บทที่ 293 - สมาชิกคนล่าสุด (10) [10-12-2020]
บทที่ 293 - สมาชิกคนล่าสุด (10)
”
ในตอนที่ราชาแห่งความกลัวตายไป ฉันก็ได้บินไปข้างๆเธอ แต่แล้วเมื่อฉันสังเกตุเห็นว่าเธอกำลังอยู่ในสภาพอะไรทำให้ฉันหยุดลง เธอกำลังสูดหายใจลึก หายใจอย่างช้าๆ ในทุกๆครั้งที่เธอหายใจเข้าจะมีมานาจำนวนมหาศาลเข้าไปในร่างเธอ มันเป็นมานาที่เธอแย่งชิงมาจากราชาแห่งความกลัว ใช่แล้วมันเป็นมานาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของราชาแห่งความกลัว แต่ว่ามานาในตอนนี้ได้ถูกเพลิงของฮวาหยากำจัดความสกปรกออกไป
"ดูเหมือนฮวาหยาจะเจอเส้นทางการพัฒนาของเธอแล้ว"
ตัวฮวาหยาในตอนนี้กำลังยอมรับในพลังของราชาแห่งความกลัวเหมือนกับในตอนที่ฉันรับมานามาจากราชาแห่งสรรพสัตว์ ฉันไม่อยากจะรบกวนการพัฒนานี้ของเธอทำให้ฉันตัดสินใจจะมองดูเธออยู่ห่างๆ
ฮวาหยาได้ดูดมานาทั้งหมดไปในห้านาทีและเปิดตาขึ้นมา เมื่อเธอได้รู้ตัวว่าฉันกำลังมองเธออยู่ เธอก็ได้ทำท่าเหมือนกับจะพูดว่า 'อุปส์'
"ขะ ขอโทษนะชิน ฉันตื่นเต้นเกินไปจนเอาทุกๆอย่างไป... มะ มานี่สิ ฉันจะแบ่งให้ครึ่งนึง"
เธอได้ยิ้มขึ้นและเรียกให้ฉันเข้าไป ฉันรู้ดีว่าเธอวางแผนจะทำอะไร แต่ฉันก็แกล้งทำเป็นถามออกไป
"แล้วเธอคิดว่าจะแบ่งยังไงล่ะ?"
"นายรู้อยู่แล้วนี่ อุหุหุ หุหุหุ เอาล่ะ มานี่สิ"
ฮวาหยาได้แตะริมฝีปากของเธอและยืดมือมาทางฉัน ฉันไม่อยากจะฟังเลยจริงๆ
"ฉันให้เธอหมดเลย"
ฮวาหยาได้จะโกนออกมาอย่างผิดหวังที่เจอการตอบกลับอย่างเย็นชาของฉันทันที
"ทำไมล่ะ? นายมาเอาส่วนแบ่งนี่สิเร็วเข้า!"
"ฉันได้พลังมาในตอนที่่ฆ่าราชาแห่งสรรพสัตว์มาแล้วเหมือนกัน ฉันยังย่อยพลังนั้นไม่เสร็จเลย"
"ชิ"
เมื่อได้ยินฉันพูดแบบนี้ฮวาหยาได้เดาะลิ้นขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันได้ยิ้มขึ้นและพูดออกไป
"อ่า มันคงต้องเป็นงั้นสินะ"
ถึงแม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้น เธอก็จ้องมาทางฉันเหมือนกับว่ามันเป็นความอัปยศที่เราจะออกกันไปแล้ว ฉันควรจะทำยังไงกับเธอดีนะ? ฉันได้ถอนหายใจและเข้าไปหาเธอ
"อย่าส่งมานาอะไรพวกนี้มาให้ฉันนะ"
"ได้เลย!"
ฮวาหยาได้ยิ้มขึ้นมา เนื่องจากว่าเธอน่ารักมากฉันเลยให้อภัยเธอ
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อฮวาหยากับฉันได้ออกมาด้านนอก เราก้ไม่รู้สึกถึงตัวตนของคนอื่นเลย... เว้นอยู่คนเดียวคือเคน มีแค่เขาที่ยังอยู่ เขาได้นั่งอยู่บนอากาศและยืนขึ้นมาเมื่อเห็นเรา
"ไม่เลว"
"นายมองเห็นเราหรอ?"
"สเลปนีย์ยังอยู่นะ"
ฮวาหยาได้เข้ามากระซิบฉัน
"ใครล่ะนั่น?"
"เขาเป็นคนที่ช่วยให้ฉันเข้าไปในดันเจี้ยนไง เขาเป็นสมาชิกคนใหม่ของรีไวเวิร์ลด้วยนะ"
"อ่า นายไม่ได้เข้าไปในดันเจี้ยนด้วยวิธีปกติจริงๆด้วยสินะ"
ฮวาหยาได้บ่นออกมาแห้งๆและถามฉันอย่างเป็นกังวล
"ฉันไม่รู้ว่านายดึงตัวเขามาได้ยังไงหรอกนะชิน แต่ว่าสิ่งที่นายต้องแลกไปก็คือการช่วยโลกของเขา..."
"ไม่ใช่หรอก นอกไปจากนี้ในท้ายที่สุดฉันก็ต้องไปหาเขาอยู่ดี ไม่ต้องกังวลหรอกน่า"
"อืท... ฉันรู้สึกเหมือนว่านายห่างไกลออกไปอีกแล้ว"
ฮวาหยาดูจะรู้สึกไม่สบายใจทำให้เธอจับมือของฉันเอาไว้แน่น ฉันก็ไม่ได้หยุดเธอเอาไว้เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ แต่ในทางกลับกันคิ้วของเคนได้ขมวดขึ้น
"นายนี่แมนทีเดียวนะ"
"ฉันหรอ? แล้วคนอื่นไปไหนซะล่ะ?"
"ดันเจี้ยนได้แตกออกมาและเจ้าสิ่งที่นายเรียกว่าราชามันโผล่ออกมา"
"ตอนนี้หรอ!?"
ฉันก็พอจะคาดเดาได้อยู่บ้าง แต่มันก็ทำให้ฉันตกใจอยู่ดี ไม่ใช่แค่พวกมันใช้ของดันเจี้ยนเป็นของตัวเองเท่านั้น พวกมันยังทำได้ถึงขนาดพังดันเจี้ยนและปรากฏขึ้นบนโลกอกงั้นหรอ!? สิ่งที่ฉันตกใจมากที่สุดก็คือเวลาที่ดันเจี้ยนมันแตกออก มันดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้ในทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น
ฉันได้ขจัดความคิดนี้ออกไปจากหัว สิ่งสำคัญที่สุดคือการช่วยเพื่อนของฉัน
"นายจะไปเลยไหม?"
เคนได้ถามขึ้นสบายๆ ฉันสามารถจะบอกได้เลยว่าทัศนคตินี้ของเขาก็คือเรายังรักษาระยะห่างจากพวกเราอยู่ห่างไกลเล็กน้อย ฉันจะตำหนิเขาไม่ได้
"แน่นอนว่าฉันเชื่อใจพวกนั้น แต่ว่านายไม่คิดจะไปดูว่าอะไรเกิดขึ้นเลยหรอ"
"ฉันทำงานของฉันในวันนี้เสร็จแล้วซึ่งคือการใช้กุงเนียร์กับสเลปนีย์ ฉันช่วยอะไรนายมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"
"ฉันรู้.... แต่ว่านายจะทำแบบนี้ในวันพรุ่งนี้ไม่ได้"
สัญญาระหว่างเขาคือสัญญาที่ทำขึ้นทั้งสองฝ่าย ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเขาและเขาก็ยังดูเหมือนว่าจะต้องการฉัน ด้วยคำพูดนี้ที่ตรงประเด็นของฉันทำให้เคนหยักหน้าช้าๆ
"แน่นอน ฉันสัญญา เมื่อผ่านไปหนึ่งวัน ฉันจะเข้าร่วมกิลด์รีไวเวิร์ลและกลายเป็นสมาชิกของกิลด์นาย"
"เยี่ยม ฮวาหยาไปกันเถอะ"
ฮวาหยาได้มองไปที่เคนอย่างไม่สบายใจแต่ว่าเธอดูเหมือนจะตัดสินใจที่จะไว้ใจฉันทำให้เธอปิดตาลงและตอบกลับมา
"อื้อ"
ราชาแห่งความตายจะต้องปรากฏตัวอยู่ในรัฐวาติกันแน่นอน เมื่อฉันได้จินตนากการถึงอันเดตนับไม่ผุดขึ้นมาจากหลุมฝังศพตามคริสตจักรคาทอลิกมันทำให้ฉันอดที่จะรู้สึกขำไม่ได้ เนื่องจากว่าฉันเคยไปทั่วโลกมาก่อนทำให้ฉันเคยได้ติดตั้งจุดเคลื่อนย้ายของสกิลย้อนกลับเอาไว้หลายที่มาก และโชคดีที่ว่าที่นั่นก็มีอยู่เช่นกัน
"ย้อนกลับ"
ฉันได้ปิดตาลงและเปิดกลับมาเพื่อผ่านไปพักหนึ่ง ฉันได้รู้สึกกังวลแวบหนึ่งว่าฉันวาปมาผิดที่แต่ว่าพวกเราอยู่ในโรมแน่นอน โรมที่อยู่ใกล้กับนครวาติกันและเพราะยุยเคยบอกกับฉันว่าเธออยากจะไปที่วาติกันทำให้ฉันจำขึ้นได้ว่าฉันติดตั้งจุดไว้ที่โรม
แต่ว่าที่โรมที่ฉันเห็นอยู่ในตอนนี้ไม่ได้เหมือนกับโรมที่ฉันรู้จักเลย ที่แห่งนี้ได้กลายเป็นนรกไปแล้ว
"เกิดอะไรขึ้น...?"
"ชินนั่น!"
ฮวาหยาดูจะรู้สึกได้ถึงบางอย่างทำให้เธอชี้ไปที่ที่ไกลออกไป ไม่นานนักฉันก็รู้ได้ว่าเธอเจอกับอะไร ตรงนั่นคือมังกรเพลิงขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่บนฟ้า
[ก๊าซซซซซซซซ]
นรกที่เกิดขึ้นต่อหน้าเรามันก็สำคัญ แต่ว่าชีวิตของเพื่อนฉันมันสำคัญยิ่งกว่า พวกเราได้พุ่งตัวไปในทางที่เสียงคำรามของลากิ ในตอนที่เราบินขึ้นมาพวกเราสามารถจะเห็นกำแพงนครวาติกันที่ไม่ได้ตั้งตระหง่านเหมือนกับแต่ก่อนอีกแล้ว
มันไม่มีแม้แต่สิ่งก่อสร้างเดียวที่ยังอยู่ในสภาพเดิม และการยากผู้รอดชีวิตอยู่ก็ยิ่งยาก แม้แต่กรุงโรมยังพังทลายมาแบบนี้ มันก็ไม่ต้องพูดถึงที่นครวาติกันเลย
ทั้งหมดที่เราได้เห็นคือควันสีเทา ฝุ่น และอันเดท ราชาแห่งความตายได้เปลื่ยนทั้งเมืองให้กลายเป็นความตาย
"ลูกชาย!"
"พ่อ!"
พ่อที่ขี่หลังลากิได้ตะโกนออกมาเมื่อเห็นเราา พ่อดูไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากแต่ว่าการที่พ่อหายใจออกมาอย่างรุนแรงทำให้ฉันต้องเป็นห่วง
"แกช่วยลูกสาวฉันได้แล้วหรอ!?"
"หนูอยู่นี่ค่ะ คุณลุ... พ่อ!"
"เยี่ยม! รีบไปช่วยเด็กๆคนอื่นเร็วเข้า!"
เด็กคนอื่น? ฉันได้รีบมองไปรอบๆทันที ฉันไม่เจอเดซี่หรือคนอื่นๆเลย เมื่อคิดจากการที่ราชาแห่งความตายก็ไม่อยู่ที่นี่แสดงว่าพวกคนอื่นๆก็น่าจะไปสู้กันอยู่ที่อื่น แต่ทำไมเดซี่ถึงทิ้งลากิไว้นี่ล่ะ? ถ้าเธอไม่มีลากิเธอจะไหวหรอ? ความรู้สึกที่ไม่สบายใจได้เข้ามาในหัวของฉัน ซึ่งฉันได้ส่ายหัวทันที โชคดีที่พ่อก็พอจะเข้าใจสิ่งที่ฉันกังวล
"เดซี่ทิ้งลากิไว้กับเรา เธอจะต้องลำบากอยู่แน่ ไปช่วยเธอสิ!"
มอนสเตอร์อื่นๆจำนวนนับไม่ถ้วนได้ลอยอยู่บนฟ้า พวกมันแต่ละตัวต่างก็แปลกประหลาดและน่าอัปลักษณ์ พวกมันดูคล้ายๆกับร่างโคลนของราชาแห่งความกลัวแต่ว่ามันไม่เหมือนร่างโคลนที่ได้รับพลัง พวกนี้มันดูเหมือนเป็นมอนสเตอร์ที่ไร้พลังชีวิต อันเดต
"ทำไมพ่อถึงแยกกันล่ะ?"
"ในตอนที่มันปรากฏขึ้นมา มันก็พากองทัพจำนวนมหาศาลมาด้วย แค่พลังของมันเพียงตัวเดียวก็น่ากลัวแล้ว! ... มันอันตรายมาก บางทีอาจจะอันตรายยิ่งกว่าที่สุดในราชาทั้งห้า เดซี่จะต้องรู้เรื่องนั้นแน่ๆ"
พ่อได้กัดฟันแน่นและแทงหอกออกไป คลื่นสั่นสะเทียนได้ถูกยิงออกไปเป็นเส้นตรงทำให้มอนสเตอร์ที่อยู่ในเส้นทางหายไปโดยไร้ร่องรอย
"พลังแห่งความตายของมันเป็นโรคติดต่อ เป็นคำสาปที่เลวร้ายที่จะมีแต่อิลิกเซอร์ที่แก้ได้! อย่าประมาทมันและทำให้ตัวเองบาดเจ็บ เข้าใจนะ?"
"ผมฟังมามากพอแล้ว"
ไม่ใช่แค่พอคนเดียวเท่านั้นที่อยู่บนหลังลากิ เยอึนก็ยังวิ่งวุ่นพร้อมกับมีดสั้นในมือของเธอ ไม่สิ นี่ไม่ใช่เยอึนแต่เป็นดูก้า
"รีบไปช่วยศิษย์ของเฮคาทีเถอะ! ที่นี่แค่ราชาลาก็พอแล้ว"
ในระหว่างการปะทะของลากิกับมอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วน ฉันก็รู้สึกถึงพลังแห่งความตายที่ให้ความรู้สึกไม่ดีจากไกลๆ ในทันทีที่เดซี่รู้สึกถึงความอันตรายของราชาแห่งความตาย เธอคงต้องทิ้งลากิเอาไว้ที่นี่เพื่อต่อสู้กับกองทัพของมันและตัวเธอก็ไปสู้กับมันตรงๆ เมื่อฉันคิดได้แบบนี้ฉันได้พุ่งไปทางเธอทันที ฮวาหยาก็พูดออกมา
"ชิน มันดูเหมือนว่าฉันจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อช่วยไอน่า"
"ไอน่า? ไปเลย!"
ฉันเพื่งจะรู้ตัว ลูกสาวของฉันกำลังยืนอยู่บนพื้นที่ที่ห้อมล้อมไปด้วยความตายเพียงลำพัง พลังเยือกแข็งของเธอได้ยิงออกมาจากมือทำลายมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆ
ในแง่ของพลังแล้วพวกมอนสเตอร์ที่อยู่บนพื้นมีความอันตรายกว่าพวกบนท้องฟ้า นี้มันเป็นเพราะพวกมันได้กลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและเปลื่ยนไปเป็นพวกเดียวกันเอง เพื่อเสริมกำลังให้ตัวเอง พวกมันถึงขนาดทำลายกำแพงวาติกันและพยายามจะไปในส่วนอื่นๆของอิตาลี ในตอนนี้ไอน่ากำลังจะพยายามหยุดพวกมันทั้งหมดด้วยตัวเองเธอ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะมีมานาที่ไม่สิ้นสุดแต่ตัวเธอก็ยังเป็นเด็กที่อายุไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ เธอยังไปเผชิญหน้ากับอันเดตจำนวนมากเพียงลำพัง!
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของพวกมัน พวกป้องกันชีวิตที่มากกว่านี้ไอน่าได้ไปยืนอยู่บนพื้นทั้งๆที่ตัวเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เมื่อเห็นชะตากรรมที่น่าเศร้าของเธอทำให้ฉันขบริมฝีปากเล็กน้อย มันดูเหมือนว่าฮวาหยาก็คิดแบบเดียวกับฉัน เธอได้ปล่อยมือฉันและพุ่งตัวไปทันที
"ดูแลเดซี่ด้วยชิน!"
"โอเค ดูแลลูกสาวของเราด้วยนะฮวาหยา"
เพราะแบบนี้เราจึงแยกกัน ฉันได้บินขึ้นไปส่วนฮวาหยาได้บินลง
"แม่!"
"จ๊ะ แม่อยู่นี่แล้วไม่ต้องห่วงนะ"
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนี้ทำให้ฉันยิ้มขึ้นมา หลังจากที่ฉันได้พุ่งผ่านก่อนเมฆฉันก็รู้สึกเสียวสันหลังจากพลังของเดซี่ เธอได้พาราชาแห่งความตายไปไกลถึงไหนนะ!? โชคดีที่ฉันยังสามารถรู้สึกได้ถึงตัวตรนของความตายและพลังของเทพ
"เดซี่ สุมิเระ!"
"คังชินนมาแล้วสินะ... ตอนนี้พวกเราก็ชนะแล้ว หุหุ"
"คุณชิน คุณมาแล้ว"
เมื่อเห็นความศรัทธาในตัวฉันที่พวกเขามีทำให้ฉันได้แต่ยิ้มออกมาแห้งๆ เธอได้ใช้พลังของเทพไปแล้วแต่ว่าเธอก็ยังต้องเหงื่อตัว การจะควบคุมลากิไปด้วยและเผชิญหน้ากับราชาไปด้วยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!
ในทางกลับกันสุมิเระที่เป็นผู้ป้องกันดูจะไม่คุ้นเคยเอามากๆ เธอได้ใส่เกราะสีเงินอร่ามพร้อมกับหอกและโล่ นี่มันเป็นเซ็ตเต็มรูปแบบงั้นหรอ?
"หนูก็แข็งแกร่งขึ้นเหมือนกันนะคะคุณชิน!"
ฉันก็อยากจะพูดอะไรไปบ้าง แต่ฉันตัดสินใจหยุดเอาไว้ ในตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาถามอะไรแล้ว สิ่งที่ฉันจำเป็ฯต้องรู้ก็คือสุมิเระพัฒนาขึ้นแค่นั้นพอ เรื่องอื่นไม่ต้องสน...
[ฮีโร่มาแล้วสินะ ใสเพื่อพ่ายแพ้ข้า ฮีโร่ได้เอาชนะราชาคนอื่่นๆและมาที่นี่เพื่อแพ้ข้า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า]
สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวยิ่งกว่าราชาแห่งความกลัวได้มองตรงมาที่ฉัน