บทที่ 13 ฝันอีโรติก
ปัง!
จิงหยากระแทกปิดประตูห้องน้ำด้วยความโมโห
เสียงกระแทกประตูดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด
“ถ้าคุณทำอะไรพัง จ่ายผมด้วยนะ”
เย่หัวตะโกนบอก ขณะเอียงคอดูทีวีโดยใช้มือยันศีรษะเอาไว้
ในห้องน้ำเงียบไป จนสักครู่ถัดมาก็มีเสียงดังขึ้นอีกรอบ
แต่คราวนี้เสียงที่ดังกึกก้องในห้องน้ำ ฟังดูเหมือนเป็นเสียงที่มีใครสักคนกำลังจะรื้ออาคารนี้ ให้พังทั้งหลังเสียมากกว่า
“คุณควรตามช่างมาเปลี่ยนก๊อกน้ำนะ”
“เสียดายเงิน คุณช่วยตามช่างมาได้ไหมล่ะ” เย่หัวตอบหน้าตาเฉย
“นี่มันบ้านคุณนะ ไม่ใช่บ้านฉันสักหน่อย จะเอาไงก็แล้วแต่คุณสิ”
จิงหยากางแขนแล้วทิ้งตัวลงไปนั่งบนเตียง
จากนั้นเธอก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างที่เกือบเปลือยของเธอไว้
จิงหยาก้มดูหุ่นตัวเองพลางคิดในใจว่า หุ่นตัวเองนี่ชวนผู้ชายน้ำลายสอดีแท้
เย่หัวถอนหายใจ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งหาเว่ยฉาง
จอมราชันย์อย่างเขา ทำไมต้องมาจัดการอะไรแบบนี้ด้วยตนเอง
แล้วเขาจะมีลูกสมุนไว้ทำไมกัน แล้วนี่หลี่กู้หนีเที่ยวอีกแล้วหรือนี่? สงสัยมันคงไปติดสาวที่ไหนแน่ๆ
เย่หัวคิด ไม่น่าจะหายหัวไปเพราะเรื่องอื่น
“หมาคุณหายไหนล่ะ” จิงหยาเอนตัวนอนบนเตียง
สายตาจ้องไปยังโทรทัศน์เพื่อดูรายการทีวีที่สามีของเธอกำลังดูอยู่
“ออกไปหาเมียมันมั้ง” เย่หัวตอบ
“นี่คุณ พูดจาให้ดีๆ หน่อย” จิงหยาขมวดคิ้ว
“มันออกไปผสมพันธุ์ไง”
"นี่คุณ!!! ที่แท้คุณมันเป็นคนพรรค์นี้เองใช่มั้ย?”
จิงหยาพูดน้ำเสียงเย็นเยียบเฉียบขาด
เธอคิดว่าเย่หัวน่าจะเป็นโรคจิตอ่อนๆ พอเกิดความรู้สึกแบบนี้
เธอชักเป็นห่วงลูกในท้องของเธอขึ้นมา
เธอกลัวว่าเด็กจะติดเชื้อบ้ามาจากพ่อมัน!
“ก็ไม่นะ” เย่หัวตอบอย่างเฉยเมย
“แล้วก่อนจะเจอฉัน คุณเป็นคนแบบไหนเหรอ” จิงหยาถามด้วยความสงสัย
เย่หัวหันไปมองจิงหยาที่นอนเป็นนางพญาอยู่บนเตียง ก่อนจะตอบเธอว่า
“เมื่อก่อน... ผมคือคนที่น่ากลัว”
“นี่รู้มั้ย เวลาคุณไม่เก๊กนี่ คุณดูหล่อมากเลย”
จิงหยาส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย เธอรู้สึกว่าเย่หัวทำตัวเหมือนเด็กโข่ง
เย่หัวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบจิงหยาว่า “ผมนี่นะเก๊ก? ที่ผ่านมาในอดีต...
ถ้าใครมาทำเป็นเจ๋งต่อหน้าผม ไม่มีใครหน้าไหนรอดสักคน”
“ฮ่าๆๆ” จิงหยาหัวเราะ เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้นี่ช่างตลกหน้าตายจริงๆ
เขาสามารถพูดเรื่องไร้สาระ ด้วยน้ำเสียงขึงขังจริงจังได้ตลอดเวลา
แถมยังชอบยั่วให้เธอโมโห จนถึงขั้นเสียน้ำตาได้ ผู้ชายคนนี้เหลือเกินจริงๆ
เย่หัวเลือกที่จะไม่สนใจเสียงหัวเราะของจิงหยา
เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ ดูโง่เง่าเต่าตุ่นเสียจริงๆ
หวังว่าเด็กที่อยู่ในท้อง คงไม่ได้ไอคิวต่ำเหมือนผู้หญิงคนนี้
“พรุ่งนี้ไปกินข้าวที่บ้านฉันนะ” จิงหยาพูดขึ้นมาหลังจากเงียบไปสักพัก
หลังจากนั้นไม่นาน จิงหยากล่าวว่า“ไปที่บ้านเพื่อกินพรุ่งนี้”
“ตกลงตามนั้น” เย่หัวตอบ
ทำไมตกลงง่ายจัง นี่เขาไม่ได้วางแผนอะไรอยู่ใช่ไหม จิงหยาสงสัยในใจ
“ตอนอยู่ที่บ้านฉันน่ะ ต้องฟังฉันนะ”
จิงหยาเสริมย้ำให้มั่นใจ ว่าเย่หัวจะไม่ทำให้เธอปวดหัวที่บ้านเธอเอง
“ตกลงตามนั้น”
การที่จิงหยาเห็นเย่หัวเชื่องขนาดนี้ ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจแม้แต่น้อย
เย่หัวดูไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลยสำหรับเธอ
ในขณะที่กำลังนอนคิดถึงสิ่งเหล่านี้อยู่บนเตียง จิงหยาค่อยเคลิ้มหลับไป
แล้วเธอก็ฝันถึงเหตุการณ์คืนนั้นในห้องนอนห้องนี้
“จิงหยา! จิงหยา!” เสียงที่คุ้นเคยของใครสักคน กำลังกระซิบที่ข้างหูเธอ
“เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!” จิงหยาตอบอย่างหงุดหงิด
“ผมหิว จะกินล่ะนะ” เย่หัวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เขานึกในใจว่าผู้หญิงคนนี้งี่เง่าดีจริง นี่เธอหลับแล้วยังฝันถึงเรื่องสยิวๆ คืนนั้นด้วยเหรอ
"กิน?"
จิงหยาตื่นขึ้นมาจากความฝัน เธอชี้นิ้วไปที่เย่หัว “นี่คุณ... อยู่ตรงนี้เหรอ”
“ฝันอะไรกามๆ อยู่ล่ะสิท่า” เย่หัวพูดหน้าตาย น้ำเสียงดูเย็นชาไร้อารมณ์
“ไม่มีทางอ่ะ!” จิงหยาแทบจะตะคอกใส่เขา
เย่หัวทำสีหน้าเดียดฉันท์จิงหยา ก่อนจะบอกว่า “เดี๋ยวถ้ามีคราวหน้า ผมจะถ่ายคลิปเอาไว้ให้คุณดู”
“ไปตายซะ!” จิงหยาเคืองสุดขีด เธอกัดริมฝีปากแน่น และตอนนี้เธอถึงกับโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเลยทีเดียว
แล้วเธอก็ลุกพรวดจากเตียง แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป
เย่หัวมองตามแล้วถอนหายใจ
เขาหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นนึง เพื่อสั่งอาหารมากิน
จิงหยาหายไปในห้องน้ำสักพัก เมื่อเธอออกมา
เธอพบว่าอาหารที่เย่หัวสั่งมาถูกจัดวางไว้แล้ว ใครเล่าจะอดใจต่อกุ้งสดๆ ที่อบมาใหม่ๆ แบบนั้นได้
ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบลากเก้าอี้สตูลมานั่งโซ้ยกุ้งอย่างเมามัน
ปล่อยให้เย่หัวยืนมองศรีภรรยาผู้นี้ด้วยอาการอึ้ง
เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่รักษากิริยาอะไรเลยจริงๆ
“นี่คุณไปเอาเงินมาจากไหนสั่งอาหาร นึกว่าคุณไม่ค่อยมีเงินซะอีก”
จิงหยาพูดโดยที่มือยังแกะกุ้งไม่หยุด พอแกะกุ้งตัวนึงเสร็จ
เธอก็จะจุ่มมันลงไปในถ้วยน้ำจิ้ม
ก่อนจะหยิบกุ้งเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“เงินของลูกน้อง” เย่หัวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
จิงหยาแทบจะพ่นกุ้งที่เคี้ยวอยู่ออกมาจากปาก เหลือเชื่อจริงๆ ผู้ชายคนนี้
“นี่ถึงกับเอาเงินลูกน้องมาใช้เนี่ยนะ ฉันเข้าใจเรื่องบริจาคเงิน แต่จำเป็นเหรอที่ต้องบริจาคเงินจนหมดตัว”
“ก็บริจาคทีเดียวจบมันง่ายดี”
“ยอดเยี่ยม” จิงหยาประชด
“ก็ถ้าเอาเงินลูกน้องมาใช้มันไม่ดี ไม่ควรทำ คุณเอาบัตรเครดิตคุณมาให้ผมรูดใช้สิ”
ได้ยินแบบนั้น จิงหยาถึงกับเบ้ปาก
“จะเอาเงินเมียไปใช้เนี่ยนะ ใครที่เคยพูดว่าเงินไม่สำคัญ มันก็แค่เศษกระดาษ”
“ขอบัตรที่วงเงินเยอะหน่อยนะ”
เย่หัวพูดขึ้นมาโดยไม่สนใจฟังจิงหยาแม้แต่น้อย
“ทำไมฉันต้องให้คุณ!” จิงหยาตะโกนด้วยความไม่พอใจ
“เพราะคุณเป็นเมียผมไง” เย่หัวเริ่มฉุน
เขาคิดว่าจิงหยาควรตอบแทนเขาด้วยซ้ำ ที่เขารับผิดชอบแต่งงานกับเธอ
ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อุ้มท้องลูกของเขาอยู่ คงไม่มีวันที่เขาจะสนใจเธอ
ฝ่ายจิงหยาถึงกับพูดไม่ออก โอเค...
เธอจะคิดว่าเธอจ้างผู้ชายคนนี้เป็นสามีก็แล้วกัน
คิดดังนั้น เธอจึงเดินไปหยิบบัตรเครดิตสีดำขลับออกมาจากกระเป๋า แล้วเอามาวางบนโต๊ะ
เย่หัวหยิบบัตรขึ้นมาแล้วเตรียมผูกบัตร กับระบบจ่ายเงินในมือถือตัวเองทันที
เขาถามจิงหยาว่า “หมายเลขพินคือ?”
“123456”
หลังจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เย่หัวดูอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เขานึกดีใจว่า ดีแล้วที่ไม่ต้องเอาเงินเว่ยฉางมาใช้อีกต่อไป
เว่ยฉางก็บ่นเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เขาหันไปบอกจิงหยาว่า
“ช่วยแกะกุ้งให้ผมด้วย”
“ทำไมฉันต้องทำ” จิงหยาโกรธถึงขนาดทุบกำปั้นลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง ปัง!
“เพราะคุณเป็นเมียผมไง” เย่หัวพูดอย่างเฉยเมย
“ตกลงฉันเป็นเมียหรือเป็นคนใช้คุณกันแน่”
จิงหยาลุกยืนขึ้นมาประจันหน้ากับเย่หัวด้วยความโกรธ
“เป็นเมียผมน่ะ ต้องทำตามกฏกติกาของผม คุณค่อยๆ เรียนรู้ไปแล้วกัน”
เย่หัวพูดอย่างใจเย็น
จิงหยาตะโกนกลับใส่เย่หัว “ใครอยากเป็นเมียคุณ เชิญเลย!
ฉันคลอดเด็กคนนี้ออกมาเมื่อไหร่ ฉันหย่ากับคุณแน่นอน!”
หลังจากจิงหยาพูดจบ บรรยากาศภายในห้องก็เย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เย่หัวจ้องไปที่จิงหยาอย่างไม่วางตา จนฝ่ายหญิงถึงกับต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความเกรงกลัว
แต่จิงหยามั่นใจว่าเธอไม่ผิด เธออุ้มท้องลูกของเขา ให้เงินเขาใช้อีก
แล้วเขายังจะเรียกร้องให้เธอทำโน่นนี่นั่นให้อีกเนี่ยนะ
คิดถึงหัวจิตหัวใจเธอบ้างไหม เธอต้องอดทน และไว้หน้าเขาแค่ไหน
ที่ไม่กระแทกประตูใส่หน้าเขา แล้วออกไปจากห้องนี้ซะ
จิงหยานั่งลงบนเก้าอี้สตูลตัวเดิม และเริ่มแกะกุ้งกินอีกรอบ
เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำไป จิงหยาคิด อยากยืนโง่ๆ
ดูเธอกินกุ้งก็ตามใจ เธอจะกินให้อร่อยเลย
ฝ่ายเย่หัวกลับคิดว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงแกะกุ้งกินเองทั้งๆ
ที่เขาเกลียดการแกะกุ้งเป็นที่สุด เพราะเขาเป็นโสด ตอนนี้เขามีเมีย
เมียควรช่วยผัวแกะกุ้งสิ แต่นี่ จิงหยาไม่ยอมแกะกุ้งเพื่อเขา
เรื่องนี้รู้ไปถึงไหน เขาคงอายไปถึงนั่น
นี่เขาจะไม่กินจริงเหรอ? จิงหยาคิด ตอนบ่ายก็ไม่ยอมกิน
มื้อเย็นนี่ก็ยังดื้อด้านไม่ยอมกินอีก โอเค... จิงหยาคิดว่าเธอจะลดทิฐิลงมา
เดี๋ยวเธอจะแกะกุ้งให้เขา พร้อมตบท้ายสมนาคุณเขาด้วยตูดไก่สักหนึ่งตูด
จิงหยาคิดในใจจนหัวเราะออกมาเสียงดัง
เย่หัวเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อจิงหยาเริ่มยื่นกุ้งที่แกะเปลือกออกแล้วให้เขา
เขารู้สึกว่าเขาพยายามมาตลอด ที่จะพัฒนาตัวเองให้เข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้น
วันนี้ เขารู้สึกว่าเขาเกือบพังเสียหลายรอบ
เมื่อเห็นเย่หัวกินกุ้งที่เธอแกะเปลือกให้ จิงหยารู้สึกเกิดความรู้สึกแปลกๆ
ขึ้นมา โดยไม่ทันจะรู้ตัว เธอแกะกุ้งให้ตัวเอง แกะตัวถัดไปให้เย่หัว
จนทั้งสองกินกุ้งกันไปจนแทบจะหมดออร์เดอร์ที่สั่งซื้อมา
“ฉันอิ่มละ แกะกุ้งจนเจ็บนิ้วไปหมดแล้วเนี่ย” จิงหยาทำปากจู๋
มองมืออันบอบบางของตัวเอง และรู้สึกสงสารมือสวยๆ ของตัวเองขึ้นมาจับใจ
“เก็บโต๊ะให้สะอาดด้วย” เย่หัวออกคำสั่งอีกรอบ
"นี่คุณ!!!" นายเย่หัวคนนี้คงเป็นบทลงโทษจากสวรรค์สำหรับฉันแน่ๆ จิงหยาคิด
แล้วฉันก็ต้องทน ต้องทนอยู่กับเขาอีกตั้ง 9 เดือน!