ตอนที่ 15 : แก้แค้น
“ถูกต้อง นอกเหนือจากการออกแบบกราฟฟิกที่สุดยอดของเราแล้ว โปรแกรมภายในก็ถูกตั้งไว้ให้ดำเนินการด้วยตัวของมันเอง แม้แต่ฉันเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี!”
เมื่อพูดจบ หวู่กิวอี้ก้าวถอยหลังและหายใจเข้าเต็มปอด “น้องชาย ถ้ามีโอกาส นายจะต้องแนะนำทีมของนายให้ฉันรู้จักนะ... ฉันอยากจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับประเภทไหนกันแน่ที่มีความสามารถมากขนาดนี้!”
ลู่หวู่วางสายหลังจากที่ได้พูดคุยกันไม่กี่คำ เขาจ้องไปที่เป่ยลี่ เด็กหญิงที่กำลังเคี้ยวคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อย เขาหลับตาลง
ลู่หวู่เปิดดูกระเป๋าเงินของเขาอีกครั้งหนึ่ง มันมีเหลืออยู่เพียงแค่ 2,000 เหรียญวิญญาณ เขาตรวจสอบชื่อของหวู่กิวอี้ ข้อมูลของเขาถูกต้องหลังจากที่ได้เช็คไปหลายรอบ เขาโอนเงิน 100 เหรียญวิญญาณไปที่บัญชีของหวู่กิวอี้
หลังจากเวลาเกิดใหม่ครบสามชั่วโมงแล้ว หวู่กิวอี้ก็เข้าสู่ระบบเกมอีกครั้ง เขาประหลาดใจที่เห็นว่ามีเงินอยู่ 100 เหรียญวิญญาณในกระเป๋าของเขา เขารีบไปที่ร้านค้าและได้ซื้อดาบใหญ่สีน้ำเงินในราคา 100 เหรียญวิญญาณ
ใบหน้าของผู้เล่นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการตายของเขายังคงลอยอยู่ในความคิดของหวู่กิวอี้ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเมื่อคิดถึงคนพวกนั้น ในมือที่กำดาบแน่น มีออร่าสีน้ำเงินส่องประกาย เขามุ่งหน้าไปที่ภูเขาแห่งภูติผีอีกครั้ง
ด้วยความบังเอิญ เขาชนเข้ากับหลี่เทียนเซี่ยระหว่างทาง เขาก็กำลังไปที่นั่นเพื่อแก้แค้นเช่นกัน
หลังจากที่ทั้งสองคนได้พูดคุยกันสักพัก ทั้งสองคนก็ได้รู้ว่าฆาตกรที่สังหารพวกเขานั้นมาจากกลุ่มเดียวกัน พวกเขาจึงร่วมทีมกันและมุ่งหน้าไปยังภูเขาแห่งภูติผี เพื่อแก้แค้นให้แก่ความตายของพวกเขา
เพื่อที่จะแก้แค้น พวกเขาหลบเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงกับวิญญาณพเนจร การเดินทางยังคงดำเนินต่อไปจนในที่สุดพวกเขาก็เจอผู้เล่นอีกสามคน มีผู้หญิงสองคนและผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ตรงทางเข้าของภูเขาแห่งภูผี พวกนั้นเป็นเกมเมอร์ที่ไล่ฆ่าผู้เล่นอื่นๆและฝึกฝนการขโมยของที่ผู้เล่นอื่นรวบรวมมา
หลี่เทียนเซี่ยโกรธจัดเมื่อเขาเห็นผู้เล่นสามคนนี้ เขาตั้งใจจะเข้าไปประจันหน้าคนพวกนั้นทันที แต่เขาก็ถูกหวู่กิวอี้หยุดเอาไว้ “น้องชายหลี่ อย่าทำอะไรโดยไม่คิด พวกนั้นมันฆ่าเราและขโมยของไปจากเรา ตอนนี้เราทำได้เพียงตอบโต้ ในตอนนี้เรากำลังได้เปรียบเพราะพวกนั้นยังไม่เห็นเราและเราก็มีโอกาสที่จะซุ่มโจมตีพวกนั้นได้!”
หลี่เทียนเซี่ยคิดว่าสิ่งที่หวู่กิวอี้พูดนั้นมีเหตุผล เขาคำนวณไว้แล้วว่าด้วยวิธีนั้นมันน่าจะดีกว่า
เขาทั้งสองจึงสะกดรอยตามทั้งสามคนไปอย่างเงียบๆ พรางตัวไปกับสิ่งของต่างๆ
การที่ครอบครองอาวุธระดับสีน้ำเงินและได้เล่นก่อนผู้เล่นอื่นๆถึงสองวัน เลเวลหวู่กิวอี้จึงนำหน้าผู้เล่นอื่นๆไปมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงค่อนข้างมั่นใจในการต่อสู้กับสามคนนั้นแม้ว่าเขาจะมีอยู่กันแค่สองคนก็ตาม
ไม่น่าแปลกใจที่เย่เสี่ยวเอ้อและพรรคพวกของเธอจะไม่ทันสังเกตเห็นสองคนนั้นที่กำลังสะกดรอยตามอยู่ พวกเขาดื่มด่ำกับการฆ่าผู้เล่นและตื่นเต้นในการมองหาเป้าหมายต่อไป
จำนวนของผู้เล่นลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะพวกเขาได้เข้าใกล้ภูเขาแห่งภูตผีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็ได้ปะทะกับผู้เล่นสองคนที่กำลังต่อกรอยู่กับนักรบแห่งซากหักพัง พวกเขาสวมบทเป็นปิศาจที่ชั่วร้ายทันที รอยยิ้มที่กว้างขึ้นในขณะที่กำลังเข้าไปใกล้ผู้เล่นสองคนนั้น เป้าหมายคือการฆ่าและขโมยสิ่งของจากผู้เล่นสองคนนั้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อนักรบแห่งซากหักพังใกล้จะตาย เย่เสี่ยวเอ้อและเพื่อนของเธอก็พร้อมที่จะลงมือ
เช่นเคย เบอร์เซิร์กเกอร์รุดนำหน้าเพื่อบลอคผู้เล่นทั้งสองในขณะที่นักฆ่าหญิงลอบไปด้านหลังเพื่อที่จะซุ่มโจมตี
แผนนี้มันสมบูรณ์แบบ ผู้เล่นนั้นตั้งเป้าสายตาไปที่นักรบแห่งซากหักพังและไม่ทันสังเกตุการมาเยือนของเย่เสี่ยวเอ้อและพรรคพวกของเธอ ชั่วพริบตาเดียวเกมเมอร์ทั้งสองก็ถูกน็อคลง ก่อนที่พวกเขาจะตอบโต้ เย่เสี่ยวเอ้อและพวกของเธอก็ได้เล็งเป้าไปที่จุดตายของร่างกาย จู่โจมเพื่อฆ่าอย่างเลือดเย็น
โชคร้ายที่พวกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะฉลอง ก่อนที่เบอร์เซิร์กเกอร์ทั้งสองที่หลบซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ด้านหลังจะปรากฏตัวออกมา ทั้งสองถือดาบใหญ่อยู่ในมือ
ด้วยความตกใจ พวกเขาทำได้เพียงจ้องมองเบอร์เซิร์กเกอร์ทั้งสองคนที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาและสังหารเบอร์เซิร์กเกอร์ในทีมด้วยความโหดเหี้ยม
-18
-7
จำนวนดาเมจปรากฏขึ้นหลังจากที่ทำการโจมตี เบอร์เซิร์กเกอร์ของพวกเขาถูกฆ่าตายภายในวินาทีเดียวและลงไปกองอยู่บนพื้นเป็นร่างไร้วิญญาณ
แม้ว่าเย่เสี่ยวเอ้อและเพื่อนของเธอจะยังอยู่ในความงุนงง หวู่กิวอี้ก็พุ่งเข้าไปตัดหัวของนักรบแห่งซากหักพังและกอบโกยค่าประสบการณ์ไป จากนั้นเขาก็ได้สบตากับหลี่เทียนเซี่ยและพุ่งเข้าจู่โจมเย่เสี่ยวเอ้อและคู่หูของเธอ
เห็นได้ชัดว่าเย่เสี่ยวเอ้อไม่ได้คิดมาก่อนว่าเธอจะถูกซุ่มโจมตี ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว หวู่กิวอี้กับหลี่เทียนเซี่ยก็อยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
ถึงอย่างนั้น เย่เสี่ยวเอ้อก็ไม่มีอาการกลัวใดๆ เธอคว้ามีดขึ้นมาทันทีและแทงเข้าไปที่คอขอหวู่กิวอี้
เธอสับสนเมื่อพบว่าหวู่กิวอี้นั้นไม่มีความตั้งใจใดๆที่จะหลบการโจมตีของเธอเลย แต่หวู่กิวอี้กลับทนรับความเจ็บปวดจากการโจมตีทั้งสองของเย่เสี่ยวเอ้อและคู่หูของเธอพร้อมกัน
-12
-21
ตัวเลขดาเมจทั้งสองเด้งขึ้นมาติดๆกัน
เมื่อหวู่กิวอี้ยกดาบใหญ่สีน้ำเงินที่ส่องแสงประกายสว่างไสว เย่เสี่ยวเอ้อก็ถูกกดให้เสียขวัญ จากนั้นรอบๆตัวของเธอก็ค่อยๆมืดลงก่อนที่การแจ้งตายจะปรากฏขึ้นในที่สุด
หลังจากที่สังหารเย่เสี่ยวเอ้อ หวู่กิวอี้ก็หันไปร่วมมือกับหลี่เทียนเซี่ยเพื่อสังหารนักฆ่าหญิงอีกคนหนึ่ง พวกเขาหัวเราะดังลั่นในขณะที่ชูนิ้วกลางไปที่ร่างไร้วิญญาณของเย่เสี่ยวเอ้อ
เย่เสี่ยวเอ้อที่กำลังมองดูฉากการตายของเธอ ก็รู้สึกโกรธแค้นจนตัวสั่น เธอให้คำสัญญากับตัวเองว่าเธอจะต้องกลับไปแก้แค้นสองคนนี้อย่างแน่นอน
ในคฤหาสน์หลังหนึ่งในเมืองอินดิโก้ หญิงสาวที่สวมชุดเดรสยาวสีชมพู นั่งเงียบๆลงบนเตียง ผมที่ยาวสละสลวยสีม่วงของเธอทอดยาวลงมาอย่างประณีต มองดูคล้ายน้ำตกที่สวยงาม เธอดูน่าหลงใหลและสง่างาม
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ช็อกมาได้ เย่เสี่ยวเอ้อก็รวบรวมสติ เธอขบฟันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เธอก้มไปมองที่เครื่องเล่นจำลอง เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
แก้แค้น! ฉันจะต้องแก้แค้น!
ทันใดนั้น เย่เสี่ยวเอ้อก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์
ไม่นานสายนั้นก็รับ
“เสี่ยวเอ้อ? มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ?”
หลังจากที่ทำงานมาตลอดทั้งคืน เสียงของเย่เฉินรู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรง
“พี่ มีคนมารังแกน้องสาวของพี่และคนพวกนั้นก็น่ากลัวอีกด้วย!” เย่เสี่ยวเอ้อพูดด้วยความโมโห
เย่เฉินอึ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาถูกครอบงำด้วยความโกรธทันที
เย่เสี่ยวเอ้อคือลูกสาวคนโปรดในครอบครัว ใครก็ตามที่มาตอแยกับเธอเท่ากับหาปัญหาใส่ตัว
“บอกชื่อของมันมา เสี่ยวเอ้อ พี่จะไปจัดการมัน!” เย่เฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเยือกเย็น
“เขาเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง พาคนมาเยอะๆ ฉันจะรอพี่อยู่ที่บ้าน!”
“ได้ พี่จะเอาคนไป รอพี่ไปถึงก่อน”
เย่เฉินวางสายก่อนที่เขาจะสลัดผู้หญิงที่ควงแขนเขาอยู่ออกไป เธอมองเย่เฉินด้วยความงงด้วยความที่เขารีบลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า
เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จ เย่เฉินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนของเขา
ฉันไม่สนใจหรอกว่าแกจะเก่งขนาดไหน แกกล้าดียังไงมารังแกน้องสาวฉัน? ฉันจะต้องลงโทษแกให้สาสม
ด้วยความโกรธเกรี้ยว เย่เฉินออกจากบ้าน รวบรวมเพื่อนทั้งหมดของเขาที่ด้านหน้าของสโมสร หลังจากสรุปคร่าวๆให้พรรคพวกฟัง พวกเขาตัดสินใจสวมปลอกแขนสีแดงเพื่อเลี่ยงการบาดเจ็บจากการทำร้ายกันเอง พวกเขาทั้งหมดมุ่งไปที่คฤหาสน์
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ เหล่าคนรับใช้ในบ้านต้องขวัญผวากับเย่เฉินที่ดูโหดร้านน่ากลัว
ในขณะเดียวกัน เย่เสี่ยวเอ้อก็กำลังรออยู่ที่ห้องโถงของคฤหาสน์
เมื่อได้เห็นเย่อเสี่ยวเอ้อ เย่เฉินก็ตรงเข้าไปหาเธอด้วยความกังวล “เสี่ยวเอ้อ เธอเป็นอะไรไหม?”
“ไม่ หนูไม่ได้เป็นอะไร แต่ตอนนี้ฉันกำลังโกรธมาก!” เย่เสี่ยวเอ้อพูดออกมา
“พี่พาคนของพี่มาแล้ว บอกมาว่าใครมันมารังแกเธอ? เราจะไปจัดการมัน!”
เย่เสี่ยวเอ้อรู้สึกปละหลาดใจเมื่อได้เห็นชายนับร้อยคนยืนอยู่ด้านหลังของเย่เฉินพร้อมกับอาวุธในมือ “นี่เราต้องการคนมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
“เธอบอกพี่นี่ ว่ามันแข็งแกร่งมาก พี่กลัวว่าเราจะไม่สามารถจัดการมันได้ พี่เลยพาคนมาเพิ่ม”
“พี่นี่เป็นพี่ชายที่ดีสุดๆไปเลย!” เย่เสี่ยวเอ้อขยิบตาและยิ้มกว้าง แล้วเธอก็ชี้ไปที่กล่องเหล็กที่ถูกวางเอาไว้ใกล้ๆและบอกกับคนรับใช้ว่า “ลุงมู่ เอาของพวกนี้ไปแจกจ่ายให้คนพวกนี้ที แต่ละคนจะได้หนึ่งอัน!”
“น้องพี่ มันคืออะไร? พวกเราได้เตรียมอาวุธมาพร้อมแล้ว!” เย่เฉินงง
“แค่มีดมันจะไปทำอะไรได้ พี่ต้องใช้นี่!”
หัวใจของเย่เฉินหยุดเต้นไปจังหวะหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เสี่ยวเอ้อ กำลังคิดว่าน้องสาวขอเขากำลังครอบครองอาวุธสงครามที่ห้ามมีไว้ในครอบครอง มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออกเมื่อได้รับเครื่องเล่นเกมจำลอง
เย่เฉินก็งงไม่แพ้คนอื่นๆ นี่เราต้องการเครื่อเล่นจำลองในการต่อสู้งั้นเหรอ?
“น้องพี่ ช่วยอธิบายสถานการณ์ให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม? มันเกิดอะไรขึ้น?” เย่เฉินถามขึ้นมาด้วยความงงงวยสุดขีด
“โอ้ มีชายน่าไม่อายสองคนฆ่าหนู แถมยังขโมยของในเกมของหนูไปอีกด้วย พี่ไม่คิดว่ามันน่าโมโหงั้นเหรอ?”
“นั่น..มันก็จริง”
“ใช่แล้ว มันน่าโมโหมาก! แล้วพวกพี่จะมาช่วยฉันไหม?”
เย่เฉินรู้สึกแปลกๆ แต่ถึงยังไงเขาก็รู้ว่าไม่มีทางอื่นๆแล้วที่จะทำให้น้องสาวมีความสุขนอกจากจะตามใจเธอโดยไม่มีเงื่อนไข
“แล้วพวกนายจะรออะไรอยู่ล่ะ? เข้าสู่ระบบสิ เลือกอาชีพแล้วไปรวมตัวกันในเกม แล้วพวกนายก็ติดตามน้องสาวของฉันไปฆ่าไอ้นั่น จะเป็นพวกนายเองที่ถูกลงโทษ ถ้าแก้แค้นให้น้องสาวของฉันไม่สำเร็จ!”
เย่เฉินจ้องและตะโกนไปที่พรรคพวกของเขา