ตอนที่แล้วบทที่ 304 - ลิลิธ (4) [01-01-2021]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 306 - ลิลิธ (6) [05-01-2021]

บทที่ 305 - ลิลิธ (5) [03-01-2021]


บทที่ 305 - ลิลิธ (5)

[ฆ่าเขา! อย่าได้ให้ผมของฉันแม้แต่เส้นเดียวต้องหลุดไป]

เสียงที่คมชัดของลิลิธได้ดังก้องไปทั้งพระราชวัง รูปปั้นสีทองได้เบ่งกล้ามของพวกมันออกมาและพุ่งเขามาใส่ฉัน เนื่องจากว่าสายตาของฉันอยู่ที่พวกมันตั้งแต่เริ่มฉันก็รู้สึกได้ถึงก้อนมานาขนาดใหญ่จากพวกมันและรู้ด้วยว่าพวกมันทำตามคำสั่งลิลิธได้ยังไง

[ข้าดอร์ตู ข้าทำให้มันอ่อนแอลงได้ประมาณ 0.07 วินาที]

"ถ้าฉันให้สัญญาณก็ทำให้พวกมันอ่อนแอเลยนะ"

ดอร์ตูดูจะไม่พอใจที่ลิลิธได้ขโมยการควบคุมในพลังไปจากเขา เขาได้บอกกับฉันว่าเขาจะทำให้รูปปั้นอ่อนแอลงไปได้พักหนึ่งและฉันก็ได้จับหอกแน่นตอบกลับเขาไปทันที

ถึงแม้ว่าดอร์ตูจะเกิดขึ้นมาไม่นานนัก แต่เพราะฉันได้ส่งมานาให้เขาตลอดเวลาตั้งแต่ที่ยังเป็นไข่อยู่ทำให้ฉันสามารถจะจะสื่อสารกับเราได้เร็วกว่าคำพูด เพราะแบบนี้ 0.07 วินาทีนี่มันก็พอแล้ว

อย่างแรกฉันได้เลือกพยายามสู้โดยที่ไม่ยืมพลังของดอร์ตูก่อน ฉันได้แทงหอกของฉันเข้าไปที่ท้องของรูปปั้น แต่ว่าแรงสะท้อนที่น่าสะพรึงก็ได้ดันตัวฉันกลับมา ใช่แล้วนี่มันคือพลังของรูปปั้น

แน่นอนว่าพลังส่วนหนึ่งของรูปปั้นมาจากมานาข้างในมัน แต่ว่ามันก็ยังมีบางอย่างที่เกินกว่าความเข้าใจของฉันด้วย ถ้าหากว่านี้มันเป็นพลังที่ลึกลับโดยที่ไม่ใช่มานา มันก็อาจจะเป็นเพียงสิ่งหนึ่งเท่านั้น

"นี่มันไม่ใช่ทอง!"

[ใครจะไปใช้โลหะแบบนั้นกัน?]

[ข้าดอร์ตู ข้าไม่เคยเจอกับโลหะนี้มาก่อน ดอร์ตูจะต้องกินมัน]

ด้ามหอกของฉันได้ปะทะเข้ากับมือของรูปปั้นและได้มีเสียงเอี๊ยดดังขึ้นมา ในเวลาเดียวกันดอร์ตูก็ได้แสดงความคลั่งไคล้ในโลหะออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก เพราะแบบนี้ฉันจึงถามเขาออกไป

"พวกมันจะอ่อนแอลงยังไง?"

[ข้าดอร์ตู ดอร์ตูจะต้องกินโลหะนั่น]

"...แน่นอน ไปกันเลย"

ถ้านั่นมันเป็นสิ่งที่ดอร์ตูต้องการ นายก็ไม่ควรจะมาให้ความหวังฉันนะ

ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่นฉันได้ยอมแพ้ในเรื่องนั้นไปตรงๆ หลังจากที่ฉันได้ให้สัญญาณกับดอร์ตูไปแล้ว ก้อนเล็กๆที่มีอยู่บนมือของรูปปั้นที่ฉันเผชิญอยู่ก็ได้หายไป มันดูเหมือนจะมีคนมากัดมันออกไป

[ภูติธาตุ!? ฮึ่ม ทุกคนโจมตี!]

ลิลิธสมแล้วที่ถูกเรียกว่าศัตรูของโลก เธอได้รู้ถึงตัวตนของดอร์ตูในทันทีและสั่งให้ลูกน้องของเธอเข้ามาโจมตีฉัน มันเป็นเรื่องปกติมากที่ภูติธาตุจะหายไปเมื่อผู้ทำพันธะสัญญาตาย

แต่ว่าก่อนที่ลิลิธจะออกคำสั่งเจ้าพวกรูปปั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ฉันรู้ว่าลิยูจะต้องป้องกันฉันด้วยบาเรียน้ำแข็งแน่หากมันอยู่ในกรณีที่แย่ที่สุด แต่ว่าเมื่อคิดถึงความรู้สึกที่ฉันได้ปะทะกับมันมาครั้งหนึ่ง บาเรียของริยูก็ไม่น่าที่จะป้งอกันการโจมตีนั่นได้มากกว่าหนึ่งครั้ง

แม้อย่างนั้นมันจะน่าทึ่งที่แม้แต่ร่างกายที่ถูกเสริมขึ้นของฉันยังไม่สามารจถทำลายเจ้าหุ่นพวกนี้ได้ในครั้งเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็เหลือแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น นี่มันเป็นสิ่งที่ฉันได้เตรียมเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในชั้นที่ 35 ซะอีก

"โอเวอร์ลอร์ด"

ร่างกายของฉันได้ขยายขึ้นเป็นสองเท่าในทันที มานาอินิกม่าได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและปกคลุมร่างกายของฉัน ในขณะนี้ฉันรู้สึกได้ถึงความหนาวสั่นและความตื่นเต้นจากอินิกม่า รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นมาจากหน้าฉันทันที

อินิกม่าเป็นมานาที่ฉันครอบครองอยู่ แม้แต่ลิลิธก็ไม่สามารถจะมาล่อลวงในมานาที่อยู่ในการควบคุมของฉันได้ แม้ว่ามันจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นและเป็นเกราะก็ตาม ยังไงในท้ายที่สุดมันก็ยังคงเป็นมานาอยู่

เพราะแบบนี้ทำให้ฉันไม่เปลือยอีกต่อไปแล้วเพราะการที่อินิกม่าได้กลายมาเป็นเกราะคลุมตัวฉัน

"ฮ่าาาาาาาห์!"

ในตอนนี้ทุกๆทางได้ถุกป้องกันแล้ว ฉันได้พุ่งตคัวออกไปข้างหน้าพร้อมกับคำรามออกมา ข้างหน้าทางที่ฉันไปอยู่มีรูปปั้นทั้งหมดอยู่ 5 ตัว ส่วนที่เหลือกำลังไล่ตามฉันมาจากด้านซ้าย ขวา ด้านข้าง และด้านบนที่พยายามจะเข้ามาขยี้ฉัน ฉันได้กัดฟันแน่นและตะโกนออกมา

"ย๊ากกกกกกกกกก!"

เสียงคำรามที่ฉันตะโกนออกมาได้กลายเป็นเพลิงและกระจายออกไปทั่ว เพราะแบบนี้ทำให้โลหะเริ่มอ่อนตัวลงไปเพราะไฟ ฉันได้ใช้เสียงคำรามสีชาดออกมา

โชคดีที่สิ่งต่างๆก็ยังเป็นไปตามที่ฉันคิดเอาไว้ อุณหภูมิของพระราชวังได้สูงขึ้นมาและเพลิงก็ได้เริ่มลุกขึ้นบนร่างกายโลหะของพวกมัน ที่เป็นแบบนี้ส่วนใหญ่น่าจะขอบคุณในพลังอินิกม่า

[นี่มันพลังที่เหนือกว่าตรรกะ! อิ๊]

ฉันสามารถจะได้ยินเสียงของลิลิธที่ผงะไปได้ แต่ว่าฉันก็มองไม่เห็นเธอเลยเพราะรูปปั้นที่อยู่รอบๆตัวฉัน ในท้ายที่สุดแล้วฉันได้ดึงพลังในเพลิงรอบๆมาที่หอกและเสริมพลังเทพสายฟ้าลงไปเพื่อสร้างขึ้นเป็นวังวน

"ทำลาย!"

ในอดีตทักษะที่ฉันเรียนรู้ได้ง่ายที่สุดหลังจากที่เรียนวงจรเพรูต้านั่นก็คือเทมเพรส สกิลนี้ต้องการมานาเพียงแค่ 300 แต่ว่าด้วยวงจรเพรูต้าที่ฉันเชี่ยวชาญในตอนนี้ ฉันก็รู้สึกเสียใจมากที่ไปเทียบเท็มเพรสอันเก่ากับเท็มเพรสในปัจจุบัน เนื่องจากฉันได้ดึงมานามาจากรอบๆและปล่อยเท็มเพรสอย่างไม่สิ้นสุดออกไป

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ฉันมีสุดยอดความโลภและรอยสักนรกสีชาดอยู่ด้วย เท็มเพรสในตอนนี้เป็นส่วนขยายของวงจรเพรูต้า ตัวฉันได้เต็มไปด้วยมานามากยิ่งขึ้นในตอนที่ฉันใช้เท็มเพรส

มานาที่มานี้ได้เปลื่ยนกลายไปเป็นอินิกม่าและพุ่งออกไปจากหอกของฉัน มันเป็นวงจรที่ไม่สิ้นสุดลง

"ไม่ว่าแกจะแข็งแค่ไหน ฉันก็สงสัยจังเลยว่าจะทนได้จนในตอนที่ฉันดูดมานาจากเธอหมดไหม!?"

[ข้าดอร์ตู ข้าจะกินมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้]

ดอร์ตูได้บ่นขึ้นมาราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะเอาอาหารของเขาไป รูปปั้นที่ฉันเชื่อมั่นว่าดอร์ตูกำลังอยู่ในนั้นได้กลายเป็นช้าลงอย่างเห็นได้ชัดในทันที ฉันได้เหวี่ยงหอกออกไปรอบๆเพื่อยิ่งเท็มเพรสออกไปอย่างอิสระ จากนั้นก็แทงหอกเข้าใส่รูปปั้นที่จะต่อยฉัน

วังวนมานาสีดำได้หุ้มหอกของฉันเอาไว้ทำให้หอกของฉันดูเหมือนมีขนาดใหญ่ขึ้นสามเท่า รูปปั้นได้ถูกทำลายกลายเป็นชิ้นๆเหมือนกับถูกค้อนทุบพร้อมกับเสียงที่เสียดหูที่ดังขึ้น

[เจ้าอยู่นั่น อย่าขยับ]

ในตอนนี้เองเสียงของลิลิธได้ดังขึ้นมา อย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย เธอจะต้องป้องกันไม่ให้ฉันโจมตีรูปปั้นได้อย่างอิสระแน่ หลังจากที่ได้เห็นริยูสร้างบาเรียรอบตัวฉันแล้ว ฉันได้ดึงพลังวิญญาณสัมบูรณ์จนถึงขีดสุด

พลังเวทย์ของลิลิธมันเป็นเวทย์ประเภทจิตใจแต่ว่ามันก็ใกล้เคียงกับคำสาป น่าเสียดายสำหรับเธอมากที่ฉันน่าจะเป็นคนที่เหมาะจะป้องกันการโจมตีนี้ได้ดีที่สุดบนโลก

[ฉันจะขยี้ใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณ]

"ฟู่.....!"

ในเวลาเดียวกันนั้นพลังเวทย์ของลิลิธก็ได้เริ่มที่จะยับยั้งตัวฉันเอาไว้ รูปปั้นได้พุ่งเข้ามาหาฉันจากทางด้านซ้าย ด้านขวา และด้านบน

การที่เธอสามารถจะยับยั้งฉันได้ถึงแม้ว่าฉันจะใช้โอเวอร์ลอร์ดไปแล้วนี่มันน่าทึ่งมากๆ... มันเป็นพลังที่เหมาะสมกับศัตรูของโลกมากๆ มันดูเหมือนว่าฉันคงจำเป็นต้องยอมแพ้เธอในเรื่องของพลังเสน่ห์ แต่ว่าถ้าหากว่าฉัยยังอ่อนแอในด้านอื่นๆอีกฉันจะต้องแพ้แน่ ไม่สิ ฉันไม่ได้หลงเสน่ห์เธอตั้งแต่ตอนที่เห็นเธอ

"แต่ว่านี่มันแย่เกินไปที่เธอได้มาเจอฉันช้าเกินไป...."

หลังจากสูดหายใจสั้นๆแล้วฉันก็ดึงหอกไปด้านหลัง วงจรเพรูต้าได้หยุดลงพักหนึ่งและหมุนวนไปในทิศตรงกันข้าม ฉันได้ตั้งสมาธิไปกับมานาที่ไหลกลับไปยังหอกของฉัน การไหลของมานาที่แปลกนี้ก็ยังทำให้มานาของลิลิธที่เข้ามาในตัวของฉันได้สั่นสะเทือนและหยุดลงไปในที่สุดด้วยวิญญาณสัมบูณณ์ ในเวลาเดียวกันนี้รอยสักบนนิ้วมือของฉันก็เปล่งแสงออกมาและมานาทั้งหมดของฉันก็ได้ไหลไปรวมอยู่ที่หอก มานาของลิลิธได้หายไปอย่างรวดเร็วและถูกดูดเข้าไปในหอกของฉัน

พลังในการรวมพลังทั้งหมดไปในจุดๆเดียว นี่คือความสามารถพิเศษที่ได้เกิดขึ้นมาจากพรสวรรค์ตามธรรมชาติของฉันมากกว่าผลลัพธ์ของความสามารถเพรูต้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันมาจากเทคนิคหอกของตระกูลของฉัน

ใช่แล้วในตอนนี้ฉันกำลังเน้นไปที่พลังวงจรเพรูต้า พลังของนรกสีชาด และพลังจากวิญญาณสัมบูรณ์รวมเข้าด้วยกันด้วยพลังที่ไม่ได้เป็นของฉัน อินิกม่าได้รวมพลังทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันและเสริมพลังของมัน พลังพวกนี้เดิมที่ที่น่าจะปะกันกันเองได้ตกอยู่ภายใต้คำสั่งของอินิกม่า

หอกตามปกติก็คงจะต้องถูกทำลายและฉันก็จะต้องได้รับบาดเจ็บแน่ แต่ว่าหอกที่ฉันถืออยู่นี้ได้รับการเสริมพลังของดอร์ตู ทำให้มันได้รวมพลังขึ้นส่องแสงมากขึ้นกว่าเดิมแทนที่จะต้องถูกทำลาย

"ฮ่าาาาาห์!"

มันเกือบจะเหมือนกับการดึงหนังยางและปล่อยมันออกไป ฉันได้เริ่มกลับมาโคจรวงจรเพรูต้าตามปกติและปาหอกออกไปข้างหน้า พลังที่ถูกรวมเอาไว้ได้ระเบิดออกมาเหมือนเลเซอร์เจาะทะลุผ่านรูปปั้นและพุ่งเข้าใส่ลิลิธที่ซึ่งเป็นเป้าหมายจริงๆของฉัน

[กรี๊ดดดดด!]

ฉันไม่สนใจมาตรวจสอบเลยว่าเธอจะบาดเจ็บไหม ฉันไม่มีเวลาทำแบบนั้น ฉันได้ใช้พายุหอกสายฟ้าเข้าใส่รูปปั้นที่เข้ามาหาฉันทันที ด้วยดวงตาที่เปิดกว้างของฉัน ฉันได้ระบุในจุดของรูปปั้นที่อยู่รอบตัวและแทงหอกของฉันเข้าใส่รูปปั้นทีละตัวพร้อมทั้งหลบการโจมตีของพวกมันไปด้วย

"ย๊ากกกกกกกก!"

ถึงแม้ว่าฉันจะทำลายพวกมันไม่ได้ในครั้งเดียว แต่ว่าด้วยการแทงหอกอย่างต่อเนื่องของฉันก็ทำให้มีหลุมเต็มตัวพวกมัน ดอร์ตูได้พูดขึ้นอย่างทันที

[ข้าคือดอร์ตู กินน้อยไป ข้าต้องกินเร็วกว่านี้]

"ถ้านายทำได้มากกว่านี้ก็เร็วเลยดอร์ตู"

[ข้าดอร์ตู ข้ากำลังวิเคราะห์โลหะพวกนี้ในไม่ช้า]

ฉันได้ให้กำลังใจดอร์ตูจากภายในและดึงหอกกลับมา จากนั้นฉันก็กระโดดถอยและเหวี่ยงหอกอย่างรุนแรง รูปปั้นที่โถมตัวของฉันจากด้านบนได้หล่นลงมาหลังจากถูกตัดจนขาดครึ่ง

[เป็นไปไม่ได้...! โอไรท์ชาคอสถูกตัดได้อย่างง่ายดาย!?]

โอไรท์ชาคอส? ฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ใช่แล้วมันน่าจะเป็นชื่อที่เสริมมาจากโอริชาคัม! มันคือหนึ่งในโลหะที่ทรงพลังที่สุดเมื่อเทียบกับมิธธิล! นั่นมันหมายความว่า... เจ้ารูปปั้นทั้งหมดนี้ทำขึ้นมาจากโอไรท์ชาคอส!? ลิลิธเธอจะรวยไปแล้ว!

"มันก็ง่ายมาก มานาที่ฉันใช้อยู่มันต่างจากเธอนิดหน่อย"

[ฉันรู้แล้วว่ามานาของคุณได้อยู่ในระดับใหม่ไปแล้ว แต่ว่าคุณก็ไม่น่าจะตัดโอไรท์ชาคอสได้ง่ายแบบนี้!]

"ถ้าเธอแค่ปล่อยมานาของเธอมาก็แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าถ้าเธอควบมานาของเธอแบบนี้...."

ฉันได้รวบรวมมานาของฉันกว่าหนึ่งแสนมาที่หอก ออร่าของพลังได้ผสมรวมกันจนทำให้มันดูน่าเวียนหัวยิ่งกว่าปกติ แต่ว่าด้วยอินิกม่าที่กลืนกินทุกๆอย่างลงไปทำให้ฉันสามารถตะควบคุมได้อย่างง่ายดาย ฉันได้รวบรวมออร่าเข้ามาที่คมหอก มันได้หยุดเปล่งแสงและกลายเป็นบางเหมือนกับคมมีดอย่างดี

ในอดีตนี่มันจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะการขาดมานา แต่ว่าถ้ามันเป็นในตอนนี้ ฉันก็สามารถทำมันได้เป็นเวลานาน ด้วยการเสริมจากโอเวอร์ลอร์ดฉันในตอนนี้ก็มีศักยภาพในการผสมมานาเข้ากับตัวฉันเองได้แล้ว

ในตอนนี้เมื่อรวมกับพลังของดันเจี้ยนเข้าไปฉันก็มีมานามากกว่า 900,000 ไปแล้ว ด้วยเทคนิคนี้ฉันสามารถจะตัดรูปปั้นพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย

"เธอได้พาฉันมาในทางทีดีขึ้นแล้ว!"

ฉันได้แทงหอกออกไปด้านหลัง เนื่องจากว่าตัวฉันได้เข้ามาใกล้กับกำแพงพระราชวังทำให้มันไม่ได้มีตัวอะไรที่มาโจมตีฉันจากด้านหลังมากนักและการโจมตีในตอนนี้ก็ไม่มีทางที่รูปปั้นจะกันได้ จากนั้นฉันก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพง ฉันสามารถจะกระโดดขึ้นไปเดินบนท้องฟ้าก็ได้หายๆ แต่ว่าการวิ่งไต่กำแพงมันเท่กว่านะ!

"ไพก้า ชาราน่า!"

[เต็มพลัง!]

[เพื่อนายท่าน!]

ฉันได้มอบมานากว่าครึ่งที่เหลืออยู่ของฉันซึ่งมีประมาณ 300,000 ไปให้กับภูติธาตุ หลังจากที่พวกเธอได้รับมานาไปไพก้าได้กลายร่างเป็นมังกรสายฟ้าขนาดยักษ์ที่ขดตัวบนท้องฟ้าทันที

ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เห็นชาราน่า แต่ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าเธออยู่เสริมพลังภายในตัวของไพก้าจนถึงขีดสุด ด้วยเทคนิคสปิริตรออร่าที่ฉันเชี่ยวชาญแล้วมันทำให้ภูติธาตุสามารถจะเข้าไปในภูติธาตุอีกตนหนึ่งได้

แน่นอนว่านี่มันเป็นไปไม่ได้กับภูติธาตุตัวใดก็ได้ มันจะเป็นไปได้ก็สำหรับไพก้าที่เป็นภูติธาตุที่มีศักยภาพที่สูงมากๆและชาราน่าที่มีพลังในการเสริมพลังของคนอื่นอยู่แล้ว

[ภูติธาตุที่ทรงพลังมากจริงๆ... แต่ว่านั่นมันจะพอมาทำร้ายฉันได้หรอ?]

"อย่างน้ิอยที่สุด เธอก็สามารถจะทำลายทุกๆอย่างนอกจากตัวเธอได้"

[ข้าดอร์ตู วิเคราะห์สมบูรณ์แล้ว]

ก่อนที่ลิลิธจะได้พูดอะไรออกมาอีก ดอร์ตูก็ได้ประกาศขึ้นมาแล้ว ในเวลาเดียวกันนี้การเคลื่อนไหวของรูปปั้นก็แปลกไป จู่ๆพวกมันก็ได้หยุดวิ่งเขามาหาฉันราวกับขาของมันได้ติดอยู่กับพื้น จากนั้นพวกมันที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ก็ได้เริ่มบิดเบือนไป ดอร์ตูได้เริ่มการแก้แค้นของเขาแล้ว

ฉันได้ตะโกนออกมา

"ตอนนี้แหละ!"

[ก๊าซซซซซซซซ!]

ไพก้าได้คำรามออกมาอย่างน่ากลัวและพุ่งตัวเองเข้าไปปะทะตัวๆ สายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวของไพก้าได้ถูกยิงออกไปทั่วทุกทิศทางและได้ลบเพลิงที่ยังคงเผาไหม้ออกไปอย่างเห็นได้ชัด มันไม่ใช่เพียงแค่นนี้เท่านั้น รูปปั้นก็ยังไม่สามารถจะหลบเธอหรือพุ่งเข้าหาเธอได้อีกเหมือนกับพวกมันไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ไพก้าได้เปิดปากของเธอกว้างและพุ่งตรงเข้าใส่ลิลิธ

ด้วยรูปปั้นโลหะที่หายไปแล้วทำให้ในที่สุดฉันก็เห็นลิลิธ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเธอยังคงมีเลือดไหลออกมาอยู่และก็มีรูเล็กๆอยู่บนท้องของเธอ ดูนั่นจะต้องเป็นผลจากฮีโรอิค สไตรค์ที่ฉันใช้ในก่อนหน้านี้แน่นอน

ยังไงก็ตามลิลิธที่เผชิญหน้ากับไพก้าที่พุ่งเข้ามาอย่างน่ากลัวก็ได้ยิ้มออกมาจางๆ ในตอนที่ฉันเห็นรอยยิ้มของเธอฉันก็รู้ได้ในทันที

คนที่ล่อลวงได้แม้กระทั่งวัตถุที่ไม่มีชีวิตก็น่าจะล่อลวงภูติธาตุได้เช่นกัน!

ความเสียวสันหลังได้มาเยือนฉันเมื่อลิลิธเปิดปากของเธอขึ้นมา

[ภูติธาตุ คุณเห็นฉันใช่ไหม เธอจะโจมตีฉันหรอ?]

[ฉันจะทำ]

[ไม่ คุณไม่ทำหรอก]

เมื่อไพก้าได้โต้ตอบกลับไป ลิลิธก็ได้แย้งขึ้นอย่างมั่นใจ พลังของลิลิธได้พวยพุ่งออกมาเหมือนกับดอกไม้ไฟในทันทีหลังจากนั้น

ในพระราชวังที่เต็มไปด้วยไฟจากเสียงคำราสีชาดและสิ่งพังจากเท็มเพรส ได้ถูกพลังเวทย์ของลิลิธเติมเต็ม แม้แต่ฉันที่เตรียมพร้อมรับการโจมตีอยู่จู่ๆก็รู้สึกมึนไปเพราะมัน

ฉันควรจะยกเลิกการอัญเชิญไพก้าและเข้าไปโจมตีด้วยตัวเองดีไหมนะ? เมื่อฉันได้คิวแบบนี้ฉันก็เริ่มการเคลื่อนไหวต่อมาและดึงพลังของวิญญาณสัมบูรณ์ เสียงลิลิธได้ดังขึ้นมาทั่วทั้งพระราชวังนี้

[ฉันจะแสดงให้คุณได้รู้ว่าทำไมฉันถึงเป็นลิลิธ]

บาดแผลบนร่างของเธอได้หายไปก่อนที่ฉันจะทันสังเกตุซะอีก เลือดบนใบหน้าเธอก็ยังละเหยไป และดวงตาของเธอก็หลุดออกไปก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เธอได้เริ่มส่องแสงสว่างออกมา ถึงแม้ว่าค่าเสน่ห์ของฉันจะถูกเสริมขึ้นไปอย่างมากด้วยโอเวอร์ลอร์แต่ว่าฉันก็หมดแรงที่จะจับหอกเมื่อได้เห็นใบหน้าของลิลิธ

ให้ตายสิ ฉันยังฝึกน้อยไป!

[แน่นอนว่าคุณคือมนุษย์ที่พิเศษ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมีความสามารถจะตัดโอไรท์ชาคอสได้จริงๆ ฉันเผลอลดการระวังตัวและทำให้ต้องบาดเจ็บหลายจุด...]

ไพก้าที่พุ่งไปอยู่ก็ยังไม่ได้หยุดลง มันรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของฉันก็หยุดเต้นลงไปเช่นกันแล้ว

[คุณพยายามได้ดีมากและมันก็สนุกมาทีเดียว แต่ว่าในท้ายที่สุดคุณก็เอาชนะฉันไม่ได้หรอก มีเพียงวิธีเดียวที่จะเอาชนะฉันได้และนั่นคือการ... มีเสน่ห์เหนือกว่าฉัน]

เธอฟื้นบาดแผลทั้งหมดได้ยังไงกัน? เมื่อฉันได้คิดย้อนกลับไปในตอนที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งพลังก็หมดออกไปจากร่างของฉันและฉันก็หลุดหัวเราะออกมา เมื่อฉันได้คิดถึงการยอมแพ้ ฉันก็รู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดนี่มันก็แค่เวทย์ของลิลิธ

ลิลิธแพ้ นี่มันเป็นเพราะเธอได้แพ้กับฮีโร่หญิงจากอเลเซียทำให้เธอเข้ามาในดันเจี้ยน งั้นฮีโร่คนนั้นมีเสน่ห์มากกว่าฉันหรอ? ไม่ นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ลิลิธโกหก

แต่ว่าสิ่งที่มันน่ากลัวก็คือเสน่ห์ของเธอที่เปล่งออกมาในตอนนี้ที่มันทำให้คนเชื่อในเรื่องโกหกว่าเป็นความจริง แม้แต่ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนกับเห็นด้วยในคำพูดของเธอ

ฉันได้โคจรวงจรเพรูต้าอย่างบ้าคลั่ง ฉันได้จับหอกโกลาหลกลับขึ้นมาบนมือและชี้มันใส่เธอในขณะที่มองตรงเข้าไปที่สายตาเธอด้วย

ฉันในตอนนี้ได้คิดไปถึงในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดแล้ว นั่นก็คือการที่ไพก้าไปอยู่ข้างลิลิธ ฉันได้พยายามจะยกเลิกการอัเชิญไพก้าเมื่อได้เห็นลิลิธที่ฟื้นสภาพทั้งหมดมาโดยสมบูรณ์แต่มันก็ไม่ได้ผล เนื่องจากว่าฉันทำให้ไพก้าเจ็บไปได้ ฉันก็จะต้องหาวิธีเลี่ยงเธอและฆ่าลิลิธซะ

นี่มันไม่เป็นไร เพราะว่าฉันไม่รู้ในไพ่ลับของลิลิธที่ซ่อนเอาไว้ แต่ฉันก็ยังมีไพ่ตายอยู่ ฉันยังมีความเร็วศักดิ์สิทธิ์ และฉันก็ยังมีพลังของโอเวอร์ลอร์ดเหลืออยู่อีกมาก เสน่ห์ของเธอมันเป็นอันตรายอย่างที่เธอพูดจริงๆ แต่ว่าตราบใดที่ฉันยังไม่แพ้ ฉันก็ยังมีโอกาสอยู่

[ภูติธาตุ คุณคิดยังไล่ะ?]

[กรรรร]

ลิลิธได้ถามขึ้นกับไพก้าและไพก้าก็ได้ส่งเสียงตอบกลับเบาๆ

จากนั้นเธอก็กลืนลิลิธลงไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด