DTH ตอนที่ 21 น่ารำคาญ น่ารำคาญจริงๆ
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้เพลิดเพลินไปกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าเลย
ถ้าเขารู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันจะออกมาเป็นแบบนี้ เขาคงจะไม่ไปเปิดช่องให้เหลียง อี้ชูเข้ามาคุยตั้งแต่แรก แต่เขาควรจะทำยังไง?
เพียงแค่แกล้งทำเป็นไม่สนใจเขางั้นหรือ?
เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้
ตอนนี้เจ้าของศาลาเสาวธารเมามายกำลังระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ท่านเป็นคนดีจริงๆ
เพราะกำไรที่นายน้อยหลินนำมาให้เขานั้นเทียบเท่ากับรายได้สำหรับหนึ่งเดือน
ถ้าหากมีคนพูดว่านายน้อยตระกูลหลินเป็นเพียงแค่คนโง่
เขาจะเป็นคนแรกที่โต้แย้งข้อกล่าวหานั้น
พวกนั้นมันจะไปรู้อะไร? นายน้อยหลินไม่ได้โง่แต่เขาใส่ใจต่างหาก
ในตอนแรกหลิน ฟานก็ไม่ได้คิดอะไร
เขาไม่สนว่าเหลียง อี้ชูจะหล่อกว่าเขา และก็ไม่สนใจเรื่องที่อีกฝ่ายสูงกว่าเขาด้วย
นั่นก็เพราะไม่ว่าจะมองจากมุมไหนมันก็ไม่มีใครจะร่ำรวยไปกว่าเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามความจริงมันก็ได้ตบหน้าเขาอย่างไร้ปรานี
เรื่องเงินงั้นเหรอ?
เขาไม่มีเงินเก็บแม้แต่นิดเดียวในขณะที่เหลียง อี้ชูมีอยู่ถึงหนึ่งหมื่นเงิน
โชคดีที่เขาไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมา เพราะถ้าเขาพูดมันออกมาเขาจะต้องขายหน้าเป็นแน่
ท้องของผู้ลี้ภัยตอนนี้เต็มไปด้วยอาหาร แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาอิ่มแบบนี้ แต่มันก็เป็นมื้อที่หรูหราที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยมีมา
บางทีแม้ว่าหลังจากที่พวกเขาตายไปแล้ว พวกเขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะได้กินอาหารที่มีราคาแพงเช่นนี้
ผู้ลี้ภัยแยกย้ายกันไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
ที่เหลือก็ปล่อยให้ผู้จัดการเฉินและโกวชิจัดการเรื่องกำหนดพื้นที่เพาะปลูกและให้การสนับสนุนตามความเหมาะสม
หลิน ฟานไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นข้อตกลงที่ขาดทุน
เพราะจากมุมมองของเขาข้อตกลงครั้งนี้มันเป็นการลงทุนระยะยาว
น่าเสียดายที่มันไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้ เว้นแต่เหลียง อี้ชูคนเดียว
ณ ทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลหลิน
“ข้ารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย” หลิน ฟานยืนอยู่หน้าประตูและกลัวเกินที่จะเดินเข้าไป
โกวชิกระซิบเบาๆ “นายน้อยท่านมาถึงบ้านแล้ว”
หลิน ฟานสูดลมหายใจเข้าลึกๆและเดินเข้าไปในบ้านของเขาเอง
มันให้ความรู้สึกราวกับว่ากำลังมีพายุก่อตัวขึ้น
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถหนีจากเรื่องนี้ไปได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญแทน
หลิน ฟานถามยามที่ยืนอยู่ตรงประตู “วันนี้พ่อของข้าออกไปข้างนอกหรือไม่?”
“ขอรับนายน้อย หัวหน้าตระกูลออกไปแล้วดั่งที่ท่านกล่าว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เยี่ยมมาก
แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเพราะเขาไม่สามารถซ่อนเรื่องนี้ได้ตลอดไป
เขาไม่ได้โง่
คิดว่าพ่อของเขาจะยกโทษให้กับสิ่งที่เขาทำในวันนี้งั้นเหรอ?
เขาไม่ได้เก็บภาษีของหมู่บ้านตระกูลหวังและยังลดภาษีในอนาคตให้อีก แค่นี้มันก็เพียงพอที่จะเป็นเหตุผลให้พ่อของเขาตีเขาจนตายแล้ว
แต่ครั้งนี้เขายังไปให้พื้นที่เพาะปลูกที่ว่างเปล่าแก่ผู้ลี้ภัยโดยไม่ได้รับอนุญาตและยังทำให้เกิดปัญหาอีก
ถ้าเขาไม่ใช่ลูกชายของท่าน ครั้งนี้เขาคงจะต้องเตรียมงานศพของตัวเองจริงๆแล้ว
และการที่ตอนนี้เขายังไม่ได้รับคะแนนความโกรธก็แสดงว่าพ่อของเขายังไม่รู้เรื่องในคราวนี้
อย่างไรก็ตามมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่าเขาจะรู้เรื่องทั้งหมดเมื่อไหร่
ก่อนที่จะกลับไปที่ลานหลิน ฟานสั่งให้ผู้จัดการเฉินดูแลเรื่องนี้อีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะเป็นพวกไม่ได้เรื่อง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
เพราะการจัดสรรพื้นที่เพาะปลูกมันเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว และการที่ให้พวกเขามาทำฟาร์มในพื้นที่อุดมสมบูรณ์แบบนี้มันไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ลี้ภัยสำนึกในบุญคุณของตระกูลหลิน แต่ยังทำให้พวกเขาพยายามมากขึ้นเพื่อตอบแทนสิ่งที่ได้รับมา ผลผลิตมันอาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำ
ข้าจะไม่เข้าใจเรื่องยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวได้ยังไง?
ณ ลานด้านหลัง
“ลูกพี่ลูกน้อง ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีนักที่จะออกไปข้างนอกตอนบ่าย” โจว เชียงเหมาเตือน ถ้าท่านลุงรู้เรื่องนี้เขาจะโกรธ แต่ถ้าลูกพี่ลูกน้องของเขายังคิดที่จะออกไปตอนบ่ายอีกละก็ความโกรธของท่านจะกระโดดไปอีกขั้น
“ไม่ต้องห่วงวันนี้ข้าก็เหนื่อยเช่นกัน และต้องการพักผ่อน”
หลิน ฟานกำลังคิดเกี่ยวกับวิธีจัดการกับเรื่องนี้
การได้รับคะแนนความโกรธมันเป็นเรื่องที่สำคัญก็จริง แต่เขาต้องทำให้เรื่องนี้มันจบลงสวยงามด้วย
มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาสามารถเอาใจพ่อของเขาบ้างเป็นบางครั้ง
โจว เชียงเหมาถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ลูกพี่ลูกน้องฟังเขา
“ลูกพี่ลูกน้องเจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ เวลานี้ข้าต้องการพักก่อนสักเล็กน้อย ช่วยไปถามให้ด้วยว่าพ่อของข้าไปไหนและจะกลับมาเมื่อใด” หลิน ฟานต้องการวิธีรับมือกับปัญหา
ครั้งนี้การใช้วิธีการทั่วไปมันอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้
เขาต้องคิดวิธีที่มันพิเศษกว่านี้
“ลูกพี่ลูกน้องไม่ต้องห่วง ข้ากำลังจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากที่พูดจบโจว เชียงเหมาก็ออกไปอย่างรวดเร็ว
เขากระตือรือร้นที่จะทำสิ่งต่างๆเพื่อลูกพี่ลูกน้อง
เมื่อเห็นหลิน ฟานนอนลงบนเก้าอี้ โกวชิจึงรีบนำผลไม้เย็นๆออกมาวางให้ทันที
ชีวิตของเขาช่างสุขสบาย มีเพียงครอบครัวที่ร่ำรวยเท่านั้นที่มีความสามารถในการใช้จ่ายเช่นนี้
เขาเชื่อว่าคนทั่วไปก็คงต้องการกินผลไม้เย็นๆเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะกินน้ำแข็งด้วยซ้ำ
โกวชิส่ายหัวและถามออกมา “นายน้อยข้าได้ทำสำเนาของวิชาเอาไว้แล้ว ท่านจะให้ข้านำมันไปติดเอาไว้รอบๆเลยหรือไม่?”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ นำมันมาให้ข้าก่อน” หลิน ฟานพูด
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันสิ่งนี้คือสิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุด
และแม้ว่าหลิน วานยี่จะเป็นพ่อของเขา แต่ถ้าเขาทำมากเกินไปเขากลัวว่ามันจะก่อให้เกิดปัญหาที่แก้ไม่ได้
หลิน ฟานรับหนังสือและโบกมือเพื่อให้โกวชิหยุดพัดเขา “เข้าไปพักในห้องของเจ้า วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว”
“นายน้อยข้าไม่เหนื่อย”
“ไปพัก” หลิน ฟานพูด
ตั้งแต่ที่โกวชิได้รับวิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต เขาก็เริ่มการฝึกฝนตั้งแต่วันนั้น แต่เนื่องจากเขาไม่มีเวลาว่างในตอนกลางวันเขาจึงเลือกมาฝึกในตอนกลางคืนแทน
แม้แต่ร่างที่ทำมาจากเหล็กก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้
“ขอรับนายน้อย ได้โปรดเรียกข้าถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือ” โกวชิพูดก่อนที่จะเดินไปห้องข้างๆ
ลานบ้านของหลิน ฟานมีห้องมากกว่าหนึ่งห้องและบางห้องก็มีไว้สำหรับยามของเขา
แต่เนื่องจากเจ้าของร่างก่อนหน้านี้ไม่ชอบให้มีคนอยู่ใกล้ๆนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันว่างเปล่า
เมื่อมองไปที่เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจในมือเขาก็ขมวดคิ้ว
คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ
“ช่างมันเถอะยังไงข้าก็จะดู” หลิน ฟานมองไปที่หน้าแรก เนื้อหาข้างในนั้นช่างลึกลับและยากที่จะเข้าใจ แต่โชคดีที่เขาสามารถเข้าใจมันได้ สำหรับเขาเส้นเมอริเดียนและจุดฝังเข็มเปรียบเสมือนหนังสือแห่งสวรรค์
ลานบ้านเงียบสงบ
ในระยะไกล เมื่ออาวุโสวูเห็นว่านายน้อยกำลังอ่านคัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ เขาจึงยิ้มออกมาด้วยความยินดี
ดูเหมือนว่านายน้อยจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
และแม้ว่าตำแหน่งที่อาวุโสวูยืนอยู่จะเป็นจุดที่ค่อนข้างเด่น แต่มันกลับไม่มีใครสังเกตเห็น มันราวกับว่าร่างกายของเขาและสภาพแวดล้อมรอบโดยรอบได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ทันใดนั้นสายตาที่อาวุโสวูมองนายน้อยก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
นี่ข้ากำลังดูอะไรอยู่กันแน่?
มันมีละอองหมอกสีม่วงที่มีลักษณะคล้ายกับงูตัวเล็กๆไหลออกมาจากจุดกวนหยวน จากนั้นมันก็ไหลเข้าไปในจุดป่ายฮุยด้านหลังศีรษะของนายน้อย
“เป็นไปได้อย่างไร?” อาวุโสวูอุทาน
“นั่นใคร!”
เมื่อหลิน ฟานได้ยินเสียงเขาจึงมองไปรอบๆเพื่อหาที่มาของมัน
แต่ก็พบว่ามันว่างเปล่าและไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
“ข้าน่าจะแค่หูฝาดไปเอง” หลิน ฟานส่ายหัว เขาน่าจะกลัวนักฆ่าจนหลอนไปเอง
ในตอนที่เขาศึกษาคัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญเสร็จ
ระบบสนับสนุนขนาดเล็กก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ (ยังไม่ได้เรียน)
เขาสังเกตเห็นว่าเขาสามารถเพิ่มคะแนนลงไปได้
แล้วจะรออะไรอีก
เขาใช้คะแนนความโกรธลงไป500คะแนน ทันใดนั้นมันก็มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ (ขั้นหนึ่ง)
กำลังภายในของเขาเปลี่ยนจาก0เป็น1
ร่างกาย : 30 (เส้นทางการต่อสู้ระดับหนึ่ง)
กำลังภายใน : 1
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ (ขั้นหนึ่ง)
เทคนิคการเพาะปลูก : วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต (จุดสูงสุด)
คะแนนความโกรธ : 1,001
เขารู้สึกคลุมเครือราวกับว่ามีพลังงานบางอย่างที่เขาสามารถใช้ได้เพิ่มเข้ามา แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็ก แต่มันก็มีอยู่
บางทีนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ากำลังภายใน
“เมื่อร่างกายของข้ามาถึง30จุดมันก็จะเข้าสู่ระดับหนึ่ง และถ้าหากข้าเพิ่มกำลังภายในต่อไปแบบนี้มันก็น่าจะเข้าสู่ระดับหนึ่งเช่นเดียวกัน แล้วทำไมข้าถึงไม่ฝึกฝนมันทั้งคู่ไปเลยซะละ?”
การเพาะปลูกทั้งภายในและภายนอก?
น่ารำคาญ
นี่มันน่ารำคาญจริงๆ
หลังจากที่เขาลองคิดดูสักครู่
คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญมีทั้งหมด33ขั้น แต่ละขั้นจะนำการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาสู่เขา
เมื่อเขาเห็นว่ามันใช้500คะแนนความโกรธเพื่อยังขั้นหนึ่ง เขาจึงคิดว่าคะแนนความโกรธที่เหลืออยู่มันน่าจะพอให้เขายกระดับมันไปถึงขั้นที่สอง
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถลงคะแนนไปที่มันได้อีก
แต่เขาสามารถนำมันไปลงที่กำลังภายในได้
จากนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้
เขาเคยพูดว่าต้องการเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่ร่ำรวย แล้วทำไมเขาถึงต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย?
“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ข้าจะพักก่อน จากนั้นก็คิดหาวิธีที่จะทำให้พ่อผ่อนคลาย ข้าไม่สามารถปล่อยให้ท่านโกรธมากไปกว่านี้ได้ เพราะเดี๋ยวร่างกายของท่านจะได้รับผลกระทบ”