ตอนที่แล้วเซียนเหนือวิถี บาทที่ 99
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเซียนเหนือวิถี บาทที่ 101

เซียนเหนือวิถี บาทที่ 100 (ฟรี)


บาทที่ 100

หงกังกับจงหลียืนประจันหน้ากัน จงหลีดูท่าทางหยิ่งยะโสภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของตนเอง ในขณะที่หงกังนั้นยืนอย่างสงบเสงี่ยมด้วยรู้ตัวว่าแม้ในระดับเดียวกัน แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เฉพาะจินหลินคนเดียวเขาก็ไม่อาจเอาชนะได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในการประลองตัวต่อตัวหลายครั้ง ทำให้เขาไม่ประมาทใครเลยแม้แต่น้อย

หงกังวันนี้เปลี่ยนไปมากมายนัก นับจากวันที่ได้ประลองกับหงเซียว

“หงกังรึ เจ้าเพิ่งเข้าสู่เขตแก่นปราณระดับหนึ่งไม่กี่เดือนกลับกล้ามาประลองกับข้าที่อยู่ในเขตแก่นปราณมานานแล้วอย่างนั้นรึ อ่อนหัด” จงหลีกล่าวอย่างโอหัง พยายามกดหงกังให้หงอลง

หงกังเพียงแค่เงียบเฉย ดึงกระบี่หนักออกมาจากหลังอย่างช้าๆ

“เชอะ” เมื่อหงกังไม่ร่วมกับสงครามคารมของเขา จงหลีก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี หากพูดมากไปผู้อื่นฟังก็จะคิดว่าเขาเป็นคนแก่ที่เอาแต่พิรี้พิไรบ่นกับตนเองไม่รู้จักจบสิ้น

“เริ่มการต่อสู้” เมื่อกรรมการเห็นว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว เขาก็กล่าวนำเข้าสู่การต่อสู้

การต่อสู้ซึ่งหน้าต่างจากการลอบทำร้าย การลอบทำร้ายนั้นอาจจะจบได้ภายในเสี้ยววินาที แต่การต่อสู้ซึ่งหน้าที่คนทั้งคู่เผชิญหน้ากันนั้น ย่อมเห็นถนัดชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร ดังนั้นหากฝีมือไม่แตกต่างกันจริงๆแล้วย่อมเป็นการยากที่จะจบการต่อสู้ได้ง่ายๆ

บ่อยครั้งที่คู่ต่อสู้จะพากันสังเกตหาช่องว่างจุดอ่อนของอีกฝ่ายก่อนการโจมตี แต่จากการต่อสู้กับหงเซียว จินหลิน และคนอื่นหลายคนทำให้หงกังไม่เชื่อถือในความคิดนี้อีกต่อไป บ่อยครั้งสิ่งที่เห็นว่าเป็นช่องว่างจุดอ่อนนั้นกลับเป็นหลุมพราง และจุดที่ดูเหมือนป้องกันไว้แข็งแกร่งนั้นแท้จริงแล้วคือจุดอ่อน

เพราะเหตุผลที่ว่าผู้คนที่ฝึกฝนฝีมือมามากมักมั่นใจว่ามีตำแหน่งหลายตำแหน่งที่พวกเขาสามารถป้องกันได้ดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใส่ใจปิดป้องมันมากนัก ขณะเดียวกันก็กังวลในจุดที่ตนเองยังปกป้องได้ไม่ดี จึงเลือกที่จะตั้งท่าป้องกันไว้บริเวณจุดนั้นเป็นอันดับแรก

และจุดอ่อนนั้นไม่ใช่สิ่งที่แค่จ้องมองหาเจอแล้วโจมตีก็จะโดนได้ทันที จะต้องมีการโจมตีหลากหลายแบบทดสอบว่าการใช้ท่าของศัตรูนั้นมีตรงไหนที่ปกป้องได้ยาก แล้วจึงค่อยหลอกล่อเพื่อโจมตีเข้าไปยังช่องว่างนั้น

ดังนั้นหงกังเพียงมองการตั้งท่าของจงหลีเพียงปราดเดียวก่อนที่จะสะบัดกระบี่หนักฟาดจากบนลงล่างดุจภูผาถล่มทับ ดูเหมือนกับโถมฟาดเข้ามาทั้งตัว

“ถล่มปฐพี” หงกังตวาดก้องอย่างหนักแน่น

จงหลีแค่นยิ้ม เจ้าตะโกนบอกท่าเสียงดังแบบนี้ ใครๆก็รู้ช่างอ่อนหัดนัก เขาก้าวหลีกไปด้านข้างให้พ้นจากท่าฟาดกระบี่นั้น และเตรียมตัวสวนกลับ

เช้ง กระบี่หงกังกลับเบนออกข้างไปตามการก้าวเท้าของจงหลี ท่าทางของเขาเหมือนโถมฟาดสุดแรง แต่จริงแล้วกลับแค่เป็นท่าทางหลอก เสียงตะโกนบอกท่าก็เป็นการตะโกนหลอก เหมือนบอกว่าซ้าย แต่กลับยื่นมือขวา เพื่อสร้างความไขว้เขวให้กับคู่ต่อสู้ ดังนั้นกระบี่เขาจึงฟาดใส่จงหลีอย่างแม่นยำจนจงหลีที่กำลังจะสวนกลับต้องรีบเปลี่ยนท่าไปรับอย่างฉุกละหุก

หงกังภายใต้การเคี่ยวกรำของหงเซียวไม่ได้เป็นนักกระบี่ผู้ฟาดฟันอย่างตรงไปตรงมาอีกต่อไปแล้ว

จงหลีใช้กระบี่ยาวเรียวแคบเน้นการพลิกแพลง แต่กลับถูกการหลอกของหงกังทำให้เขาต้องปะทะอย่างหักโหม แรงแขนของเขาและน้ำหนักกระบี่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เหมาะกับการเอาไปปะทะกับกระบี่หนัก ดังนั้นกระบี่ของเขาจึงสั่นสะเทือนมือของเขาเจ็บชาวูบวาบ

เดิมทีหงกังใช้กระบี่หนักด้วยมือสองข้าง ด้วยการเคี่ยวกรำของหงเซียว เขาจะต้องใช้มือเดียวคุมกระบี่หนัก และต้องผลัดกันใช้ได้ทั้งซ้ายขวา สร้างความลำบากให้แก่เขายิ่งนัก วันนี้ค่อยเห็นผลสัมฤทธิ์ของการฝึกฝีมือ

จริงแล้วเขาฟาดเข้าใส่ศัตรูด้วยมือสองข้าง เมื่อจงหลีก้าวออกซ้าย หงกังก็ปล่อยมือซ้ายและฟาดกระบี่มือเดียวเฉียงไปทางขวาจึงฟาดโดนจนจงหลีต้องป้องกันอย่างจัง

หงกังใช้น้ำหนักกระบี่กดอีกฝ่ายไว้เพื่อให้อีกฝ่ายทำอะไรไม่ถนัด ขณะเดียวกันเขาก็ใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่นั้นกำเป็นหมัด ส่งพลังปราณไปยังกำไลเกราะสายฟ้าพร้อมกับท่องคาถาอยู่ในใจ แล้วส่งพลังปราณเกราะสายฟ้าที่เกิดขึ้นไปยังหมัดซ้ายจนเกิดแสงวูบวับลับล่อรำไร แล้วต่อยเข้าไปยังชายโครงขวาของจงหลี

จงหลีใช้มือขวาคุมกระบี่ กระบี่หงกังกดลงบนกระบี่ของเขาอยู่เหนือศีรษะทำให้เคลื่อนไหวลำบาก เมื่อเห็นหมัดหงกังต่อยมายังชายโครงขวาซึ่งเปิดโล่ง เขาก็รีบบิดตัวใช้มือซ้ายเข้าไปต้านรับใต้รักแร้ขวา แต่ว่ามือขวาที่ยกบังขึ้นเหนือศีรษะนั้นบังการมองเห็นด้านขวาจึงเห็นไม่ถนัดชัดว่าหงกังทำอะไร รู้เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายต่อยมายังชายโครงขวาเท่านั้น

เปรี๊ยะ ก่อนที่หมัดจะปะทะกับฝ่ามือ สายฟ้าจากปราณเกราะสายฟ้าก็กระโดดจากหมัดของหงกังเข้าใส่ฝ่ามือซ้ายของจงหลีเรียบร้อยแล้ว ด้วยว่าเป็นพลังของคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นจงหลีจึงรูึสึกเหมือนถูกไฟฟ้าดูด และเพราะว่าไม่คาดคิด ไม่ได้ระวังว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น สมาธิที่ตั้งใจรับมืออย่างสุขุมถึงกับรวนเรไปชั่วขณะ

ปึ๊ก หมัดกับฝ่ามือปะทะกัน แม้ว่าจงหลีจะขาดสติสมาธิไปในช่วงนี้ แต่พลังและการกระทำที่ตั้งใจไว้แต่เดิมยังคงอยู่ ดังนั้นเขาจึงสามารถรับหมัดนี้ได้

ควาก แต่ในขณะที่หมัดกับฝ่ามือปะทะกันนั้น หงกังก็หยุดกดกระบี่แต่กลับลากด้ามกระบี่ลงผ่านหน้าของจงหลี แต่เพราะว่าตอนนี้จงหลีกำลังสับสนจากการถูกไฟฟ้าดูดไร้ความคิดไปชั่วขณะท่าทางจึงค้างชะงักอยู่ กระบี่หนักจึงไถลผ่านกระบี่ของจงหลีกรีดผ่านทรวงอกของอีกฝ่ายในเสี้ยววินาทีนั้น จนเกิดเสียงชุดฉีกขาด

แผลที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ลึกนักเพราะว่าหงกังเพียงแค่ลากกระบี่ผ่าน ก็เหมือนกับเราเอาคมมีดมาวางไว้บนฝ่ามือแล้วลากมันผ่านไปโดยไม่กดน้ำหนัก หากเป็นรอยแผลก็จะเกิดขึ้นไม่ลึกนักขึ้นกับความคมของกระบี่ว่าคมหรือทื่อ

ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเสื้อคลุมของจงหลีถูกกรีดขาดจากอกผ่านแขนซ้ายลงไปจนถึงกางเกง สายรัดเอวขาด เชือกผูกกางเกงขาด จงหลีรู้สึกได้ว่าเชือกรัดตรงเอวผ่อนลงและกางเกงก็เริ่มคลายตัวทำท่าจะหลุดลง อีก

สมาธิของจงหลีกลับมาแล้ว แต่ก็กระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้นในเมื่อมีเรื่องหลายเรื่องที่เขาจะต้องใส่ใจ ไหนจะต้องคอยดูว่าหงกังจะทำอะไรต่อไป และไหนกางเกงของเขาก็กำลังจะหลุดลงไปกองกับพื้น ซึ่งหากเรื่องนี้เกิดขึ้นต่อให้เขาเอาชนะอีกฝ่ายได้แต่ว่าก็คงเป็นสิ่งที่เสียหน้าไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน

แขนซ้ายของจงหลีถูกเฉือนเป็นรอยแผลแต่เลือดยังไม่ทะลักออกมาในเสี้ยววินาทีนั้น แต่หลังจากที่กระบี่กรีดผ่านแขนอีกฝ่าย ผ่านกางเกงลงไปจนถึงพื้นแล้วนั้น มือซ้ายของหงกังที่ปะทะกับมือซ้ายของจงหลีใต้รักแร้นั้นก็พลิกวูบคว้าข้อมือซ้ายของจงหลีไว้ ส่วนมือขวาของหงกังที่จับด้ามกระบี่ก็ปล่อยจากด้ามกระบี่ ประกบนิ้วเป็นหอกแทงเข้าสู่คอหอยของจงหลีอย่างรุนแรง

กระบี่เพลิงสังหาร กำไลข้อมือลุกวูบเมื่อหงกังสวดคาถากำกับอย่างรวดเร็ว นิ้วมือขวาของหงกังเปลี่ยนเป็นกระบี่เพลิงแล้วแทงสวบเข้าไปในลำคอของจงหลี

พรึบ คอหอยของจงหลีถูกเผาจนสุกภายในพริบตานั้น เส้นประสาทบริเวณคอทั้งหมดถูกทำลาย แม้ว่าจะยังติดอยู่กับตัวก็ไม่ต่างจากคนที่ถูกตัดหัวไปแล้ว

ฝีมือของหงกังโหดร้ายอำมหิต ทั้งอาศัยจังหวะที่คู่ต่อสู้ประมาทเปลี่ยนเป็นความได้เปรียบและจัดการกับอีกฝ่ายในเวลาไม่กี่วินาทีโดยไม่มีการออมรั้ง ไม่มีการพูดด้วยให้เสียเวลา ในเมื่อคำพูดของคนตายย่อมไร้สาระทั้งสิ้น

หงกังดึงมือขวากลับไปที่หว่างเอว ตวาดก้องแล้วต่อยหมัดอย่างแรงเข้าไปอีกหมัดที่กลางอกของอีกฝ่าย

นี่เป็นวิชาหมัดเลื่องชื่อของตระกูลหง ทุกคนในตระกูลหงจะต้องเรียนหมัดนี้ หมัดทะลวงใจตระกูลหง

หลายคนคิดว่ามือมีดที่ทะลวงคอหอยอีกฝ่ายก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่สำหรับหงกังแล้ว เขาเชื่อว่าหากศัตรูมีโอกาสสักหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่จะรอดชีวิต เขาก็จะต้องเปลี่ยนมันให้เป็นศูนย์ให้ได้

หมัดนี้รุนแรงมาก มันขยี้หัวใจของจงหลีจนแหลกราญ และส่งร่างของจงหลีกระเด็นห่างออกไป

หงกังดึงมือขวากลับไปกุมกระบี่หนักที่ปักอยู่บนพื้น พุ่งตัวตามจงหลีไป และตวัดกระบี่อีกครั้ง

ฉับ กระบี่นี้ตัดนิ้วจงหลีขาดออกมานิ้วหนึ่ง หงกังหยิบแหวนมิติที่สวมอยู่บนนิ้วออก ยิ้มอย่างเยือกเย็นก่อนจะโยนนิ้วทิ้งอย่างไม่ไยดี

การกระทำของหงกังนี้ทำให้หลายคนหนาวสะท้านไปทั้งแผ่นหลัง

ช่างอำมหิตนัก

ผู้แต่ง: ทดสอบบาทฟรี อ่านบาท 101 ฟรี บาท 102

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด