บทที่ 9 ดรรชนีอเวจี
บทที่ 9 ดรรชนีอเวจี
มีกลไลบางอย่างซ่อนอยู่ในไม้เท้าซึ่งจะยิงตะปูออกมาสามดอกหลังจากที่เขาพูดจบ
เว่ยถิงหมายจะเอาชีวิตซูเถา สำหรับเขา ชีวิตของซูเถานั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลย แต่การที่ซูเถาปฏิเสธข้อเสนอของเขา ทำให้เขาต้องการฆ่าซูเถาทิ้ง เมื่อเขาฆ่าซูเถาทิ้งแล้วเขาก็จะปิดปากพวกตำรวจด้วยเงินที่เขาจะเสนอให้ซูเถาตอนแรก
ถึงแม้เสี่ยวเหลงจะไม่สามารถจัดการซูเถาได้ แต่เว่ยถิงก็ไม่ได้เห็นซูเถาอยู่ในสายตาเลย และเสี่ยวเหลงยังเป็นศิษย์ของเว่ยถิงอีกด้วย
ในตอนที่เขายังอยู่ในวงการใต้ดิน ซูเถายังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ
แต่ทว่า ในตอนที่เขาล้มป่วยลงเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาก็ไม่ค่อยเคลื่อนไหวเลย แต่ไม่ได้แปลว่าเขาออ่อนแอลง กลับกันเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ
ในตอนที่เขายังหนุ่ม เขาได้บุกเข้าไปยังแก๊งค์พยัคฆ์อามัวร์ด้วยตัวคนเดียว และฆ่าพวกมันไปราวๆสามสิบคน เหตุการร์นั้นสร้างชื่อให้กับเขา ต่อมา เขาก็ได้ใช้เทคนิคใต้ดินต่างๆในการจัดการศัตรูของเขาก่อนที่จะละทิ้งโลกใต้ดินและหันมาทำธุรกิจเชิงพาณิชย์
ซูเถาโยกหลบตะปูไปมาพลางหาโอกาส สวนกลับด้วยสายตาอันเปล่งประกาย
เมื่อเว่ยถิงสังเกตเห็นแววตาของซูเถา เขารู้สึกไม่สบายใจ ตั้งแต่ที่เขาเห็นซูเถายังคงใจเย็นอยู่ได้แม้ว่าจะตกออยู่ในสถถาณการณ์แบบนี้
การที่เว่ยถิงมั่งคั่งนั้น เป็นเพราะเขาผ่านการต่อสู้นองเลือดมา หากมีใครคิดขวางทางมั่งคั่งของเขา เขาก็จะลบคนๆนั้นให้หายไปจากโลกนี้
เว่ยถิงกดปุ่มที่ไม้เท้าของเขาอีกครั้ง ทันใดนั้น ที่ปลายของไม้เท้าได้มีตะปูที่ขนาดเล็กกว่าเดิมถูกยิงออกมา
ลักษณะของมันเหมือนกับกระสุนปืนลูกซอง ซึ่งสามารถถเล็งยิงได้หลายเป้าหมาย
ซูเถารู้ว่าเขาจะประมาทไม่ได้ ก่อนที่เขาจะหยิบเข็มเงินออกมาและปาออกไป
มีเสียงปะทะกันระหว่างตะปูและเข็มดังขึ้น เว่ยถิงที่เห็นดังนั้นแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง ตะปูทั้งหมดที่เขายิงออกไปโดนเข็มเงินของซูเถาสะกัดทิ้งกลางอากาศทั้งหมด
ไม้เท้าในมือของเว่ยถิงร่วงลงพื้น ในขณะที่เข็มจำนวนหนึ่งปักเข้าไปที่ข้อมือของเขา มีเหงื่อปารกฎขึ้นบนใบหน้าเขา ก่อนที่เขาจะทรุดตัวล้มลงไปบนพื้น
ก่อนที่เว่ยถึงจะทันขยับตัว เขาก็ทรุดลงไปบนพื้นเสียแล้ว
ซูเถาเดินเข้ามาหาเว่ยถิงก่อนที่จะเอานิ้วจิ้มเข้าไปที่ท้องของเขา
ร่างกายของเว่ยถิงขดตัวและใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวไปพร้อมกับหลอดเลือดดำพองขึ้นมาที่บริเวณหัวของเขา
ซูเถายังคงจิ้มต่อ ก่อนที่จะปลกเว่ยถิงขึ้นมาแล้วจิ้มเข้าไปอีกครั้ง
ฝ่ามือวีถีสวรรค์ ดรรชีแห่งสวรรค์และอเวจี
เหน่ย เว่ยถิง มีอาการสับสนไปมาระหว่างขึ้นสวรรค์กับตกนรกอย่างต่อเนื่อง ในตอนแรก เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาณ แต่หลังจากร้องไปสิบรอบ เขาก็ดูเหมือนราวกับหุ่นเชิด ไม่ส่งเสียงซักแอะ
เสี่ยงเหลงมองดูซูเถาที่กำลังทรมาณเว่ยถิงอย่างโหดเหี้ยม เขาก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่ดูสุภาพเรียบร้อยเปลี่ยนไปราวกับราชาปีศาจมาก่อนเลย
หมอที่มีประสบการณ์โชคโชนในการเห็นคนตายมามากกว่าเสี่ยวเหลง ซูเถารู้ว่าจะต้องทรมาณคนยังไงให้คนที่ถูกทรมาณนั้นรู้สึกว่าตายยังจะดีซะกว่า
หลอดเลือดดำปูดขึ้นมาบริเวณศรีษะของเว่ยถิง ตาของเขาถลนออกมา ลูกตาดำเต็มไปด้วยเลือดพร้อมทั้งน้ำลายฟูมปาก แขนขาบิดเบี้ยว เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายทั้งหมดไปแล้ว
ซูเถารู้ว่านี่อาจจะโหดร้ายไปหน่อยสำหรับอีกฝ่าย แต่ถ้าเขาไม่แสดงความโหดเหี้ยมต่อเว่ยถิงจนถึงขนาดที่ตายยังจะดีกว่าละก็ เว่ยถิงคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่
ขาของเสี่ยงเหลงนั้นสั่นด้วยความกลัว เขากลัวว่ารายต่อไปจะเป็นเขา
ดูราวกับว่าสัตว์กินพืชกำลังมองดูราชสีห์กำลังสังหารเพื่อนของมัน เขารู้ในทันทีว่าหมดหวังที่จะหนีไปได้
ซูเถามองมาที่เว่ยถิงซึ่งนอนอยู่บนพื้นอย่างไร้ความปราณี ก่อนที่จะพูดกับเสี่ยงเหลง “พามันไปให้พ้น ! ก่อนที่สวรรค์จะพรากชีวิตอันไร้ค่าของมันไป”
นอกจากเขา ในโลกนี้ไม่มีใครช่วยเหน่ย เว่ยถิงได้อีกแล้ว
ลำดับขั้นของคฤหาสน์ใน Golden Bay นั้นมีลักษณะคล้ายกับปิระมิด ซึ่งคนที่อยู่สูงกว่าก็จะมีคฤหาสน์อยู่ในทำเลที่ดีกว่า ซึ่งคฤหาสน์ของเว่ยถิงนั้นอยู่บริเวณรอบนอก
คฤหาสน์แต่ละหลังจะมีทะเลสาบอยู่ ซึ่งสามารถสะท้อนแสงจันทร์ยามค่ำคืนได้ โดยที่ใช้แสงสะท้อนเหล่านี้แทนโคมไฟในเวลากลางคืน
หยานจิงถือแก้วกาแฟในขณะที่กำลังยืนอยู่ที่สวนหน้าคฤหาสน์ของตนเอง มองไปยังทิวทัศน์ยามค่ำคืนของ Golden Bay
เธอสวมกางเกงขายาวสีน้ำตาลเข้มซึ่งรัดบริเวณบั้นท้ายของเธอ สวมเสื้อเชิ้ตเผยให้เห็นหน้าอกและเอว ซึ่งโชว์ให้เห็นถึงร่างกายอันยั่วยวนของเธอ
เธอเพิ่งจะได้รับข่าวที่ทำให้อารมณ์เสีย เว่ยถิงทำงานของเขาไม่สำเร็จ “ตาแก่เหน่ยเป็นยังไงบ้าง ?”
หยานจิงยังคนเป็นตัวอันตรายแม้กับผู้หญิงด้วยกัน เลขาฯของเธอได้จ้องมองเธออย่างว่างเปล่าตอนจะตออบกลับด้วยน้ำเสียงเนิบๆ “แม้แต่โรงพยาบาลก็ช่วยไม่ได้ค่ะ”
ได้ยินดังนั้น หยานจิงขมวดคิ้ว “หมอหนุ่มคนนั้นเป็นใคร ?”
เลขาฯตอบ “จากการตรวจสอบย้อนไปสิบปีก่อน ไม่พบข้อมูลของเขาเลย สิ่งเดียวที่พอจะรู้ก็คือเขาเพิ่งได้ช่วยรักษานักธุรกิจสาวชาวรัสเซียไปเมื่อสองสามวันก่อน และนักธุรกิจคนนั้นก็ได้ใช้เส้นสายของเธอในการพาซูเถาออกมาจากสถานีตำรวจ”
หยานจิงโบกมือ “เตรียมโรงพยาบาลที่ดีที่สุดเอาไว้ให้ตาแก่เหน่ย อย่างไรก็ตาม เขายังมีพอประโยชน์อยู่ จะปล่อยให้ตายไม่ได้ ส่วนในเรื่องของตำหนัก ให้ตรวจสอบหมอที่นั่นก่อนที่จะเคลื่อนไหว”
เลขาฯรู้สึกเสียวสันหลัง ถึงแม้น้ำเสียงของหยานจริงจะฟังดูเนิบๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกที่กดดันอย่างมาก
หยานจิงนั้นเป็นที่รู้จักกันในนาม “แม่มายพิษ” มีจิตใจที่ชั่วร้ายซึ่งผิดกับรูปร่างหน้าตาที่สวยงามซึ่งมาพร้อมกับอิทธิพลอันกว้างขวางในหางโจว ในขณะเดียวกัน ตัวเธอนั้นจะน่ากลัวที่สุดในเวลาที่ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
เช้าวันต่อมา ซูเถารายงานไปยังโรงพยาบาลเจียงหัว ถึงแม้ว่าตี้ชีหยวนจะบอกว่าเขาจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ต้องโผล่หน้ามาบ้างแม้ว่าจะไม่มีงานให้เขาทำก็ตาม
แต่เขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นตี้ชีหยวนรอเขาอยู่ที่หน้าแผนก TCM (แผนกการแพทย์แผนจีน)ในตอนเช้ากำลังยืนคุยอยู่กับหมอสูงอายุคนหนึ่ง เมื่อเขาเห็นซูเถามา เขาถึงได้รีบแนะนำซูเถาให้รู้จัก “คุณถัง คนนี้คือสายเลือดใหม่ที่ผมจะให้เข้ามาอยู่แผนกนี้ เขามีพรสวรรค์อันน่ามหัศจรรย์ ดังนั้นช่วยดูแลเขาด้วยนะ”
พอมองดูแล้ว ขายแก่สกุลถังคนนี้น่าจะอายุราวๆ 70 ปี ไว้หนวดเคราสีเงินยาวเฟื้อย ซูเถาคิดว่าเขาน่าจะเป็นหมอที่เลือกที่จะทำงานในขณะที่เขาสามารถเกษียณตัวเองได้
ถัง หนานเชิงมองไปยังซูเถาก่อนจะยิ้ม “ถ้าถึงขนาดที่ประธานตี้บอกว่าเป็นอัจฉริยะ ก็คงจะเป็นอัจฉริยะจริงๆ เดี๋ยวชั้นจะให้หมอทุกคนในแผนกนี้มารวมตัวกันและได้ดูทักษะของหมอซูในการปรึกษาครั้งถัดไป คิดว่าไงถ้าชั้นจะให้คุณตรวจเยี่ยมคนไข้ทั้งหมดในวันนั้น ?”
ตี้ชีหวนขมวดคิ้ว เขารู้ว่าถังหนานเชิงต้องการที่จะทดสอบซูเถา
ถังหนานเชิงนั้นเป็นบุคคลสำคัญของแผนก TCM ถึงแม้เขาจะอยู่ในวัยเกษียณ แต่เขาก็ยังได้รับเงินเดือนจากโรงพยาบาลในอัตราสูงและเขาได้เปิดโต๊ะให้คำปรึกษาแก่คนไข้ในทุกๆวันพุธ
หมอส่วนใหญ่ในแผนก TCM นั้นถูกพามาโดยถังหนานเชิง จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจตี้ชีหยวนซักเท่าไหร่ในการยื่นมือมายุ่งกับแผนกของเขา
เมื่อมองดูท่าทางที่ดูอึดอัดของตี้ชีหยวน ซูเถาจึงตอบกลับ “ก็ตามใจ ชั้นจะอยู่รอการประชุมหารืออที่นี่หลังจากที่เจอกับเวร่า”
หลังจากที่ได้ยินซูเถาตอบกลับมาแบบนั้น อารมณ์ของหนานเชิงก็ดีขึ้น
หลังจากที่ซูเถาออกไปจากสำนักงาน สีหน้าของตี้ชีหยวนดูผ่อนคลายลง เขายิ้ม “คุณถัง นั่นมันยอดเยี่ยมไปเลย”
หนานเชิงยิ้ม “นายพาเขาเข้ามาแล้วทำไมยังจะต้องให้ชั้นทดสอบเขาอีกล่ะ ? จงใจทำให้ดูยากและทำให้ชั้นกลายเป็นตาแก่ผู้แสนใจดีเนี่ยนะเหรอ”
ตี้ชีหยวนส่ายมือก่อนที่จะถอนหายใจ “คุณถัง คุณเองก็แก่แล้ว ถึงแม้คุณจะได้ดูแลพวกคนรุ่นใหม่มามาก แต่เราก็ยังคงขาดพวกระดับหัวกะทิ เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะดูแลแผนก TCM ทั้งหมดของโรงพยาบาลเจียงหัว ในมุมมองของผม ซูเถานั้นเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นเยี่ยมซึ่งเราแค่ดูแลเขานิดหน่อยก็พอ ในขณะเดียวกัน เราสามารถให้เขาได้โอกาสในการแสดงทักษะของเขาเพื่อพิสูจน์คุณสมบัติในการขึ้นเป็นหัวหน้าแผนก TCM”
หนานเชิงขมวดคิ้ว “นี่นายจะให้เขาเป็นหัวหน้าแผนกงั้นเหรอ ?”
ตี้ชีหยววนตอบกลับด้วยโทนเสียงทุ้ม “ถึงแม้เซี่ยเชงจะได้รับการสั่งสอนจากคุณก็ตาม แต่เขาก็ยังดูบกพร่องนิดหน่อย ชั้นตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะให้เขาดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าแพทย์น่ะ”
หนานเชิงถอนหายใจ “เซี่ยเชงยังคงบกพร่องนิดหน่อยเพราะว่าเขาไม่ค่อยได้ทบทวนซักเท่าไหร่ ที่ TCM นั้นค่อนข้างเข็มงวดเรื่องการฝึกฝนทบทวนแต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็แทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลยใน TCM ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนิยมในแผนการแพทย์และยาแบบตะวันตกมากกว่า เพราะว่ามันเห้นผลได้เร็วและมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับ ชั้นเกรงว่าด้วยอายุของซูเถาที่น้อยกว่านั้นจะด้อยกว่าเซี่ยเชง”
หนานเชิงนั้นปกติเป็นคนใจกว้าง แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเชื่อใจนักเรียนของตัวเองมากกว่า
วิชาการแพทย์ของหนานเชิงนั้นถึงกับแปะโฆษณาอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลเจียงหัว เป็นเรื่องบังเอิญที่เขานั้นได้เข้าร่วมการสนทนาที่ต่างประเทศเกี่ยวกับอาการป่วยของเวร่า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรักษาเธอได้ แต่ด้วยทักษะการแพทย์ของเขานั้น สามารถรักษาเวร่าได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าจุดแข็งของโรงพยาบาลนั้นต้องขึ้นอยู่กับคนเพียงหนึ่งหรือสองคนละก็ มันดูไม่ดีแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออหนานเชิงนั้นได้พบกับซูเถา เขาจึงต้องการฝึกฝนซูเถาเพื่อให้กลายเป็นหมอที่ยอดเยี่ยม
เมื่อพบกับเลขาหลี่อีกครั้ง เขาได้เขียนใบสั่งยาซึ่งเป็นยาต้มชวีจี่ ซึ่งจะส่งผลต่อการรักษาขาของเขาภายในสามวัน
ซูเถาก้มมองดูที่ท้องของเขา เลขาหลี่ถูกเตะเข้าที่ท้องเมื่อวานที่หน้าตำหนัก ในตอนนั้นเขาไม่มีเวลามากพอที่จะดูอาการให้ โชคยังดีที่มันเป็นแค่รอยช้ำเท่านั้น
ซูเถาจึงได้ให้ขี้ผึ้งชนิดพิเศษแก่เขา
ซูเถาได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติม เลขาฯหลี่จดบันทึกอย่างตั้งใจ
หลังจากรับการรักษามาสองครั้ง อาการป่วยของเวร่านั้นสามารถควบคุมได้แล้ว หลังการการฝังเข็มครั้งที่สามเสร็จสิ้น เขาได้เปลี่ยนใบสั่งยาของเธอโดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะฟื้นฟูสภาพร่างกายของเธอ
อย่างไรก็ตาม ยาจีนนั้นค่อนข้างจะมีรสขมนิดหน่อยหากเทียบกับยาทั่วไป ในตอนที่เวร่าดื่มยา เธอได้ยื่นมือไปยังซูเถาเพื่ออขอใบชาหวาน จะได้ดื่มยาได้ง่ายขึ้น
“วันนี้จะเป็นการรักษาขั้นสุดท้าย พรุ่งนี้เธอก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” ซูเถาเก็บกระเป๋ายาของเขาพลางพูดต่อ “แต่ก็นะ มันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันหรอก มันจะเป็นการดีถ้าเธอมาหาชั้นเดือนละครั้งเพื่อที่จะติดตามการรักษาให้ผ่านไปด้วยดี เพราะงั้นอย่าคิดว่าจะหนีจากชั้นไปได้ง่ายๆล่ะ”
เวร่ากระพริบตาก่อนที่จะยิ้ม “ดูเหมือนว่านายลืมอะไรบางอย่างนะ”
ซูเถาตบหัวตัวเองเบาๆ “ชั้นไม่ลืมหรอกน่า ชั้นจะเลี้ยงข้าวเธอคืนนี้ ว่าไงล่ะ ?”
เวร่าพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “มันต้องงี้สิ !”
ซูเถาหยิบกล่องยาของเขาแล้วออกจากห้องพยาบาลไป หลังจากที่เขาออกไป เวร่าสังเกตเห็นห่อบนโต๊ะ เธอค่อยๆแกะอย่างระมัดระวังแล้วก็พบว่ามีใบชาหวานอยู่ข้างใน เธอยิ้มดีใจในความเอาใจใส่ของชายหนุ่มชาวจีนคนนี้
ที่แผนก TCM เต็มไปด้วยฝูงชน สถานการร์เช่นนี้จะเกิดขึ้นแค่วันพุธเท่านั้น ตั้งแต่ถังหนานเชิงได้ก่อตั้งแผนกนี้ขึ้นมา ที่นี่ก็จะเต็มไปด้วยผู้คนในวันที่เขาปรากฎตัว
“นี่ชั้นไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย ? หมอถังให้คนอื่นเข้ามารับช่วงต่อการปรึกษาในวันนี้งั้นเหรอ ?” ชายหนุ่มวัยกลางคนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “ชั้นเฝ้ารอวันนี้มาตลอดแต่กลับไม่ใช่หมอถถังซะนี่...”
สาวสวยคนหนึ่งตอบ “ชั้นได้ถามเพื่อนที่ทำงานโรงพยาบาลนี้มา มีหมอคนใหม่เข้ามาที่แผนก TCM นี้ และหมอถังต้องการจะทดสอบความสามารถของเขา ถ้าเขาไม่เก่งพอ หมอถังจะกลับมาให้คำปรึกษาเหมือนเดิม”
“แปลว่าหมอถังก็ดูอยู่อย่างงั้นสินะ ?” ชายวัยกลางคนคนนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะพูดต่อ “มีแค่หมอถังเท่านั้นที่ชั้นวางใจ คนอื่นนอกจากเขาไม่ได้เรื่อง”
หญิงสาวคนนั้นยิ้ม “มีแค่หมออถังเท่านั้นที่เป็นอัจฉริยะในด้านการแพทย์จีน หมอคนอื่นนั้นได้รับการฝึกแบบตะวันตกมา พวกเขาใช้ยาซึ่งไม่ต่างกับการปรึกษากับพวกหมอจากตะวันตกเลย เหตุผลที่ชั้นชอบแผนก TCM เพรราะว่าการรักษาของแผนกนี้ไม่ส่งผลข้างเคียงแก่ร่างกายชั้น ถ้าที่นี่เปลี่ยนเป็นหมอจากตะวันตก แล้วชั้นจะมาแผนกนี้ทำไม ?”
ชายวัยกลางคนยิ้ม หลังจากนั้นไม่นานพยาบาลก็ได้ขานเลขบัตรคิวของเขา ก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องให้คำปรึกษาอย่างรวดเร็ว
ซูเถานั่งรออยู่ในห้องพร้อมกับถังหนานเชิงและตี้ชีหยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยที่มีหมอคนอื่นๆยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา
มันเหมือนกับการทดสอบซูเถาเกี่ยวกับจุดยืนของเขาในแผนก TCM
หมอที่ยืนอยู่ข้างหลังตี้ชีหยวนยิ้ม “พวกเรามาที่นี่วันนี้ก็เพื่อมาดูการให้คำปรึกษาของหมอซูและหมอถังจะเป็นคนคอยสั่งการเอง พวกเขาจะตรวจหาอาการป่วยด้วยกันและเขียนลงบนกระดาษ ส่วนชั้นจะเป็นคนตัดสิน”