดงซูบินเริ่มตรวจสอบว่ามีตัวอักษรที่อ่านยากในร่างก่อนพิมพ์หรือไม่ เขารับเอกสารที่พิมพ์ออกมาและขึ้นไปชั้นบน
“ฉันไม่ได้ขอให้เสี่ยววังไป? นายจะไปทำไม”
“หัวหน้าหยางผม……”
“ไปบอกเสียววังทันที! พวกแกทำอะไรอยู่เนี่ย?”
รองผู้อำนวยการสำนักหยางเองตะโกนออกมาจนเสียงได้ยินมาตามทางเดิน ดงซูบินก็ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้และยืนรอจากระยะไกล เขารอจนกระทั่งสมาชิกที่ทำหน้าบูดบึ้งเดินออกจากห้องมา ดงซูบินยืดคอของเขาแล้วเคาะประตู “หัวหน้าหยางครับร่างคำปราศรัยของหัวหน้าพร้อมแล้ว”
“โอ้ซูบินหรอเนี่ย” หยางจินหงษ์มีท่าทางที่ยิ้มแย้มขึ้นมาทันทีเมื่อเขาพบกับดงซูบิน “ฉันต้องการสคริปต์สำหรับคำปราศรัยของฉันในเดือนหน้า ไม่ต้องรีบนะ”
ดงซูบินดันร่างคำปราศรัยไปข้างหน้าเบา ๆ “ช่วยตรวจก่อนนะครับ……ผมกลัวว่าร่างนี้จะไม่ดีพอและต้องการให้หัวหน้าตรวจดูก่อน หากหัวหน้าพบข้อผิดพลาดใด ๆ ผมสามารถแก้ไขให้ใหม่ได้นะครับ”
“คำพูดก่อนหน้านี้ที่ของนายเขียนได้สมบูรณ์แบบและละเอียดมาก. ให้ฉันดูหน่อยสิ”หยางจินหงษ์หยิบกระดาษ A4 สองสามฉบับออกมาและสแกนผ่านมัน “อืม……อืม……ไม่เลวเลย” หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาพยักหน้าและเก็บร่างไว้ในลิ้นชัก “นี่ดีพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไรอีก ฉันจะใช้กระดาษแผ่นนี้เป็นคำปราศรัยของฉัน”
ดงซูบินพูดทันที:“ถ้าอย่างนั้นมีเอกสารหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่หัวหน้าต้องการอีกไหมครับ?”
หยางจินหงษ์ก็คิดอยู่พักหนึ่ง “จัดระเบียบและถอดบทสรุปการประชุมมาให้ฉัน ห้องประชุม 3 ห้อง ฉันต้องการทุกข้อความจากครึ่งหลังของปี”
"ครับผม. ผมจะนำมาให้หัวหน้าก่อนหมดวัน”
หยางจินหงษ์หัวเราะออกมา “ไม่ต้องรีบร้อน นายใช้เวลาได้เต็มที่เลย โอ้สำนักงานกิจการทั่วไปของนายมีผู้ชายอีกสองคนนิ ชื่ออะไรนะ เกา.. กับ ฉาง อะไรนะ ……. ฉันจำชื่อไม่ได้”
ดงซูบินเองก็ตอบกลับไปว่า:“หัวหน้าหมายถึงเกาแพนเหว่ย และฉางจี้ หรือป่าว”
"ถูกต้องแล้ว. สองคนนั้นแหละ“หยางจินหงษ์เริ่มขมวดคิ้ว” เช้านี้ฉันโทรไปที่ฝ่ายกิจการทั่วไปของนายเพื่อขอข้อมูลการส่งเสริมสุขภาพ ฉันต้องการเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ส่งข้อมูลให้ฉัน แต่ทำไมหลังจากคนแรกขึ้นมาส่งเอกสารให้ฉันแล้ว ยังมีอีกขึ้นมาส่งเอกสารเดียวกันให้ฉันอีกครั้งและพวกเขาทั้งคู่ยังคงพยายามที่อยู่ในห้องของฉันโดยไม่คิดจะไปทำงานต่อ นี่มันมีประสิทธิภาพการทำงานแบบไหนกันแน่? พวกเขาทั้งคู่กำลังทำให้ฉันเสียวเวลา! นายช่วยกลับไปแล้วบอกพวกเขาว่าอย่ามาที่ห้องของฉันอีก นายจะเป็นคนที่จะส่งเอกสารหรืออะไรก็ตามให้กับฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
‘ฮ่า ๆ ๆ ๆ! เขาเลือกฉันแล้ว!’ ดงซูบินเกือบจะหัวเราะออกมา "ครับหัวหน้า."
เกาแพนเหว่ย และฉางจี้ไม่ควรบอกเรื่องเอกสารซึ่งกันและกันว่าพวกเขาจะนำเอกสารไปให้หยางจินหงษ์ทั้งคู่ต่างก็กระตือรือร้นที่จะเสนอหน้าต่อหัวหน้าของเขาและทำให้เกิดความเข้าใจผิด ตอนนี้มีผู้สมัครเพียง 3 ตำแหน่งในตำแหน่งรองหัวหน้า หากหยางจินหงษ์ ไม่พอใจทั้งคู่เขาก็จะสนับสนุนดงซูบิน! ท้ายที่สุดหยางจินหงษ์ก็พอใจกับผลงานของดงซูบินหลังจากที่เขาบังเอิญพบว่าหยางจินหงษ์มีระดับการศึกษาที่ไม่สูงมาก ดงซูบินเคยผ่านช่วงเวลาที่เคยโดนด่านั้นนั้นมาแล้วและหยางจินหงษ์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดงซูบิ รู้ความลับของเขา
ไม่น่าจะมีปัญหากับการโหวตของหยางจินหงษ์
‘ฉันมี2 คะแนนในมือ!’
ณ เวลาเลิกงาน
ดงซูบินเก็บข้าวของของเขาและเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน จากหน้าต่างสำนักงานของเขาเขาเห็นรองหัวหน้าหลิวหัว เขาอายุประมาณ 35 หรือ 36 ปีและมีลูกแล้ว เขาถือกระเป๋าเอกสารและเดินอย่างช้าๆ เขาเป็นคนแรกที่เดินออกจากสำนักงานในวันนี้
“หัวหน้าหลิวคุณจะกลับแล้วหรอ”หยางจินหงษ์ตะโกนออกมา “อยากทานอาหารเย็นด้วยกันไหม”
หลิวหัวหันหลังกลับไปและเห็นหยางจินหงษ์เดินออกมาจากอาคารสีเทา เขายิ้ม:“ต้องเป็นเวลาอื่นแล้ว วันนี้ผมมีนัดนะ”
หยางจินหงษ์เองก็ไม่แปลกใจ พวกเขาพูดคุยกันคำสองสามคำและเดินออกมาจากบริเวณนั้น
ภายในสำนักงานหลังจากที่คนส่วนใหญ่กลับไปแล้ว ต้าหลินเหม่ยก็หัวเราะและพูดว่า:“หัวหน้าหลิวนะเขายังอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำอยู่”
จ้วงจือถามว่า:“แล้วทำไมเขายังอยู่ในตำแหน่งนี้ล่ะ?”
ต้าหลินเหม่ยรอจนกว่าเกาแพนเหว่ยและฉางจี้กลับไป ก่อนที่เธอจะพูดออกมาอย่างไม่ลังเลว่า “นายโง่หรือเปล่า ตั้งแต่วันที่หัวหน้าหลิว ถูกย้ายมาที่สาขานี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว นายเคยเห็นเขากินข้าวกับใครบ้างไหม? นายเคยเห็นหัวหน้าหลิวมีขอคุยส่วนตัวกับหัวหน้าคนอื่นหรือป่าว? ทุกเช้าหลังจากหัวหน้าหลิว เข้ามาทำงานเขาจะอยู่ในสำนักงานจนกว่าจะถึงเวลากลับบ้าน เขาไม่ค่อยออกจากสำนักงาน เขาไม่แม้แต่รับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารด้วยซ้ำ”
ในตอนนั้นเองดงซูบินเองก็กำลังนั่งฟังอยู่ข้างๆเช่นกัน
“นอกจากนี้หัวหน้าหลิวไม่เคยพูดอะไรเลยในระหว่างการประชุมหัวหน้าสำนักงานสาขาและคณะกรรมการพรรค เมื่อใดก็ตามที่มีการปรับกำลังคนใหม่และเจ้าหน้าที่ต้องลงคะแนนและแสดงความคิดเห็นของพวกเขาเขาก็จะให้คะแนนแบบงดออกเสียง แม้กระทั่งตอนที่จะต้องขึ้นอภิปรายบางเรื่องเขาก็จะรอให้หัวหน้าหยางชี้นิ้วไปที่เขาก่อนถึงเขาจะลุกขึ้นพูด เขาเพิ่งมาที่นี่เพื่อมาทำงานเท่านั้นและไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องอื่น ๆ” ต้าหลินเหม่ยคิดเรื่องนี่มาพักหนึ่งแล้วพูดว่า:“เขายังไม่มีอิทธิพลได้เหมือนหัวหน้าสำนักหยางของเรา ในช่วงเทศกาลเขาจะไม่รับของขวัญใด ๆ ไม่ใช่แม้แต่ปากกาหรือหนังสือ”
มันทำให้ดงซูบินรู้สึกประหลาดใจ "จริงๆ?"
เป็นเรื่องปกติในหน่วยงานของรัฐที่จะได้รับบุหรี่และเหล้าเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลและเป็นเรื่องแปลกที่จะเห็นใครปฏิเสธของขวัญเหล่านั้น
ต้าหลินเหม่ยหันไปที่ดงซูบินด้วยความโมโห "ใช่! เมื่อฉันมาใหม่ๆที่นี่ฉันนำกล่องบุหรี่ไปให้ที่บ้านของหัวหน้าหลิวเป็นของขวัญในช่วงตรุษจีน แต่หัวหน้าหลิวไม่ได้เปิดประตูให้ฉันเข้าไป เขาบอกให้ฉันออกไปพร้อมกับของของขวัญนั้นและปิดประตู ตอนนั้นฉันอายมากๆ เฮ้อ……อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย”
ดงซูบินพยักหน้ารับและขอให้ต้าหลินเหม่ยบอกที่อยู่ของหัวหน้าหลิว หลังจากนั้นดงซูบินก็ได้รับที่อยู่ของหัวหน้าหลิวและเขาก็ออกจากสำนักงานไป
ดงซูบินรู้ว่าหลิวหัว ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ แต่เขาก็ไม่สามารถพลาดโอกาสนี้ได้เช่นกัน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นดงซูบินจะต้องไปเยี่ยมหลิวหัวในเย็นวันนี้ที่บ้านของเขาให้ได้