54 อาวุธในการฆ่าทั้ง 3 ชิ้น
54 อาวุธในการฆ่าทั้ง 3 ชิ้น
จุดเสบียงนั้น ถูกตั้งเอาไว้บนพื้นราบกลางป่า และได้มีการติดตั้งวงแหวนอักขระป้องกันพื้นที่โดยรอบเอาไว้ด้วย ทันทีที่มีสัตว์อสูรเข้ามาในบริเวณนี้ พวกมันก็จะถูกอักขระที่ติดตั้งเอาไว้จู่โจมโดยไร้ความปรานี หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ก็ไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนมาที่นี่เพื่อหาที่ตายอีกต่อไป
เสบียงที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้นั้นมีทั้งอาหารและน้ำดื่ม และยังมีกล่องอาวุธสีเขียวลายพรางขนาดใหญ่ วางอยู่อีกหลายกล่องด้วย
หลี่เย้ามองไปรอบๆ เขาเปิดกล่องอาวุธกล่องแรกออก และหยิบชุดต่อสู้ลายพรางออกมา
เขาไม่ให้ความสนใจกับรองเท้าบู้ทเลยแม้แต่น้อย ด้วยเพราะสภาพแวดล้อมที่เป็นป่าแบบนี้ การใส่รองเท้าบู้ท จะทำให้มีโอกาสถูกโจมตีสูง ดังนั้น การเดินเท้าเปล่าคือทางเลือกที่ดีที่สุด
เขาเปิดกล่องที่สองและพบกับดาบอัลลอยเป็นประกายราวกับหิมะหลายสิบเล่ม วางอยู่ภายในกล่อง
หลี่เย้าเตอะกล่องใบนั้นออกไปอย่างไร้เยื่อใย ราวกับเห็นมันเป็นขยะกองหนึ่ง
เขาเปิดกล่องใบที่สามและสี่ติดๆกัน มันเป็นชิ้นส่วนของอาร์ติเฟ็กซ์ที่ถูกใส่เอาไว้ภายในกล่องจนแทบจะล้นออกมา
หลี่เย้าสำรวจของภายในกล่องทั้งหมดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพบว่ากล่องส่วนใหญ่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนอาร์ติเฟ็กซ์ และอีกกล่องที่เหลือคืออุปกรณ์ปฐมพยาบาลและของอื่นๆ
เขาจัดการเปิดกล่องทั้งหมดออก แล้วเทชิ้นส่วนทั้งหมดออกมากองจนกลายเป็นภูเขาเล็กลูกหนึ่ง
“เขาคิดจะทำอะไรน่ะ?”
ผู้ฝึกตนที่อยู่ในภายห้องมอนิเตอร์ ต่างกระซิบกระซาบกันไปมา
ชิ้นส่วนอาร์ติเฟ็กซ์เหล่านี้ มีไว้เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันใช้สำหรับประกอบอาร์ติเฟ็กซ์ด้วยตัวพวกเขาเอง มันถูกใช้ในการทดสอบระดับความคุ้นเคยและความชำนาญ ในการประกอบชิ้นส่วนอาร์ติเฟ็กซ์เหล่านี้
แต่คนส่วนใหญ่มักจะเปิดกล่องอาวุธออกมาแค่ 1-2 กล่องเท่านั้น และนำชิ้นส่วนต่างๆออกมา ซึ่งมันมากพอที่จะประกอบเป็นอาร์ติเฟ็กซ์ได้ 1 หรือ 2 ชิ้น
“เด็กคนนี้เทชิ้นส่วนอาร์ติเฟ็กซ์ออกมาจนหมด แล้วยังเอาพวกมันมากองรวมกันแบบนี้ เขาจะสามารถแยกแยะพวกมันออกจากกันได้เหรอ? ผมหมายถึง ชิ้นส่วนพวกนี้คือส่วนประกอบพื้นฐานในการสร้างอาร์ติเฟ็กซ์ขึ้นมา แต่ทั้งที่มันมีชิ้นส่วนที่ต่างกันหลายพันชิ้น แล้วเขากลับเอามันมารวมกันแบบนี้ การที่เขาจะสามารถหาชิ้นส่วนทุกอย่างให้เจอก็จะเป็นเรื่องที่ยากมาก ยากมากจริงๆ!”
นายทหารระดับสูงส่ายหัวและพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
การแข่งขันประกอบอาร์ติเฟ็กซ์นั้นค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่ทหาร และทหารทุกนายจำเป็นต้องฝึกฝนประกอบอาร์ติเฟ็กซ์ออกมาให้ได้ในเวลาอันสั้น
ผู้เชี่ยวชาญบางคน ยังถึงขั้นสามารถประกอบอาร์ติเฟ็กซ์ขึ้นมาโดยที่ถูกปิดตาเอาไว้อยู่ได้
แต่ในการแข่งขันที่มีชิ้นส่วนชนิดเดียวกันมากมายแบบนี้ คงไม่มีใครใช้ชิ้นส่วนมากมายและเอามากองรวมกันแบบนี้ แล้วพวกเขาจะแยกแยะชิ้นส่วนพวกนี้ออกจากกันได้ยังไง?
ถึงแม้ว่าอันดับของหลี่เย้าจะลดลงเรื่อยๆ แต่ความสนใจในตัวเขาของเหล่าผู้ฝึกตนที่คอยเฝ้ามองอยู่นั้น กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
หลี่เย้าไม่ได้รู้เลยว่า มีผู้ฝึกตนอยู่จำนวนมากแค่ไหนบนเรือธงเหลียวหยวนฮ่าว ที่กำลังให้ความสนใจในการกระทำของเขาอยู่
เขาไม่ได้เคลื่อนไหวมือช้าหรือเร็ว แต่กลับขยับตามจังหวะที่เขาคุ้นชิน
สิ่งแรกที่เขาหยิบขึ้นมาก็คือ คริสตัลเซลล์ จากนั้น เขาก็หยิบเอาชิ้นส่วนอาร์เฟ็กซ์ออกมาบางส่วน แล้วนำมาพันไว้รอบๆตัวคริสตัลเซลล์ กลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ขนาดเล็กที่ดูประหลาดและน่าเกลียด
หลังจากทำเสร็จแล้ว เขาก็หยิบคริสตัลเซลล์ออกมาอีก 20 ชิ้น และพันเข้ากับชิ้นส่วนอาร์ติเฟ็กซ์เหมือนกับก่อนหน้านี้ และสุดท้าย เขาก็นำพวกมันมาเรียงต่อกัน
“มันคืออะไรน่ะ?”
ผู้ฝึกตนที่อยู่ในศูนย์มอนิเตอร์ต่างรู้สึกงุนงงและสับสน สายตาของทุกคนพุ่งตรงไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านอาร์ติเฟ็กซ์ เซี่ยทิงเสียน
เซี่ยทิงเสียนพูดออกมาด้วยท่าทีคิดหนัก “คริสตัลเซลล์คือสิ่งที่ใช้เป็นแกนหลักของอาร์ติเฟ็กซ์ระดับต่ำ พวกมันมีหน้าที่ในการผลิตพลังวิญญาณในกับอาร์ติเฟ็กซ ในฐานะของแหล่งพลังงานหลัก แต่สิ่งที่ผู้เข้าแข่งขันคนนี้ใช้คริสตัลเซลล์ทำขึ้นมานั้น ไม่ใช่อาร์ติเฟ็กซ์ตามมาตรฐานทั่วไป อย่างมากที่สุด ก็พอจะบอกได้ว่า สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้มีความสามารถบางอย่างของอาร์ติเฟ็กซ์อยู่”
“ศาตราจารย์เซี่ย สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้สามารถนำไปใช้ทำอะไรได้บ้างเหรอ?” นายทหารคนหนึ่งอดที่จะถามออกมาไม่ได้
เซี่ยทิงเสียนจมอยู่กับความคิดของตัวเองสักพัก “มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ประเภทระเบิด มันสามารถก่อกวนความเสถียรของวงแหวนอักขระได้ ด้วยการใช้คริสตัลเซลล์ที่มีพลังงานวิญญาณอยู่ โดยทำให้มันแตกออกและมันก็จะสามารถกลายเป็นระเบิดที่รุนแรงได้”
“จะเป็นไปได้ไหม ที่เขาคิดจะทำระเบิดออกมาหลายร้อยอัน แล้วใช้มันเปิดทางให้กับเขา?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก เขาประกอบคริสตัลเซลล์ 20 ชิ้นเข้าด้วยกัน ด้วยปริมาณที่มากขนาดนั้น เขาไม่สามารถแบกมันแล้ววิ่งไปทั่วได้ ยังไม่ต้องพูดถึงการออกไปขว้างระเบิดใส่สัตว์อสูรเลย แค่เขาไม่ถูกระเบิดของตัวเองตายก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
นายทหารระดับสูงขมวดคิ้วมุ่นด้วยท่าทีคิดหนัก
หลังจากที่สร้างระเบิดคริสตัลเซลล์น้อยใหญ่ออกมาเรียบร้อยแล้ว หลี่เย้าก็ได้ทำบางอย่างที่ต่างออกไปจากท่าทีเมื่อกี้ของเขาไปอย่างสิ้นเชิง
ความคล่องแคล่วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างของเขากลายเป็นเพียงเงาฉวัดเฉวียนไปมาเท่านั้น ในขณะที่เขาดึงชิ้นส่วนอาร์ติเฟ็กซ์นับร้อยชิ้นออกมาจากกองของ ด้วยความรวดเร็ว
เกิดเสียงดังแกร๊งกร๊าง พร้อมกับดาบที่มีขอบเป็นฟันเลื่อย ที่ค่อยๆถูกประกอบขึ้นมาด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด
“ช่างเป็นมือที่รวดเร็วอะไรขนาดนี้!”
ภายในศูนย์มอนิเตอร์เต็มไปด้วยเสียงฮือฮา
การประกอบอาร์ติเฟ็กซ์นั้น ถือเป็นทักษะพื้นฐานของผู้ฝึกตน และผู้ฝึกตนทุกคนต่างก็มีความเข้าใจในเรื่องนี้กันอยู่พอสมควร
แต่ในระดับของพวกเขานั้น พวกเขาได้เลิกใช้มือในนานแล้ว และใช้พลังงานวิญญาณในการจัดการกับชิ้นส่วนต่างๆแทน
สำหรับเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่รากวิญญาณยังไม่ตื่นขึ้นมาด้วยซ้ำ กลับมีมือที่คล่องแคล่วว่องไวได้ขนาดนี้ มันก็หมายความได้ว่า เขาได้ผ่านความยากลำบากและก้าวผ่านการฝึกฝนนับครั้งไม่ถ้วนมาอย่างยาวนาน!
“ช่างเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
เซี่ยทิงเสียนพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้สึกได้ว่า ครั้งนี้เขาได้คว้าเพชรน้ำงามเอาไว้ในมือแล้ว
ผู้ฝึกตนคนอื่นสามารถมองเห็นได้แค่เพียง มือของหลี่เย้าที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญแล้ว เขาสามารถบอกได้ว่า มือของหลี่เย้านอกจากจะเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่สุดยอดแล้ว มันยังเต็มไปด้วยความมั่นคงอีกด้วย หลี่เย้ามั่นใจว่า ทุกชิ้นส่วนได้ถูกประกอบเข้าด้วยกันอย่างมั่นคงและถูกต้องแม่นยำ แม้แต่การหายใจก็ยังไม่สามารถทำลายสมาธิของเขาได้
มีเพียงสิ่งเดียวก็คือ...
เซี่ยทิงเสียนกระพริบตา เขาพบว่า การประกอบของหลี่เย้านั้นต่างไปจากดาบแบบมาตรฐานของทางกองทัพอยู่บ้าง
ในตอนแรก เขาคิดว่าหลี่เย้าอาจจะทำพลาดไป แต่หลังจากนั้นสักพัก เขาก็พบว่า หลี่เย้าได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบในจุดที่ไม่เป็นที่สังเกต และได้ใส่ “บางอย่าง” เข้าไปในนั้น
“น่าสนใจ นี่มันน่าสนใจจริงๆ”
เซี่ยมิงเสียนไม่คาดคิดเลยว่า หลี่เย้าที่เป็นเพียงนักเรียนชั้นมัธยมคนหนึ่ง จะสามารถเข้าใจรูปแบบของอาร์ติเฟ็กซ์ชิ้นนี้เป็นอย่างดี และปรับปรุงรูปแบบของมันได้
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า การปรับปรุงเล็กน้อยนั้นจะมีผลยังไง แต่เขาก็พยักหน้าซ้ำและจดจ่อไปที่การกระทำของหลี่เย้ามากยิ่งขึ้นไปอีก
เวลาผ่านไปยังไม่ถึงห้านาที หลี่เย้าก็ประกอบอาร์เฟ็กซ์ชิ้นแรกสำเร็จแล้ว
นี่คือดาบฟันเลื่อยแบบมาตรฐานของกองทัพที่มีชื่อเล่นว่า ไทเกอร์ชาร์ก!
ดาบใหญ่ที่มีความยาวถึง 1.5 เมตร คมดาบที่เป็นฟันเลื่อยซึ่งติดอยู่ส่วนนอกของตัวดาบ ถูกสร้างขึ้นมาจากอัลลอย มีแหล่งพลังงานจากคริสตัลเซลล์ และฟันเลื่อยก็สามารถหมุนรอบตัวดาบด้วยความเร็วสูง ส่วนพลังสังหารนั้น มันสามารถตัดผ่านต้นไม้ขนาดใหญ่ที่แขนเขาไม่สามารถโอบรอบได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่ากระดองและกระดูกของสัตว์อสูรระดับต่ำจะแข็งแค่ไหน เมื่อมาอยู่ต่อหน้าดาบเล่มนี้ พวกมันก็ไร้ประโยชน์
“4 นาที 39 วินาที ความเร็วขนาดนี้เหนือกว่าทหารที่มีประสบการณ์สูงหลายๆคนด้วยซ้ำ” นายทหารคนเมื่อครู่อุทานออกมา
หากพูดให้ชัดเจน การประกอบอาร์ติเฟ็กซ์แบบนี้ เป็นเพียงแค่ขั้นต้นของการสร้างชิ้นส่วนอาร์ติเฟ็กซ์และประกอบพวกมันเข้าด้วยกันเท่านั้น ในทางเทคนิคแล้ว มันยังไม่ใช่ “การสร้างอาร์ติฟ็กซ์ที่แท้จริง”
แต่หากดูจากระดับของคนอายุ 18 ปีทั่วๆไปแล้ว การกระทำของหลี่เย้าถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่องชื่นชมมาก
สิ่งที่ตามมาก็คือ...
สิ่งที่หลี่เย้าทำนั้น ตรงกันข้ามกับการคาดเดาของผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ที่กำลังเฝ้ามองเขาอยู่ เพราะเขาไม่ได้ใช้ดาบฟันเลื่อยไทเกอร์ชาร์กออกไปจัดการกับสัตว์อสูรรอบๆ แต่เขากลับวางมันเอาไว้ข้างๆ แล้วเขาก็หยิบชิ้นส่วนอาร์ติเฟ็กซ์ออกมาจำนวนหนึ่งอีกครั้ง และเริ่มประกอบอาร์ติเฟ็กซ์ชิ้นที่สอง
ชิ้นส่วนที่เขาหยิบขึ้นมาในครั้งนี้ ต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง มันเป็นดาบที่มีรูปแบบที่ดูหยาบและป่าเถื่อน
ไม่นาน ดาบที่มีความยาวน้อยกว่าดาบอันแรก แต่มีความกว้างมากกว่าและหนากว่า ดูคล้ายกับขาของสุนัข ก็ปรากฏขึ้นในมือของหลี่เย้า
“ดาบสายฟ้า?” นายทหารระดับสูงตะโกนออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
มันเป็นหนึ่งในอาร์ติเฟ็กซ์ขั้นพื้นฐานของกองทัพ แต่รูปแบบของดาบสายฟ้าและดาบฟันเลื่อยนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง ดาบเล่มนี้ได้มีการติดตั้งวงแหวนอักขระที่สร้างแรงสั่นสะเทือนเอาไว้ วงแหวนอักขระจะสร้างแรงสั่นสะเทือนในระดับสูง ทำให้ตัวดาบเกิดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 10,000 ครั้งต่อวินาที ซึ่งมันสามารถทำให้พลังสังหารเพิ่มขึ้น
แต่ละครั้งที่ดาบตัดผ่าน อวัยวะภายในของสัตว์อสูรก็จะแหลกละเอียดจากแรงสั่นของตัวดาบ ในหมู่อาร์ติเฟ็กซ์ระดับพื้นฐาน ดาบเล่มนี้คือหนึ่งในอาร์ติเฟ็กซ์ที่โหดร้ายที่สุด!
ดาบที่มีรูปแบบต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งสองเล่มนี้ คืออาร์ติเฟ็กซ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานตรงกันข้ามกัน ในมือของหลี่เย้า การสร้างพวกมันขึ้นมานั้นเป็นเรื่องง่าย ราวกับเขารู้จักอาร์ติเฟ็กซ์ทั้งสองชิ้นนี้มาตั้งแต่เกิด
“เจ้าเด็กคนนี้เป็นสัตวประหลาดชัดๆ!” นายทหารระดับสูงพึมพำ
และมันยังไม่จบแค่นี้ หลังจากที่สร้างอาร์ติเฟ็กซ์ชิ้นที่สองเสร็จแล้ว หลี่เย้าก็ขุดคุ้ยกองชิ้นส่วนอาร์ติเฟ็กซ์อีกครั้ง เขาได้เลือกหยิบชิ้นส่วนอาร์ตืเฟ็กซ์ ที่ต่างไปจากชิ้นส่วนของอาร์ติเฟ็กซ์สองชิ้นแรก
และก็เป็นอีกครั้ง ที่เขาใช้เวลาไปอีกห้านาที มันเป็นอาร์ติเฟ็กซ์ที่ดูมีพลังและหนัก เมื่อมองดูขวานยักษ์ในมือของหลี่เย้าแล้ว มันก็ทำให้คนที่เห็นต้องรู้สึกชาหนังหัว
หลี่เย้าจับด้ามขวานที่มีตัวขับเคลื่อนวงแหวนอักขระติดตั้งอยู่แน่นและแกว่งขวานไปมาเบาๆ
อยู่ๆก็มีวงแหวนอักขระจำนวนมาก ส่องประกายขึ้นมาบนขวาน ส่วนคมของขวานกลายเป็นสีส้ม ราวกับเหล็กร้อน!
นี่คือขวานพลังความร้อน ที่รู้จักกันในชื่อ เบิร์นนิ่งสกาย รูปแบบที่ใช้งานสำหรับการต่อสู้นั้น ต่างไปจากอาร์ติเฟ็กซ์สองชิ้นก่อนโดยสิ้นเชิง
พลังงานวิญญาณจำนวนมากที่ส่งออกมาจากคริสตัลเซลล์นั้น ไม่ได้กลายเป็นพลังงานให้กับตัวอาร์ติเฟ็กซ์ แต่มันกลายเป็นพลังงานความร้อนสูง ด้วยคำสั่งของวงแหวนอักจระที่ถูกติดตั้งเอาไว้
เมื่อเฉาะขวานใส่ร่างกายของสัตว์อสูร อวัยวะภายในของมันก็จะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน!
อาร์ติเฟ็กซ์ทั้งสามชิ้น ที่มีการออกแบบและการใช้งานที่ต่างกัน ถูกสร้างเสร็จภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที
บนใบหน้าของหลี่เย้า ไม่มีการแสดงความเสียใจหรือดีใจออกมาเลย มันราวกับว่า เขาได้สร้างของชิ้นเล็กๆที่ไม่ได้มีค่ามากมายออกมาเท่านั้น เขาหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม และรดน้ำใส่มือทั้งสองข้างของเขา แล้วค่อยบีบมือ เพื่อให้มันเย็นลง
ในเวลานี้เอง ที่ทุกคนพบว่า มือทั้งสองข้างของเขานั้นร้อนราวกับถูกไฟเผา ผิวหนังที่แดงก่ำ จากการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน