ตอนที่ 40 : ตระกูลอู่ที่แน่นขนัด (II)
ตอนที่ 40 : ตระกูลอู่ที่แน่นขนัด (II)
อู่เฉินเหมือนจะเดาความคิดของทุกคนออก เขาเดินไปหาสาวใช้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบกล่องไม้ขึ้นมาจากถาดใบหนึ่ง แล้วเปิดมันออก ยาสีแดงที่มีลวดลายสามเส้นสะท้อนขึ้นมาในสายตาของทุกคน พร้อมกับกลิ่นหอมๆลอยเข้ามาแตะจมูก "ยาฉีซวน หากกินยาฉีซวนเข้าไป จะทำให้การบ่มเพาะของผู้กินถูกยกระดับขึ้น" บนใบหน้าของอู่เฉินเผยรอยยิ้มจางๆออกมา ขณะเอ่ยแนะนำเม็ดยานี้ เขาปิดกล่องไม้แล้ววางลงที่เดิม จากนั้นก็เดินไปหาสาวใช้อีกคน และหยิบกล่องไม้ขึ้นมาอีกใบ พลางแนะนำต่อไปว่า "ส่วนนี่คือยาฟื้นฟู เมื่อผู้บ่มเพาะขอบเขตฉีซวนได้กินเข้าไปแล้ว อาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง แม้แต่อาการบาดเจ็บเรื้อรังในสมัยหนุ่มๆ ก็ยังพลอยดีขึ้นอีกด้วย" อู่เฉินวางกล่องไม้ลงแล้วเดินไปหยิบกล่องไม้อีกใบขึ้นมา ก่อนจะอธิบายว่า "ส่วนนี่คือยาปราณ มันสามารถฟื้นฟูลมปราณที่สูญเสียไปแล้ว ให้กลับคืนมาได้ เวลาที่ต่อสู้กับศัตรู หากใช้ยาปราณนี่ จะทำให้มีโอกาสชนะเพิ่มมากขึ้น...." ทุกครั้งที่อู่เฉินแนะนำยา ดวงตาของทุกคนก็ยิ่งเร้าร้อนขึ้นมา หลังจากแนะนำยาทั้งสามชนิดเรียบร้อยแล้ว แต่ละคนก็พากันหายใจอย่างหนักหน่วง และจ้องมองไปที่กล่องไม้เหล่านั้นอย่างหิวกระหาย ความโลภค่อยๆคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ พวกเขาถึงกับอยากร่วมมือกัน ฆ่าอู่เฉินเพื่อแย่งยาพวกนี้มา! บรรยากาศในห้องค่อยๆเริ่มแปลกไป แม้กระทั่งมีจิตสังหารแผ่ออกมาจางๆ! เมื่อสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของทุกคน อู่เฉินถึงกลับอมยิ้มขึ้นมา ในดวงตาสีเข้มฉายแววคาดหวังออกมา อยากจะปล้นงั้นรึ? เขาแทบตั้งตารอให้คนเหล่านี้ลงมือไม่ไหว หากเป็นแบบนั้น จะได้ถือโอกาสทดสอบพลังของตัวเองในตอนนี้ไปด้วยเลย! การบ่มเพาะพลังกับเหล่าเด็กน้อยในสำนักคังเฉียงอยู่ทั้งวัน มันทำให้เขาแทบจะลืมไปว่า ตัวเองเคยเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองทะเลทราย ! บางทีผู้นำตระกูลเหล่านี้ อาจจะทำให้เขาฟื้นฟูความรู้สึกของการเป็นยอดอันดับหนึ่งในปีนั้นขึ้นมาได้! แต่น่าเสียดาย แม้ว่าผู้นำตระกูลเหล่านี้อยากจะได้ยาทั้งหมดมาเป็นของตัวเอง แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถยับยั้งอารมณ์ด้านมืดของตัวเองลงได้ ไม่มีใครกล้าลงมือ คิดจะแย่งของของอู่เฉิน ไม่รักชีวิตกันแล้วรึ? อีกอย่าง ในเมื่อมีวิธีแลกเปลี่ยนเม็ดยาได้ แล้วทำไมต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วยเล่า ไม่มีใครคิดว่าตัวเองจะสามารถต่อกรกับอู่เฉินได้ ต่อให้พวกเขาทั้งหมดร่วมมือกัน ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถคุกคามอู่เฉินได้มากนัก "ซืดดด..." ทุกคนพากันสูดหายใจเข้าลึกๆ และกดความคิดที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยงลง จากนั้นอารมณ์ของพวกเขาก็ค่อยๆกลับมาเยือกเย็นเหมือนเดิม อู่เฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นเขาก็โบกมือ "เอาล่ะ ข้าก็แสดงยาให้พวกท่านดูแล้ว ถ้าพวกท่านยินดีที่จะแลกเปลี่ยน ก็ให้กลับไปเตรียมของมา โอกาสมีแค่ครั้งเดียว หากพลาดไปแล้ว ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน" เมื่อสังเกตเห็นความผิดหวังของอู่เฉิน ทุกคนก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที โชคดีที่พวกเขาไม่บุ่มบ่ามทำอะไรโง่ๆลงไป แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะโลภจนหน้ามืดตามัว ยกตัวอย่างเช่น หลินจ้าน ผู้นำตระกูลหลิน เขาไม่เคยมีความคิดที่จะปล้นอู่เฉินเลยสักนิด ในเมื่อรู้ว่าสามารถใช้เคล็ดวิชาดรรชนีธรรมดาขั้นสูงมาแลกเม็ดยาได้ แล้วทำไมต้องเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายด้วย? มันไม่ฉลาดเอาซะเลย ! หลังจากเงียบไปสักพัก หลินจ้านก็ถามขึ้นมาว่า "ผู้นำตระกูลอู่ ข้าขอถามอีกสักข้อ นอกจากเคล็ดวิชาดรรชนีธรรมดาขั้นสูงแล้ว ข้าสามารถใช้เคล็ดวิชาอื่นมาแลกยาได้หรือไม่?" ในความเห็นของเขา ในเมื่อเคล็ดวิชาดรรชนีสามารถนำมาแลกยาได้ ถ้าอย่างนั้นเคล็ดวิชาที่ล้ำค่ามากกว่านั้น ก็น่าจะนำมาแลกยาได้หรือเปล่า? เมื่อได้ยินคำถามของหลินจ้าน คนอื่นๆก็พากันมองไปที่อู่เฉินด้วยสายตาคาดหวัง พวกเขาไม่สามารถหาซื้อยาขั้นที่ 1ได้ อย่าว่าแต่ยาขั้นที่ 1 เลย ถ้ายาขั้นที่ 2 หลุดออกมาวางขาย ต่อให้พวกเขาขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มี ก็ไม่อาจซื้อมันมาได้ มีเพียงแค่เม็ดยาเท่านั้นที่เป็นสินค้าที่ประเมินค่าไม่ได้ แม้ว่าบางคนจะมีเงิน แต่ก็ไม่มีช่องทางที่จะซื้อ อันที่จริงแล้ว เม็ดยาส่วนใหญ่ที่ถูกหลอมออกมา มักจะถูกคนจากตระกูลใหญ่ๆในเมืองฟู่เฉิงแย่งซื้อไปหมด บางครั้งหากมียาหลุดเข้ามาขายในตลาด ผู้คนก็จะพากันแห่ไปซื้ออย่างรวดเร็ว จนไม่เหลือถึงมือพวกเขา มันไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสดีๆแบบนี้ปรากฏขึ้น ดังนั้นพวกเขาย่อมหวังที่จะแลกเปลี่ยนพวกมันในจำนวนที่มากที่สุด ต่อให้ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมาก พวกเขาก็ไม่คิดเสียดาย! ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูงสามารถแลกยาได้ แล้วทำไมพวกเขาไม่คิดหาช่องทางเพิ่ม เพื่อรับเม็ดยาเพิ่มขึ้นล่ะ! " ข้าเข้าใจความคิดเจ้า แต่...." อู่เฉินส่ายหน้าด้วยท่าทีเสียดาย "ข้าต้องขอโทษด้วย มีแค่เคล็ดวิชาดรรชนีธรรมดาขั้นสูงเท่านั้น ที่สามารถแลกได้" หลังจากที่ได้ยินคำตอบนั้น ทุกคนต่างก็พากันผิดหวังขึ้นมา แต่ก็ได้แต่ยอมรับมัน ยังไงซะพวกเขาก็ไม่อาจบังคับให้อู่เฉิน ให้ยอมรับแลกเคล็ดวิชาอื่นได้หรอกจริงไหม? ต่อให้พวกเขาจะพากันคิดแบบนั้น แต่ไม่มีใครมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้! ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้อง จากนั้นหลินจ้านก็ปรายตามองทุกคนที่อยู่รอบๆ ก่อนจะกระแอมไอออกมา แล้วพูดกับเหมายี่และเหยาหยงฉ๋ายว่า "พี่เหมา พี่เหยา ข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องรีบไปจัดการ ดังนั้นข้าขอตัวกลับไปจัดการก่อน..." "ใช่ๆ พอน้องหลินพูดแบบนี้ ข้าก็นึกได้ว่าตัวเองก็มีเรื่องด่วนเช่นกัน" "น้องหลิน พี่เหมา บังเอิญเลย ข้าเองก็มีธุระที่ต้องกลับไปจัดการที่บ้านเช่นกัน เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ข้าขอตัวกลับก่อน" ตอนนั้น ทั้งสามคนทำตัวราวกับว่าไฟไหม้มาถึงคิ้วแล้ว แต่ละคนต่างยกข้ออ้างนี้ขึ้นมา แล้วรีบแยกย้ายกลับบ้าน เมื่อเติ้งเป่ยเซียว, สวี่หยาง, ฮั้วคุนและคนอื่นๆเห็นแบบนั้น ก็พากันนั่งไม่ติดขึ้นมา ต่างคนต่างรีบกล่าวลาอู่เฉิน แล้วพุ่งออกจากจวนตระกูลอู่แทบไม่ทัน ราวกับว่าที่บ้านเกิดเพลิงไหม้ขึ้นมา แม้ว่าอู่เฉินจะเตรียมยาไว้มากมาย แต่ใครจะรู้ว่าตระกูลอื่นนั้นจะมีเคล็ดวิชาดรรชนีธรรดาขั้นสูงเท่าไหร่ ถ้าหากพวกเขาชักช้าแค่ก้าวเดียว บางทีเม็ดยาเหล่านั้นคงถูกแลกเปลี่ยนไปหมดแล้วก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาคงรู้สึกเสียใจแย่! " รอเดี๋ยวก่อน อย่าลืมช่วยข้าประกาศเรื่องนี้ออกไปด้วย" อู่เฉินแสดงสีหน้าเหมือนไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี ทว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนบอก " ได้ๆ" "ผู้นำตระกูลวางใจได้ ข้ารับปากว่าจะประกาศเรื่องนี้ให้" ทุกคนต่างพากันรับปาก แต่จะมีใครทำบ้างนั้น ก็ไม่ใครรู้ สักพักคนในห้องก็หายไปกันหมด เมื่อมองดูผู้คนที่พากันวิ่งกลับบ้านของตนเอง อู่เฉินก็ลูบหัวแล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น "ยามากมายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าพวกนี้จะใจร้อนไปทำไม ยังไงซะมันก็ไม่พอแลกหรอก..." เขาจินตนาการออกว่า อีกไม่นาน เขาจะต้องยุ่งตลอดทั้งวันอย่างแน่นอน อู่เฉินส่ายหน้าและพูดกับสาวใช้ข้างกายว่า " เจ้าไปต้มชามาอีกสักสองสามกา จะได้มีดื่มกันครบทุกคน" หลังจากส่งทุกคนกลับไปแล้ว อู่เฉินก็กลับไปที่ห้องทำงาน แต่นั่งไม่ทันไร หลินจ้านที่ออกไปไวที่สุดก็กลับมาหาเขา เมื่อเห็นหลินจ้าน, เหมายี่และคนอื่นๆแบกกล่องใบใหญ่มาด้วย ตาของอู่เฉินก็เป็นประกายขึ้นมา "นี่พวกเจ้าไม่ทำเกินไปหน่อยรึ? คงไม่ได้ขนเคล็ดวิชาออกมาจากตระกูลทั้งหมดหรอกนะ?" "ไม่ใช่ว่ามันประหยัดเวลากว่างั้นรึ?" หลินจ้านยิ้ม เมื่อมองไปที่เหมายี่และเหยาหยงฉ๋ายที่แบกกล่องขนาดใหญ่มาด้วย ทันใดนั้นเขาก็แสดงสีหน้าอึดอัดออกมา "คิดไม่ถึงจริงๆว่าพี่เหมา พี่เหยาจะคิดแบบเดียวกับข้า" เพื่อกลับมาจวนตระกูลอู่เร็วขึ้น พวกเขาจึงไม่มีเวลาแม้แต่จะตรวจสอบว่าเล่มไหนคือเคล็ดวิชาดรรชนีธรรมดาขั้นสูง สุดท้ายจึงตัดสินใจคว้าทุกเล่มใส่กล่องแล้วยกมาที่จวนตระกูลอู่ หลังจากนั้นก็ค่อยตรวจสอบอีกที เหมายี่ก็เผยรอยยิ้มอับอายออกมา "คนเก่งน่ะย่อมเห็นตรงกันอยู่แล้ว!" เมื่อเห็นสีหน้าเก้อเขินของทั้งสาม อู่เฉินก็ถอนหายใจออกมาและพูดขึ้นว่า "งั้นพวกเจ้าก็ตรวจสอบมันเถอะ เมื่อไหรที่เจอเคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูง เมื่อนั้นก็ค่อยนำมาแลกยากับข้า" แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกหลินจ้านกับอู่เฉินนั้นจะไม่เลว แต่อู่เฉินก็ไม่ยอมผ่อนปรน เขายังคงยึดกฎตามเดิม พวกหลินจ้านก็ไม่คิดว่าอู่เฉินจะยอมผ่อนปรนให้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่ออู่เฉินพูดจบ พวกเขาก็วางกล่องลงที่นอกห้องโถง จากนั้นก็รีบหาเคล็ดวิชาทันที ด้านนอกจวนตระกูลอู่ ยามตระกูลหลิน, ตระกูลเหมาและสมาชิกตระกูลอื่นๆต่างก็มาที่นี่เพื่อรอผู้นำตระกูลของตน เมื่อเห็นว่าผ่านไปนานแล้ว แต่พวกหลินจ้านก็ยังไม่ออกมาอีก คนเหล่านั้นจึงเริ่มจับกลุ่มพูดคุยกัน ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ตรงหัวมุมถนนที่ห่างออกไปก็มีการเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้น สิ่งนั้นได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขาขึ้นมา เติ้งเป่ยเซียว ผู้นำตระกูลเติ้ง และสวี่หยาง ผู้นำตระกูลสวี่ต่างพากันเดินมาที่บ้านตระกูลอู่พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ คนเหล่านั้นล้วนถือกล่องมาด้วย พวกเขามาถึงแทบจะพร้อมกันกับพวกหลินจ้าน คนฉลาดไม่ได้สู้กันด้วยอาวุธแต่เป็นความคิด ผลก็คือบ้านตระกูลอู่กลับมาคึกคักกันอีกครั้ง ด้านนอกจวนตระกูลอู่ กลายเป็นแหล่งรวมยามจากตระกูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลิน ตระกูลเหมา ตระกูลเติ้ง ตระกูลสวี่ ตระกูลฮั้ว....เรียกได้ว่ายามแทบทุกตระกูลทั่วเมืองทะเลทรายต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ทำให้ประตูด้านหน้าจวนตระกูลอู่เต็มไปด้วยผู้คนจนแน่นขนัดไปหมด "น้องชาย เจ้ามาจากตระกูลไหน? เจ้ากำลังเหยียบเท้าข้าอยู่นะ รู้ไหมหึ?" "ขอโทษทีพี่ชาย ที่นี่คนเยอะเกินไป โปรดเข้าใจข้าด้วย" "เร็วเข้า มีคนมาอีกแล้ว เจ้าเขยิบไปหน่อยสิ" "ข้าขยับไม่ได้แล้ว! ขยับไปอีกนิดหน้าก็แนบกับกำแพงแล้ว...." "พี่ชาย ข้าเรียกเจ้าว่าพี่ชายแล้วนะ เลิกเหยียบเท้าข้าสักที นิ้วเท้าข้าจะแตกอยู่แล้ว!" "อ๊ากกก เบาหน่อยๆ นิ้วเท้าข้าจะหลุดอยู่แล้ว!" ก็ไม่รู้ว่าใครโชคร้ายที่ถูกเหยียบจนนิ้วเท้าแทบจะหลุด แต่ฟังจากเสียงแล้ว อย่างน้อยๆผู้โชคร้ายก็ไม่มีแค่คนเดียว ด้านนอกห้องโถง ฮั้วคุน ผู้นำตระกูลฮั้วเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา และเดินตรงเข้าไปในห้องโถง ท่ามกลางสายตาแปลกใจของอู่เฉิน จากนั้นเขาก็ยื่นเคล็ดวิชาทั้งหมดสามเล่มให้กับอู่เฉินพร้อมกับพูดว่า "นี่คือเคล็ดวิชาดรรชนีระดับธรรมดาขั้นสูง เชิญผู้นำตระกูลอู่ตรวจสอบ" เดิมทีเขาก็ถูกปลูกฝังมาให้เป็นคนเจ้าระเบียบอยู่แล้ว ฉะนั้นเคล็ดวิชาและทักษะทั้งหมดจึงถูกแบ่งประเภทและจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ง่ายต่อการค้นหา อู่เฉินรับตำรามา เขาจดชื่อเคล็ดวิชาลงบนกระดาษ จากนั้นก็ถามขึ้นมาว่า "ผู้นำตระกูลฮั้ว ท่านต้องการแลกยาชนิดไหน?" " ยาฉีซวน ยาปราณ ยาฟื้นฟูอย่างละเม็ด !" ฮั้วคุนครุ่นคิดสักพักและบอกยาที่เขาต้องการจะแลกเปลี่ยน อู่เฉินพยักหน้า จากนั้นก็ส่งกล่องไม้สามใบให้อีกฝ่าย เมื่อรับกล่องไม้มา ฮั้วคุนก็กดความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ ก่อนจะประสานมือบอกลา "ผู้นำตระกูลอู่ ข้าขอลา!" ไม่รอให้อู่เฉินได้พูดอะไร ฮั้วคุนก็รีบออกจากห้องโถงไปทันที และหายไปในกลุ่มฝูงชน ราวกับกลัวว่าอู่เฉินจะเปลี่ยนใจทีหลัง ทันทีที่ฮั้วคุนเดินออกไป ก็มีบางคนเข้ามาในห้องโถงต่อทันที หลินจ้าน, เหมายี่, เติ้งเป่ยเซียวและคนอื่นๆ ค้นหาเคล็ดวิชาดรรชนีไปพลาง จ้องมองคนที่เข้าไปแลกเม็ดยาด้วยความอิจฉาไปพลาง ในใจก็อดรู้สึกขมปร่าขึ้นมา "ข้าสาบาน หลังจากที่กลับจวนไปในครั้งนี้ ข้าจะจัดเรียงทักษะและเคล็ดวิชาไว้อย่างดี จะไม่ยอมให้มันปนกันมั่วแบบนี้อีก!" บางคนเก็บของที่บ้านอย่างเป็นระเบียบ เพื่อที่เวลามอง จะได้รู้สึกสบายตา ส่วนบางคนนั้นชอบวางของระเกระกะไปทั่ว นึกอยากจะวางตรงไหนก็วาง พอถึงเวลาจะใช้ก็ค่อยพลิกหาอีกที และตอนนี้ คนที่ไม่เก็บของเป็นที่เป็นทาง ก็ได้ลิ้มรสความไร้ระเบียบของตนเองแล้ว