ตอนที่ 34 แปดอันดับแห่งสำนักชิงหลัว (2)
“คนส่วนใหญ่เรียกขานอันดับมั่งคั่งว่าอันดับคนรวย เพราะพวกที่สามารถติดอยู่ในอันดับนี้ได้มีแต่กลุ่มคนที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ หากเจ้ารู้จักใครสักคนในอันดับมั่งคั่ง เจ้าสามารถไปที่ใดก็ได้ในสถาบันชิงหลัวเพราะเงินตราคือตัวขับเคลื่อนโลกทั้งใบ”
นัยน์ตาเฟ่ยโก่วอดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นร่องรอยถวิลหาเมื่อเขากล่าวถึงอันดับมั่งคั่ง และในขณะเดียวกันในดวงตาของเขาก็มีร่องรอยไร้กำลังเจือปนอยู่ด้วย
“ไม่ใช่ว่าควรจะปกปิดทรัพย์สมบัติหรอกหรือ? คนพวกนี้ไม่เกรงกลัวการตกเป็นเหยื่อหรือไร?”
ใบหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยปรากฎความประหลาดใจเพราะเรื่องนี้แตกต่างจากสิ่งที่เขาคิดไว้มาก
“ปกปิดทรัพย์สมบัติมีไว้สำหรับคนธรรมดา นอกจากการเรียนที่นี่แล้ว พวกเจ้าชายหรือลูกคนใหญ่คนโตพวกนั้นมีหน้าที่เสาะหาผู้มีพรสวรรค์เพื่อตระกูลของพวกเขา การไต่อันดับมั่งคั่งเป็นทางลัดที่ดีที่สุด”
ครั้งนี้ป๋ายเสี่ยวเฟยได้เรียนรู้บางสิ่งเพราะเขาไม่เคยคิดถึงด้านนี้มาก่อน
ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวได้ว่าเป็นมืออาชีพในเรื่องหลอกลวงผู้อื่น แต่เขาก็เป็นเพียงกระดาษขาวเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการเมือง
ความรู้เกี่ยวกับอันดับมั่งคั่งเป็นดั่งรอยหมึกหยดแรกในกระดาษขาวนั้น
“หลังจากอันดับมั่งคั่งก็เป็นอันดับบุปผาที่พวกข้ากล่าวถึงเมื่อครู่”
แค่กล่าวถึงชื่อนี้ก็ทำเฟ่ยโก่วน้ำลายไหลเป็นทางถึงพื้น
“ตั้งแต่โบราณกาล วีรบุรุษล้วนตกเป็นทาสของสาวงาม และดรุณีทั้งหมดในอันดับบุปผาจัดได้ว่าเป็นสาวงามหนึ่งในล้าน! อันดับบุปผากล่าวได้ว่าเป็นอันดับที่น่าหลงใหลที่สุดในทั้งแปดอันดับ แค่เพียงดรุณีในอันดับบุปผากล่าวหนึ่งคำ ก็มีคนมากมายนับไม่ถ้วนยินดีปฏิบัติตามที่นางสั่งโดยไม่รีรอ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ม่านตาข้างขวาของป๋ายเสี่ยวเฟยพลันกระตุกพร้อมใบหน้าเย็นเยียบปานน้ำแข็งที่ปรากฎขึ้นในใจ
“เอ่อ...ศิษย์พี่... ข้ามีคำถาม ฉินหลิงหยาน ชื่อนี้...”
“เทพธิดาน้ำแข็ง!?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยยังไม่ทันพูดจบ เฟ่ยโก่วก็ร้องเสียงหลงอธิบายทุกอย่างทันที
“ไม่เลวศิษย์น้อง เจ้าเพิ่งมาถึงก็เล็งเป้าหมายใหม่แล้วหรือ? แต่เจ้ามีสาวงามอยู่ข้างกายแล้วใยจึงโลภมาก? ข้าแนะนำว่าปฏิบัติตนให้ดีไม่งั้นเจ้าจะไม่เหลือใครสักคนให้ร้องไห้ซบอก”
“อีกอย่าง จะเป็นการดีหากเจ้าไม่ไปก่อกวนเทพธิดาน้ำแข็ง ไม่ต้องกล่าวถึงนิสัยใจคอที่กีดกันผู้อื่นไม่ให้เข้าใกล้ แค่เบื้องหลังที่นางมีก็มากเกินไปสำหรับเจ้าแล้ว”
“เป็นเช่นนั้น ถึงแม้นางจะอยู่เพียงระดับยี่สิบเจ็ด แต่เสน่ห์ของนางนั้นถือได้ว่าอยู่ในแนวหน้าเพราะนางเป็นศิษย์น้อง ทุกคนจึงรู้สึกว่าการเกี้ยวพาราสีนางง่ายกว่าบุปผาคนอื่นๆ มีอัจฉริยะมากมายต้องการตัวนางไม่เว้นแม้แต่คนใหญ่คนโตของศิษย์ปีสามหลายคน”
ฉู่กานเอ่ยเสริม หัวใจของป๋ายเสี่ยวเฟยเย็นเยียบขึ้นมาทันใด
‘จบกัน... ข้าเลือกตอแยคนผิดแล้ว...’
“ศิษย์น้อง? เหตุใดสีหน้าเจ้ามิสู้ดีนัก?”
สีหน้าที่เปลี่ยนไปฉับพลันของป๋ายเสี่ยวเฟยไม่อาจหลุดพ้นไปจากสายตาของเฟ่ยโก่ว แต่เขาไม่ได้คิดมากอันใดกับเรื่องนี้เพราะไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็ไม่เห็นหนทางที่ป๋ายเสี่ยวเฟยจะไปสร้างความลำบากใจให้ตัวตนระดับฉินหลิงหยาน
“ไม่มีอันใด ข้าเพียงรู้สึกไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ชายอย่างเราๆ เท่านั้น เหตุใดจึงมีแค่อันดับสาวงามแต่ไม่มีอันดับหนุ่มหล่อ!?”
ครั้นป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยจบ เฟ่ยโก่วและฉู่กานเหลือบตามองกันเองก่อนจะหัวเราะในเวลาเดียวกัน
“เอาล่ะ พวกเราจะรอให้ศิษย์น้องเป็นผู้สรรสร้างอันดับหนุ่มหล่อ ในตอนนั้นอย่าลืมให้พวกเราอยู่ในอันดับด้วย!”
หลังจากหัวเราะจนพอใจสีหน้าของเฟ่ยโก่วกลายเป็นเคร่งขรึมอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขามิได้ตื่นเต้นเฉกเช่นเมื่อยามพูดถึงอันดับบุปผา
“อันดับสมบัติกล่าวได้ว่าเป็นอันดับสำหรับให้พวกที่มีหุ่นเชิดระดับสูงหรืออุปกรณ์สำคัญเช่นพวกยาวิเศษ พูดง่ายๆ อันดับสมบัติเอาไว้โอ้อวดเท่านั้นและสำหรับข้ามันเป็นอันดับที่ไร้ประโยชน์ที่สุดนอกจากจะเอาไว้เกี้ยวพาราสี”
เฟ่ยโก่วเอ่ยอธิบายอันดับสมบัติในหนึ่งชั่วลมหายใจ สีหน้าปรากฎความตื่นเต้นอีกครา
“อันดับสุดท้ายคืออันดับที่เลื่องชื่อที่สุด อันดับค่าหัว ในอดีตสถาบันชิงหลัวได้พยายามลบตัวตนของมันแต่ท้ายสุดแล้วกลับยอมปล่อยให้มีต่อเพราะมันโด่งดังเกินไป”
ป๋ายเสี่ยวเฟยตั้งใจเงี่ยหูสดับฟังทันทีเมื่อได้ยินคำว่าอันดับค่าหัวเพราะเขาได้ยินจากทั้งสองระหว่างทางเดินว่าเขาอยู่ในอันดับนี้
“หากเปรียบอันดับชิงหลัวเป็นดั่งภารกิจที่ทางสถาบันจัดตั้งขึ้น อันดับค่าหัวก็เป็นภารกิจจัดทำโดยศิษย์นักเรียน อีกอย่างไม่มีข้อจำกัดในด้านความหลากหลาย! ภารกิจแปลกประหลาดมากมายถูกพบเห็นได้อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นภารกิจสำหรับสั่งสอนพวกศิษย์โง่เขลาในสถาบัน”
ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไป
“มิผิด และป๋ายเสี่ยวเฟยที่ข้าเอ่ยถึงเมื่อครู่ปัญญาอ่อนโดยแท้ เพิ่งเข้ามาสถาบันชิงหลัวแต่กลับหาญกล้าสร้างความขุ่นเคืองให้เทพธิดาน้ำแข็ง นางได้สร้างภารกิจในอับดับค่าหัวเป็นหินชิงหลัวห้าก้อนให้ใครก็ตามที่สั่งสอนป๋ายเสี่ยวเฟยได้ แถมในวันหนึ่งยังรับภารกิจได้สิบครั้งต่อวัน มีเวลาจำกัดคือสิบวัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันหาตัวป๋ายเสี่ยวเฟยกันจ้าละหวั่น!”
ฉู่กานเอ่ยเสริมในเชิงไม่เห็นด้วยหลังจากเฟ่ยโก่วกล่าวจบ
“เจ้ารู้หรือไม่? ข้าได้ยินว่าป๋ายเสี่ยวเฟยพาฉินหลิงหยานไปยังหอพักของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่แท้ พวกเขาอาจเป็นคู่รักก็เป็นได้และใครก็ตามที่ทำภารกิจนี้ไม่มีทางหนีรอดได้ในภายหลัง”
“เจ้าไม่ได้ยินหรือ? ฉินหลิงหยานได้ออกมาอธิบายแล้วว่านั่นมิใช่นางหากแต่เป็นหุ่นเชิดของป๋ายเสี่ยวเฟยที่แปลงกายเป็นนาง ได้ยินว่าหุ่นเชิดตนนั้นเป็นสุนัขฮัสกี้”
เฟ่ยโก่วโต้แย้ง ในฐานะผู้ติดตามของฉินหลิงหยานเขาเชื่อถือคำพูดนางมากกว่า
ป๋ายเสี่ยวเฟยตกใจสุดขีดเมื่อได้ยิน เขารีบซ่อนเสี่ยวเอ้อไว้ข้างหลังทันที
“เจ้ากล่าวอันใด แปลงกายเป็นมนุษย์? ผู้ใดจะไปเชื่อคำโป้ปดเช่นนั้น? นั่นเป็นความสามารถของหุ่นเชิดสายมายาแขนงลอกเลียนแบบ ในสถาบันชิงหลัวไม่มีสักตน!”
คำพูดของฉู่กานกล่าวได้ว่าน่าเชื่อถือ เฟ่ยโก่วนั่งชะงักไปเชื่อครู่
“ศิษย์น้อง เจ้าคิดว่าเช่นไร? ใครถูกใครผิด?”
ในที่สุดเฟ่ยโก่วก็หันมาถามป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างช่วยไม่ได้
“เอ่อ... นี่...”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดไม่ออกอยู่นาน เขาไม่ได้กล่าวอันใดเพราะสมองเต็มไปด้วยความคิดว่าจะทำเช่นไรถึงจะรอดจากภัยพิบัตินี้ไปได้
ฉู่กานคาดว่าป๋ายเสี่ยวเฟยเกรงกลัวที่จะทำให้พวกเขาไม่พอใจเขาจึงรีบอธิบาย
“พูดมาเถิดศิษย์น้อง พวกเราแค่อยากสนทนาเล่นๆ ไม่ได้จริงจัง พวกเราจะไม่ทำอะไรเจ้า”
“ข้าคิดว่า มีเพียงผู้คนในเหตุการณ์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการพูดมากที่สุด พวกเราเพียงหาตามหาเขาและความจริงก็จะปรากฎ ถึงแม้สถาบันจะใหญ่แต่มันคงไม่ยากเกินไปที่จะตามหาศิษย์ใหม่ ใช่หรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกราวกับกำลังผูกเชือกรัดคอตัวเองขณะพูดออกไป แต่เขาไม่มีทางเลือกเพราะทั้งสองไม่มีทางปล่อยป๋ายเสี่ยวเฟย
“มิผิด ศิษย์น้อง พวกเราแค่ต้องรอให้คาบเรียน มีหลายคนที่รอตอนเที่ยงแต่ห้องเรียนของป๋ายเสี่ยวเฟยดูเหมือนจะไม่ได้เรียนในห้อง”
เมื่อฉู่กานเอ่ยจบป๋ายเสี่ยวเฟยอยากจะขอบคุณเสวี่ยอิ่งสักครา
หากไม่ใช่เพราะการฝึกเมื่อเช้า เขาอาจต้องได้รับประสบการณ์อันเลวร้ายก็เป็นได้
ในขณะที่ป๋ายเสี่ยวเฟยถอนหายใจยาวออกมาเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หลินหลีตื่น
“ป๋ายเสี่ยวเฟย...”
เสียงกระซิบของนางทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันโดยพลัน...