ตอนที่แล้วAtW ตอนที่ 39 เทคนิคลับแห่งอัศวิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAtW ตอนที่ 41 รูนอันใหม่

AtW ตอนที่ 40 ข่าวลือเกี่ยวกับจอมเวทย์!


AtW ตอนที่ 40 ข่าวลือเกี่ยวกับจอมเวทย์!

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

"พ่อครับ ผมอยากที่จะเรียนรู้เทคนิคลับพวกนี้ ตอนนี้ผมมีลมทมิฬแล้ว ถ้าหากเรียนเทคนิคลับทั้ง 2 อย่างจากพ่อได้ผมจะต้องเก่งขึ้นอย่างแน่นอน" แน่นอนว่าอาเบลเข้าใจดีว่าเทคนิคการขี่ม้านั้นสำคัญแค่ไหนสำหรับอัศวิน ตอนนี้อาเบลได้มีสัตว์ขี่ที่สุดยอดอย่างหมาป่าแล้ว ถ้าหากอาเบลไม่เชี่ยวชาญในการขี่มันการมีสัตว์ขี่ที่ดีเลิศนั้นก็เป็นเหมือนอะไรที่เปล่าประโยชน์

อัศวินมาแชลเองรู้ดีว่าตัวอาเบลนั้นอยากที่จะเรียนรู้ขนาดไหน หลังจากที่ได้ยินคำขอร้องของอาเบลแล้ว อัศวินมาแชลก็ได้เดินไปที่ชั้นหนังสือชั้นหนึ่งก่อนที่จะกดไปที่หนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกวางอยู่บนชั้นหนังสือ จากนั้นเองเสียงกลไกเครื่องกลต่างๆ ก็ได้ดังขึ้น ชั้นหนังสือที่อัศวินมาแชลเดินไปใกล้ๆ ได้แยกออกเผยให้เห็นห้องลับห้องหนึ่ง

"ลูกต้องรู้เกี่ยวกับห้องลับห้องนี้ ห้องลับห้องนี้เก็บของสะสมทั้งหมดของปราสาทแฮรี่เอาไว้" อัศวินมาแชลยังคงพูดต่อไปด้วยความภาคภูมิใจอีกว่า "พ่อได้รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างมาอย่างยากลำบากมาหลายทศวรรษที่ผ่านมานี้ พ่อไม่เคยให้ใครรู้มาก่อนว่าปราสาทแฮรี่ของเรามีห้องลับห้องนี้อยู่"

สำหรับคนที่ชอบอวดข้าวของแบบอัศวินมาแชลแล้ว นี้คงเป็นเรื่องยากสำหรับอัศวินมาแชลมากกับการที่เขาจะต้องเก็บของที่อุส่าหาได้มาอย่างยากลำบากไว้ในห้องลับห้องนี้โดยไม่ให้ใครได้เข้ามาเชยชมมาก่อน

ห้องลับที่อัศวินมาแชลได้ซ่อนเอาไว้มีขนาดที่กว้างมาก อาวุธนับไม่ถ้วนถูกแขวนเอาไว้บนกำแพง อาวุธทั้งหลายที่ถูกแขวนเอาไว้มีทั้งอาวุธจากเหล่าออร์คและอาวุธจากมนุษย์ด้วยกันเอง เมื่ออัศวินมาแชลได้เห็นอาเบลกำลังมองไปที่อาวุธหลากลายชิ้นที่ถูกแขวนเอาไว้ในห้องนี้อัศวินมาแชลก็ได้พูดกับอาเบล

"อาวุธทั้งหมดนี้พ่อได้มาจากการเอาชนะเหล่าศัตรูทั้งหลายในหลายๆ ปีที่ผ่านมา"

หลังจากที่เอาชนะศัตรูทั้งหลายได้ มันไม่สำคัญเลยว่าเรานั้นจะตัดสินใจฆ่าศัตรูเหล่านั้นไหม แต่การเก็บรักษาอาวุธของศัตรูพวกนั้นไว้เป็นเหมือนเรื่องธรรมดาของพวกขุนนางนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัศวินแบบพวกเรา อาวุธของศัตรูก็เหมือนกับถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะนั่นเอง อัศวินทุกคนจะชื่นชอบเก็บอาวุธของเหล่าศัตรูที่ถูกเอาชนะไว้ได้แบบอัศวินมาแชล

กลางห้องลับห้องนี้เองมีโต๊ะขนาดใหญ่ยาวอยู่โต๊ะหนึ่งถูกวางเอาไว้กลางห้อง บนโต๊ะโต๊ะนี้เองมีหนังสือเล่มหนาๆ อยู่จำนวนหนึ่ง หนังสือพวกนี้เป็นหนังสือเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ การเกษตร และเทคนิคลับอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้

อาเบลเคยได้เห็นหนังสือที่รวบรวมเทคนิคในการทำน้ำแห่งการชำระล้าง น้ำแห่งการชำระล้างนี้เป็นเหมือนกับน้ำยาพิเศษที่เหล่าหญิงสาวใช้ในการบำรุงและดูแลผิวนั่นเอง แต่สำหรับผู้ชายโตเต็มวัยอายุราว 40 ปีแล้วอัศวินมาแชลจะใช้จริงๆ อย่างงั้นหรอ อาเบลได้แต่คิดเรื่องนี้วนไปวนมา

หลังจากที่อัศวินมาแชลเห็นอาเบลกำลังอ่านเทคนิคแห่งการชำระล้างอยู่อัศวินมาแชลก็เดาได้ว่าอาเบลนั้นกำลังสงสัยอะไรอยู่ อัศวินมาแชลไม่รอช้ารีบอธิบายทันที "นี่ไม่ใช่สูตรการทำน้ำยาแห่งการชำระล้างธรรมดานะ นี้เป็นสูตรที่ชนชั้นสูงของเหล่าเอลฟ์นั้นเป็นคนคิดค้นขึ้น ลูกไม่เคยเห็นอย่างงั้นหรอว่าผิวของเอลฟ์นั้นดีแค่ไหนกัน? พ่อใช้เงินจำนวนมากซื้อสูตรการทำมาเชียวนะ"

อาเบลต้องการจะบอกอัศวินมาแชลว่าที่ผิวของเอลฟ์ดีได้นั้นคงเป็นเพราะกรรมพันธุ์มากกว่า คงไม่ใช่เพราะสูตรการทำน้ำยาเสริมความงามสูตรนี้ อาเบลกำลังรู้สึกผิดหวังกับของสะสมหายากของอัศวินมาแชลมาก

อาเบลได้มองหาเทคนิคลับอื่นๆ ที่อยู่บนโต๊ะต่อไป ตอนนี้อาเบลได้เห็นเทคนิคลับอีก 2 เทคนิควางอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะกลางห้อง การจัดวางหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ไม่เหมือนกับเทคนิคในการทำน้ำชาแห่งการชำระล้าง ดูเหมือนว่าเทคนิคทั้ง 2 เทคนิคนี้จะสำคัญสำหรับอัศวินมาแชลมาก

อาเบลได้หยิบหนังสือเทคนิคลับทั้ง 2 เล่มก่อนที่จะเตรียมพร้อมออกจากห้องลับห้องนี้ ทันใดนั้นเองอาเบลก็ได้สังเกตเห็นป้ายสี่เหลี่ยมอะไรบางอย่างที่ดึงดูดสายตาของอาเบลไว้ ป้ายป้ายนี้ถูกจารึกด้วยอะไรบางอย่างที่อาเบลคุ้นตาเป็นอย่างมาก อาเบลมั่นใจมากว่ามันจะต้องเป็นรูนอย่างแน่นอน แต่อาเบลจำไม่ได้ว่ามันเป็นรูนอะไรกันแน่

อาเบลเดินไปที่ป้ายสี่เหลี่ยมป้ายนั้นก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมา อาเบลไม่รอช้าเขารีบมองไปที่อัศวินมาแชลก่อนจะถามในทันที "พ่อได้ป้ายนี้มาจากไหนหรอ?"

"เพื่อนจอมเวทย์ของพ่อส่งมาให้เอง เขาบอกกับพ่อว่าสัญลักษณ์อันนี้จะช่วยพ่อเมื่อพ่อตกอยู่ในอันตราย มันจะช่วยพ่อจัดการกับศัตรูได้" อัศวินมาแชลพูดหลังจากที่ใช้เวลานึกอยู่พักหนึ่ง

"พ่อมีเพื่อนเป็นจอมเวทย์ด้วยหรอครับ?" อาเบลเบิกตากว้างในขณะถาม สำหรับอาเบลแล้วเขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับจอมเวทย์มาบ้าง แต่ก็ไม่มีใครเลยอธิบายว่าจอมเวทย์เป็นยังไงให้กับอาเบลได้ฟัง

"ใช่แล้วล่ะ เมื่อพ่อยังอยู่ในเมืองเบกอง พ่อได้ช่วยจอมเวทย์คนหนึ่งในการทำภารกิจในเวลานั้น พลังเวทย์ของเขาได้หมดลง ในตอนนั้นเขาถูกล้อมไปด้วยหมาป่า" ในตอนที่อัศวินมาแชลกำลังเล่าความหลังอยู่นั่นเองเขาก็หัวเราะไปด้วยราวกับว่านึกถึงจอมเวทย์ที่ตกอยู่ในสถานะการณ์ที่น่าอับอายอยู่ เมื่อคิดถึงแล้วอัศวินมาแชลก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้เลย อัศวินมาแชลยังพูดต่อไปอีกว่า "หลังจากที่พ่อได้ช่วยจอมเวทย์คนนั้นไว้ เขากับพ่อก็ได้กลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด ในตอนนั้นเขาเป็นเพียงแค่จอมเวทย์ฝึกหัดเท่านั้น แต่พ่อจะต้องออกไปรบในสนามรบแล้ว เพื่อนของพ่อคนนั้นใช้เงินจำนวนมากของตัวเองเพื่อทำสัญลักษณ์รูนอันนี้ให้กับพ่อ ถ้าหากชีวิตของพ่อตกอยู่ในอันตราย จอมเวทย์คนนั้นได้บอกกับพ่อว่าสัญลักษณ์อันนี้จะต้องช่วยพ่อได้อย่างแน่นอน"

"แล้วจอมเวทย์กับอัศวินต่างกันยังไงหรอครับ?" อาเบลถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"ต่างกันยังไงอย่างงั้นหรอ? จอมเวทย์สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ยังไงล่ะ ถึงแม้ว่าพลังเวทย์ของพวกเขาจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับจอมเวทย์แล้วพวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนที่มีอายุที่ยืนยาวนั่นเอง" ดวงตาของอัศวินมาแชลกำลังเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาอยู่ จากนั้นอัศวินมาแชลจึงพูดต่อไป "อายุขัยของพวกจอมเวทย์นั้นอาจจะยืนยาวเป็นอย่างน้อยๆ ก็คงจะสัก 300 ปี และทุกครั้งที่จอมเวทย์เลื่อนระดับตัวเองอายุของพวกเขาเองก็จะยืนยาวขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับอัศวินอย่างพวกเรานั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นอัศวินชั้นสูงก็ตามแต่พวกเราก็สามารถเพิ่มอายุขัยได้เพียงแค่ 50 ปี เท่านั้น"

"อายุ 300 ปี!" ดวงตาของอาเบลกำลังเต็มไปด้วยไฟแห่งความปรารถนาอย่างแรงกล้า "แล้วต้องทำยังไงถึงได้เป็นจอมเวทย์อย่างงั้นหรอครับ?"

"การจะเป็นจอมเวทย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่างแรกนั้นจะต้องหาคนกลางให้ได้ก่อน พวกจอมเวทย์ทั้งหลายจะตัดขาดจากโลกภายนอกนั่นเอง นั้นหมายความว่าการจะหาพวกเขาเจอในเมืองๆ หนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งครอบครัว ประเทศชาติ เชื้อชาติดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะถูกพวกจอมเวทย์พวกนั้นตัดขาดไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกจอมเวทย์ส่วนใหญ่จะอยู่เพียงลำพังเท่านั้น คนธรรมดาๆ ก็เลยไม่มีสิทธิ์ที่จะเจอจอมเวทย์ได้เลย การจะกลายเป็นจอมเวทย์ได้นั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสามารถที่เหมาะสม นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว ดังนั้นแล้วการจะเป็นจอมเวทย์ได้ไม่เพียงแต่จะต้องเจอคนกลางที่จะชักนำไปหาจอมเวทย์ได้แล้วแต่ยังจะต้องมีความสามารถที่เหมาะสมอีกด้วย พวกจอมเวทย์จะเป็นคนทดสอบพวกเราอย่างละเอียดเลยล่ะ"

อัศวินมาแชลยิ้มให้กับอาเบลที่กำลังทำท่าทีสนใจเป็นอย่างมาก อัศวินมาแชลยังพูดต่อไปอีกว่า "ในตอนที่พ่อรู้ว่าพวกจอมเวทย์นั้นมีอายุขัยมากถึง 300 ปี ในตอนนั้นพ่อก็ได้ขอให้เพื่อนจอมเวทย์ของพ่อช่วยให้พ่อได้เป็นจอมเวทย์ แต่สุดท้ายแล้วพ่อก็ไม่ผ่านการทดสอบไป"

อัศวินมาแชลตกใจเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเขาก็พูดต่อไปอีกครั้ง "ถ้าหากลูกอยากที่จะเป็นจอมเวทย์ ลูกจะต้องเข้าไปทดสอบนั่นเอง เมื่อลูกอายุครบ 15 ปีลูกจะสามารถเข้าไปทดสอบได้ แน่นอนว่าถ้าหากลูกอยากที่่จะทดสอบแล้วพ่อจะขอให้เพื่อนของพ่อที่เป็นจอมเวทย์นั้นช่วยลูกเอง ถ้าหากลูกผ่านการทดสอบได้แล้วละก็ ลูกจะต้องเป็นอะไรที่สำเร็จไปกว่าอัศวินอย่างแน่นอน"

เรื่องที่อัศวินมาแชลได้บอกกับอาเบลในวันนี้เป็นเรื่องราวที่ดีที่สุดเท่าที่อาเบลจะได้ฟังในไม่กี่วันมานี้ การที่อาเบลอยากเป็นจอมเวทย์นั้นเขาไม่ได้อยากที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวเลย อาเบลอยากที่จะใช้คัมภีร์แห่งการวาร์ปที่อยู่ในฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขามากกว่า จากที่อาเบลเข้าใจแล้ว การที่จะใช้คัมภีร์ได้จะต้องมีเวทย์มนตร์นั่นเอง การที่จะมีเวทย์มนตร์ได้อาเบลจะต้องกลายเป็นจอมเวทย์เพียงเท่านั้น

"ทำไมผมถึงต้องรอให้อายุครบ 15 ปีด้วยละครับถึงจะเข้าร่วมการทดสอบได้?" อาเบลถามอย่างกระตือรือร้น

"พ่อเคยได้ยินมาว่าไม่มีใครที่อายุต่ำกว่า 15 ปีที่จะสามารถเข้าใจความลึกลับของเวทย์มนตร์ได้ ร่างกายของลูกตอนนี้อยู่ในการพัฒนาตัวเองอยู่ มันไม่เพียงพอที่จะดูดซับพลังเวทย์มนตร์ได้" อัศวินมาแชลรู้ดีว่าอาเบลกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นแล้วอัศวินมาแชลจึงพูดกับอาเบลต่อไปอีกว่า "ถ้าหากลูกอายุครบ 15 ปีแล้ว ถึงเวลานั้นพ่อจะพาลูกไปที่เมืองเบกองเอง ก่อนที่จะถึงเวลานั้นลูกจงศึกษาเทคนิคลับทั้งหลายที่พ่อได้รวบรวมมาให้ได้ซะก่อน"

จากคำพูดของอัศวินมาแชลทำให้อาเบลได้รู้ว่าอัศวินมาแชลแท้จริงแล้วเป็นห่วงอาเบลมากแค่ไหน

อาเบลกำลังเตรียมที่จะใส่สัญลักษณ์รูนกลับไปที่ผนังกำแพง อัศวินมาแชลที่ยืนดูอยู่จึงพูดกับอาเบลต่อไปอีกว่า "ถ้าลูกสนใจสัญลักษณ์รูนนี้ลูกก็เก็บเอาไว้ดูก่อนสิ หลายปีมาแล้วกว่าที่พ่อจะเปิดห้องห้องนี้ ถ้าหากพ่อปล่อยสัญลักษณ์รูนอันนี้เอาไว้ในห้องก็คงมีแต่จะเสียเปล่าเท่านั้น ยังไงลูกก็เก็บเอาไว้ดูก่อนก็แล้วกัน"

"ขอบคุณมากครับ" อาเบลเก็บสัญลักษณ์รูนอันนี้ไป อาเบลเชื่อว่าสัญลักษณ์รูนอันนี้จะต้องมีประโยชน์ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ เกี่ยวกับรูนอย่างแน่นอน

"เรื่องเล็กน้อยหน่า!" อัศวินมาแชลตอบกลับก่อนที่จะใช้มือของเขาลูบไปที่หัวของอาเบลทันที จากนั้นทั้งสองคนก็ได้เดินออกจากห้องลับห้องนี้ไป

จากนั้นไม่นานอาเบลก็ได้เดินกลับมาที่ห้องของตัวเขาเอง อาเบลจำได้ดีว่าวันเกิดของอัศวินมาแชลนั้นจะมาถึงภายในอีก 10 วัน ตอนนี้ของขวัญที่อาเบลได้เตรียมให้กับอัศวินมาแชลได้ถูกมอบให้กับอัศวินมาแชลไปแล้ว แต่อาเบลก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ดีถ้าหากอาเบลไม่ได้มอบอะไรเลยให้เป็นของขวัญวันเกิดของอัศวินมาแชล ดูเหมือนว่าอาเบลจะต้องเตรียมของขวัญชิ้นใหม่ขึ้นอีกครั้งแล้ว

อาเบลได้เริ่มฝึกฝนเทคนิคการหายใจแบบอัศวินอีกครั้งในขณะที่ตัวเขาเองกำลังนึกถึงตอนที่ตัวเขาได้ต่อสู้กับพวกออร์คในวันนี้ด้วย ถ้าหากพวกออร์คยังสามารถที่จะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วแบบนี้แน่นอนว่าอาเบลจะไม่สามารถที่จะพกชุดเกราะหนักไปต่อสู้กับพวกมันได้เลย อย่างมากแล้วอาเบลก็คงทำได้เพียงพกโล่ห์ไปต่อสู้ด้วยเท่านั้น แต่ตอนนี้อาเบลมีสิ่งที่เรียกว่าธนูทดกำลังแล้ว หรือธนูแฮรี่นั่นเอง

การที่จะสร้างธนูแฮรี่ให้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นจะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ถูกผลิตขึ้นจากโลกเดิมที่อาเบลเคยอยู่ ดังนั้นแล้วจึงแทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่อาเบลจะสามารถสร้างธนูที่ใช้แรงได้ถึง 400 ปอนด์ได้ การจะสร้างธนูที่สามารถรับแรงได้มากขนาดนั้นได้อาเบลจะต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีความยืดหยุ่นและทนทานสูงนั่นเอง ในตอนนี้ธนูทดกำลังที่อาเบลสร้างขึ้นทำมาจากเหล็กและไม้เพียงเท่านั้น ถ้าหากอาเบลสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีแบบเดิมในโลกที่เขาเคยอยู่ธนูที่อาเบลสร้างขึ้นจะต้องเป็นอาวุธสังหารหมู่ในโลกที่โหดร้ายแบบนี้แน่นอน

แม้แต่พวกวูฟไรเดอร์ที่มีพลังการต่อสู้สูงยังไม่สามารถที่จะต้านทานการโจมตีจากธนูแฮรี่ได้ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของธนูแฮรี่นั่นก็คือธนูแฮรี่อันนี้จะต้องใช้แรงยิงเป็นอย่างมาก แม้แต่อัศวินฝึกหัดระดับห้าอย่างอาเบลนั้นก็เกือบที่จะใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำไป

นอกเหนือจากสิ่งสำคัญอื่นๆ แล้ว ตอนนี้อาเบลยังต้องการที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับจอมเวทย์ให้ได้มากที่สุดอีกด้วย ในไม่ช้าอาเบลจะต้องเข้าร่วมการทดสอบของพวกจอมเวทย์ แต่ในตอนนี้อาเบลยังต้องรออีกถึง 2 ปีด้วยกัน อาเบลตัดสินใจที่จะอุทิศทั้ง 2 ปีนี้เพื่อพยายามอย่างหนักกับการเป็นอัศวิน มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วว่าท้ายที่สุดนั้นอาเบลจะเป็นจอมเวทย์หรือช่างตีเหล็กกันแน่ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไงอาเบลก็จะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้มากที่สุดนั่นเอง ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่จะทำให้อาเบลสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้ต่อไป

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด