บทที่ 12 คู่ฟัดคู่กัด!
จิงหยาเดินกระหืดกระหอบไปตลอดทางด้วยความโมโห
เพราะความโกรธ เธอเลยไม่ทันสังเกตเห็นว่าเธอกำลังเดินหนีเย่หัวจนไปเจอทางตันเข้าให้
ขณะกำลังกลับหลังหันเพื่อเดินย้อนกลับไป
เธอจึงเห็นว่าเย่หัวกำลังจ้ำอ้าวไล่ตามเธอมา
ถึงจะคลายความโกรธลงไปบ้างแล้ว แต่เธอทำเป็นไม่สนใจผู้ชายคนนี้
จิงหยารีบเดินหนีไปอีกทาง จนกระทั่งมาถึงยังศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง
เมื่อเข้าไปในช็อปปิ้งมอลล์ จิงหยาเดินเข้าเดินออกร้านรวงต่างๆ
โดยไม่สนใจสามีของเธอแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่เธอออกมาจากแต่ละร้าน
เธอก็จะเห็นเย่หัวยืนเก๊กหล่อสูบบุหรี่รอเธออยู่ทุกครั้ง
เธอนึกในใจว่าผู้ชายคนนี้คงสำนึกผิดแล้วสินะ
แต่เมื่อเธอเดินออกมาจากร้านสุดท้ายที่เธอเดินเข้าไป
เย่หัวกลับกลับหายหัวไปเสียอย่างงั้น
ผู้ชายงี่เง่าคนนี้หายไปไหน? จิงหยามองหาเย่หัวด้วยอาการหงุดหงิด
เธอนึกในใจว่า อีตานี่คงเห็นสาวสวยสักคนเดินผ่านมา
แล้วคงเดินตามต้อยๆ ผู้หญิงคนนั้นไป
“คุณซื้อของเสร็จแล้วเหรอ” เย่หัวเอ่ยทักจิงหยาจากด้านหลังที่เธอยืนอยู่
หญิงสาวหันกลับไปมองตามเสียงนั้น
เธอเห็นเย่หัวเดินมาอย่างสบายใจไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ ทั้งนั้น
จิงหยาขมวดคิ้วก่อนจะถามสามีของเธอด้วยน้ำเสียงดุดันว่า
“คุณหายไปไหนมา”
“ผมไปเข้าห้องน้ำ” เย่หัวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
แต่ดูน่าหมั่นไส้เกินไปสำหรับจิงหยา
“รับนี่ไปถือเลย” จิงหยายื่นถุงช็อปปิ้งในมือเธอไปยังฝ่ายชายให้ช่วยถือ
“ผมไม่ถือ” เย่หัวมองถูถุงช็อปปิ้งเล็กบ้างใหญ่บ้างในมือภรรยาสาวสวย
จอมราชันย์เทพอสูรอย่างเขาจะลดเกียรติตัวเองมาถือของให้ผู้หญิงเนี่ยนะ
ฝันไปเถอะ! รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น!
จิงหยาโกรธจนควันออกหู เธอรู้สึกคิดผิดที่เอาเย่หัวมาเป็นสามี
การต้องใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายแบบเย่หัว คงทำให้เธออายุสั้นลงอย่างแน่นอน
อายุขัยของเธอคงหายไปสักครึ่งหนึ่ง จิงหยาคิด!
จิงหยาเลือกจะไม่พูดตอบโต้ เธอกลับหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
แล้วกดโทรออกหาใครบางคน
“สวัสดีครับท่านประธานจิง ไม่ทราบมีอะไรให้ผมรับใช้ท่านครับ”
เสียงปลายสายพูดตอบรับ
“ส่งรถมารับฉันที่เฟิร์สเรทช็อปปิ้งเซ็นเตอร์เดี๋ยวนี้เลย เร็วๆ นะ”
จิงหยาสั่งผู้ช่วยของเธอผ่านทางโทรศัพท์
“ได้ครับท่านประธาน รอสักครู่นะครับท่าน”
เสียงปลายสายรับคำสั่งอย่างนอบน้อม
หลังจากวางหูโทรศัพท์
จิงหยามองดูเย่หัวที่เดินนำหน้าเธอด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์
เธอพูดพึมพำว่า “ทำไมถึงไม่ยอมช่วยถือของ แถมยังเดินเร็วขนาดนั้น ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันท้องไส้อยู่”
“ใช่... ฉันกำลังท้อง ทำไมฉันลืมเรื่องนี้ไปนะ ฉันคือผู้หญิงที่กำลังตั้งท้อง
ฉันต้องสำคัญที่สุดสำหรับผู้ชายคนนี้สิ” จิงหยาคิด
“อั๊ยยะ!” จู่ๆ จิงหยาก็ร้องออกมาเสียงดัง
แล้วเธอก็แกล้งทำเป็นล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
เอามือขึ้นมากุมหน้าท้องทำทีเหมือนปวดท้องมาก
เย่หัวถึงกับชะงักหยุดเดิน แสงสีแดงวาบขึ้นในดวงตาสีดำสนิทของเขา
มันเหมือนแสงเลเซอร์ที่กำลังสแกนบางสิ่งบางอย่าง
เย่หัวกำลังสแกนดูเด็กในท้องของจิงหยาด้วยอำนาจพิเศษของเขา
เมื่อเห็นว่าเด็กปลอดภัยดี เขาถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยอาการโล่งอก
ผู้หญิงคนนี้เกือบฆ่าลูกของเขา เย่หัวโกรธมาก
ความโกรธของเขากำลังทะลุจุดเดือด และส่งแรงสั่นสะเทือนออกมาเหมือนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ
พลังแห่งความโกรธของมหาราชันย์ ถึงขั้นทำให้ศูนย์การค้าถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย
ผู้คนในห้างถึงกับตื่นตระหนกตกใจ เพราะคิดว่าเกิดแผ่นดินไหว
แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นอันตรธานไปอย่างรวดเร็ว จนทุกคนโล่งใจที่ปลอดภัย
อันที่จริงๆ คนในศูนย์การค้าแห่งนี้ต้องขอบคุณเย่หัวเลยทีเดียว
ที่เขาสามารถระงับความโกรธเอาไว้ได้
ไม่งั้นพวกเขาคงตายอยู่ใต้ซากอาคารนี้เป็นแน่แท้
“เป็นบ้าอะไรของคุณ ทำไมเดินไม่ระวัง!”
เย่หัวตะคอกใส่จิงหยาด้วยความโกรธ
เสียงของเขาดังราวกับเสียงคำราม จนทุกคนในห้างต่างก็ได้ยิน
ทุกคนสงสารฝ่ายหญิง แต่ใครล่ะจะกล้าเข้าไปช่วย
จิงหยาถึงกับอึ้ง กับการที่เธอโดนเย่หัวตะคอกใส่หน้า
เธอคิดในใจว่าเธอกำลังท้องอยู่นะ และเด็กในท้องก็ลูกเขา
เธอผิดตรงไหน ที่ขอให้เขาช่วยถือของให้
แล้วที่เธอแกล้งทำเป็นปวดท้องล้มลงไปเนี่ย
ก็เพื่อพิสูจน์ดูว่าผู้ชายคนนี้จะตอบสนองยังไงก็เท่านั้นถ้าเธอเป็นอะไรไป
ตอนนี้จิงหยาหมดความอดทนอีกต่อไป นัยน์ตาของเธอร้อนผ่าว
แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นทาง
มันคือน้ำตาที่ผสมปะปนไปด้วยอารมณ์โกรธและอารมณ์เศร้า
เธอคิดว่าเย่หัวจะมีหัวใจมากกว่านี้ เขาไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลือดเย็น
“ใช่! ฉันเดินไม่ระวังแล้วไง! ไสหัวไปเลย!
อย่ามายุ่งกับฉันและเด็กที่อยู่ในท้อง ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก...”
จิงหยาร้องไห้อย่างหนักหน่วง
ใครเห็นก็คงรู้สึกใจหายกับภาพความเปราะบางของผู้หญิงคนนี้
จิงหยาเองรู้สึกสิ้นหวัง เธอคงพึ่งพาผู้ชายคนนี้ไม่ได้
ทำไมเธอต้องพาตัวเองมาเจอความขื่นขมแบบนี้
ไม่ใช่เฉพาะเย่หัวที่ทำกับเธอแบบนี้ ผู้ชายคนอื่นๆ
ที่เข้ามาในชีวิตเธอก็ล้วนไม่ได้ดีไปกว่าเขา
มีแต่ผู้ชายเส็งเคร็ง จ้องแต่จะหลอกลวง
ฉากดราม่าระหว่างชายหญิงคู่นี้ ดึงดูดความสนใจของคนในศูนย์การค้ามิใช่น้อย
ผู้คนในห้างต่างสงสารในชะตากรรมของสาวงามคนนี้
ผู้ชายดูเป็นสิ่งมีชีวิตเลือดเย็น เขาตะคอกใส่ผู้หญิงที่ล้มลงกับพื้น
ไม่ได้แสดงความรู้สึกห่วงใยเธอแม้แต่น้อย
แถมยังต่อว่าเธออีกว่าเธอไม่รู้วิธีเดินหรืออย่างไร
จะว่าไป นี่เป็นครั้งแรกที่จิงหยาเสียการควบคุมอารมณ์ตัวเองแบบนี้
เธอถึงขั้นร้องไห้อย่างไม่อายใครในที่สาธารณะอันพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา
แต่ทันใดนั้นเอง เมื่อเธอเงยหน้ามองไปยังเย่หัว
เธอรู้สึกว่ามีพลังบางอย่างกำลังดึงดูดเธอ ให้จับจ้องไปยังใบหน้าของผู้ชายคนนี้
ใบหน้าของเย่หัวดูงดงามราวรูปสลักหินอ่อนของทวยเทพ
เขาดูดึงดูดมาก...
“คุณไม่คิดเหรอว่ามันน่าอาย ผมว่ามันน่าอาย...”
เย่หัวพูดกับจิงหยาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จิงหยากวาดตามองไปรอบๆ ผู้คนในศูนย์การค้ากำลังมองมาที่เธอ
จิงหยาชักรู้สึกอาย และแอบหวังในใจว่าคงไม่มีใครถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่
และถ้ามีใครเอาคลิปนี้ไปเผยแพร่ รับรองว่าซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเธอต้องสูญเสียภาพลักษณ์อย่างแน่นอน
แล้วใครควรจะรับผิดชอบเรื่องนี้ ก็ต้องเป็นผู้ชายที่ตะคอกใส่เธอให้อับอายขายหน้าประชาชีอยู่ตอนนี้นี่ไง
โดยไม่ทันได้ตั้งตัว เย่หัวเข้ามาช้อนร่างจิงหยาขึ้นมาและอุ้มเธอไว้
นี่เขาสำนึกแล้วหรือไง
จิงหยานึกสงสัย ว่าเขากำลังอุ้มเธอขึ้นมาเพราะสำนึกผิด ที่ตะคอกใส่เหรอหรืออย่างไร
แถมยังรวยล้นฟ้ามหาศาล แล้วเขากล้าดียังไงมาทำกับเธอแบบนั้น
ใครกันที่เป็นตัวการที่ทำให้เธอขายหน้า
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้” จิงหยาบอกเย่หัว
ดูเหมือนตอนนี้เธอสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว
“คุณเดินให้ระวังกว่านี้ได้ไหมล่ะ” เย่หัวถามกลับ
“คุณน่ะสิที่เดินไม่ระวัง!” จิงหยาตะโกนใส่เย่หัว เมื่อเขาวางเธอลง
ทันทีที่เท้าแตะพื้น จิงหยาก็เดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้าผู้ช่วยของจิงหยาก็มาถึงยังศูนย์การค้า พร้อมกับรถที่จิงหยาสั่งให้มารับเธอ
เมื่อหลิวฮั่งเห็นจิงหยาเดินมาพร้อมกับชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง
เขาก็อดแปลกใจไม่ได้ ผู้ชายที่มากับเจ้านายเขาคือใคร
หรือเขาคือผู้ชายที่คนทั้งบริษัทกำลังกอสซิปพูดถึงอยู่ ณ ขณะนี้
“ระวังศีรษะนะครับท่านประธานจิง”
หลิวฮั่งเปิดประตูรถ เพื่อต้อนรับซีอีโอหญิงของบริษัทด้วยรอยยิ้ม
ฝ่ายจิงหยากลับมีสีหน้าเย็นชาขณะโน้มตัวก้าวเข้าไปในรถ
“เขยิบเข้าไปข้างใน” เย่หัวบอกจิงหยาขณะยืนรอตรงประตูรถ
“ทำไมไม่ขึ้นมาอีกฝั่งล่ะ” จิงหยางงกับพฤติกรรมของเย่หัวจริงๆ
ทำไมเขาต้องทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยากตลอดเวลา
“อีกด้านนึงไม่ปลอดภัย” เย่หัวตอบ หน้าตาย
น้ำเสียงนิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ ทั้งสิ้น
จิงหยาถึงกับพูดไม่ออก เธอนึกเสียใจที่ปล่อยให้เรื่องคืนนั้นเกิดขึ้น
ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ เธอยอมถูกโบยตีให้ดิ้นตาย
หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอจะไม่เหยียบไปที่บาร์แห่งนั้นเป็นอันขาด
เธอจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้
“คุณดูงงๆ นะ สงสัยอะไร” เย่หัวถาม
จิงหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะยอมขยับตัวเข้าไปด้านในเพื่อให้เย่หัว
ตามเข้ามาในรถ
จริงๆ แล้วคนที่งงเป็นไก่ตาแตกคือหลิวฮั่งต่างหาก
เขาแทบไม่เชื่อสิ่งที่เขาเห็น ซีอีโอจิงหยาผู้ทรนงเนี่ยนะ
ยอมทำตามคำสั่งผู้ชายคนนี้ ชายคนนี้คือใครกันแน่
ถึงกำราบนางสิงห์อย่างจิงหยาได้
“ถามเขาเอาเองสิ” จิงหยาตอบทั้งๆ
ที่สายตายังมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
"ไปที่บาร์" เย่หัวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เขาเองก็มองออกไปนอกหน้าต่างเช่นกัน
“เอ่อ...” หลิวฮั่งรู้สึกว่าบรรยากาศในรถช่างแปลกประหลาดเอามากๆ
จนเขาเองไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับคนทั้งสอง
แต่สิ่งหนึ่งที่หลิวฮั่งปฏิเสธไม่ได้คือคนทั้งคู่ดูเหมาะสมคู่ควรกันมากด้วยเรื่องรูปลักษณ์หน้าตา
พวกเขาดูเสมอชั้นกัน แต่หลิวฮั่งอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมพวกเขาถึงต้องการไปบาร์ในเวลานี้
นี่มันเพิ่งจะตกบ่ายเท่านั้น แต่ถ้านี่เป็นความประสงค์ของท่านซีอีโอแล้วล่ะก็ เขาก็ยินดีทำตามโดยไม่ขัดขืน
ในที่สุด รถยนต์ Audi คันงามก็พาพวกเขามาถึงยังตรอกเล็กๆ ที่ตั้งบาร์ของเย่หัว
“ทิ้งรถไว้ที่นี่แหละ ฉันต้องการใช้รถ” จิงหยาบอกหลิวฮั่ง
“รับทราบครับท่านประธาน นี่กุญแจรถครับท่าน”
หลิวฮั่งน้อมรับบัญชานายหญิงของเขา พร้อมยื่นกุญแจรถหรูให้เธอไป
เย่หัวมองดูเหตุการณ์ในรถโดยไม่พูดอะไร สักพักเขาเปิดประตูรถก้าวออกไป
และเดินนำเข้าไปในบาร์โดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรกับจิงหยาเลย
จิงหยารู้สึกโกรธผู้ชายคนนี้ขึ้นมาอีกรอบ
แต่เธอพยายามระงับความโกรธเอาไว้
เธอจะไม่สติแตกต่อหน้าลูกน้องของเธอเป็นอันขาด
เธอรับกุญแจจากหลิวฮั่งมา แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
แล้วใครจะช่วยเธอหิ้วไอ้พวกถุงช็อปปิ้งเข้าไปในบาร์ล่ะ
“ให้ผมช่วยถือเข้าไปนะครับท่านประธานจิง”
หลิวฮั่งเสนอตัวเหมือนรู้ว่านายหญิงของเขา ต้องการความช่วยเหลือ
“ไม่จำเป็น” จิงหยาเผลอตะคอกใส่ลูกน้องเพราะอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว
เมื่อเห็นอากัปกิริยาแบบนั้นของผู้เป็นนาย
หลิวฮั่งรู้ตัวทันที ว่าเขาควรลากลับให้เร็วที่สุด
นาทีนี้เขาควรกลับบ้านกลับช่อง ไปกินข้าวเย็นกับศรีภรรยาของเขาดีกว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อจิงหยาหอบข้าวของขึ้นมาเองถึงห้องนอนชั้นสองของบาร์
เธอก็พบว่าเย่หัวกำลังจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า
ร่างกายของเขากำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ดูแกร่งราวกับหินผา
เขาดูสมบูรณ์แบบ อย่างปฏิเสธไม่ได้
จิงหยาคิดในใจ ว่าเธอจะไม่ตกเป็นเหยื่อในเกมส์ของผู้ชายคนนี้เป็นอันขาด
เขาตั้งใจโชว์ออฟ โชว์หุ่น เพื่อล่อลวงเธอแน่ๆ
คอยตาเธอบ้าง เธอจงใจจะเล่นเกมส์เดียวกัน
แล้วจิงหยาก็เปลื้องเสื้อผ้าตัวเองออก จนเหลือแต่ชุดชั้นใน
สัดส่วนโค้งเว้าโนนเนิน และผิวพรรณผุดผ่องของเธอ งดงามสมบูรณ์แบบ
ถ้าผู้ชายคนไหนมาเห็นเธอในสภาพเกือบเปลือยแบบนี้ รับรองว่าชายผู้นั้น
คงยากที่จะระงับความคุ้มคลั่งชั่งใจเอาไว้ให้จงได้
จิงหยารู้สึกว่าเธอกำลังจะเป็นผู้ชนะ
ใครกันจะอดทนต่อความเย้ายวนของนางพญาจิงหยาได้
ซีอีโอจิงมั่นใจว่าตอนนี้เย่หัวคงกำลังน้ำลายสอลอบมองเธอ อย่างหื่นกระหายเป็นแน่
“นังวิญญาณผีชั่ว แกจะหนีไปไหน”
จิงหยาสะดุ้งตกใจ ตัวแข็งทื่อและเผลอกำมือไว้แน่น
คนบ้าคนบอ! ผู้ชายคนนี้สติไม่ดีหรือไอคิวต่ำกันแน่
นอกจากเขาจะไม่สนใจเธอแล้ว
เขายังเปิดทีวีดูรายการโปรดอย่างสบายใจเฉิบ
"ห้องน้ำอยู่ที่ไหน!" จิงหยาถามด้วยความโกรธ
“มันอยู่ข้างคุณนั่นไง”
เย่หัวบอกเธอด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาว่า เขากำลังพูดอยู่กับสิ่งมีชีวิตปัญญาอ่อน
ถึงจุดนี้ จิงหยาโกรธจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปเลยทีเดียว