ตอนที่ 24 ข้าจะตอนน้องชายเจ้าหากเจ้าลืม!
“เจ้า..รู้จักข้า?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยถามเสียงอ่อน ถึงเขาจะทำตัวอ่อนน้อมต่อนาง แต่มันไม่ยากเลยที่จะอ่านสีหน้าของหญิงสาวว่านางอยากตบเขามากเพียงใด
‘รู้จักเจ้า? ข้าไม่เพียงรู้จักเจ้าเท่านั้น!!’
“เราเจอกันมาก่อน”
หญิงสาวข่มกลั้นเพลิงโทสะของตนในใจพลางถอนฝ่ามือเรียวงามออกมา พยายามอย่างหนักที่จะทำตัวปกติ จะให้นางพูดได้อย่างไรว่า
“เจ้า***ข้า”
ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว
“สหายนักเรียน พวกเราต่างก็เป็นสหายร่วมสถาบันเดียวกันและข้ามาที่นี่โดยบังเอิญเท่านั้น ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าหมาบัดซบตัวนี้ลากข้ามา”
เสี่ยวเอ้อส่งเสียงเห่าอันเศร้าโศกออกมา รูปร่างเล็กของมันทำลายข้ออ้างของป๋ายเสี่ยวเฟยทันที
“เจ้าแสร้งทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ทำไม? จำเป็นต้องขายข้าด้วยหรือ!?”
ใบหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตบหัวเสี่ยวเอ้ออย่างแรง
“หยุด! เหตุใดเจ้าต้องรังแกหุ่นเชิดของตน!?”
หญิงสาวคิ้วขมวดมุ่นก่อนจะหยุด “การกระทำที่โหดร้าย” ของป๋ายเสี่ยวเฟย ส่วนสี่ยวเอ้อราวกับได้เจอแม่พระมาโปรด มันรีบโกยอ้าวไปคลอเคลียบริเวณขาของหญิงสาวอย่างโหยหา
ไม่ต้องกล่าวเลยว่าการกระทำของเสี่ยวเอ้อมีผลกระทบต่อหญิงสาวมากมายเพียงใด และอย่างน้อยในช่วงเวลานี้มันก็ได้ดื่มด่ำสำราญกับการปฏิบัติที่ใครหลายคนมิอาจแม้แต่จะฝันถึง
หญิงสาวได้โอบกอดมันไว้...
นางอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มอ่อนจางเมื่อเห็นรูปลักษณ์น่าขบขันของเสี่ยวเอ้อ รอยยิ้มของนางทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยผู้ซึ่งหมอบอยู่บนพื้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก
เพราะทีแรกนางมีความตั้งใจที่จะสังหารปิดปากป๋ายเสี่ยวเฟยและนางยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยดี ทำให้ร่างกายเลอโฉมของนางถูกปกคลุมไว้เพียงอาภรณ์หลวมโพลกที่ใช้ปิดบังได้เพียงความยาวของกระโปรงสั้น ภายใต้แสงจันทร์ผิวพรรณที่มองเห็นเลือนรางของนางทำเอาจิตใจป๋ายเสี่ยวเฟยปั่นป่วนไปทั่ว
ไม่นานก็มีของเหลวอุ่นไหลออกมาจากจมูกของเขา
“ไร้ยางอาย!”
หญิงสาวมองป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่านางรู้สึกโกรธหรือยินดีเมื่อพูดคำนั้นออกมา
“ไร้ยางอายอย่างไร?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยฉีกชายเสื้อตัวเองออกมาเสียบเข้าจมูกด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ชายทุกคนก็เป็นเช่นนี้ หากข้าไม่แสดงความเคารพเมื่อเห็นสาวงามระดับท่านจึงจะแปลก”
หากผู้คนบนโลกทุกคนล้วนมีสัญลักษณ์ประจำตัว เช่นนั้นสัญลักษณ์ของป๋ายเสี่ยวเฟยจะต้องเป็นการที่เขาจะตายหากไม่ได้ปากเสียในรูปแบบที่ทำให้คนอื่นรู้สึกดี
ที่น่าสนใจคือหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะชอบคำพูดของเขา....
ปุ!
เสียงหัวเราะดังไปทั่ว หญิงสาวทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยยืนเหม่อโง่งมอีกครั้ง นางแลจะชื่นชอบท่าทางแบบนี้ของป๋ายเสี่ยวเฟยเหลือเกิน
“ไม่ว่าอย่างไร เรื่องที่เจ้าแอบถ้ำมองข้าก็เป็นเรื่องจริง หากข้าแจ้งกับทางสถาบัน เจ้าจะต้องถูกลงโทษใช่หรือไม่?”
หญิงสาวมีรอยยิ้มจางประดับใบหน้าราวกับจู่ๆ ก็สนใจกลั่นแกล้งป๋ายเสี่ยวเฟยขึ้นมา
“จะฆ่าแกงกันก็เชิญ สหายนักเรียนผู้งดงาม จากวันนี้เป็นต้นไป ก้อนเนื้อหนักห้าสิบกิโลกรัมกว่จะกลายเป็นของท่าน และหากท่านสั่งให้ข้าไปเหนือข้าจะไม่มีทางไปใต้”
‘เรียกข้าไร้ยางอายมิใช่หรือ? งั้นข้าจะให้เจ้าเห็นว่าข้าไร้ยางอายเพียงใด!’
“ใครจะไปอยากได้ก้อนเนื้อเน่าเปื่อยของเจ้ากัน เจ้าแค่ต้องจำว่าเจ้าติดค้างข้าไว้และหากเจ้ากล้าปฏิเสธตอนข้าขอความช่วยเหลือ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
ร่องรอยความป่าเถื่อนแวบผ่านนัยน์ตาจิ้งจอกของนาง ใบหน้าจริงจังแตกต่างจากรอยยิ้มงดงามเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
“มีอะไรยาก? ข้าป๋ายเสี่ยวเฟยชอบช่วยเหลือผู้อื่นที่สุด ยิ่งได้ช่วยเหลือบุปผางามเยิ้มยิ่งแล้วไปใหญ่”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นตอบตกลงอย่างซื่อสัตย์พลางยิ้มแป้น
“โอ? หมายความว่ามีบุปผางามหลายคนที่ขอความช่วยเหลือจากเจ้า?”
มุมปากของนางกระตุก สุ้มเสียงมีร่องรอยขุ่นเคืองระคนโกรธ แน่นอนว่าป๋ายเสี่ยวเฟยในตอนนี้ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความขุ่นเคืองนั้น
แต่เขารู้ว่านางกำลังโกรธ
‘แม่สองกล่าวไว้ไม่ผิด ผู้หญิงช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากเหลือเกิน...’
ป๋ายเสี่ยวเฟยได้แต่พึมพำอยู่ในใจ เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดพูดออกไป ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดหญิงสาวจึงโกรธ เขาก็ยังรู้ว่าเขาควรทำเช่นไรในเวลานี้...
“อาจมีในอดีตแต่จะไม่มีอีกต่อไปในอนาคต หลังจากข้าได้เห็นท่าน พี่หญิงสุดสวย ข้ารู้สึกราวกับว่าดวงตาของข้าไม่มีที่เหลือให้ผู้ใดอีก”
ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวอย่างจริงใจเท่าที่จำทะได้ มันบริสุทธิ์เสียจนเขาเกือบจะเชื่อคำพูดตนเอง
น่าเสียดายที่หญิงสาวไม่มีความตั้งใจที่จะเชื่อเขาแม้แต่น้อย...
“ปากหวานเหลือเกิน”
นางส่งเสียงฮึดฮัดก่อนจะวางเสี่ยวเอ้อลง
“จำไว้ว่าจงปฏิบัติกับหุ่นเชิดของเจ้าให้ดีกว่านี้ หุ่นเชิดมีชีวิตไม่ใช่แค่เครื่องมือ เจ้าต้องทำกับมันเหมือนสหาย”
ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ หญิงสาวกล่าวน้ำเสียงจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
เลือดพลันสูบฉีดขึ้นใบหน้านางทันที สีแดงระเรื่อปรากฏให้เห็น อย่างไรก็ตามสุ้มเสียงของนางยังคงแข็งกร้าว
“ยังเห็นไม่พอหรือ!?”
“หากข้าทำได้ข้าอยากจะจ้องมองท่านตลอดกาลและจะไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่ข้าคิดจะหยุดมองท่าน!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะขบขัน แต่เขาคงมิอาจคาดคิดถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด
หญิงสาวยิ้มอ่อนราวกับนึกได้ถึงเรื่องน่าสนใจ นางกล่าวพลางมีสีหน้าตื่นเต้น
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้สิ่งที่น่าจดจำยิ่งกว่า!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นขาเรียวยาวสีขาวหยกใกล้เข้ามา และจากนั้น....
เขาโผบินขึ้นไป...
สู่ท้องฟ้าอันไกลโพ้น...
“จำไว้ ข้าชื่อหูเซียนเอ๋อ หากเจ้ากล้าลืม ข้าจะตอนเจ้าเมื่อเราเจอกันครั้งต่อไป!”
เสียงร่าเริงดังก้องภายในหูป๋ายเสี่ยวเฟย ในเวลาต่อมาป๋ายเสี่ยวเฟยกลับเข้าสู่อ้อมกอดของมารดาแห่งธรณีขณะที่เขาแบกรับพลังมหาศาลจากแรงโน้มถ่วงของโลก...
เขาปลิวกระเด็นไปไกล...
“พี่ใหญ่เฟย!”
“ช่วยพวกเราด้วย!!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยได้ยินเสียงหลายสายร้องเรียกหาเขา ทุกสายล้วนมีความรู้สึกเข้าตาจนใกล้ร้องไห้เต็มทน
“ฮ่ง! ฮ่ง!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกเปียกชื้นบนใบหน้า ในที่สุดเขาก็คลานขึ้นมาจากพื้น เมื่อเขายืนขึ้นสิ่งที่เขาเห็นเป็นสิ่งแรกคือเสี่ยวเอ้อที่มีทีท่ากังวลกระโดดโลดเต้นไปทั่ว
“ฮ่ง! ฮ่ง!”
เสี่ยวเอ้อเห่าอีกครั้ง คิ้วของป๋ายเสี่ยวเฟยขมวดมุ่นเข้าหากัน
“วิธีเดิม!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดมาสามพยางค์พลางหยิบลูกบอลที่ดูคล้ายคลึงกับระเบิดเหม็นโฉ่มาจากกระเป๋าของเขา
ในเวลาเดียวกันเสี่ยวเอ้อผู้ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างพลันถูกโอบอ้อมด้วยแสงสีน้ำเงินอ่อนอีกครั้ง ผ่านไปไม่นานร่างของมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ รูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปมากจนจำไม่ได้
เมื่อมันผ่านกระบวนการจนเสร็จสิ้น โม่ข่าและพวกก็ได้วิ่งมาถึง ข้างหลังมันเป็นสัตว์อสูรระดับวิญญาณสองตัวที่กำลังไล่ตามมา หมาป่าวายุ!
“ตายแน่! พวกเราตายแน่!!”
สีหน้าของทั้งสามเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันทีเมื่อเห็น ‘เสี่ยวเอ้อ’ ที่ยืนข้างๆ ป๋ายเสี่ยวเฟย
‘นั่นมันพยัคฆ์กลืนอัสนี!?’
‘สัตว์อสูรระดับราชา!?’
“มานี่!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเรียกทั้งสามในเวลาเดียวกับที่พวกเขาหันหลังกลับไปต่อต้านหมาป่าวายุ ทั้งสามชะงักลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มวิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวเฟยอีกครั้ง
ในอีกด้าน หมาป่าวายุทั้งสองที่ไล่ตามพวกเขามาหยุดจ้อง พวกมันไม่ได้หลบหนีไปตั้งแต่แรก แค่เพียงจ้องมองสำรวจเสี่ยวเอ้อในคราบพยัคฆ์กลืนอัสนีอย่างระมัดระวัง
“เสี่ยวเอ้อ กินพวกมัน!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยสั่งและเสี่ยวเอ้อคำรามขึ้นมาทันที ในขณะเดียวกันป๋ายเสี่ยวเฟยบีบลูกบอลในมือให้แตกส่งผลให้เกิดเสียงสายฟ้าดังลั่นไปทั่วบริเวณ
ในวินาทีต่อมาเสี่ยวเอ้อพลันพุ่งกระโจนไปข้างหน้า หมาป่าวายุทั้งสองหวาดกลัวสุดขีดถึงขั้นขาสั่นผั่บๆ พวกมันรีบหนีโดยใช้พลังธาตุลมที่มีติดกายถึงแม้จะไม่ชำนาญนัก
“ขอบคุณสวรรค์ที่พวกมันเป็นแค่หมาป่าวายุ!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหอบหายใจหนักทรุดลงไปบนพื้นเมื่อหมาป่าวายุหายตัวไปอย่างสมบูรณ์
แต่พวกโม่ข่ายังตื่นตะลึงจากเหตุการณ์เมื่อครู่
‘เขาสั่งพยัคฆ์กลืนอัสนี!?’
‘มนุษย์ทำเรื่องเช่นนี้ได้ด้วยหรือ!?’