บทที่ 264 - นายหนีไปจากนักบุญไม่ได้หรอก (4) [13-10-2020]
บทที่ 264 - นายหนีไปจากนักบุญไม่ได้หรอก (4)
”
เคียร่าได้กระพริบตาอย่างสับสน ฉันอยากจะบอกว่ามันน่ารักแต่เพราะความเกลียดชังของฉันที่มีแต่เธอไม่ว่าเธอจะทำยังไงฉันก็ไม่ชอบในสิ่งที่เธอทำ ยังไงก็ตามในตอนนี้ฉันได้ปล่อยผ่านความรู้สึกนั้นไว้ก่อนและไอแห้งๆออกมมาก่อนจะพูดต่อ
"ฉันบอกเธอแล้วนี้ถึงเหตุผลที่ฉันต้องการพลังของเธอนะ"
[เพราะว่าศัตรูที่มาสามารถจะลบล้างพลังของดันเจี้ยนได้...ใช่ไหม]
"ใช่แล้ว"
[แล้วนั่นก็เป็นเหตุผลที่ท่านฮีโร่มาเรียกฉันเพื่อให้อ่านการเคลื่อนไหวของพวกนั้นและเตรียมตัวล่วงหน้า]
"ใช่แล้ว"
[ถ้างั้นเพื่อที่ฉันจะได้แข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่ว่าฉันควร...]
"ไม่ ไม่เลย"
ฉันได้ส่ายหัวออกมา แน่นอนว่าเชอริฟิน่าได้บอกกับฉันว่าฉันจำเป็นจะต้องทำให้เคียร่ามาเป็นนักสำตวนแต่ยังไงก็ตามนี้มันก็เนื่องจากว่าเชอริฟิน่าไม่ได้รู้ในเรื่องของเรสพิน่า
ดันเจี้ยนลอร์ดไม่ใช่เทพเจ้า เธอไม่ได้มีพลังที่ที่ทำได้ทุกอย่างและรู้ได้ทุกอย่าง ข้อเสนอของเธอมันก็มีเหตุผลแต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะถูกไปหมด การที่จะต่อสู้กับศัตรูที่ลบพลังดันเจี้ยนได้เราจะเอาพลังของดันเจี้ยนไปสู้กับมันได้ยังไงกัน นี้มันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงได้เลิกล่าแต้มสเตตัสอีกด้วย แทนที่ฉันจะมามัวแต่มีความสุขกับผลไม้ที่หอมหวานที่ได้รับมาจากรางวัลของการทดสอบจากดันเจี้ยน ฉันอยากที่จะทำมันด้วยตัวเองมากกว่า
แล้วก็การปีนดันเจี้ยนส่วนใหญ่ก็จะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้พลังประเภทต่อสู้อีกด้วย มันมีความแตกต่างอย่างยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้กับคนที่ไม่มีเลย คนที่ได้เอาชนะศัตรูที่ทรงพลังได้ก็จะได้รับประสบการณ์ในการต่อสู่ซึ่งต่างไปจากเลเวลที่จะได้รับจากดันเจี้ยน ฉันได้คิดหาวิธีในการยกระดับในแง่มุมอื่นๆแล้ว ฉันเชื่อว่านี้มันก็ยังเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เทพหลายๆองค์จับตามองฉัน
ยังไงก็ตามเคียร่าต่างออกไป เธออ่อนแอ ส่วนใหญ่แล้วขีดจำกัดของเธอก็มีพลังมาพอที่จะถือมีดกับส้อมเท่นั้นเอง ร่างกายของเธอดูด้อยพัฒนามากจนสามารถจะมองเห็นได้ชัดเลยจากภายนอก แม้ว่าเธอจะครอบครองพลังที่พิเศษและมานาที่มากมายแต่ว่าเธอจะใช้มันได้แค่ในตอนที่เธอใช้พลังเท่านั้น แถมเวลาส่วนใหญ่แล้วมันยังรั่วไหลออกมาจากร่างของเธออีกด้วยหากไม่ได้ใช้มานา ถ้าหากพูดถึงด้านพรสวรรค์ในด้านเวทย์แล้วล่ะก็เธอยังใช้ไม่ได้แม้แต่มานาของเธอเลยด้วยซ้ำ
แล้วอย่างนั้นหากเธอเข้าไปในดันเจี้ยนเธอจะทำอะไรได้ล่ะ แน่นอนถ้าหากว่าฉันจับคู่เธอผู้ใช้พลังคนอื่นมันก็เป็นไปได้ที่เธอจะแข็งแกร่งขึ้น ในระหว่างตอนนั้นเชอริฟิน่าก็น่าจะอ่านในพลังของเธอและช่วยเธอพัฒนา แต่ก็อย่างที่ฉันเคยบอกไปพลังแบบนั้นมันก็ไร้ประโยชน์ต่อหน้าเรสพิน่าอยู่ดี มันอาจจะใช้งานไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
"พลังของเธอพัฒนามากเท่าไหร่แล้ว"
[ช่วงระยะได้เพิ่มรัศมีอีก 20 กม.]
"แสดงว่ามันยังพัฒนาอยู่สินะ"
[ใช่ค่ะท่านฮีโร่ ยิ่งฉันใช้พลังของฉันมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แม้อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ต้นกำเนิดของมัน]
"ดีล่ะ ถ้างั้นฉันก็มีไอเดียละ"
ในตอนนี้ฉันรู้สึกมั่นใจแล้วว่าฉันจะพัฒนาพลังของเธอได้ ฉันได้หยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมา มันคือพันธะสัญญาวิญญา
[ฉันรู้สึกได้ถึงพลังที่น่าทึ่งจากมันได้เลย... แล้วมันก็ให้ออร่าที่ไม่ใช่เรื่องดีเลย]
"ใช่แล้ว ฉันยังไม่ไว้ใจเธอนี่เป็นวิธีที่จะป้องกันความล้มเหลว..."
ในตอนนี้ฉันยังลังเลอยู่ จากนั้นฉันก็ตกลงไปอยู่ในความคิด เคียร่าไม่สามารถจะมองเห็นได้ด้วยตาแต่เธอก็ตระหนักได้เลยถึงสิ่งที่ฉันทำอยู่และหันหน้ามาหาฉัน ฉันสามารถจะบอกได้เลยว่าการกระทำของเธอมันน่าชื่นชม แต่เพราะว่าความเกลียดชังที่ฉันมีต่อเธอ... ส่วนที่เหลือคงไม่จำเป็นต้องพูด
ฉันได้ถามออกไป
"ทำไมเธอถึงได้ชอบฉัน"
[เพราะนั่นคือโชคชะตาของฉัน]
ฉันเกลียด.. ไม่ ฉันต้องอดทน
"สิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้เธอทำได้ไหม"
[ฉันคิดว่ามันไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพเท่าไหร่ ถ้าท่านฮีโร่ไม่ว่าฉันอยากจะหาวิธีอื่น มันยังมีอีกหลายวิธีที่จะเตรียมการสำหรับการให้ท่านฮีโร่เป็นจ้าวโลก]
"เธอจะยังคงทำแบบนี้ได้หลังจากที่ตัดความสัมพันธ์กับครอบครัวงั้นหรอ"
[มันอาจจะยากนิดหน่อยแต่ฉันทำมันได้ ตราบเท่าที่ฉันจะคงมีอำนาจด้านพลังอยู่ฉันก็สามารถจะบังคับผู้ใช้พลังเพื่อ... อะแฮ่ม ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นไปได้]
"ขอปฏิเสธ"
[อู... โอเค]
"ฉันจะส่งคนมาสังเกตการณ์เธอด้วย ได้ใช่ไหม"
เธอไม่ได้ตอบกลับมาในทันที จากนั้นก็เอียงหัวและถามออกมา
[สิ่งที่ฮีโร่เอาออกมามันสามารถจะยับยั้งการกระทำของฉันได้ถูกไหม]
"ใช่แล้ว มันสามารถจะยับยั้งได้แม้แต่ความคิดของเธอ มันเป็นของที่น่ากลัว"
[ถ้างั้นทำไมท่านฮีโร่ไม่ใช้มันและให้คนมาสังเกตการณ์ฉันแทนล่ะ]
มันเป็นคำถามตรงๆ ฉันรู้สึกแย่กับการใช้พันธะสัญญากับเคียร่างั้นหรอ? ไม่เลยสักนิด ฉันได้ใช้พันธะสัญญาวิญญาณกับคนมามากแล้ว ตราบใดที่สัญญาที่ทำไว้ยังไม่ถูกละเมิดตัวพันธะสัญญาวิญญาณก็ไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าเศษกระดาษที่ไร้ซึ่งอันตรายเลย ถ้าหากเป้าหมายเป็นเคียร่าฉันก็ไม่จำเป็นต้องลังเล
แม้อย่างนั้นฉันก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว
"ไม่ ฉันคิดว่าฉันไม่ควรที่จะใช้พันธะสัญญาวิญญาณกับพรรคพวกของฉัน"
[ฉันประทับใจจังท่านฮีโร่ ในที่สุดฉันก็ได้กลายเป็นผู้หญิงของท่านฮีโร่ อ๊า ฉันมีความสุขจัง]
"อย่ามาเปลื่ยนเรื่อง"
เคียร่าได้ตัวสั่นจากความอิ่มเอมใจ แม้ว่าการได้เห็นเธอจะทำให้ฉันเสียวสันหลังแต่ฉันก็รู้ว่าฉันสามารถจะหยุดยั้งเธอได้แม้ว่าจะไม่มีพันธะสัญญาวิญญาณก็ตาม
เหตุผลนั่นก็ง่ายมากเลย เธอ...อะแฮ่ม เธอชอบฉันมากๆ ในท้ายที่สุดแล้วการกระทำทุกๆอย่าบงของเธอก็เพื่อประโยชน์ของฉัน เธอยอมรับทุกๆการเสียสละและทุกๆการกระทำถ้าหากว่ามันเป็นสิ่งที่สนับสนุนฉันต้องการ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเธอใน ฉันกลัวว่าเธอจะทำในสิ่งที่ฉันควบคุมไม่ได้
ยังไงก็ตามมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนนี้ ฉันมีพลังที่มากพอที่จะควบคุมการกระทำของเธอแล้ว กลับกันเลยฉันกลัวว่าหากฉันกลัวและหลีกเลี่ยงตัวเธอมันอาจจะแย่ก็ได้ ฉันรู้ดีว่ามันจะดีกว่าหากเก็บเธอไว้ข้างตัวและจับตามองเอาไว้ นี้เป็นสิ่งที่ฉันได้ตัดสินใจขึ้นมาหลังจากที่วิเคราะห์ในข้อมูลที่ถูกซัคคิวบิรวบรวมมา
"ฉันจะพูดอีกครั้งนะกำจัดองค์กรที่เธอกำลังสร้างทิ้งไปซะ"
[ได้มีการใช้เงินกับกำลังคนไปเป็นจำนวนมากแล้ว ฉันมั่นใจเลยว่ามันจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับอนาคตของท่านฮีโ]
"ฉันไม่ต้องการ กำจัดมันทิ้งซะหรือไม่เธอก็แค่มอบมันให้กับครอบครัวของเธอและบอกให้พวกนั้นทำในสิ่งที่พวกนั้นต้องการ"
จากสิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ครอบครัวคีเน็กส์นั่นจะต้องต่อต้านการที่ฉันจะเอาตัวเคียร่าไปแน่ การปะทะจะต้องเกิดขึ้นในระหว่างนี้แน่ๆ..และฉันก็จะได้ใช้โอกาสนี้ในการกำจัดองค์กรนั่น ใช่แล้วนี่ดูจะเป็นแผนที่ดีเลยนี่
ไม่ว่ายังไงก็ตามคำตอบของเคียร่าก็ดูน่าสนใจ
[จริงสิ ถ้างั้นฉันก็ทำแบบนั้นแล้วก็พวกเราจะได้เรียกการควบคุมกลับมาได้ตลอดเวลานี่นา]
"นั่นก็ไม่จำเป็น ฉันได้สิ่งที่ฉันต้องการทั้งหมดมแล้วรวมถึงตัวเธอด้วย"
[...ค่ะ]
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เคียร่าได้บิดตัวหน้าแดงขึ้น ฉันได้ขบคิดถึงคำพูดส่วนไหนของฉันกันที่ทำให้เธอทำท่าทางที่น่ารำคาญแบนี้ แต่ว่าเนื่องจากฉันไม่ได้สนใจเธอจริงๆฉันก็เลยชั่งมัน
ฉันได้เก็บเอาพันธะสัญญาวิญญาณกลับไปและคิดว่านี้ก็คงจะเป็นโอกาสดี
ยังมีสมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ลอยู่บางคนที่ถูกสวมปลอกคอเอาไว้ อิเลด้า แวนด์กับแรส มิเชล... พวกเขาต่างก็เป็นคนทีไว้ใจได้ แต่ว่าฉันก็ยังอยากที่จะดูพวกเขาให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ยังไงก็ตามสำหรับลีออน วอร์คเกอร์ และโซฟีแล้วล่ะก็ต้องนี้การมาเป็นพวกรีไวเวิร์ลเต็มตัวแล้ว พันธะสัญญาวิญญาณมันไม่จำเป็นอีกตค่อไปแล้ว การที่สวมปลอกคอกับพวกเขามันไม่มีค่าอะไรเลยนอกเหนือไปจากการดูถูกพวกเขา ฉันได้ตัดสินใจที่จะทำมัน
วอร์คเกอร์อาจจะด่าสาปแช่งฉันและเข้ามาโจมตีฉันในทันทีที่เขาเป็นอิสระจากพันธะสัญญาวิญญาณ แต่ว่าการโดนโจมตีสักครั้งจากเขาก็ไม่ใช่เรื่องแย่นักเพราะยังไงฉันก็จะได้โต้กลับเขาไปเป็นร้อยเท่าได้อยู่แล้ว
[ท่นฮีโร่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่นะ ฉันก็อยากจะรู้ด้วยนะ]
"ไม่มีอะไร ถ้างั้นนับจากนี้เป็นต้นไปเธอได้กลายมาเป็นสมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ลแล้วนะ แม้ว่าฉันจะไม่ให้เธอเข้าดันเจี้ยนก็ตาม"
[เป็นสมาชิกลับหรอ? แค่กับ่านฮ๊โร่]
"....เอ่อ งั้นเรามาเรียกว่าสายลับเพื่อโลกละกัน"
ฉันได้ยิ้มขมๆพร้อมกับหยักหน้าออกมา จากนั้นก็พูดต่อออกไป
"ฉันจะเป็นคนฝึกเธอเอง ฮวาหยาก็จะมาช่วยด้วย พวกเราสองคนคือผู้ที่มีทักษะในการควบคุมมานาและมันจะเป็นการช่วยพัฒนาพลังของเธอ"
[การฝึกของท่านฮีโร่... ฉันขอออกไปข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ตื่นเต้นได้ไหม]
"ไม่ อย่าพึ่งตื่นเต้นไป อย่าทำให้ตัวเองใใจเย็นลง ฮวาหยาก็จะอยู่ที่นั่นเหมือนกันเข้าใจนะ ฮวาหยาจะอยู่ที่นั่น อย่าลืมเรื่องนี้"
[ฉันอยากจะให้มีแค่ท่านฮีโร่....]
เด็กคนนี่มันกินอะไรกันถึงเป็นเอามากขนาดนี้ทั้งๆที่อายุแค่ 13 กัน!? ฉันอยากจะรู้วิธีการเลี้ยงดูของครอบครัวคีเน็กซ์จริงๆเลย จากนั้นฉันจะทำให้พวกนั้นทุกๆคนต้องคุกเข่าขอโทษออกมา
"ก่อนอื่นมาเปิดตากับปากของเธอกัน มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบกับการให้คนอื่นมาช่วยงานโดยไม่ตอบแทนอะไร"
ยกเว้นวอร์คเกอร์คนนึงนะ
[อืม... นี้มันอาจจะหยาบคาบนะท่านฮีโร่ แต่ฉันขอพูดอะไรหน่อยได้ใหม่]
เคียร่าได้ส่ายหัวออกมาในขณะท่ทำท่าทางเศร้าๆอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
[ไม่ใช่ว่าฉันสงสัยในคำพูดของท่านฮีโร่นะคะ แต่ว่าฉันไม่เคยแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ได้เลยนับตั้งแต่เกิดมา]
"บางทีเธอคงจะแค่เจอหมอที่ไม่ดีเท่านั้นเอง"
[ด้วยวิทยาการแพทย์ในปัจจุบันมันเป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าจะมีหินมานาและมอนสเตอร์จำนวนมากที่มาใช้ในด้านการแพทย์กับวิทยาศาสตร์ได้แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะแก้ไขเรื่องตากับปากของฉัน พวกเขาต่างก็บอกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ใช้เรื่องทางวิทยาศาสตร์ป้องกันเอาไว้ บางอย่างเช่นคำสาป]
"แล้ว"
[ตระกูลคีเน็กซ์กับฉันได้พยายามระดมผู้ใช้พลังทางด้านการรักษามาด้วยความที่ตระกูลคีเน็กซ์เป็นตระกูลใหญ่ทำให้ผู้ใช้พลังรักษาทั้งหมดของโลกมาได้พยายามรักษาฉัน หนึ่งในนั้นก็มีคุณอิเลด้า แวนด์ที่ตอนนี้อยู่ที่รีไวเวิร์ลอีกด้วย ไม่มีใครที่สามารถจะรักษาการมองเห็นและการส่งเสียงของฉันได้ แม้ว่าคุณเพลรูเดียจะไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มนี้ แต่ฉันก็คิดว่ามันคงไม่ได้ต่างกันมาก]
"อืมม ใช่แล้ว ด้วยพลังของรูเดียก็คงจะไม่พอ"
ฉันได้หยักไหล่ออกมา
"แต่ตัวฉันนะต่างออกไป"
[แน่นอนเลยว่าฉันเชื่อในพลังของท่านฮีโร่มากที่สุด แต่ว่าท่านฮีโร่ฉันไม่อยากจะผิดหวังในตัวท่านฮ๊โร่ ฉันไม่อยากจะผิดหวังกับตัวเองที่ผิดหวังกับตัวท่านฮีโร่ ฉันมีความสุขกับตัวฉันในตอนนี้แล้ว มันไม่เป็นไร]
ทัศนคติของเคียร่าดูไม่ปกติอย่างชัดเจน เธอได้ส่ายหัวเหมือนกับว่าเธอกลัวบางอย่าง ฉันได้แต่สงสัยในบางอย่างจากนั้นก็นนึกขึ้นได้อย่างชัดเจน
เธอนั้นอายุแค่สิบสาม
เธอฉลาดและมีความเป็นผู้นำด้วยวัยแค่นี้ฉันก็เลยไม่เคยมองเธอในฐานะของเด็กอายุแค่สิบสามเลย เธอยังเป็นแค่เด็ก กาลเวลาที่ผ่านมาทำให้เธอได้แต่จำยอมกับสภาพพิการของเธอไปแล้ว
นับตั้งแต่เธอเกิดมาเธอก็ไม่ได้ยิน เห็น หรือคุยได้เลย มันดูเหมือนว่าเธอจะจำยอมในฐานะคนพิการของเธอแล้ว เธอได้ทำหน้าที่อย่างภาคภูมิใจและไม่สงสัยในสิ่งที่เธอทำในฐานะของผู้ใช้พลังเพื่อที่จะชดเชยในสิ่งที่เธอต้องแลกไป นับตั้งแต่ที่เธอได้แลกสิ่งนี้มานับตั้งแต่เกิดเธอก็ไม่รู้สึกผิดกับการที่ได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่มาเป็นการแลกเปลื่ยน นักบุญที่ถูกเทพเลือก.... มันทำให้ฉันรู้สึกได้เลยว่านี่คือมุมมองของเธอที่มีต่อตัวเอง
เพราะแบบนั้นมันจึงยากที่จะบอกให้เธอเอาชนะความพิการของเธอ ความจริงแล้วสิ่งที่เธอกระทำมันได้แสดงออกแล้วว่ามันมีความซับซ้อนมากแค่ไหนกับความพิการของเธอ ปฏิกิริยาของเธอในปัจจุบันนี้เป็นตัวที่พิสูจน์เป็นอย่างดี
ฉันได้แต่ผิดหวังกับตัวเอง ฉันรู้ว่านี่มันคือสิ่งพื้นฐานของการกระทำของคนที่ตาบอด คนที่พิการ แต่ตัวฉันกลับเอาไว้ส่งความเกลียดชังไปทางเธออยู่ตลอดเวลา
ฉันค่อนข้างจะภูมิใจกับความสามารถจะมองผ่านนิสัยของคนในวัยของฉันมาก แต่แล้วมันดูเหมือนกับฉันเป็นแค่มือใหม่ที่โง่เขลา ฉันยังมีอะไรอีกมากที่ต้องเรียนรู้ ฉันเป็นใคนกันที่มีสิทธิมาตัดสินคนและเกลียดพวกเขา? ฉันก็มีอายุแค่ยี่สิบสองเองเท่านั้น มันเป็นเรื่องดีที่ตอนี้ฉันรู้ตัวแล้ว
แต่ว่าการกระทำบางอย่างของเธอก็ยังไม่สามารถท่จะยกโทษให้ได้อยู่ดี เธอได้ทำความผิดไปเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าวิธีที่เธอคิดมันก็ไม่ได้เปลื่ยนไปอยู่ดีและดังนั้นฉันเลยได้ยอมรับการตัดสินใจของตัวเองที่จะยับยั้งการกระทำของเธอ ไม่ว่าเธอจะทำดีมากแค่ไหนก็ตามแต่เพราะเธอไม่เคยคิดจะกลับใจกับบาปของเธอ ความผิดบาปของเธอมันก็จะยังคงอยู่ตลอดไปและฉันก็จะเกลียดเธอตลอดไปนี้ นี้คือสิ่งที่ฉันคิดเอาไว้
แต่ไม่ว่ายังไงแผนดั้งเดิมของฉันก็จะไม่เปลื่ยนไป ฉันไม่จำเป็นจะต้องลังเล ฉันได้หยิบเอาอิลิกเซอร์ออกมาจากช่องเก็บของทันที
[นี้คือ....]
"อ่า นี้มันคงยังไม่พอ มันเป็นยาปาฏิหาริย์ แต่ว่ามันก็ยังอาจจะขาดพลังในการแก้คำสาปของเธอ การใช้สองอันมันคงจะเสียเปล่าเกินไป ดังนั้นฉันคงต้องใช้อีกวิธี"
ฉันได้ตอบกลับไปสั้นๆและสูดลมหายใจ หลังจากฉันได้มองไปรอบๆแล้วฉันก็ได้หยักหน้าและพึมพัมขึ้น
"โอเวอร์ลอร์ด"
พลังอินิกม่าได้ห้อมล้อมตัวฉันในทันที มันได้แยกออกมาทั้งป้องกันและเตรียมโจมตีโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ตามด้วยเส้นทางวงจรเพรูต้าก็ได้หมุนวนภายในร่างของฉัน ฉันได้คว้าเอาพลังมานาแห่งอินิกม่านี้มาตรงกลาง
[ท่านฮีโร่... น่าทึ่งมาก ฉันไม่เห็นรู้เลย แต่ว่านี่คือคุณจริงๆหรอ]
"เดี๋ยวฉันจะช่วยให้เธอได้เห็นฉันเดี๋ยวนี้แหละ"
ฉันได้ยิ้มขึ้นและตั้งสมาธิไปที่อิลิกเซอร์ภายในมือ มันใช้เวลาอยู่สักพักนึงในการใช้พลังอินิกม่าเสริมเข้าไปในไอเทม
มันไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้เลย ในตอนนี้อินิกม่าคือพลังของฉัน ถ้าฉันใช้มันอย่างที่ต้องการไม่ได้ ฉันจะเรียกว่าเป็นเจ้าของมันได้ยังไงกัน ราวกับว่าจะเป็นการพิสูจน์ในเรื่องนี้พลังอินิกม่าได้ไหลไปตามการควบคุมของฉันเข้าไปภายในขวดอิลิกเซอร์ เคียร่าที่ยังมองไม่เห็นอะไรก็ทำได้แค่สั้นกับพลังที่เธอรู้สึก
"เสร็จแล้ว"
"คะ คุณทำอะไรท่านฮีโร่"
เสียงของเคียร่าสั่นเทา ฉันได้ยิ้มออกมาและจับมือที่กำแน่นของเธอ หลังจากเปิดมือของเธอออกมาอย่างช้าๆฉันก็ได้วางขวดอิลิกเซอร์ไว้ภายในมือของเธอ จากนั้นเธอก็จับมันเอาไว้อย่างระมัดระวังราวกับว่าเธอกลัวมันจะแตก
"ดื่มมันสิ"
ในที่สุดแล้วฉันก็ควบคุมอินิกม่าเพื่อปิดขวด เคียร่าได้ยกอิลิกเซอร์ขึ้นไปบนปากของเธอด้วยมือที่สั่นเทา จากนั้นเธอก็ดื่มมันลงไปในอึกเดียว เธอไม่ได้สงสัยอะไรเลยแม้แต่น้อย ความรักที่เธอมีต่อฉันมันทำให้ฉันต้องหวาดสั่นอีกครั้งหนึ่ง ในตอนที่เธอได้เปิดตาขึ้นมาและเห็นฉัน เธอก็จะได้เห็นว่าฉันแตกต่างไปจากที่เธอจินตนาการไว้ทำให้เกิดเป็นความสับสนและหมดความรักต่อฉันหรือป่าวนะ? โอ้ ขอร้องล่ะ ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ
จากนั้นราวกับว่าการที่เธอเปิดตาขึ้นมาไม่ได้ในก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก เธอได้เปิดตาขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ
"อ่า อ๊าาาา...."
"เคียร่า เธอ...."
ในตอนที่ฉันได้เห็นสายตาของเธอ ฉันได้รู้ทันทีว่าทำไมเธอถึงได้มีคำสาปที่ยิ่งใหญ่อยู่กับตัว
"ท่าน... ฮีโร่...."
ม่านตาสีดำของเธอมีความกระจ่างชัดราวกับเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวและมีกากบาทสีขาวที่ชัดเจนอยู่ในดวงตาแต่ละข้าง
เธอเป็นผู้ครอบครองดวงตามารแต่กำเนิดที่เกิดขึ้นมาบนโลก