บทที่ 2 ความแข็งแกร่งที่ถูกเปิดเผย
บทที่ 2 ความแข็งแกร่งที่ถูกเปิดเผย
ที่ไหนซักแห่งในโรงพยาบาล
หญิงสาวที่งดงามซึ่งมีผิวสีขาวสวย อายุราวๆ 25 ปี ถูกวางอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลสาวผิดซีดคนนั้นดูจะเจ็บปวดซูเถายืนอยู่ที่ด้านหลังโดยมองไปยังใบหน้าของเธอถึงแม้ว่าจะมองเห็นไม่ชัดแต่เขาก็รู้ได้เลยว่าหล่อนเป็นหญิงสาวที่สวยมากๆ
เขายืนอยู่ที่ข้างเตียงของโรงพยาบาลพลางกล่าวอย่างเดือดดาลว่า
“ที่เขตการแพทย์ฮั่นโจวนี่ขาดแคลนเกินไปแล้ว , อาการป่วยยิ่งทรุดหนักลงไปเรื่อยๆ นี่พวกคุณต้องการให้พวกนักธุรกิจต่างชาติลงทุนแค่เรื่องยาเท่านั้นหรือไง”
ประโยคสุดท้ายนั่นทำให้ทุกคนตกอยู่ในอาการพูดไม่ออกถ้าพวกเขาไม่สามารถรักษาอาการป่วยของเวร่าได้เขตการแพทย์ฮั่นโจวก็เป็นได้แค่เรื่องตลกเท่านั้นเอง
เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเพียงพอทุกคนจึงย้ายมาที่ห้องประชุมเพื่อทำการหารือกัน
“ผู้ป่วยเป็นชาวรัสเซียชื่อของเธอคือ เวร่า ออร์มอนด์ เธอได้เข้าร่วมงานหารือการลงทุนสำหรับชาวต่างชาติในฮั่นโจวของปีนี้ในระหว่างการประชุมเธอเกิดล้มป่วยกะทันหันจึงได้ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลเจียวหัวซึ่งจากการตรวจสอบอาการของเธอเบื้องต้นพบว่าเธอเป็นโรคหืด”
ตี้ ชีหยวนยืนอยู่ด้านหน้าโปรเจคเตอร์ซึ่งกำลังฉายเกี่ยวกับรายงานการทดสอบโดยที่สรุปมาอย่างสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แต่หลังจากนั้นไม่นาน , หล่อนก็กินแค่ยารักษาอย่างเดียวโดยที่ไม่สนใจการักษาอื่นๆเลยอาการป่วยของเธอจึงทรุดหนักลง”
เฉียว เต้อหาวถอนหายใจ “หญิงสาวนักธุรกิจชาวรัสเซียคนนี้วางแผนไว้ว่าจะลงทุนในฮั่นโจวซึ่งเกี่ยวพันกับเงินจำนวนหลายร้อยล้านดังนั้นนายกเทศมนตรีคาดหวังไว้อย่างมากเกี่ยวกับการลงทุนนี้และต้องการให้เรารักษาเธอให้ได้ไม่อย่างนั้นนี่จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของฮันโจว”
หัวหน้าสำนักอนามัยของเมือง , เฉาจุนเหลือบมองไปยังถังหมิงและรู้สึกได้ว่าเขาคือคนสำคัญในวันนี้ในขณะเดียวกันเขาก็กดดันถังหมิงไปด้วย “เมื่อไม่นานมานี้เลขาคณะกรรมการเทศบาลจางได้โทรมาหาและแจ้งว่าพวกคุณจะต้องทนต่อแรงกดดันนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องวิตกกังวลไป”
ถังหมิงเหลือมองไปยังเฉาจุนอย่างนิ่งเฉย เขามีประสบการณ์มาอย่างมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแค่เลขาฯจางคนเดียวกดดันเขาไม่ได้แน่นอน เขาพลิกรายงานต่อไปพร้อมทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอย่างผิดหวัง “พวกนายตรวจผิดนะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดมันก็น่าจะเป็นหลอดลมอักเสบ”
สีหน้าของตี้ ชีหยวนราวกับคนที่แก้ไขปริศนาได้ เขาได้ตอบกลับโดยถามถึงถึงความเป็นไปได้ “มันน่าจะเป็นหลอดลมออักเสบใช่ไหม”
ถังหมิงพูดต่อ “ในระหว่างการตรวจรักษา มีโอกาสสูงที่จะเกิดการสับสนระหว่างโรคหืดกับหลอดลมอักเสบ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะตรวจผิดได้ ซึ่งหากเป็นโรคหลอดลมอักเสบจริง ก็จำเป็นจะต้องหยุดการใช้ยาปฏิชีวนะและดำเนินการรักษาเชื้อราทันทีไม่อย่างงั้นมันก็อาจจะเกิดผลตรงกันข้ามได้”
“หลังจากการรักษาเชื้อราให้ดำเนินการให้ยาปฏิชีวนะและกลูโคคอร์ติคอสเตอรอยด์(ทำหน้าที่ควบคุมเมทาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต)ในปริมาณสูงซึ่งจะทำให้เชื้อราในร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ซึ่งจะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลงและทำให้การเติบโตของเชื้อราในร่างกายนั้นลดลง , ในตอนนี้สิ่งที่เราจะต้องตรวจสอบเป็นอย่างแรกคือการหลั่งไฟเบอร์ออปติคของหลอดลมและการขับหลอดลมเพื่อยืนยันว่ามันคือรา”
เนื่องจากเป็นแค่การตรวจเช็คในเบื้องต้นเท่านั้นจึงมีโอกาสสูงที่จะตรวจผิดพลาดจากรายการการรักษาเบื้องต้นถังหมิงได้ชี้ให้เห็นว่าทำไมอาการของเวร่าถึงได้แย่ลงซึ่งได้พิสูจน์ความสามารถของเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญ
“เชื้อราที่ต่างชนิดกันย่อมต้องใช้วิธีรักษาที่แตกต่างกันสิ่งที่สำคัญคือขั้นตอนสุดท้าย” ตี้ ชีหยวนพยักหน้าอย่างจริงจัง “แต่ทว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดคือผู้ป่วยปฏิเสธการตรวจทุกอย่างนี่สิ”
การวินิจฉัยของถังหมิงทำให้ทุกคนคลายความกังวลลงไป อย่างน้อยทุกคนก็ได้รู้ว่าทำไมอาการป่วยถึงได้แย่ลง
แต่ประเด็นสำคัญที่เป็นปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขคือการที่เวร่าปฏิเสธที่จะเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด
ถังหมิงกล่าวอย่างไม่สนใจ “หากเธอไม่ต้องการรักษากับเราเราก็ทำอะไรไม่ได้ , ถ้าเธอต้องการที่จะปิดบังอาการป่วยของเธอเราก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกันบางทีเธออาจจะยอมรับการรักษาจากหมอคนอื่นแต่ถ้ายังไม่เวิร์คก็คงต้องย้ายเธอไปโรงพยาบาลอื่น”
“เราทำอย่างงั้นไม่ได้นะ !!” เฉาจุนส่ายหัวราวกับกลองป๋องแป๋งเขาพูดต่อ “ถ้าเธอ(เวร่า)ย้ายออกจากฮั่นโจวไปเมืองอื่นละก็หมายความว่าเราจะสูญเสียโครงการมูลค่านับร้อยล้านและเราจะไมม่มีหน้าไปบอกท่านนายกเทศมนตรีรวมทั้งนี่จะกลายเป็นความอับอายของระบบการรักษาของฮั่นโจวด้วยในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบของสำนักอนามัยเมืองชั้นต้องการยืนยันว่าเราจะทำงานนนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ถังหมิงขมวดคิ้ว เฉียวเต๋อหัวกล่าวว่า “ศาสตราจารย์ถัง เราต้องรบกวนคุณแล้ว”
ถังหมิงตอบกลับมาอย่างอารมณ์เสีย “ถ้าเราต้องการจะวินิจฉัยให้ได้ถูกต้องเราก็ต้องทำการตรวจเชิงลึกทำไมพวกคุณไม่เกลี้ยกล่อมเธอล่ะถ้าไม่มีทางอื่นก็คงต้องใช้กำลังแล้วแหละ”
ทัศนคติกับน้ำเสียงของถังหมิงทำให้หมอของโรงพยาบาลเจียงหัวรู้สึกอึดอัดอย่างไรก็ตามอีกฝ่ายก็เป็นมืออาชีพที่ได้รับเชิญมาเป็นพิเศษเพื่อการนี้ดังนั้นเขาจึงมีสิทธ์ที่จะออกความเห็น
ตี้ ชีหยวนส่งสัญญาณมือไปยังจ้าวหมิง “นายลองไปเกลี้ยกล่อมเธอดู”
จ้าวหมิงทำหน้างงๆแล้วบ่นในใจ “ทำไมต้องเป็นเราอีกแล้วเนี่ย”
ซูเถาที่นั่งลูบคางอยู่ข้างๆจ้าวหมิงนัยน์ตาของเขาดูลึกลับและความคิดนั้นยากที่จะเข้าใจ
อันที่จริงทางโรงพยาบาลเจียงหัวได้พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเธอแต่ก็ถูกเธอต่อว่าจนต้องออกจากห้องอารมณ์เกรี้ยวกราดของหล่อนนั้นเปรียบได้กับตี้ ชีหยวนเลยทีเดียว
จ้าวหมิงเข้าไปได้แค่ไม่กี่นาทีก็กลับออกมาโดยท่าทางสลดใจเขาจับหัวของตัวเองพลางยิ้มเล็กน้อย “ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร ผมก็โดนด่าซะแล้ว”
หน้าของถังหมิงดูจะเคร่งขรึมมากขึ้นเขามีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับการรักษาที่ยากลำบากเช่นนี้ เขาเคยเจอในกรณีที่คนไข้ไม่ยอมให้ความร่วมมือจนถึงขนาดต้องเกลี้ยกล่อมและทำการรักษาอย่างระมัดระวัง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยู่ที่นี่ได้นาน
ในตอนนี้มีพยาบาลคนนึงได้เข้ามารายงานว่าล่ามภาษาจีนของเวร่าได้บอกว่าเวร่าต้องการที่จะเปลี่ยนการรักษาโดยเธอได้ทำการติดต่อผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในไห่หยุ่นเอาไว้แล้วและพวกเขาจะไปที่ไห่หยุ่นเพื่อทำการรักษา
เมื่อมองไปที่ถังหมิงที่นิ่งกริบไม่พูดแม้แต่คำเดียว ตี้ ชีหยวนถอนหายใจโดยที่เขาก็หมดปัญญาเหมือนกันดังนั้นเขาจึงพาทุกคนไปที่ห้องพยาบาลอีกครั้ง
“มิส เวร่า”
เวร่าดูจะไม่สนใจใยดีพร้อมทั้งปิดตาลงเธอไม่ต้องการที่จะพูดคุยด้วยราวกับการแสดงออกของเธอก่อนหน้านี้ต่อจ้าวหมิงนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย
เลขาฯได้เข้ามาขวางตี้ ชีหยวนเอาไว้ “ประธานตี้ อย่าได้เสียเวลาเลย เราไม่ได้ล้อเล่นเกี่ยวกับอาการป่วยของประธานของเราแต่เธอปฏิเสธเครื่องมือทุกอย่าง”
เมื่อตี้ ชีหยวนรู้สึกหมดหนทางก็ได้มีเสียงมาจากด้านข้าง “ไม่ต้องใช้เครื่องมือในการตรวจเธอหรอกแถมอาการป่วยของเธอสามารถรักษาได้ด้วย”
ไม่ใช่แค่เลขาฯเท่านั้นที่ตกใจ แม้กระทั้งตี้ ชีหยวนก็รู้สึกตกใจเช่นกันพอมองไปยังทิศทางของเสียงนั้นเขามองเห็นซูเถาซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นหลานของหมอซู กวงเฉิง เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขายุ่งมาก จึงไม่ทันสังเกตว่าซูเถาก็ได้เข้าร่วมการประชุมด้วย
“นี่นายกำลังเล่นมุขตลกนานาชาติอะไรอยู่”
เฉียว เต๋อหัวกล่าว หลังจากเขารู้ว่าเป็นคนแปลกหน้า เขาก็เกิดความคิดอคติขึ้น นี่คือคนที่ตี้ ชีหยวนให้จ้าวหมิงไปพามา คนที่เรียกว่า 'ผู้เชี่ยวชาญ' เฉียว เต๋อหัวได้พาเขาไปอยู่ฝั่งตี้ ชีหยวนโดยไม่รู้ตัวและกล่าวด้วยท่าทางเหยียดหยาม
“นี่แกคิดว่าแกเป็นเทพถึงขนาดที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือในการรักษาเลยงั้นเหรอ ?”
มีคนกล่าวแทรกขึ้นมา “นี่เด็กฝึกงานจากแผนกไหน ? เอามันออกไป”
ดูจากท่าทางภายนอก ซูเถาดูเหมือนคนอายุยี่สิบ เพราะงั้นคนส่วนใหญ่จึงคิดว่าเขาเป็นเด็กฝึกงานและตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนเหลือขอที่โพล่งเรื่องไร้สาระออกมาเท่านั้น
ถังหมิงส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ แม้แต่ตัวเขาในตอนนี้ก็ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ แต่เด็กนี่ดันมาบอกว่าแก้ไขได้ เด็กนี่ไม่ได้พยายามทำให้เขาอับอายใช่มั้ย ?
ตี้ ชีหยวนขมวดคิ้ว ในตอนนี้ เขาต้องพยามยามให้ถึงที่สุดเพื่อที่จะหยุดไม่ให้เลขาของเวร่าทำเรื่องย้ายการรักษาถ้าพวกเขามีเวลามากพอใครจะไปรู้บางทีผู้ป่วยอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้
แม้ว่าตี้ ชีหยวนจะไม่เคยได้รู้จักซูเถามาก่อนแต่เขาได้ยกย่องเทคนิคการรักษาของชูกวงเฉิงอย่างมากแม้แต่ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้วยกันก็ยังถือว่าสุดยอด
ซูเถาเห็นถึงความขัดแย้งในสายตาของตี้ ชีหยวน เนื่องจากอีกฝ่ายคิดถึงแต่เรื่องของปู่เขาเป็นเรื่องสำคัญมากเขาจึงไม่สามารถวางใจได้เลย
ซูเถาได้พูดกับเลขาของเวร่า “คุณได้รับบาดเจ็บที่ขาขวามาเมื่อ 6 เดือนก่อนใช่ไหม ? ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังไม่รู้สึกเจ็บในวันที่ฝนตกอีกด้วย”
มันยากที่จะพูดคุยกับผู้ป่วยโดยตรงเขาจึงเลืออกที่จะคุยผ่านเลขาของเธอ
เลขาฯอึ้งไปพักใหญ่คนนี้ๆไม่ได้เดาส่งๆแต่สามารถบอกถึงอาการบาดเจ็บของเมื่อ 6 เดือนก่อนได้เนี่ยนะ ?
ตี้ ชีหยวนรู้ว่าซูเถากำลัง 'โชว์ทักษะ' ให้ได้เห็น
ถ้าเขาต้องการที่จะได้รับการเชื่อใจจากผู้ป่วยเขาก็จำเป็นจะต้องโชว์ทักษะ มันเป็นวิธีการทั่วๆไปในการแพทย์ของจีนต่างจากการแพทย์ตะวันตกที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาเคาะประตูและถ้าหากพวกเขาไม่ต้องการที่จะรับการรักษาก็ไม่เป็นไร แต่การแพทย์จีนนั้นจะมีวิธีการรักษาทั้งหมด เมื่อผู้ป่วยแสดงถึงข้อกังขา ก็จำเป็นจะต้องโชว์ทักษะและมุ่งไปยังส่วนที่สำคัญ
ตี้ ชีหยวนได้เชิญผู้เชี่ยวชาญเข้ามาอย่างไม่ได้ตั้งใจถังหมิงก็มีสายตาแบบเดียวกันแลพมองดูไปยังซู เถาด้วยความประหลาดใจโดยรูสึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีทักษะบางอย่าง
แม้ว่าเฉียวเต้อเหาจะไม่ได้ดูแลงานทางด้านหน้าแต่เขาก็สามารถบอกได้ถึงความยอดเยี่ยมของซูเถาอย่างไรก็ดีเขาก็ยังมีความคลางแคลงใจ “เลขา ลี่ คุณไม่ต้องไปใส่ใจเขา , เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดา และตอนนี้กำลังบ่นพึมพำไปเรื่อยเท่านั้นเอง”
เลขาหลี่ได้ใตร่ตรองว่าอาการเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในตัวเขามาเป็นเวลานานนั้นได้ส่งผลกระทบต่อตัวเขาแต่ในตอนนี้ได้มีคนที่สามารถชี้ให้เห็นถึงอาการป่วยนั้นได้ในเวลาอันรวดเร็วถึงแม้ว่าเขาจะมีความลังเลในใจแต่ใบหน้าของเขานั้นก็ได้ปรากฎรอยยิ้มขึ้นมา
“นายบอกว่านายสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใช่ไหมถ้างั้นนายมาลองกับชั้นก่อน”
คนที่อยู่ข้างๆนั้นรู้ว่าซูเถาประสบความสำเร็จในการ “โชว์ทักษะ” บางทีเขาอาจจะมีอาการเจ็บที่ขาจริงๆ
วิธีการวินิจฉัยของการแพทย์จีนนั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 ขั้นตอน , การสังเกต – การฟัง – การถาม และการตรวจชีพจร ขั้นแรกจะเริ่มด้วยการตรวจผิวซึ่งมันแสดงถึงพลังของร่างกายมนุษย์
ซูเถาชำเลืองมองไปยังเลขาฯหลี่ เขาแสดงออกซึ่งสีหน้าท่าทางอย่างเรียบเฉยและตอบโต้อย่างช้าๆ คนจีนทั่วไปจะมีผิวสีเหลืองอ่อนและมีความมันเงาเป็นสีกุหลาบถ้าเป็นสีอื่นนอกเหนือจากนี้นั่นเป็นสีที่แสดงถึงอาการป่วยอย่างไรก็ตามเลขาฯหลี่มีสีดำตรงจุดกึ่งกลางระหว่างหน้าผากซึ่งบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับตับของเขา
ขั้นที่สองจะเป็นการสังเกตรูปร่างและการเคลื่อนไหวเมื่อซูเถาสังเกตลักษณะการเดินของเขาจุดศูนย์ถ่วงของเขาก็เอียงไปทางซ้ายซึ่งโดยทั่วไปคนปกติจะมีจุดศูนย์ถ่วงอยู่ทางขวาดังนั้นซูเถาจึงสรุปว่าเลขาฯหลี่มีอาการป่วยที่ขาขวาซึ่งเกี่ยวข้องกับตับของเขา
ตี้ ชีหยวนรู้สึกดีใจและให้ซูเถาทำต่อ
ซูเถาตอบสนองอย่างรวดเร็วถึงแม้ตี้ ชีหยวนจะไม่ได้อยู่ในจุดที่เขายืนอยู่แต่เขาก็ยินดีที่จะให้ซูเถาได้ลองดู
เขายื่นมือและวางลงบนข้อมือของเลขาฯหลี่อย่างเบาๆเป็นเวลา 2-3 วินาทีก่อนจะพูดว่า “มีอยู่สองเหตุผลที่เกี่ยวกับอาการเจ็บขาของคุณส่วนแรกคืออาการบาดเจ็บส่วนที่สองคือการใช้ยาจนทำให้ตับอ่อนแอเพราะว่าตับมีหน้าที่ในการขับของเสียหากตับไม่สามารถขจัดของเสียได้ มันจะทำให้การระบายเลือดเกิดอาการหยุดนิ่งซึ่งสามารถวินิจฉัยได้ว่าไตอ่อนแอผมจะสั่งยาให้กินเป็นเวลา 3 วันแล้วอาการของคุณจะได้รับการักษา”
3 วัน ?
ความโล่งใจปรากฎขึ้นบนหน้าเลขาฯหลี่อาการป่วยรบกวนเขามาเป็นเวลาครึ่งปีแล้วเขาได้แอบไปหาหมอเพื่อรักษาอาการป่วยแพทย์ได้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นอาการป่วยไตอ่อนแออาการไตอ่อนแอถือเป็นความอ่อนแอของลูกผู้ชาย เลขาฯหลี่จึงอายที่จะบอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่ได้ไปหาหมอคนอื่นเขาได้กินยาบำรุงต่างๆมามาแต่เหมือนว่ามันจะใม่ช่วยอะไรเท่าไหร่
แค่การชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว ซูเถาสามารถบอกถึงอาการป่วยของเขาที่ป่วยมาเป็นเวลาครึ่งปีได้ซึ่งทำให้เขาตกใจมาก เป็นไปได้ไหมที่หมอคนอื่นอาจจะผิดและไตขอองเขานั้นไม่ได้อ่อนแอ
ซูเถาพูดเบาๆ “ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมก็คงไม่มีหนทางอื่น หากความเชื่อมั่นระหว่างแพทย์กับคนป่วยหายไป ต่อให้เป็นฮัวโต๋มีชีวิตขึ้นมาจริงๆหรือเปี่ยนเชวี่ยฟื้นกลับขึ้นมา พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะรักษาได้อย่างเต็มที่แน่นอน”
(ฮัวโต๋ : หมอที่มีฝีมือมากในสามก๊ก / เปี่ยนเชวี่ย : ชื่อหมอชาวจีนในสมัยก่อนที่มีฝีมือการรักษาที่ยอดเยี่ยมมาก)
ซัวเถายืมปากกามาเขียนใบสั่งยาแล้วยิ้ม “ผมต้องไปหาประธานตี้และศาสตราจารย์ถังเพื่อที่จะตรวจสอบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับใบสั่งยานี่หรือไม่”
การกระทำของซูเถานั้นเป็นการเผชิญหน้ากับตี้ชีหยวนและถังหมิงอย่างชัดเจนพวกเขาทั้งสองนั้นมาจากทางตะวันตกดังนั้นพวกเขาจึงมีความรู้แค่เล็กน้อยเท่านั้นในด้านการแพทย์จีนทั้งนี้แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะดูใบจ่ายยาไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
ถังหมิงเอาใบสั่งยามาดูราวๆ 2-3 นาทีจากนั้นก็บอกว่า “ก็เป็นใบสั่งยาทั่วไป ไม่มีปัญหา”
ในใบสั่งยาได้สั่ง ผลด็อกวู้ด , พืชตระกูลหน่อไม้ฝรั่ง , กำยาน , ตังกุย , ตังเซียม , ฯลฯ เหล่านี้ล้วนพบเห็นได้ทั่วไปในการแพทย์จีนด้านการบำรุงดังนั้นจึงไม่มีปัญหาหากเกิดการใช้ยาเกินขนาดเขาไม่ทันสังเกตว่าซูเถาได้เพิ่มปริมาณกำยานกับตังกุย
เมื่อได้รับการยืนยันจากถังหมิงแล้วความเชื่อมั่นในตัวซูเถาของทุกคนก็เพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าเฉียวเต้อเหาต้องการจะหยุดเขาก็ไม่สามารถหยุดได้แล้ว
เลขาฯหลี่และซูเถาได้พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดต่อมา “มิสเวร่าจะให้เวลาคุณ 5 นาทีอย่าลืมว่าเธอไม่อนุญาตให้คุณใช้เครื่องมือใดๆได้”
ซูเถามีแผนของเขาเองไว้แล้วเขาได้กล่าวเบาๆว่า “สบายใจได้ ผมรู้สาเหตุแล้วว่ามิสเวร่าป่วยเพราะอะไรเพียงแต่ต้องการยืนยันเท่านั้นในระหว่างการรักษาผมต้องการอยู่ตามลำพังกับมิสเวร่าเท่านั้นขอให้คนอื่นออกไปจากห้องด้วย”
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคที่ซูเถาพูด , นั่นเป็นการอวดดีอย่างไม่ต้องสงสัย เฉียวเต้อเหาได้บ่นพึมพำออกมาเบาๆ “กล้าดียังไง”
เลขาฯหลี่ได้ชำเลืองมองไปยังฉีเต๋อหัวด้วยสายตาอันปราศจากข้อสงสัยจากนั้นเขาก็ได้ยิ้มให้กับซูเถา “ไม่มีปัญหา แต่ได้แค่ 5 นาทีเท่านั้น”
ซูเถาพูดอย่างมั่นใจ “เธอได้ให้เวลาผมเพียงพอแล้ว”
พอทุกคนออกไปซูเถาได้เข้ามานั่งใกล้ๆเวร่าและจ้องมองไปที่เธอ
เขาต้องยอมรับว่าเธอนั้นสวยตามแบบฉบับสาวรัสเซียจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะป่วยอยู่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอนั้นน้อยลงไปเลย
เธอมีตาสีน้ำตาล ผมสีทองและริมฝีปากสีกุหลาบ ภายใต้ผิวสีขาวอันเป็นความภาคภูมิใจของเธอ หน้าอกของเธอนั้นเป็นทรงอย่างได้รูป หน้าท้องแบนราบและมีขาที่น่าดึงดูด ยิ่งกางเกงของผู้ป่วยของเธอนั้นสั้นลงซึ่งเผยให้เห็นต้นขาของเธอมากขึ้น เธอดูราวกับตุ๊กตาบาร์บี้ที่ใส่ชุดผู้ป่วยในชีวิตจริง
เขาค่อยๆมองเวร่าอย่างใจเย็นอย่างไรก็ตามเวร่าดูเหมือนจะรับรู้ถึงการคุกคามของซูเถาและพร้อมจะด่าด้วยความโกรธ
ทันใดนั้นซูเถาได้สูดลมหายใจและใช้นิ้วโป้งของเขากดลงไปยังบริเวรกลางอกของเธอด้วยความเร็วสูง