ตอนที่ 33 แปดอันดับแห่งสำนักชิงหลัว (1)
“โอ ศิษย์น้อง เจ้าถามได้ถูกประเด็นแล้ว!”
เมื่อไม้ไผ่ได้ยินคำถามของป๋ายเสี่ยวเฟยเกี่ยวกับอันดับค่าหัว ความสนใจของเขาพุ่งขึ้นมาปรากฎขึ้นบนใบหน้าแต่ก่อนที่เขาจะทันได้อ้าปากพูด หมาอ้วนก็ผลักเขาไปข้างๆ เสียก่อน
“ข้าจะบอกเอง”
ใบหน้าของหมาอ้วนมีร่องรอยความตื่นเต้นขณะที่เขาฉกฉวยสิทธิ์ในการพูดสำเร็จ
“เจ้าไม่รู้จักอันดับค่าหัวเช่นนั้นเจ้าคงไม่รู้จักแปดอันดับแห่งชิงหลัวเช่นกันใช่หรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยส่ายหัวเล็กน้อยตอบกลับคำถามของหมาอ้วน
“เช่นนั้นก็ดี งั้นฟัง..”
ไม้ไผ่ผู้ถูกผลักไปด้านข้างเมื่อครู่ขัดขวางหมาอ้วนก่อนที่หมาอ้วนจะพูดเสร็จ เขากล่าว
“พวกเรามาถึงศาลายาแล้ว ถึงเจ้าจะไม่รีบแต่ผู้หญิงของศิษย์น้องต้องรีบเข้ารักษา เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ตอนนี้เข้าไปก่อนดีกว่า”
เมื่อหมาอ้วนเงยหัวขึ้นมาเขาก็พลันสังเกตเห็นสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมโหฬารที่มีลักษณะเก่าแก่โบราณ ตรงหน้าทางเข้ามีกระถางปรุงยาที่ดูโอ่อ่าและกว้างใหญ่จนถึงขั้นต้องการคนอย่างน้อยสิบคนโอบล้อมถึงจะพอ
“นี่คือศาลายา เจ้าต้องเงียบปากทันทีเมื่อเข้าไปเพราะใครก็ตามที่ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยแต่กล้าส่งเสียงดังจะต้องถูกจัดการ”
หมาอ้วนทำหน้าเคร่งเครียดขณะที่เขายืนอยู่ข้างป๋ายเสี่ยวเฟย
หลังจากพวกเขาได้รับการยืนยันจากป๋ายเสี่ยวเฟย ไม้ไผ่และหมาอ้วนนำทางเดินอ้อมกระถางยาเข้าไปยังศาลายา
ศาลายาในสถาบันชิงหลัวถูกแบ่งออกเป็นห้าชั้น ชั้นแรกสำหรับรับยาและปรุงยา ชั้นสองสำหรับรักษาบาดแผลภายนอก ชั้นสามสำหรับรักษาบาดแผลภายใน ชั้นสี่ไว้สำหรับพวกที่บาดเจ็บสาหัสหรือป่วยหนักต้องมาพักผ่อน ส่วนชั้นที่ห้าเป็นแหล่งรวมการรักษาระดับสูง มีเพียงคนสำคัญเท่านั้นที่เข้าไปได้
สภาพของหลินหลีจัดอยู่ในหมวดชั้นที่สอง ส่วนของหมาอ้วนและไม้ไผ่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชั้นใด
“ไม่ต้องกังวล แค่อาการเหนื่อยธรรมดาเท่านั้น นางเพียงต้องนอนสักพักไม่นานนางก็จะตื่นขึ้นเอง ข้าจะให้คนเอายาฟื้นฟูพลังกายมาส่งในภายหลัง เจ้าป้อนยานางเมื่อนางตื่นขึ้น”
คนที่พูดเป็นศิษย์พี่หญิงปีสามที่สวมแว่นและเสื้อคลุมสีน้ำตาลของศาลายา กี่เพ้าสีม่วงอ่อนส่งเสริมเสน่ห์ของนางมากยิ่งขึ้น
ศิษย์พี่หญิงเดินจากไปเมื่ออธิบายให้ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง หมาอ้วนและไม้ไผ่ผู้ซึ่งมีท่าทีนอบน้อมและใฝ่หาเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาทันที
หลังจากได้รับการรักษา อาการบาดเจ็บของพวกเขาดีขึ้นมาก อย่างน้อยป๋ายเสี่ยวเฟยก็สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกเขาได้บ้างแล้ว...
“อะไรวะ ศิษย์น้อง นี่คนรักเจ้าหรือ!?”
ทั้งคู่ตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นหลินหลีนอนอยู่บนเตียง น้ำลายของพวกมันเริ่มไหลในทันที
ป๋ายเสี่ยวเฟยก้าวเข้ามาบดบังสายตาของพวกมันไว้ก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มซื่อๆ
“ศิษย์พี่ พวกเราสามารถกล่าวได้ว่าเป็นสหายใช่หรือไม่?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ได้พูดขวานผ่าซากแต่ความหมายในคำพูดของเขาชัดเจนเป็นอย่างมาก ทั้งหมาอ้วนและไม้ไผ่ถือได้ว่าเป็นคนมีศีลธรรมเพราะพวกเขารีบปาดเช็ดน้ำลายออกไปทันที
“คนเราไม่ควรโหยหาหญิงรักของสหาย พวกเรามีหลักการของพวกเรา เมื่อครู่เป็นเพียงปฏิกิริยาปกติเท่านั้น...”
ทั้งคู่รีบปลับเปลี่ยนสีหน้าของตนพลางยิ้มอย่างละอายใจ
“แต่ศิษย์น้อง ไม่ยากเลยที่คนรักของเจ้าจะได้กลายเป็นหนึ่งในอันดับบุปผา!”
“แน่นอน แน่นอน นางงดงามถึงขนาดสามารถไต่เต้าขึ้นไปยังอันดับสูงได้เลยด้วยซ้ำ!”
ทั้งสองพูดเป็นจังหวะอันสมบูรณ์ เป็นอีกครั้งที่พวกเขากล่าวศัพท์ที่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่เข้าใจ
“ศิษย์พี่เชิญนั่งก่อน พวกท่านช่วยชี้แนะศิษย์น้องได้หรือไม่ว่าแปดอันดับพวกนี้คือสิ่งใด?”
หลังจากเชิญพวกเขานั่ง ป๋ายเสี่ยวเฟยหันเหความสนใจของทั้งสองมายังคำถามของเขา
“เป็นคำถามที่ดี!”
หมาอ้วนที่มีรูปร่างจ้ำม่ำถูมือเขาหากันก่อนจะพูดถึงหัวข้อที่เขากล่าวไม่เสร็จเมื่อครู่
“แปดอันดับถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกถูกจัดอันดับโดยทางสถาบันมีทั้งหมดสี่อันดับ มีอันดับชิงหลัว อันดับต่อสู้ อันดับบัญชาและอันดับชื่อเสียง”
“อีกประเภทถูกจัดโดยเหล่าศิษย์ มีอันดับมั่งคั่ง อันดับบุปผา อันดับสมบัติและอันดับค่าหัว”
เมื่อหมาอ้วนพูดชื่อของทั้งแปดอันดับจบก็เป็นไม้ไผ่ที่กล่าวขัดขึ้นมา
“ถึงตาข้า! ตาข้า!”
หลังจากไม้ไผ่กระแอมลำคอเล็กน้อย เขาเริ่มเปิดปากพูด
“อันดับชิงหลัวกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในรากฐานของสถาบัน อันดับชิงหลัวจะมีภารกิจจากทั้งสถาบันและโลกภายนอก ศิษย์ทั้งหมดตั้งแต่ปีหนึ่งจะสามารถรับภารกิจได้ทางอันดับชิงหลัว ผู้ที่ทำภารกิจสำเร็จจะได้รับคุณูปการตามความยากง่ายของภารกิจ เป็นเหตุให้อันดับชิงหลัวบางครั้งก็ถูกเรียกว่าอันดับคุณูปการเช่นกันเพราะภารกิจในอันดับชิงหลัวถูกจัดอันดับเรียงตามคุณูปการที่จะได้รับ”
“คุณูปการ?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดขัดไม้ไผ่พลางมีสีหน้าประหลาดใจระคนตื่นเต้น
“คุณูปการสามารถนำไปแลกเป็นหินชิงหลัว ในขณะเดียวกันการมีคุณูปการที่เพียงพอจำเป็นต่อการจบการศึกษา มีหลายคนที่ไม่อาจได้ตราจบการศึกษาเพราะพวกเขามีคุณูปการไม่พอ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพยักหน้าเล็กน้อยตอบรับ ไม้ไผ่พูดต่อทันที
“อันดับต่อสู้ถูกเรียกว่าอันดับอัจฉริยะเช่นกัน มีหลายองค์กรที่มายังสถาบันชิงหลัวเพื่อเลือกเฟ้นหาศิษย์ตามระดับของพวกเขาในอันดับต่อสู้”
“ตามชื่อของมัน อันดับต่อสู้ขึ้นอยู่กับว่าใครต่อสู้ได้เก่งกว่า แถมอันดับต่อสู้ยังเปลี่ยนไปตลอดเวลา หากเจ้าต้องการเจ้าสามารถท้าสู้หนึ่งในร้อยจากอันดับต่อสู้และหากเจ้าสามารถชนะคนผู้นั้นในการต่อสู้ที่ยุติธรรมได้ เจ้าจะกลายเป็นผู้ครองตำแหน่งนั้น”
นัยน์ตาทั้งสองของป๋ายเสี่ยวเฟยเปล่งประกายเมื่อได้ยินเกี่ยวกับอันดับต่อสู้
“ข้าสามารถใช้ทุกวิธีการเพื่อสู้ได้หรือไม่?”
หมาอ้วนและไม้ไผ่ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยสนอกสนใจอันดับต่อสู้ก่อนจะเผยให้เห็นสีหน้าของผู้มีประสบการณ์
“เป็นเช่นนั้น แต่ศิษย์น้อง อันดับต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรจะคิดในตอนนี้ สถาบันชิงหลัวมีศิษย์มากกว่าหนึ่งหมื่นคนแต่มีเพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้นที่มีชื่ออยู่ในอันดับต่อสู้ แม้แต่คนที่อยู่อันดับหนึ่งร้อยยังไม่ใช่คนที่เจ้าสามารถต่อกรได้”
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ได้สนใจคำตักเตือนของไม้ไผ่มากนักแต่เขายังพยักหน้า
“ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเพียงถามประดับความรู้เท่านั้น ท่านเชิญกล่าวต่อเถิด”
“ต่อไปคืออันดับบัญชา คนทั้งหมดที่อยู่ในอันดับนี้คือพวกสมองโตชาญฉลาดเกินมนุษย์ ในขณะเดียวกันจักรวรรดิทั้งหลายต่างก็ต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้คนเหล่านี้มาอยู่ข้างเดียวสักคนก็ยังดี นอกจากนั้นความสามารถของพวกเขาจะถูกตัดสินโดยจานทรายมายา เจ้าจะสามานรถบัญชาทหารได้ที่นั่น และยิ่งเจ้าผ่านด่านได้มากเท่าใดระดับของเจ้าในอันดับบัญชาก็จะยิ่งสูงขึ้น”
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ได้กล่าวขัดในครั้งนี้ แต่เขาจดจำชื่อของอันดับบัญชาไว้ในสมอง
“อันดับสุดท้ายที่ถูกจัดโดยสถาบันคืออันดับชื่อเสียง อันดับชื่อเสียงส่วนใหญ่จะคงที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเพราะสถาบันจะจัดการให้ศิษย์ออกเสียงได้ในทุกๆ ปี ส่วนใหญ่พวกที่สามารถเข้ามาอยู่ในอันดับชื่อเสียงจะเป็นสมาชิกของสภานักเรียน พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบช่วยเหลือสถาบันในการจัดการเรื่องราวต่างๆ”
ไม้ไผ่เผยสีหน้าภาคภูมิขณะกล่าว
“ศิษย์พี่ของเจ้าซึ่งก็คือข้า เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในอันดับนี้ ถึงแม้ระดับของข้าจะไม่สูงนักแต่หากเจ้ากล่าวถึงชื่อข้า ฉู่กานในเตาหลอมกฤษณา มันก็พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง”
(ฉู่กานออกเสียงคล้ายไม้ไผ่ในภาษาจีน)
“หยุดโอ้อวดได้แล้ว! เจ้ากล้าพูดอย่างไม่อายได้อย่างไรในเมื่อเจ้าอยู่ในระดับต่ำสุด? ถอยไป” หมาอ้วนดูเหมือนจะไม่สมอารมณ์กับท่าทีโอ้อวดของฉู่กาน เขาผลักฉู่กานไปด้านข้าง
“ข้าจะอธิบายอันดับที่เหลือทั้งสี่”
เฟ่ยโก่วไม่สนใจฉู่กานที่ส่งเสียงฮึดฮัด เขากล่าวอธิบายอันดับที่เหลือ