ตอนที่แล้วตอนที่ 23 สมบัติจากสวรรค์ปฐพี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 พวกเราถือได้ว่าเป็นศัตรู...

ตอนที่ 24 ข้าจะตอนน้องชายเจ้าหากเจ้าลืม!


“เจ้า..รู้จักข้า?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยถามเสียงอ่อน ถึงเขาจะทำตัวอ่อนน้อมต่อนาง แต่มันไม่ยากเลยที่จะอ่านสีหน้าของหญิงสาวว่านางอยากตบเขามากเพียงใด

‘รู้จักเจ้า? ข้าไม่เพียงรู้จักเจ้าเท่านั้น!!’

“เราเจอกันมาก่อน”

หญิงสาวข่มกลั้นเพลิงโทสะของตนในใจพลางถอนฝ่ามือเรียวงามออกมา พยายามอย่างหนักที่จะทำตัวปกติ จะให้นางพูดได้อย่างไรว่า

“เจ้า***ข้า”

ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว

“สหายนักเรียน พวกเราต่างก็เป็นสหายร่วมสถาบันเดียวกันและข้ามาที่นี่โดยบังเอิญเท่านั้น ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าหมาบัดซบตัวนี้ลากข้ามา”

เสี่ยวเอ้อส่งเสียงเห่าอันเศร้าโศกออกมา รูปร่างเล็กของมันทำลายข้ออ้างของป๋ายเสี่ยวเฟยทันที

“เจ้าแสร้งทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ทำไม? จำเป็นต้องขายข้าด้วยหรือ!?”

ใบหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตบหัวเสี่ยวเอ้ออย่างแรง

“หยุด! เหตุใดเจ้าต้องรังแกหุ่นเชิดของตน!?”

หญิงสาวคิ้วขมวดมุ่นก่อนจะหยุด “การกระทำที่โหดร้าย” ของป๋ายเสี่ยวเฟย ส่วนสี่ยวเอ้อราวกับได้เจอแม่พระมาโปรด มันรีบโกยอ้าวไปคลอเคลียบริเวณขาของหญิงสาวอย่างโหยหา

ไม่ต้องกล่าวเลยว่าการกระทำของเสี่ยวเอ้อมีผลกระทบต่อหญิงสาวมากมายเพียงใด และอย่างน้อยในช่วงเวลานี้มันก็ได้ดื่มด่ำสำราญกับการปฏิบัติที่ใครหลายคนมิอาจแม้แต่จะฝันถึง

หญิงสาวได้โอบกอดมันไว้...

นางอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มอ่อนจางเมื่อเห็นรูปลักษณ์น่าขบขันของเสี่ยวเอ้อ รอยยิ้มของนางทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยผู้ซึ่งหมอบอยู่บนพื้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก

เพราะทีแรกนางมีความตั้งใจที่จะสังหารปิดปากป๋ายเสี่ยวเฟยและนางยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยดี ทำให้ร่างกายเลอโฉมของนางถูกปกคลุมไว้เพียงอาภรณ์หลวมโพลกที่ใช้ปิดบังได้เพียงความยาวของกระโปรงสั้น ภายใต้แสงจันทร์ผิวพรรณที่มองเห็นเลือนรางของนางทำเอาจิตใจป๋ายเสี่ยวเฟยปั่นป่วนไปทั่ว

ไม่นานก็มีของเหลวอุ่นไหลออกมาจากจมูกของเขา

“ไร้ยางอาย!”

หญิงสาวมองป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่านางรู้สึกโกรธหรือยินดีเมื่อพูดคำนั้นออกมา

“ไร้ยางอายอย่างไร?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยฉีกชายเสื้อตัวเองออกมาเสียบเข้าจมูกด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ชายทุกคนก็เป็นเช่นนี้ หากข้าไม่แสดงความเคารพเมื่อเห็นสาวงามระดับท่านจึงจะแปลก”

หากผู้คนบนโลกทุกคนล้วนมีสัญลักษณ์ประจำตัว เช่นนั้นสัญลักษณ์ของป๋ายเสี่ยวเฟยจะต้องเป็นการที่เขาจะตายหากไม่ได้ปากเสียในรูปแบบที่ทำให้คนอื่นรู้สึกดี

ที่น่าสนใจคือหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะชอบคำพูดของเขา....

ปุ!

เสียงหัวเราะดังไปทั่ว หญิงสาวทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยยืนเหม่อโง่งมอีกครั้ง นางแลจะชื่นชอบท่าทางแบบนี้ของป๋ายเสี่ยวเฟยเหลือเกิน

“ไม่ว่าอย่างไร เรื่องที่เจ้าแอบถ้ำมองข้าก็เป็นเรื่องจริง หากข้าแจ้งกับทางสถาบัน เจ้าจะต้องถูกลงโทษใช่หรือไม่?”

หญิงสาวมีรอยยิ้มจางประดับใบหน้าราวกับจู่ๆ ก็สนใจกลั่นแกล้งป๋ายเสี่ยวเฟยขึ้นมา

“จะฆ่าแกงกันก็เชิญ สหายนักเรียนผู้งดงาม จากวันนี้เป็นต้นไป ก้อนเนื้อหนักห้าสิบกิโลกรัมกว่จะกลายเป็นของท่าน และหากท่านสั่งให้ข้าไปเหนือข้าจะไม่มีทางไปใต้”

‘เรียกข้าไร้ยางอายมิใช่หรือ? งั้นข้าจะให้เจ้าเห็นว่าข้าไร้ยางอายเพียงใด!’

“ใครจะไปอยากได้ก้อนเนื้อเน่าเปื่อยของเจ้ากัน เจ้าแค่ต้องจำว่าเจ้าติดค้างข้าไว้และหากเจ้ากล้าปฏิเสธตอนข้าขอความช่วยเหลือ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

ร่องรอยความป่าเถื่อนแวบผ่านนัยน์ตาจิ้งจอกของนาง ใบหน้าจริงจังแตกต่างจากรอยยิ้มงดงามเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

“มีอะไรยาก? ข้าป๋ายเสี่ยวเฟยชอบช่วยเหลือผู้อื่นที่สุด ยิ่งได้ช่วยเหลือบุปผางามเยิ้มยิ่งแล้วไปใหญ่”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นตอบตกลงอย่างซื่อสัตย์พลางยิ้มแป้น

“โอ? หมายความว่ามีบุปผางามหลายคนที่ขอความช่วยเหลือจากเจ้า?”

มุมปากของนางกระตุก สุ้มเสียงมีร่องรอยขุ่นเคืองระคนโกรธ แน่นอนว่าป๋ายเสี่ยวเฟยในตอนนี้ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความขุ่นเคืองนั้น

แต่เขารู้ว่านางกำลังโกรธ

‘แม่สองกล่าวไว้ไม่ผิด ผู้หญิงช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากเหลือเกิน...’

ป๋ายเสี่ยวเฟยได้แต่พึมพำอยู่ในใจ เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดพูดออกไป ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดหญิงสาวจึงโกรธ เขาก็ยังรู้ว่าเขาควรทำเช่นไรในเวลานี้...

“อาจมีในอดีตแต่จะไม่มีอีกต่อไปในอนาคต หลังจากข้าได้เห็นท่าน พี่หญิงสุดสวย ข้ารู้สึกราวกับว่าดวงตาของข้าไม่มีที่เหลือให้ผู้ใดอีก”

ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวอย่างจริงใจเท่าที่จำทะได้ มันบริสุทธิ์เสียจนเขาเกือบจะเชื่อคำพูดตนเอง

น่าเสียดายที่หญิงสาวไม่มีความตั้งใจที่จะเชื่อเขาแม้แต่น้อย...

“ปากหวานเหลือเกิน”

นางส่งเสียงฮึดฮัดก่อนจะวางเสี่ยวเอ้อลง

“จำไว้ว่าจงปฏิบัติกับหุ่นเชิดของเจ้าให้ดีกว่านี้ หุ่นเชิดมีชีวิตไม่ใช่แค่เครื่องมือ เจ้าต้องทำกับมันเหมือนสหาย”

ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ หญิงสาวกล่าวน้ำเสียงจริงจังเป็นอย่างยิ่ง

เลือดพลันสูบฉีดขึ้นใบหน้านางทันที สีแดงระเรื่อปรากฏให้เห็น อย่างไรก็ตามสุ้มเสียงของนางยังคงแข็งกร้าว

“ยังเห็นไม่พอหรือ!?”

“หากข้าทำได้ข้าอยากจะจ้องมองท่านตลอดกาลและจะไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่ข้าคิดจะหยุดมองท่าน!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะขบขัน แต่เขาคงมิอาจคาดคิดถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด

หญิงสาวยิ้มอ่อนราวกับนึกได้ถึงเรื่องน่าสนใจ นางกล่าวพลางมีสีหน้าตื่นเต้น

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้สิ่งที่น่าจดจำยิ่งกว่า!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นขาเรียวยาวสีขาวหยกใกล้เข้ามา และจากนั้น....

เขาโผบินขึ้นไป...

สู่ท้องฟ้าอันไกลโพ้น...

“จำไว้ ข้าชื่อหูเซียนเอ๋อ หากเจ้ากล้าลืม ข้าจะตอนเจ้าเมื่อเราเจอกันครั้งต่อไป!”

เสียงร่าเริงดังก้องภายในหูป๋ายเสี่ยวเฟย ในเวลาต่อมาป๋ายเสี่ยวเฟยกลับเข้าสู่อ้อมกอดของมารดาแห่งธรณีขณะที่เขาแบกรับพลังมหาศาลจากแรงโน้มถ่วงของโลก...

เขาปลิวกระเด็นไปไกล...

“พี่ใหญ่เฟย!”

“ช่วยพวกเราด้วย!!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยได้ยินเสียงหลายสายร้องเรียกหาเขา ทุกสายล้วนมีความรู้สึกเข้าตาจนใกล้ร้องไห้เต็มทน

“ฮ่ง! ฮ่ง!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกเปียกชื้นบนใบหน้า ในที่สุดเขาก็คลานขึ้นมาจากพื้น เมื่อเขายืนขึ้นสิ่งที่เขาเห็นเป็นสิ่งแรกคือเสี่ยวเอ้อที่มีทีท่ากังวลกระโดดโลดเต้นไปทั่ว

“ฮ่ง! ฮ่ง!”

เสี่ยวเอ้อเห่าอีกครั้ง คิ้วของป๋ายเสี่ยวเฟยขมวดมุ่นเข้าหากัน

“วิธีเดิม!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดมาสามพยางค์พลางหยิบลูกบอลที่ดูคล้ายคลึงกับระเบิดเหม็นโฉ่มาจากกระเป๋าของเขา

ในเวลาเดียวกันเสี่ยวเอ้อผู้ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างพลันถูกโอบอ้อมด้วยแสงสีน้ำเงินอ่อนอีกครั้ง ผ่านไปไม่นานร่างของมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ รูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปมากจนจำไม่ได้

เมื่อมันผ่านกระบวนการจนเสร็จสิ้น โม่ข่าและพวกก็ได้วิ่งมาถึง ข้างหลังมันเป็นสัตว์อสูรระดับวิญญาณสองตัวที่กำลังไล่ตามมา หมาป่าวายุ!

“ตายแน่! พวกเราตายแน่!!”

สีหน้าของทั้งสามเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันทีเมื่อเห็น ‘เสี่ยวเอ้อ’ ที่ยืนข้างๆ ป๋ายเสี่ยวเฟย

‘นั่นมันพยัคฆ์กลืนอัสนี!?’

‘สัตว์อสูรระดับราชา!?’

“มานี่!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเรียกทั้งสามในเวลาเดียวกับที่พวกเขาหันหลังกลับไปต่อต้านหมาป่าวายุ ทั้งสามชะงักลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มวิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวเฟยอีกครั้ง

ในอีกด้าน หมาป่าวายุทั้งสองที่ไล่ตามพวกเขามาหยุดจ้อง พวกมันไม่ได้หลบหนีไปตั้งแต่แรก แค่เพียงจ้องมองสำรวจเสี่ยวเอ้อในคราบพยัคฆ์กลืนอัสนีอย่างระมัดระวัง

“เสี่ยวเอ้อ กินพวกมัน!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยสั่งและเสี่ยวเอ้อคำรามขึ้นมาทันที ในขณะเดียวกันป๋ายเสี่ยวเฟยบีบลูกบอลในมือให้แตกส่งผลให้เกิดเสียงสายฟ้าดังลั่นไปทั่วบริเวณ

ในวินาทีต่อมาเสี่ยวเอ้อพลันพุ่งกระโจนไปข้างหน้า หมาป่าวายุทั้งสองหวาดกลัวสุดขีดถึงขั้นขาสั่นผั่บๆ พวกมันรีบหนีโดยใช้พลังธาตุลมที่มีติดกายถึงแม้จะไม่ชำนาญนัก

“ขอบคุณสวรรค์ที่พวกมันเป็นแค่หมาป่าวายุ!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยหอบหายใจหนักทรุดลงไปบนพื้นเมื่อหมาป่าวายุหายตัวไปอย่างสมบูรณ์

แต่พวกโม่ข่ายังตื่นตะลึงจากเหตุการณ์เมื่อครู่

‘เขาสั่งพยัคฆ์กลืนอัสนี!?’

‘มนุษย์ทำเรื่องเช่นนี้ได้ด้วยหรือ!?’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด