RC:บทที่ 19 ซู หว่านเอ๋อร์
RC:บทที่ 19 ซู หว่านเอ๋อร์
ความเร็วของหลิน เฟิงนั้นเกือบจะเท่ากับเสือชีต้าเลย ในไม่ช้าเขาก็จับตัวชายหัวล้านได้แล้วซึ่งนั่นทำให้เขานึกประหลาดใจ
“หรือนี่จะเป็นผลจากการที่ปรับปรุงสมรรถภาพทางกายหลังจากที่กินผลฮั๋วหยางเข้าไป ฉันรู้สึกเหมือนจะเข้าไปแข่งวิ่งในโอลิมปิคได้เลยนะเนี่ย”
หลิน เฟิงเองก็คาดไม่ถึงว่าความเร็วจะมากจนกระทั่งเขารู้สึกตื่นเต้นและวิ่งได้เร็วขึ้นแบบนี้
“อย่าวิ่ง” หลิน เฟิงตะโกนออกไป ในตอนนี้ หลิน เฟิงนั้นอยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ถึง 100 เมตร
“บ้าเอ้ย ไอ้บ้านี่มันติดล้อที่ขาหรือไงวะ วิ่งเร็วชะมัดยาด”
ชายหัวล้านที่วิ่งหนีออกไปนั้นเห็นว่าหลิน เฟิงกำลังเข้ามาใกล้ เขาจึงกลัวว่าจะมีใครเห็นเข้า จึงรีบไปที่ฝั่งทางหลวง
“หยุด นายต้องหยุดวิ่ง” หลิน เฟิงว่าขึ้นขณะวิ่งตาม
“หึ ตอนนี้ฉันก็ไม่คิดว่าแกจะจับฉันได้หรอก”
ชายหัวล้านรีบวิ่งทะลุตรงไปทางหลวง และเมื่อหลิน เฟิงวิ่งมาถึงตรงนี้ รถยนต์หลายคันกำลังขับอย่างรีบร้อน นี่ถ้าเขาไม่หยุดล่ะก็ คงโดนชนไปแล้ว
“เฮ้ บาย”
เมื่อชายหัวล้านวิ่งไปยังอีกฝั่ง เขาจึงหันมาหาและพูดกับหลิน เฟิงพลางยิ้มๆ ก่อนจะโบกมือให้ ใบหน้าอันแสนภาคภูมิทำให้เขากัดฟันแน่น
“หยิ่งยะโสเกินไปแล้ว” หลิน เฟิงลั่น
ในตอนนั้นเอง ในที่สุด หลิน เฟิงก็วิ่งไปที่ทางหลวง แต่ทว่ากลับมีรถวิ่งอยู่หลายคันด้วยความเร็วสูงทำให้เขาผ่านไปไม่ได้เลย
“ไอ้หนูน้อย แกยังอ่อนนัก ส่วนเรื่องจะสู้น่ะหรือ กลับบ้านไปกินนมไป คุณปู่แกคงรออยู่ ฉันไปล่ะ”
ชายหัวล้านโบกมือให้หลิน เฟิง จากนั้นก็ผิวปากก่อนจะเดินช้าๆไปยังมอเตอร์ไซต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล
“หึ นายคิดว่ารถหลายคันพวกนี้จะหยุดฉันได้งั้นหรือ ละอ่อนเว้ย”
หลิน เฟิงรีบวิ่งออกมาโดยไม่ลดความเร็วลงเลย แล้วรถบีเอ็มดับบลิวสีดำก็แล่นเข้ามา
ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังจะถูกชนนั้น เขาก็เห็นว่าหลิน เฟิงเหยียบที่พื้นก่อนจะตีลังกาไปข้างหน้า ทันใดนั้นเอง ร่างทั้งร่างของชายหนุ่มก็พุ่งขึ้นไปมากกว่าสองเมตรข้ามรถยนต์คันดังกล่าว
เจ้าของรถยนต์รู้สึกตกใจอย่างมากในตอนที่เขาเห็นหลิน เฟิงกระโจนข้ามมา แต่พอต่อมา เขากลับเห็นหลิน เฟิงบินข้ามไป พวกเขาจึงหันไปมองก่อนจะเห็นกันบนอากาศ
“บ้าน่า นั่นรายการโชว์ในทีวีหรือไงวะ จะบอกว่าไงดีล่ะ ถ้าฉันบังเอิญชนเข้ากับดวงดาวล่ะก็ ฉันคงไม่อยากได้มันอีกต่อไปแล้ว”
ในขณะที่เจ้าของรถคิดถึงเรื่องนี้ หลิน เฟิงก็ข้ามผ่านไปก่อนจะรีบตามชายหัวล้านคนนั้นไป
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง สาวสวยคนนั้นก็วิ่งตามมา ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เธอมองร่างของหลิน เฟิงก่อนจะปิดปากด้วยความรู้สึกตกใจสุดๆ
“ลันลา” ในตอนนั้นเอง โจรคนนั้นก็ผิวปากออกมาอย่างมีความสุขสบายใจ
แต่ในตอนนั้นเอง เขาคงจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดูเร่งรีบอยู่ข้างหลัง จึงหันไปมอง
“พระเจ้าช่วย แกนี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ มาถึงนี่ได้ยังไงวะเนี่ย”
หลังจากพูดจบแล้วนั้น เขาจึงเริ่มสตาร์ทมอเตอร์ไซต์ ก่อนจะเร่งความเร็วจนสุด พร้อมหลบหนี เพราะความความเร็วของล้อที่บดไปกับล้อถนนนั่นเอง ยางล้อรถจึงปล่อยควันเสียออกมา
“ฮึ่ม แกจะไปไหน”
หลังจากขับไปได้ไม่เท่าไหร่นั้น หลิน เฟิงก็ตามเขาได้ทัน ก่อนจะถีบเขาที่ขี่มอเตอร์ไซต์อยู่ เพราะตอนนี้ร่างกายและพละกำลังหลิน เฟิงนั้นไม่ว่าใครก็หวาดกลัวไปตามๆกัน
“โครม” ชายหัวล้านและมอเตอร์ไซต์ของเขาถูกหลิน เฟิงถีบร่วงลงพื้น
ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็ล้มลงกับพื้น มือและเข่าครูดไปกับพื้น เลือดออกเป็นทาง
เขายืนขึ้นก่อนจะเข้าต่อสู้ แต่ก่อนที่จะเริ่ม หลิน เฟิงก็คว้าคอเสื้อของเจ้านั่นก่อนจะต่อยเข้าที่จมูกจนเลือดออก
เขายืนขึ้นอีกเพื่อที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลิน เฟิงกลับเตะเขาเข้าที่เข่าจากนั้นก็เตะเข้าที่ท้องซึ่งนั่นทำให้เขาล้มลงไปกับพื้นก่อนจะกลิ้งตัวไปมา ไม่สามารถยืนขึ้นได้
“ไม่นะ ไม่ ไม่สู้แล้ว ฉันขอมอบตัว” ชายหัวล้านอ้อนวอน
“เออ งั้นมานี่” หลิน เฟิงคว้าตัวชายหัวล้านนั้นขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่งและกระเป๋าของเด็กสาวสวยในมืออีกข้าง จากนั้นก็กลับไป
ไม่ถึงสองนาที เด็กสาวก็เห็นว่าหลิน เฟิงนั้นลากคอเสื้อของชายหัวล้านออกมา ก่อนจะยกตัวเขาขึ้นไปในอากาศ ก้าวไปทีละก้าว ในขณะที่อีกมือหนึ่งนั้นถือกระเป๋าขอเธอมา
ในตอนนั้นเอง หัวใจของเธอก็พบว่าชายตรงหน้านั้นช่างมีอิทธิพลกับเธอเหลือเกิน ไม่สามารถพรรณนาได้เลยว่าเขานั้นสมชายชาตรีและหล่อแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่หลิน เฟิงตีลังกาข้ามรถยนต์และเตะชายหัวล้านคนนั้นทำเอาสะท้านไปทั้งทรวงเลยทีเดียว
เมื่อหลิน เฟิงเดินมาถึง เด็กสาวคนนั้นก็เห็นว่า แม้ว่าหลิน เฟิงจะดูโทรมและใส่เสื้อผ้าเก่าๆ แต่เขาก็ดูสะอาดและเรียบร้อย อารมณ์พลุ่งพล่านของเขานั้นเทียบไม่ได้เลยกับคนธรรมดาทั่วไป
ผิวของหลิน เฟิงนั้นขาวเนียน เมื่อเทียบกับผู้หญิงแล้วนั้น อาจจะดูตลกไปเลย นั่นล่ะที่ทำให้เธอเต็มไปด้วยความอยากรู้และหลงใหลในตัวเด็กหนุ่ม
“คนสวย กระเป๋าของคุณครับ ครั้งหน้ายังไงก็ระวังหน่อยนะครับ” จากนั้นหลิน เฟิงจึงยื่นกระเป๋าใบนั้นให้กับเด็กสาว ก่อนจะหยิบมือถือของเขาขึ้นมากด 110
“สวัสครับ คุณตำรวจ นี่จากอำเภอจิ้งเฟิงนะครับ ตรงตรอกเล็กๆของช่วงตึกน่ะครับ เราจับโจรไว้ได้ โปรดมาที่นี่ด้วยครับ” แล้วจากนั้นหลิน เฟิงก็วางหู
ในตอนนั้นเอง เด็กสาวกำลังจ้องหลิน เฟิงก่อนจะสัมผัสได้ถึงความยุติธรรมอันแกร่งกล้า
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซู หว่านเอ๋อร์ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณ” ซู หว่านเอ๋อร์กล่าวขึ้นตะกุกตะกัก
ซู หว่านเอ๋อร์กล่าวตะกุกตะกักกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
“ไม่เป็นไรครับ ผมพอไหวอยู่” หลิน เฟิงตอบไป
“แล้วว่าแต่ คุณชื่ออะไรหรือคะ”
“เอ่อ ผมชื่อหลิน เฟิงครับ จะเรียกผมว่าเสี่ยว เฟิงก็ได้ เพื่อนๆผมก็มักเรียกอย่างงั้น”
ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมหลิน เฟิงจึงดูกระวนกระวายแบบนั้นต่อหน้าเธอ อาจจะเป็นเพราะความสวย ก็เป็นเสียแบบนี้ เธอถามเขาส่วนเขาก็ตอบไป ก็เวลาพูดมันเขินนี่
หลังจากนั้นไม่กี่นาที รถตำรวจก็เร่งขับเข้ามาก่อนที่ตำรวจสามนายจะลงมาจากรถนั้น
“ใครเป็นคนโทรเรียกตำรวจ” ตำรวจคนนั้นถามเสียงเข้ม
“สวัสดีครับ ผมเป็นคนโทรเองครับ ผู้ชายคนนี้ขโมยกระเป๋าผู้หญิงคนนี้ไปแล้วผมก็จับไว้ได้ คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณตำรวจแล้วล่ะครับ ส่วนลูกกระจ๊อกอีกสองคนนั่นนอนโคม่าอยู่ตรงโน้นครับ”
หลิน เฟิงยกร่างชายหัวล้านด้วยมือเดียวก่อนจะส่งตัวให้กับตำรวจ ไม่ต่างกับแบกไก่ยื่นให้ตำรวจเลยซึ่งทำเอาตำรวจทั้งสามนายประหลาดใจไปในทันที
“สามคนนี้อีกแล้ว ก็เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมา แล้วนี่มาก่อคดีอีก เอาตัวพวกมันไป” เจ้าหน้าที่ที่ดูเข้มงวดนายหนึ่งว่าขึ้น
“เด็กหนุ่มคนนี้แข็งแรงมาก พละกำลังของเขานั้นใช้ได้ แถมยังโสดมาหลายปีแล้วด้วย ฮ่าๆ ชายคนนนี้มีน้ำหนักถึงหนึ่งร้อยสี่สิบสี่กิโลกรัม ฉันเองยังแบกไม่ได้เลย” ตำรวจที่มีท่าทางเข้มงวดนายนั้นเอ่ยพลางยิ้มออกมา
“ก็แค่ออกกำลังบ่อยๆเองครับ” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นพอเป็นพิธี
“เอาล่ะ คนพวกนี้เราจะเอาตัวไปเอง แล้วเดี๋ยวเราจะเอาไปดัดนิสัยให้ดีเลยล่ะ”
ด้วยเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวชายหัวล้านคนนั้นขึ้นรถรวมถึงชายผมเหลืองและผมม่วงด้วย
“เอ่อ แล้วมอเตอร์ไซต์ของผมล่ะ” หลังจากที่คนพวกนั้นไปแล้ว จึงเหลือเพียงแค่หลิน เฟิงและซู หว่านเอ๋อร์ แล้วเขาจึงนึกถึงรถขึ้นมาได้
“เอ่อ คันนั้นหรือเปล่าคะ” ซู หว่านเอ๋อร์ชี้ไปยังรถที่อยู่ตรงมุมกำแพงจากระยะไกลๆก่อนจะกล่าวขึ้นกับเขา
“เอ๊ะ รถนอนอยู่...”