ตอนที่แล้วบทที่ 163 มีบางสิ่งเกิดขึ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 165 ข้า เจียงอี้ ไม่คู่ควรกับนาง

บทที่ 164 ตายโดยปราศจากพิธีฝังศพ


เจียงหยุนไฮ่อยู่ท่ามกลางการไล่ล่า คนที่ไล่ตามเขามาคือกองทัพหลวงของอาณาจักรเสินหวู่

เมื่อสุ่ยเชียนโหรวขอให้ใครบางคนส่งข้อความถึงจ่างซุนอู๋จี้ เขาต้องปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นเด็กสาวบ้าคลั่งผู้นี้จะสร้างความปั่นป่วนที่เมืองหลวง เขาคิดแผนการได้อย่างรวดเร็วและปลุกปั่นองค์ชายสามเซี่ยเถียนเพื่อมาที่เมืองจิตอสูร

จักรพรรดิองค์ปัจจุบันแห่งอาณาจักรเสินหวู่มีองค์ชายหลายพระองค์ แต่ตำแหน่งองค์รัชทายาทนั้นได้ถูกตัดสินไว้นานแล้ว องค์ชายใหญ่ไม่เพียงแต่จะมีความสามารถ ความหลักแหลมและความปราดเปรื่องเท่านั้น วิธีการทำสิ่งต่างๆยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดทั้งหมด เมื่อเขาขึ้นครองราชย์ อาณาจักรเสินหวู่จะกลายเป็นยุครุ่งเรืองด้วยน้ำมือของเขาอย่างแน่นอน

องค์ชายพระองค์อื่นรู้ว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้ขึ้นครองราชย์และพวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ปกปิดเนื้อแท้ของพวกเขาเลย อย่างองค์ชายสามเซี่ยเถียน เขาโด่งดังจนได้ฉายาองค์ชายนักรักผู้พรากพรหมจรรย์หญิงสาวมานานหลายปี

จ่างซุนอู๋จี้บรรยายให้เซี่ยเถียนฟังเพียงประโยคเดียวและเขาก็เคลื่อนไหว แม่ของสุ่ยเชียนโหรวเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของทวีป หากเซี่ยเถียนได้ครอบครองสุ่ยเชียนโหรว เขาอาจมีโอกาสได้ครองบัลลังก์ ตระกูลส่วนใหญ่ที่อยู่ฝ่ายองค์รัชทายาทก็อาจเปลี่ยนมาอยู่ฝ่ายเขา

เซี่ยเถียนรู้ว่าสุ่ยเชียนโหรวคงไม่ชอบผู้ชายเฉกเช่นเขา แต่เขาคงจะไม่มีทางรู้จนกว่าเขาจะได้ลองใช่ไหม? เมื่อเกิดในตระกูลจักรพรรดิ ใครจะหลงใหลในบัลลังก์กัน?

เซี่ยเถียนจึงไปพร้อมกับจ่างซุนอู๋จี้และตรงมายังเมืองจิตอสูร เมื่อเขารู้ว่าสุ่ยเชียนโหรวพยายามจัดการเจียงอี้ เขาตบหน้าอกของเขาและรับรองว่าเขาจะเอาเจียงอี้ให้ถึงตาย

เรื่องของเรื่องคือ…เขาอาจจะเป็นองค์ชายและสามารถเรียกลมและฝนในอาณาจักรเสินหวู่ แม้แต่เจียงเปี๋ยหลีก็ยังต้องคำนับเขา แต่เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปที่สำนักจิตอสูร หากเขากล้าที่จะดื้อด้านเข้าไป เจ้าครูเฒ่าจูเก๋อชิงหยุนคงจะฟาดเขาและทำให้ก้นของเขาบานเหมือนดอกไม้เป็นแน่

ก่อนที่จ่างซุนอู๋จี้จะมาถึง เขาก็ทำการบ้านมาก่อนแล้ว เขาเสนอแผนให้เซี่ยเถียนที่จะไล่ล่าเจียงหยุนไฮ่และเจียงเสี่ยวนู๋ การทำเช่นนั้นจะทำให้เจียงอี้ออกมาจากสำนักจิตอสูรด้วยตัวเอง

จ่างซุนอู๋จี้ไม่กล้าที่จะระรานเจียงเปี๋ยหลี แต่หากเป็นเซี่ยเถียน องค์ชายผู้ไร้ระเบียบจึงไม่มีความกลัวใดๆ เขาส่งคนของเขาไปล้อมเมืองเล็กๆที่เจียงหยุนไฮ่ซ่อนตัวอยู่ในปัจจุบัน

โชคดีที่เฉียนว่านก้วนให้คนของเขาคอยติดตามเซี่ยเถียนและจ่างซุนอู๋จี้อย่างใกล้ชิด เมื่อทั้งสองเคลื่อนไหวตระกูลเฉียนจะส่งคนของพวกเขากลับมารายงานที่สำนักจิตอสูรทันที เจียงเสี่ยวนู๋ปลอดภัยอย่างแน่นอนเมื่ออยู่ในสำนัก หากไม่มีเจียงเสี่ยวนู๋ที่คอยเป็นภาระให้กับเจียงหยุนไฮ่ มันจะทำให้เจียงหยุนไฮ่หลบหนีได้สะดวกกว่า

"จ่างซุนอู๋จี้ เซี่ยเถียน สุ่ยเชียนโหรว!"

หลังจากฟังคำอธิบายของเฉียนว่านก้วนแล้ว ใบหน้าที่น่ากลัวของเจียงอี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น มือของเขากำแน่นและเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีเขียวที่ปุดออกมา เขาไม่ได้วิ่งลงจากภูเขาด้วยความโกรธ

เขาไม่ท้อแท้จากการที่จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม แต่มันกลับเป็นแรงผลักดันให้จิตวิญญาณนักสู้ภายในใจของเขาและมีความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น

แข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งมากกว่านี้!

มีเพียงแค่ต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเท่านั้นจึงจะทำให้เขาสามารถปกป้องคนที่เขาต้องการจะปกป้องและเป็นอิสระได้อย่างแท้จริง หากเขาไม่มีพลังใดๆเขาจะถูกกดขี่เสมอในชีวิตนี้ หากปราศจากความแข็งแกร่ง เขาคงเป็นได้เพียงผู้เห็นเจียงหยุนไฮ่ถูกตามล่าและเห็นเจียงเสี่ยวนู๋นอนอยู่บนเตียงตลอดไป

เจียงอี้ยืนอยู่ในห้องโถงเป็นเวลานานมาก ในที่สุดใบหน้าของเขาก็กลับสู่ความสงบเช่นสระน้ำนิ่ง มันสงบนิ่งจนเฉียนว่านก้วนรู้สึกหวาดกลัว ราวกับภูเขาไฟที่กำลังรอวันปะทุ

เจียงอี้เดินไปอีกห้องอย่างเงียบๆและเริ่มปรับแต่งเม็ดยา หลังจากที่เขาปรับแต่งได้ยามังกรสวรรค์หนึ่งพันเม็ดแล้วเขาก็เดินออกจากห้องและวิ่งไปที่ตำหนักทักษิณเพื่อเข้าสู่ห้องบ่มเพาะพลังและเริ่มบ่มเพาะเพาะพลังอย่างบ้าคลั่ง

ตลอดหลายวันเจียงอี้ก็ทำเช่นนี้ทุกวัน เขาจะนอนเพียงประมาณสี่ถึงหกชั่วโมงต่อวันและใช้เวลาที่เหลือกลั่นเม็ดยาและบ่มเพาะพลัง เขามีท่าทางที่เงียบขรึมและนอกเหนือจากการถามเกี่ยวกับข่าวของเจียงหยุนไฮ่ เขาก็แทบจะไม่พูดอะไรออกมาเลย

สองสัปดาห์ต่อมา ในที่สุดก็มีข่าวบางอย่าง!

เจียงหยุนไฮ่รอดจากการไล่ล่า เขาหลบหนีเข้าไปในพงไพรแห่งบาปซึ่งอยู่ในอาณาเขตปกติของอาณาจักรเสินหวู่และอาณาจักรเซิ่งหลิงทางทิศตะวันตก กองทหารไม่ได้ติดตามไป แต่พวกเขาก็สามารถตัดแขนของเจียงหยุนไฮ่ได้

แน่นอนเหตุผลหลักที่ทำให้ทหารจำนวนมากไม่สามารถจับเจียงหยุนไฮ่ได้นั่นคือเซี่ยเถียนต้องการให้เขามีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นถึงแม้จะมีเจียงหยุนไฮ่สิบคน ทั้งสิบคนนั้นก็คงจะตายกันหมด

เจียงหยุนไฮ่ผู้แต่เดิมเป็นคนไม่มีขาอยู่แล้วกลับเหลือเพียงแขนเดียว ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสของเขาและสัตว์อสูรที่น่ากลัวมากมายในพงไพรแห่งบาป เขาอาจตายหลังจากเข้าไปในนั้นแล้วก็ได้

เหตุผลที่เฉียนว่านก้วนรู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกับที่เจียงอี้หัวเราะเยาะอยู่ตลอดเวลา เหตุการณ์ขนาดใหญ่เช่นนี้คงไม่พ้นสายตาเจียงเปี๋ยหลีไปได้ แต่ตระกูลเจียงกลับไม่เคลื่อนไหวใดๆ ด้วยสถานะของเจียงเปี๋ยหลีในอาณาจักรเสินหวู่นั้น หากเขาต้องการจะส่งรายงานไป เซี่ยเถียนก็จะหยุดส่งคนไปไล่ล่าแล้ว

เมื่อเจียงอี้ได้รับข่าวนี้ เขาก็เงียบงันยิ่งขึ้น เขาฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งมากขึ้นซึ่งทำให้เฉียนว่านก้วนเป็นกังวลอย่างยิ่ง แต่นอกเหนือจากการเฝ้าดูเจียงอี้ทรมานตัวเองอย่างเงียบๆ เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งอื่นใดได้เลย

...

หนึ่งเดือนต่อมาสำนักได้ประกาศว่าสงครามราชอาณาจักรกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกสี่เดือน สำนักจิตอสูรกำลังเตรียมที่จะเข้าร่วมและขอให้เหล่าศิษย์ลงทะเบียนอย่างกระตือรือร้น ภายใต้คำแนะนำจากรองเจ้าสำนักฉี ซูรั่วเสวี่ยก็มาหาเจียงอี้อีกครั้ง

"รางวัลของสงครามราชอาณาจักรได้ประกาศออกมาแล้ว อันดับหนึ่งจะได้รับดาบมังกรเพลิงระดับศักดิ์สิทธิ์ ทางราชวงศ์จะประทานยศขุนนาง และมีการคาดเดาว่าอาณาจักรเสินหวู่ก็มอบยศแม่ทัพให้เช่นกัน เจียงอี้ เจ้าไตร่ตรองได้ดีกว่านี้ ข้าจะไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวใดๆ"

ซูรั่วเสวี่ยกล่าวอย่างเป็นทางการก่อนที่จะเงียบและดื่มชาของนาง เมื่อเจียงอี้ได้ยินคำว่า 'ระดับศักดิ์สิทธิ์' เขาก็เริ่มสงสัยและถามด้วยความสงสัยว่า "สงครามราชอาณาจักรคืออะไรกัน?"

เมื่อซูรั่วเสวี่ยกำลังจะอธิบาย เฉียนว่านก้วนพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย "ลูกพี่ เจ้าไม่สามารถเข้าร่วมสงครามราชอาณาจักรครั้งนี้ได้ หากเจ้าเข้าร่วม จ่างซุนอู๋จี้ เซี่ยเถียนและสุ่ยเชียนโหรวจะร่วมมือกันแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง สามแก่นแท้พลังที่แตกต่างกันจะล้อมกรอบเจ้าและฆ่าเจ้า และเจ้าจะตายแน่นอน"

"หืม?"

ช่วงนี้ซูรั่วเสวี่ยไม่ได้มาเยี่ยมเจียงอี้และดูเหมือนกำลังหลบเลี่ยงเขา เมื่อนางได้ยินเฉียนว่านก้วนพูด นางถามด้วยความตกใจว่า "เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ไม่ใช่องค์ชายเซี่ยเถียนแห่งอาณาจักรเสินหวู่ใช่ไหม? เจียงอี้ไปบาดหมางกับเขาได้อย่างไร?"

เฉียนว่านก้วนไม่ได้อธิบายอะไรมากนักเพียงแค่พูดพึมพำว่า "อาจารย์ซู ท่านไม่รู้หรือว่าสุ่ยเชียนโหรวยังคงพำนักอยู่ในโถงวรยุทธที่เมืองจิตอสูร? นางรอให้ลูกพี่ออกมาจากสำนัก"

"มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? ข้าเข้าบำเพ็ญและไม่รู้สิ่งใดเลย"

บางสิ่งแวบเข้ามาในดวงตาที่งดงามของซูรั่วเสวี่ยและในไม่ช้านางก็พูดอย่างชัดเจนว่า "เช่นนั้น เจียงอี้ เจ้าห้ามเข้าร่วมสงครามราชอาณาจักรนี้ เจ้าจะไม่ได้ไปไหนและอยู่ในสำนักจนกว่าเจ้าจะบรรลุขอบเขตเสินโหยวและเจตจำนงสังหารถึงขั้นที่ห้าให้ได้ก่อนที่เจ้าจะออกไปได้ ข้าจะช่วยเจ้าแจ้งเรื่องนี้แก่รองเจ้าสำนักฉี"

"อื้อ!"

เฉียนว่านก้วนพยักหน้าแล้วพูดว่า "ลูกพี่ เจ้ากำลังจะทะลวงสู่ขั้นที่เก้าของขอบเขตฉูติ่ง ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง เจ้าควรจะอยู่และฝึกฝนต่อไปอีกสักห้าถึงแปดปี เมื่อเจ้าสำเร็จการศึกษาแล้วเจ้ายังคงสามารถอยู่ที่นี่ในฐานะอาจารย์"

เมื่อเจ้าอยู่ขอบเขตเสินโหยวและสามารถใช้เจตจำนงสังหารขั้นที่ห้าได้แล้ว เจ้าจะเป็นผู้ที่ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้ตราบใดที่เจ้าไม่ไปบาดหมางกับจอมยุทธขอบเขตจินกัง เจ้าจะเดินทางไปได้ทุกที่บนโลกใบนี้!"

"โอ้!"

เดิมทีเจียงอี้ไม่ได้มีความสนใจสงครามอาณาจักรและไม่ได้ถามคำถามใดๆเพิ่มเติมอีก เขาเดินเข้าไปในห้องของเขาอย่างเงียบๆเพื่อเริ่มปรับแต่งเม็ดยา

ทันใดนั้นเขาก็จำนึกบางสิ่งออกและออกคำสั่งแก่เฉียนว่านก้วน "ว่านก้วน ให้เม็ดยามังกรสวรรค์อาจารย์ซุพันเม็ด โอ้…ให้จ้านอู๋ซวงและจ้านหลินเอ๋อร์อีกพันเม็ดด้วย มันจะทำให้พวกเขาบ่มเพาะพลังได้ไวขึ้น"

เมื่อสิ้นคำพูดของเขา เจียงอี้ก็ปิดประตูของเขาและตั้งหน้าตั้งตาปรับแต่งเม็ดยา ซูรั่วเสวี่ยมองอย่างงงงวยและถามว่า "เม็ดยามังกรสวรรค์คืออะไร? ทางสำนักหาเม็ดยามาให้พวกเราทุกเดือน ข้าไม่ต้องการมัน พวกเจ้าเก็บไว้บ่มเพาะพลังเถอะ"

"ลูกพี่ยังไงก็ยังเป็นลูกพี่เสมอ เขาช่างใจกว้างนัก ของขวัญชิ้นเดียวนี้มีค่าตั้งห้าล้านตำลึงทองเชียวนะ!"

เฉียนว่านก้วนยกนิ้วให้และพูดกับซูรั่วเสวี่ยด้วยความเหยียดหยาม "อาจารย์ซู ท่านควรทิ้งพวกเม็ดยาระดับพิภพขั้นต่ำที่สำนักจัดหาไว้ให้ท่านเสียนะ ลูกพี่ได้กลั่นเม็ดยามังกรสวรรค์ที่อยู่ระดับสวรรค์ได้ ความเร็วในการบ่มเพาะนั้นเร็วกว่าของท่านหลายเท่านัก... "

"เม็ดยาระดับสวรรค์? เจียงอี้…เป็นคนกลั่นมัน?" ซูรั่วเสวี่ยกะพริบตาของนางอยู่หลายครั้งและแสดงออกด้วยความโกรธ นางคิดว่าพวกเขาสองคนกำลังหยอกล้อนาง

เฉียนว่านก้วนหยิบขวดหยกออกมาแล้วนำเม็ดยาออกมาแล้วส่งให้นาง เมื่อซูรั่วเสวี่ยมองดูอย่างละเอียด การแสดงออกของนางก็เปลี่ยนไป ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางที่ดูเหมือนดวงจันทร์ส่องประกายออกมา ความพรั่งพรูของอารมณ์ของนางทำให้เนินอันอ่อนนุ่มของนางสั่นไหวอย่างเชื่องช้า และทำให้เฉียนว่านก้วนเลือดกำเดาไหลออกมา....

...

"น่าขายหน้านัก! ไอ้พวกขยะที่ไม่สามารถจับได้แม้กระทั่งคนอ่อนแอ ใครใช้ให้พวกเจ้ากลับมาที่นี่?!"

ณ ห้องโอ่อ่าของโถงวรยุทธของสำนักจิตอสูร นายน้อยผู้ดูสง่าสวมชุดคลุมของทางการทุบถ้วยอย่างดุเดือด เขาสาปแช่งชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อเกราะอย่างไม่หยุดหย่อน

ในห้องมีชายอีกคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมที่สวยงามและทีท่าที่ดูไม่ธรรมดา ดวงตาอันเจ้าเล่ห์ของเขาส่องประกายขณะจิบชาแล้วพูดทันทีว่า "องค์ชายสามอย่าตำหนิแม่ทัพหลงเลยขอรับ เจียงหยุนไฮ่เคยรับใช้เคียงข้างจอมพลคนก่อนเป็นเวลาหลายปี เขายังเป็นหัวหน้าหน่วยลับของตำหนักจอมพลมาหลายปีเช่นกัน หลังจากนั้นเขายังรับใช้อีเพียวเพียว เช่นนั้นเขาจะเล่ห์กลได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะต้องถูกจับเป็นและมันก็ยากกว่าปกติมาก ซึ่งพูดไปตอนนี้ก็คงไม่มีความหมายอะไรแล้ว ให้แม่ทัพหลงได้กลับไปพักผ่อนบ้างเถอะขอรับ"

องค์ชายสามโบกมือ แม่ทัพที่สวมชุดเกราะรู้สึกถึงความโล่งใจจากภาระหน้าที่ทันทีและโค้งคำนับด้วยความซาบซึ้งต่อนายน้อยผู้มีสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนจากไป จากนั้นองค์ชายมองไปที่นายน้อยเจ้าเล่ห์และถามว่า "อู๋จี้ ตอนนี้เราควรทำอย่างไรต่อ? เราจับเจียงหยุนไฮ่ไม่ได้และเจียงอี้กำลังหดหัวอยู่ในสำนักเหมือนเต่า เราจะไปฆ่าเขาเลยดีไหม? ข้าตกปากรับคำต่อหน้าแม่นางสุ่ยแล้ว ข้าจะต้องช่วยนางฆ่าเจียงอี้"

"ไม่ต้องกังวล องค์ชายสาม!"

จ่างซุนอู๋จี้ยิ้มและมององค์ชายสามเซี่ยเถียน เขาก้มศีรษะลงและจิบชาก่อนพูดอย่างคลุมเครือ "ข้ามีแผนที่จะทำให้เจียงอี้ก้าวออกมาจากสำนักด้วยตัวเอง และแน่นอน ข้าต้องการร่วมมือกับท่านและแม่นางสุ่ย!"

ดวงตาของเซี่ยเถียนสุกสกาวและตอบว่า "ข้าไม่มีปัญหาในการร่วมมือกับเจ้า แต่แม่นางสุ่ยล่ะ? แล้วแผนการเป็นเช่นไร?"

"แม่นางสุ่ยจะต้องให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน!"

จ่างซุนอู๋จี้ยิ้มอย่างมั่นใจ “ข้าจะเก็บแผนการของข้าไว้เป็นความลับก่อน ท่านจะได้รู้หลังจากผ่านไปสักพัก เมื่อแผนนี้สำเร็จ องค์ชายจะมีโอกาสมากมายที่จะผูกสัมพันธ์กับแม่นางสุ่ยเช่นกัน อันดับแรกท่านต้องสนิทชิดเชื้อกันก่อนที่จะได้รับผลประโยชน์ใดๆ ความรู้สึกจะค่อยๆสั่งสมหลังจากใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น อู๋จี้แสดงความยินดีต่อองค์ชายล่วงหน้า ก่อนที่ท่านจะได้เสพสุขกับแม่นางสุ่ย!”

"ดี!"

เซี่ยเถียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและตบไหล่จ่างซุนอู๋จี้ "หากข้ามีโอกาสขึ้นครองราชย์จริง เจ้าจะได้เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาส่วนตัวของข้า"

เหตุที่ว่าทำไมเซี่ยเถียนถวิลหาสุ่ยเชียนโหรวมากเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะแม่ของนาง แต่เป็นเพราะจ่างซุนอู๋จี้ทำให้เขามั่นใจ ตราบใดที่เขาชนะใจสุ่ยเชียนโหรว ตระกูลจ่างซุนก็จะหันมาอยู่ฝ่ายเขาทันทีและช่วยให้เขาได้ขึ้นครองราชย์ ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลจ่างซุน แม้แต่หมูก็คงมีโอกาสได้นั่งบัลลังก์นั่น

เขาเดาได้ว่าจ่างซุนอู๋จี้กำลังใช้เขาเพื่อจัดการกับเจียงอี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย ไม่ว่าเจียงเปี๋ยหลีที่น่าเกรงขามจะเป็นเช่นไร ในทัศนะของเขา เจียงเปี๋ยหลีก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจและเป็นทาสของตระกูลเซี่ยพวกเขาอยู่ดี!

หลังจากเซี่ยเถียนออกไปพบสุ่ยเชียนโหรว จ่างซุนอู๋จี้ได้แสยะยิ้มกับตัวเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในใจของเขา

เจียงนี่หลิวยังคงถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนักและแม้แต่แม่ของเขาก็แทบไม่มีโอกาสได้พบเขาและจะกลับมาตำหนักเป็นครั้งคราวพร้อมความโศกเศร้า แผนการที่จะจัดการกับเจียงอี้คือแผนการของเขา แต่มันกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสหลายคนในตระกูลจ่างซุนจึงเริ่มสงสัยความสามารถของเขาทำให้ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลของเขาสั่นคลอน ลูกหลานทายาทโดยตรงของตระกูลจ่างซุนไม่ได้มีอัจฉริยะเพียงแค่หนึ่งหรือสองคน เขาต้องรีบจัดการกับเจียงอี้ด้วยไพ่ตายเพื่อพิสูจน์ความสามารถของเขา

"ตายซะ!"

ในขณะที่เขาพึมพำ เขาก็กระแทกมือของเขาลงบนโต๊ะ โต๊ะไม้เนื้อแข็งแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ในขณะที่ดวงตาที่อาฆาตแค้นของเขาลุกโชน เขาพึมพำกับตัวเองว่า "เจียงอี้ ในสงครามอาณาจักรอีกสี่เดือนที่จะถึง ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายโดยไร้พิธีฝังศพไปซะ!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด