GE433 รับกระบี่! [ฟรี]
เมื่อกลับออกมาจากโลกอัสนี หงยี่มอบบางสิ่งให้หนิงฝาน
สิ่งที่นางมอบให้คือกระเป๋าที่ผู้เชี่ยวชาญสตรีระดับสูงใช้กัน ในนั้นมีใบไผ่อัสนีทองคำอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อได้ใบไผ่มา หนิงฝานลบสัมผัสเทพของนางออกทั้งหมด นางเองก็ไม่ได้ห้ามเพราะรู้ว่าหนิงฝานทำเพื่อความสบายใจ นางรู้ดีว่าหนิงฝานเป็นคนที่รอบคอบมาก
หนิงฝานเองก็มอบใบไผ่อัสนีทองคำดำให้นาง 7 ใบตามที่ตกลง
จากที่คุยกันล่าสุด นางบอกต้องการใบไผ่เพิ่มเป็น 12 ใบ ซึ่งอีก 5 ใบที่เหลือนางต้องหาสมุนไพรแสนปีมาแลก
ตัวนางในยามนี้ไม่ระแวงในตัวหนิงฝาน เพราะหนิงฝานทำตามคำพูดและทำให้นางเชื่อใจ… หากหนิงฝานหักหลังนาง นางคงไม่เขาปล่อยเขาไว้แน่
แต่หากหนิงฝานยังซื่อตรง นางก็จะแลกเปลี่ยนกับเขาอย่างซื่อตรงเช่นกัน... นางไม่เคยเอาเปรียบผู้ใด และไม่เคยเสียเปรียบผู้ใด เป็นนิสัยที่คล้ายกับหนิงฝาน
“แม่นางหงยี่ ท่านทำตามสิ่งที่รับปากกับข้า ทำให้ข้าเลื่อมใสนัก...” หนิงฝานเก็บกระเป๋าใบไผ่อัสนีทองคำ พลางป้องมือให้นาง
“ฮึ่ม! เจ้าคิดว่าข้าจะตระบัดสัตย์เพื่อใบไผ่อัสนีทองคำไร้ค่าพวกนี้หรือไง?” นางจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาเย็นชา นางจำได้ว่าหนิงฝานบังคับให้นางสาบานได้ นางจึงไม่พอใจ
“ท่านกล่าวหนักไปแล้ว… ว่าแต่ทำไมสีหน้าของท่านถึงดูแย่เป็นแบบ หรือว่าท่านจะไม่สบาย?” หนิงฝานเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากให้นางโกรธ
หลังจากกลับออกมาจากโลกอัสนี หนิงฝานเพ่งมองนางชัดๆและรู้ว่าใบหน้าของนางค่อนข้างซีดขาว เมื่อ 10 วันที่แล้วนางยังดูดีกว่านี้มาก
“ที่เป็นแบบนี้เพราะร่างของข้าคือดวงจิต การที่มันอ่อนกำลังลงถือเป็นเรื่องธรรมดา ฮึ่ม! เจ้านับเป็นบุรุษคนแรกที่กล้าติเรื่องหน้าตาข้า แต่เห็นแก่ความดีของเจ้า ข้าจะไม่ติดใจเอาความ!”
แม้ว่านางจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องความงดงามมากนัก แต่การที่หนิงฝานทักท้วงเช่นนั้น ก็ทำให้นางไม่พอใจอยู่ดี
สิ่งที่นางไม่ได้บอกคือเป็นเพราะหนิงฝานที่ทำให้นางต้องเป็นแบบนี้ เดิมทีนางคิดว่าหนิงฝานจะเข้าไปในหอคอยเพียง 7 วัน จากนั้นนางจะกลับออกมาฟื้นฟูดวงจิตที่โลกภายนอก
นางจำเป็นต้องใช้โอสถจำนวนมากในการฟื้นฟู่ร่างดวงจิต ไม่อย่างนั้น ดวงจิตของนางจะเสียหายใหญ่หลวง
การที่หนิงฝานใช้เวลาในหอคอยอัสนีนานเกินไป ทำให้นางอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เพราะในระหว่างที่รอ นางต้องเฝ้าปกป้องข่ายอาคมเคลื่อนย้ายเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หนิงฝานติดอยู่ในโลกอัสนีเบื้องบน
ที่หนิงฝานกล่าวถามไม่ใช่เพราะตั้งใจติติงนาง เขาเป็นห่วงนาง แต่กลับทำให้นางไม่พอใจ
แม้ยามนี้นางจะหน้าตาบูดบึ้ง แต่ยังนับว่างดงามไม่น้อย ผมดับขลับยาวสลวย ผิวขาวนวลราวกับหิมะ นัยตาสีแดงราวกับอัญมณี ริมฝีปากเรียวได้รูป ดูชุ่มฉ่ำราวกับวารี… นางนับเป็นสตรีที่โด่ดเด่นเป็นอย่างมาก และนางก็งดงามกว่าหนิงหงหงที่หนิงฝานเคยพบในป่าภูติพราย
ยิ่งจ้องมองใบหน้านาง หนิงฝานยิ่งสัมผัสได้ถึงดาราอัสนีบนหน้าผากนาง 3 ดวง แต่ดวงที่ 3 ยังไม่สมบูรณ์ เหลืออีกราวๆ 3 ใน 10 ส่วน ซึ่งนั่นสมควรเป็นดาราอัสนีไท่ซู
ก่อนหน้านี้หนิงฝานไม่อาจสัมผัสพบ ดาราอัสนีของนาง แต่เมื่อเขาได้ครอบครองดาราอัสนีไท่ซู ทำให้ความเข้าใจในอัสนีของเขาเพิ่มพูน จึงสัมผัสถึงดาราอัสนีของนางได้
“มองพอหรือยัง?” นางขดปากด้วยความไม่พอใจ หนิงฝานช่างกล้าที่จะจ้องมองนางเช่นนี้
เดิมทีแล้ว หากผู้ใดที่จ้องมองนางเช่นนี้ นางจะสังหารมันผู้นั้นทันที
“ข้าขอโทษ...” หนิงฝานเบนสายตาหนี เขารู้ว่านางไม่พอใจ
นางเป็นถึงบุตรสาวของกษัตริย์อัสนีปู้ซัว เขาจึงไม่ได้คิดอยากจะเกี่ยวพันกับนาง
“ข้ากับผู้อาวุโสสามตกลงกันว่าจะเข้าไปยังโลกอัสนีเพียง 7 วัน แต่นี่ก็เกินเวลามา 3 วันแล้ว ท่านน่าจะลงมาดูป่าอัสนีด้วยตัวเอง… เจ้าตามข้ามา ต่อให้คนพวกนั้นเห็นเจ้าก็ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า ตราบใดที่เจ้ายังมีประโยชน์กับข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่คล้ายคลึงกับหยุนเทียนเฉว ซึ่งทำให้หนิงฝานไม่พอใจ
หนิงฝานติดตามนางออกไปยังป่าอัสนีเบื้องนอก ไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง 4 คน ทำหน้าคุ้มกันป่าอัสนีอยู่
ชายชราทั้ง 4 ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงที่เร้นกายอยู่ในทะเลส่วนใน ในหมู่ชายชราเหล่านั้น มี 3 คนอยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น อีก 1 อยู่ขั้นกลาง
ผู้ที่อยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางนั้น มีสีผมเขียวเข้ม หนวดขาวยาว สะพายกระบี่ใหญ่ที่แผ่นหลัง แรงกดดันที่แผ่ออกมาทรงพลังเทียบเท่าราชามังกร!
เมื่อผู้เชี่ยวชาญทั้ง 4 เห็นหงยี่ปรากฏตัว พวกมันต่างผ่อนคลาย แต่เมื่อเห็นหนิงฝานติดตามนางมา แววตาพวกมันกลับแปรเปลี่ยนโกรธแค้น
“ซัวหมิง! คาดไม่ถึงว่าเจ้าที่จากเกาะไผ่อัสนีไปจะกล้าย้อนกลับมาอีก! รนหาที่ตาย!”
“ต่อให้เจ้าเป็นคนของวิหารพิรุณ มีหยุนเทียนเฉวคอยหนุนหลัง แต่สำหรับตระกูลซัวเจ้าไม่นับเป็นอันใด… ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าเอาความกล้าจากไหนมายั่วยุตระกูลซัว!”
“คุณหนู เด็กผู้นี้คิดลอบเข้าป่าอัสนี มันล่วงเกินท่าน ท่านสมควรสังหารมันทิ้งซะ!”
ชายชราไร้ดัดแปลงขั้นต้น 3 ตนกล่าวขึ้นด้วยโทสะ แววตาที่จ้องมองหนิงฝานเปี่ยมด้วยเจตนาสังหาร
แต่เมื่อเทียบกับชายชราที่สะพายกระบี่แล้ว แววตาของชายชราคนนั้นน่าสะพรึงกลัวกว่า แต่เหตุที่มันไม่กล่าวอันใด เพราะการที่หนิงฝานปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับหงยี่ ย่อมมีความหมายบางอย่าง
ชายชรายกมือปรามชายชราทั้ง 3 พลางป้องมือกล่าวกับหงยี่
“ข้าขอบังอาจถามคุณหนู… เหตุใดท่านถึงมาพร้อมกับคนผู้นี้? แล้วเหตุใดถึงกลับออกมาจากโลกอัสนีล่าช้าไปถึง 3 วัน? เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือไม่?” ชายชรากล่าวถาม หากเรื่องราวทั้งหมดเป็นฝีมือของหนิงฝาน ชายชราจะลงมือสังหารหนิงฝานด้วยตนเอง
“ผู้อาวุโสสามวางใจได้ ข้าเป็นถึงบุตรสาวของกษัตริย์อัสนีปู้ซัว เหตุใดผู้เยาว์ขอบเขตไร้ดัดแปลงจะทำอะไรข้าได้… เขาเป็นคนช่วยเหลือข้าในโลกอัสนี แม้ว่าจะกลับออกมาช้าไปบ้าง แต่ก็ได้ใบไผ่อัสนีทองคำดำมากกว่าที่คาดเอาไว้” นางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“บุตรสาวกษัตรย์อัสนี?” ชายชราขอบไร้ดัดแปลงขั้นต้น 3 คนหันมองชายชราสะพายกระบี่
“คะ...คุณหนูได้ใบไผ่อัสนีทองคำตามที่ต้องการ สมควรเป็นเรื่องน่ายินดี เช่นนั้นหมายความว่าสหายน้อยซัวไม่ใช่ศัตรูของเรา… ที่นี่ไม่เหมาะให้พูดคุย เชิญคุณหนูกับสหายน้อยมาที่ศาลาอัสนีก่อนเถอะ!” ชายชราสะพายกระบี่กล่าวกับหงยี่ด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพ
เมื่อได้ยินว่าหนิงฝานไม่ใช่ศัตรู ชายชราในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นก็ถอนเจตนาสังหาร แต่แววตายังคงความไม่พอใจ
หนิงฝานไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพราะตามที่หงยี่กล่าวมา เขาไม่จำเป็นต้องกล่าวอธิบาย เขาจึงเลือกที่จะตามนางไปเงียบๆ
ระหว่างที่ตามนางไป เขาจ้องมองชายชราไร้ดัดแปลงขั้นต้นทั้ง 3 เขาไม่เคยได้ยินชื่อของพวกมันมาก่อน พวกมันสมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญลับของตระกูลซัว
ก่อนจะเข้าสู่โลกอัสนี หนิงฝานกังวลกับผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้น แต่หลังจากกลับออกมา เขาไม่เห็นพวกมันอยู่ในสายตา
แต่ชายชราที่สะพายกระบี่ ในความรู้สึกที่อันตรายกับเขามาก แม้ชายชราผู้นั้นจะเป็นคนของตระกูลซัวที่มุ่งเน้นไปกับการฝึกฝนอัสนี แต่ชายชราผู้นั้นกลับไม่ได้เป็นผู้ฝึกฝนอัสนี แต่เป็นมือกระบี่ ซึ่งดาราอัสนีไท่ซูของเขาไม่อาจใช้กับชายชราผู้นั้นได้
ชายชราผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชามังกร ยิ่งไม่มีดาราอัสนีที่สร้างความได้เปรียบ หากต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ย่อมรับมือได้ยากกว่าราชามังกรไม่น้อย
อีกอย่าง ปราณปีศาจในดวงจิตของหนิงฝานยังไม่สลาย เขาย่อมไม่อาจแปลงร่างเป็นปีศาจได้ แต่ต่อให้แปลงร่างได้ ก็ใช่ว่าจะเอาชนะชายชราได้เช่นกัน
ความแข็งแกร่งของเขาในยามนี้ยังน้อยกว่าชายชรามาก แต่เขาก็มีไพ่ตายอย่างอนุสรณ์ตะวันจันทรา และผ้าคลุมลวงสวรรค์ ย่อมไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว
จากที่หงยี่เรียกขาน ชายชราผู้นี้สมควรเป็นผู้อาวุโสสามของตระกูลซัว
หนิงฝานจำวันที่เขาสังหารท่านหยานได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นของวิหารพิรุณ หวาดกลัวผู้อาวุโสสามผู้นี้
“ผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลซัว ซัวเฉิน ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง ข่าวลือว่าอีกเพียงก้าวเดียวจะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง แววตาเช่นนั้นสมควรเคยสังหารผู้คนมาแล้วมากมาย… มันเทิดทูนกษัตริย์อัสนีปู้ซัว จึงนับถือและเคารพหงยี่มาก… 3 คนนั้นก็เหมือนกัน แม้มันไม่รู้ว่าหงยี่คือบุตรสาวของกษัตริย์อัสนีปู้ซัว แต่พวกมันก็เคยได้ยินเรื่องของนางมาก่อน จึงไม่ได้ตกใจมากนัก… แต่ข้ารู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่านางไม่ใช่บุตรสาวกษัตริย์อัสนีปู้ซัว แต่นางคือปู้ซัวตัวจริง!” หนิงฝานขมวดคิ้ว เดิมทีเขาไม่ได้สนใจนาง แต่ยามนี้ ดูเหมือนตัวตนของนางจะน่าสนใจมากขึ้น
ข่าวลือว่ากษัตริย์อัสนีไม่สามารถออกจากสุสานอัสนีได้ แต่ไม่เคยมีผู้ใดเคยได้ยินมาก่อนว่ากษัตริย์อัสนีเป็นสตรี… แต่นั่นก็ไม่แปลก เพราะหากคิดว่ากษัตริย์อัสนีเป็นสตรีก็ออกจะดูไร้เหตุผลเกินไป
“เจ้าสงสัยในตัวข้าเหรอ?” หงยี่ที่เดินอยู่ข้างกายหนิงฝานกล่าวถามด้วยสัมผัสเทพ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่เย็นชา
“ท่านจะเป็นใครไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับข้า” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย แต่จากที่นางกล่าวมาทั้งหมด ทำให้เขามั่นใจ 9 ใน 10 ส่วนว่านางไม่ใช่บุตรสาวของกษัตริย์อัสนี แต่นางสมควรเป็นกษัตริย์อัสนีมากกว่า
แต่ถึงนางจะเป็นใครก็ไม่สิ่งที่เขาต้องสนใจ… กษัตริย์อัสนีปู้ซัวและวิหารพิรุณมีความแค้นต่อกันมากมาย เขาไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น
“ถูกต้อง! ไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเจ้า ย่อมเป็นประโยชน์กับตัวเจ้ามากกว่า” นางกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
หนิงฝานไม่กล่าวสิ่งใด ติดตามหงยี่และคนอื่นๆเข้าไปยังศาลาอัสนี
ศาลาอัสนีตั้งอยู่ในสถานที่ต้องห้ามบนเกาะไผ่อัสนี มีข่ายอาคมขนาดใหญ่ปกคลุม ป้องกันไม่ให้ผู้ใดย่างกรายเข้าไป
หนิงฝานเดาว่า เหตุที่ต้องมีการป้องกันที่แน่นหนา ไม่ใช่เพราะป้องกันไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นเข้ามา แต่เป็นเพราะป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็นหงยี่
ต่อให้นางไม่ใช่กษัตริย์อัสนี สถานะของนางยังคงไม่ธรรมดา ไม่สมควรเปิดเผยต่อผู้อื่น
เมื่อเข้าไปในศาลาอัสนี ทุกคนเดินแยกไปตามที่นั่งของตน หงยี่นั่งอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลาง รอบข้างเป็นที่นั่งของเหล่าผู้อาวุโส ถัดจากนั้นจึงเป็นหนิงฝาน
เหล่าผู้อาวุโสหันมองหงยี่ราวกับกำลังกล่าวรายงานบางอย่างซึ่งหนิงฝานไม่เข้าใจ ราวกับพวกมันกล่าวกันด้วยสัมผัสเทพ
หลังจากพวกมันคุยกันเสร็จ หงยี่ก็เริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในโลกอัสนี และสิ่งที่หนิงฝานทำเพื่อทำให้เหล่าผู้อาวุโสยอมรับ
เมื่อพวกมันได้ยินเรื่องที่หนิงฝานได้ใบไผ่อัสนีมาถึง 24 ใบ โดยที่อยู่เพียงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง พวกมันจึงตกตะลึง แต่ในใจยังไม่อยากเชื่อ
ต่อให้เป็นผู้อาวุโสในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น พวกมันก็ขึ้นไปบนหอคอยอัสนีได้มากสุดเพียง 10 ชั้น ไม่มีทางที่พวกมันจะล่วงเข้าไปในชั้น 11 เพื่อสังหารดวงจิตอัสนีในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางได้
เมื่อพวกมันได้ยินว่าหนิงฝานมีวิชาดรรชนีหมอกเมฆาม่วง ที่สามารถทำลายข่ายอาคมได้ ซัวเฉินถึงกับนั่งไม่ติดที่
ตอนนี้พวกมันทั้งหมดเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหงยี่จึงให้ความสำคัญในตัวหนิงฝาน
แค่เรื่องวิชาดรรชนีหมอกเมฆาม่วงก็ทำให้หนิงฝานกลายเป็นคนที่สำคัญมากแล้ว
“ผู้อาวุโสสาม… ข้ากับเขาทำข้อตกลงกันว่า เขาจะช่วยข้าหาใบไผ่อัสนีทองคำดำ 7 ใบ เพื่อแลกกับใบไผ่อัสนีทั้งหมด นอกจากนี้ ข้ายังสาบานกับเขาเอาไว้ว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลซัวของเราจะถ่ายทอดวิชาให้เขา เป็นที่หลบภัยให้เขา และไม่ให้ขุมกำลังใดในทะเลไร้สิ้นสุดลงมือกับเขาเด็ดขาด! หากผู้ใดขัดขืน ให้ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงไปสังหารพวกมันให้สิ้น!”
หงยี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา การที่ยอมให้ตระกูลซัวเป็นสถานที่หลบภัยของหนิงฝาน หมายความว่าผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงของตระกูลต้องปกป้องเขา และนั่นทำให้สามผู้อาวุโสขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“ท่านทบทวนใหม่เถอะ… ท่านก็รู้ว่าพวกเราและวิหารพิรุณมีความแค้นต่อกัน อีกอย่าง ซัวหมิงมักจะก่อปัญหาใหญ่หลวง หากเราปกป้องมัน แบบนั้นจะไม่ทำให้ความลับของตระกูลเราเปิดเผยหรอกเหรอ?”
“หุบปาก! ไม่ได้ยินหรือไงว่าคุณหนูลั่นวาจาไปแล้ว! ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำตามคำพูด อย่าได้ทำให้ชื่อเสียงของคุุณหนูเสื่อมเสียเด็ดขาด!” ซัวเฉินออกหน้ากล่าวด้วยตัวเอง พลางป้องมือให้หงยี่
“คุณหนูอย่าเพิ่งโกรธไป คนพวกนี้เพิ่งบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง จึงไม่ได้รู้เรื่องราวของคุณหนูมากนัก… คุณหนูโปรดให้อภัยด้วย!”
ซัวเฉินรู้จักนิสัยของหงยี่ดี นางไม่ชอบให้ผู้ใดขัดคำสั่ง การที่สามผู้อาวุโสกล้ากล่าวถามเท่ากับรนหาที่ตาย ซึ่งพวกมันไม่รู้ว่าเมื่อครู่พวกมันเกือบจะถูกนางสังหารแล้ว ดังนั้นซัวเฉินจึงต้องเร่งกล่าวตำหนิพวกมัน และขอให้นางยกโทษ
แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ซัวเฉินอดสงสัยไม่ได้ เท่าที่มันจำได้ นางไม่เคยกล่าวสัตย์สาบานกับใคร มันจึงชำเลือ
งมองหนิงฝานพลางขบคิด ว่าการที่หนิงฝานทำให้นางยอมกล่าวสัตย์สาบานได้ แสดงว่าเขาไม่ธรรมดา
ยิ่งเขาพิชิตหอคอยได้ 24 ชั้น ยิ่งทำให้ซัวเฉินตกตะลึง เพราะต่อให้เป็นมันก็ยากที่จะทำแบบนั้นได้ ที่สำคัญ มันยังฝ่าอสูรที่พิทักษ์ทางเข้าโลกอัสนีไม่ได้
“ฮึ่ม! ครั้งนี้ข้าจะเห็นแก่หน้าผู้อาวุโสสามที่ออกรับแทนพวกเจ้า… อย่าให้ข้าเห็นว่าพวกเจ้าสงสัยในคำสั่งข้าอีก!” นางจับจ้องสามผู้อาวุโสด้วยแววตาที่น่าหวาดกลัว ประกายอัสนีพาดผ่านในแววตาอย่างรวดเร็ว จนทำให้สามผู้อาวุโสรู้สึกเจ็บที่ทะเลสติเป็นอย่างมาก หากไม่เพราะนางให้อภัย พวกมันคงถูกนางสังหารไปแล้ว
สามผู้อาวุโสเหงื่อตก เร่งปกป้องกล่าวขอโทษนาง และจดจำเรื่องนี้เเอาไว้เป็นบทเรียน
หนิงฝานนั่งชมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเรียบเฉย แต่ก็แอบประหลาดใจ
“นางช่างเย็นชานัก...”
นางไม่สนใจข้าทาสของนาง นางสามารถสังหารพวกมันได้อย่างเลือดเย็น หากเทียบกับหงยี่ในป่าแห่งภูติพราย หงยี่ผู้นั้นอ่อนโยนยิ่งกว่าจนเทียบไม่ติด
หนิงฝานไม่ได้สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะยังไงซะมันก็เป็นเรื่องภายในตระกูลซัว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
สิ่งที่ทำให้หนิงฝานรู้สึกดีคือ นางได้สั่งแล้วว่าห้ามขุมกำลังใดในทะเลไร้สิ้นสุดจู่โจมเขา นั่นหมายความว่า ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงจะไม่เป็นภัยคุกคามกับเขาอีก
เขาเป็นทั้งผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณ มีหยุนเทียนเฉวคอยหนุนหลัง ยามนี้ยังมีตระกูลซัวหนุนหลังอีก เขาสามารถท่องไปในทะเลไร้สิ้นสุดได้อย่างสบายใจ
“ผู้อาวุโสสาม ท่านมีสมุนไพรแสนปีอยู่เท่าไหร่?” จู่ๆหงยี่ก็กล่าวขึ้น
“คุณหนูโปรดวางใจ ข้าหามาได้ 100 ชนิด ย่อมมากพอที่จะใช้กับใบไผ่อัสนีทองคำดำของท่าน” ซัวเฉินกล่าวด้วยความเคารพ
“100 ชนิด? ใบไผ่อัสนีทองคำดำมีพลังอัสนีที่รุนแรง แต่ละใบต้องใช้สมุนไพรแสนปีอย่างน้อย 5 ชนิดในการลดความรุนแรง… เช่นนั้นข้าเอาสมุนไพร 60 ชนิด อีก 40 ชนิดให้ซัวหมิง!” นางกล่าวอย่างเด็ดขาด
“นี่ท่าน!” ซัวเฉินตกตะลึง
สมุนไพรแสนปีคือวัตถุดิบที่ใช้ปรุงโอสถผันแปรที่ 7 ซึ่งมีราคาสูงเสียดฟ้า แม้ในโลกพิรุณจะไม่มีนักโอสถผันแปรที่ 7 แต่สมุนไพรแสนปีก็สามารถใช้เสริมฤทธิ์ให้กับสมุนไพรผันแปรที่ 6 ได้
แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง ยังยากจะครอบครองสมุนไพรแสนปี กว่าซัวเฉินจะหาสมุนไพรจำนวนนี้มาได้ มันต้องเสียเวลาไปมากถึงหมื่นปี ย่อมไม่อาจทำใจยอมยกให้ผู้อื่นได้
แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของหงยี่ มันจึงทำได้เพียงจำยอม
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าเหรอ?” หงยี่กล่าวด้วยแววตาเย็นชา
“ข้าไม่กล้า… แต่สมุนไพรเหล่านี้ข้าเตรียมไว้รักษาคุณหนูโดยเฉพาะ หากเสียพวกมันไป ข้าเกรงว่าในอนาคต...”
“เจ้าไม่ต้องกังวล ดรรชนีหมอกเมฆาม่วงของซัวหมิงจะชดเชยในส่วนนั้น”
ซัวเฉินขบฟัน มันทำทุกสิ่งเพื่อผู้เป็นนาย เมื่อผู้เป็นนายเอ่ยปากและสิ่งนั้นคือสิ่งสำคัญ มันถึงกับยอมทุ่มเวลาหมื่นปีเพื่อช่วยเหลือผู้เป็นนาย
แต่ก่อนที่มันจะยอมยกสมุนไพรแสนปีให้หนิงฝาน จู่ๆมันกลับยืนขึ้น
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับคุณหนูมาก ในเมื่อท่านกล่าวว่าซัวหมิงทรงพลัง ข้าขอเป็นพิสูจน์ด้วยตนเองก่อน!”
“ซัวหมิง! หากเจ้าอยากได้สมุนไพรแสนปี ก็รับกระบี่ข้าให้ได้!”
ซัวเฉินปลดปล่อยแรงกดดันที่ทรงพลัง สายลมพัดกรรโชก ราวกับมังกรคลั่ง
“เจ้ากล้ารับกระบี่ของข้าหรือเปล่า?”
“ทำไมจะไม่กล้า!”
หนิงฝานลุกยืน เขารู้ว่าหากไม่รับกระบี่ของชายชรา เขาาก็จะไม่ได้สมุนไพร
ไม่ว่ายังเขาก็ต้องการสมุนไพรเหล่านั้นเพื่อใช้รักษาหลั่วโยว่
นางบาดเจ็บก็เพราะเขา เขาจะทอดทิ้งนางไม่ได้!
“หากข้ารับกระบี่ท่านได้ ขอให้ท่านมอบสมุนไพรให้ข้าอย่างเต็มใจ!”
หนิงฝานปลดปล่อยปราณสังหารที่น่าสะพรึงกลัว ปกคลุมไปทั่วทั้งศาลาอัสนี ปราณสังหารระดับนี้เกิดจากการสังหารขอบเขตตัดวิญญาณไปนับหมื่น ขอบเขตไร้ดัดแปลงนับสิบ
ปราณที่น่าสะพรึงกลัวระดับนี้ ต่อให้เป็นซัวเฉินยังต้องจิตใจปั่นป่วน หงยี่เองก็ตกตะลึงกับปราณสังหารที่ทรงพลัังของเขา
“ในโลกพิรุณแห่งนี้ นอกจากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก เขาสมควรเป็นผู้ที่มีปราณสังหารที่ทรงพลังที่สุด!”