RC:บทที่ 7 ชนพวกมิจฉาชีพ
RC:บทที่ 7 ชนพวกมิจฉาชีพ
บ้านของหลินเฟิงนั้นยังค่อนข้างที่จะห่างจากตัวเมืองแต่มันก็เร็วกว่ามากถ้าขับมอเตอร์ไซค์มา โดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหลินเฟิงก็เกือบจะถึงตัวเมืองแล้ว
ในเวลานี้ หลินเฟิงกำลังมุ่งหน้าไปที่ถนนตะวันออก ซี่งเขาเคยทำงานที่ถนนตะวันตก ซึ่งมันระยะห่างพอสมควรระหว่างทั้งสองแห่งนั้น ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่กังวลว่าเขาจะถูกจางเล่ยหรือจ้าวหลงตามตัวพบ
แต่ก่อนหน้าที่จะเข้าไปที่ตลาด หลินเฟิงได้พบกับผู้คนมหาศาล
ในช่วงเช้าเช่นนี้มีผู้คนจำนวนมาก ซึ่งทำให้เห็นว่าตลาดแห่งนี้วุ่นวายมากขนาดไหน โชคดีที่ถนนนั้นกว้าง หลินเฟิงจึงค่อยๆ ขับมอเตอร์ไซค์อย่างระมัดระวังและค่อยๆ นำองุ่นของเขาเข้าไปด้านในตลาดอย่างช้าๆ
“วันนี้มีผู้คนมากมายที่ต้องการที่จะซื้อองุ่นที่รสชาติดีเช่นนี้ในราคาที่ดี เพียงแค่มีใครสักคนได้ชิมมันพวกเขาจะต้องตกหลุมรักมันอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเขาก็สามารถที่จะสร้างโชคได้ด้วยการพึ่งพาพวกมัน ฮ่า ฮ่า!”
“ถ้าฉันขายดีนะ ฉันก็สามารถที่จะปลูกองุ่นเพื่อที่จะจุนเจือครอบครัวได้ ฉันสามารถที่จะซื้อรถ ซื้อบ้าน และอาจจะได้แต่งงานเลยนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หลินเฟิงขับรถไปด้วยและฮัมเพลงไปด้วย
จิตใจของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความปรารถนา เขาลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าเขากำลังขับรถมอเตอร์ไซค์อยู่บนถนน
ขณะที่หลินเฟิงกำลังรำพันกับตัวเองอยู่นั้น เขาไม่ได้สังเกตเห็นชายแก่ที่มอมแมมอยู่ตรงหน้าเขา เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยปะและผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง ซึ่งแลดูคล้ายขอทาน
“ทำไม! ฉันถึงได้รู้สึกถึงความแปรปรวนของพลังวิญญาณที่แปลกประหลาดแบบนี้นะ?” ชายชราชำเลืองมองไปรอบๆ อย่างสงสัย
ในเวลานั้นหลินเฟิงขับมอเตอร์ไซค์ของเขาอย่างช้าๆผ่านไปยังชายชรา ทันใดนั้นชายชราก็หันหันหลังกลับมาและจ้องมาที่หลินเฟิง ต้องพูดว่าเขาจ้องไปที่องุ่นที่อยู่บนรถคันนั้น
ถ้ามีใครสักคนเห็นสายตาของชายชราแล้วล่ะก็เขาจะต้องประหลาดใจเพราะว่าสายตาของเขานั้นเปล่งประกายเป็นแสงสีทอง และเป้าหมายนั้นก็คือสิ่งที่ถูกบรรทุกมาบนรถมอเตอร์ไซค์
จากนั้นชายขอทานชราคนนั้นก็ลูบเคราและยิ้มออกมา
“พ่อหนุ่ม...!” เมื่อรถของหลินเฟิงมาถึง ขอทานชราก็ตรงไปยังรถของหลินเฟิงและยกมือขึ้นมาขวางเพื่อที่จะหยุดเขา
แต่ในครู่ต่อมานั้น
ตูม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบาๆ ดังขึ้น รถของหลินเฟิงหยุดลงในทันที ในเวลานี้หลินเฟิงกลับมาได้สติอีกครั้ง
“โอ้ย! พ่อหนุ่ม นี่เธอจะฆ่าฉันงั้นหรือ มันกำลังจะฆ่าฉัน!” ชายชราร้องออกมาและสายตาของผู้คนโดยรอบเขาต่างพากันมองมาที่หลินเฟิง
“มันจบแล้ว ฉันใจลอยและชนคนเข้าแล้ว! มันจบแล้ว!”
ตอนนี้หลินเฟิงนั้นยากจน เขามีเงินไม่ถึง 100 หยวนเลยด้วยซ้ำ เขาชนเข้ากับชายชราเพราะว่าเขาใจลอย ถ้าเขาเป็นอะไรไปหลินเฟิงก็คงจะต้องจ่ายเงินเพื่อใช้หนี้มากกว่าสิบปีเป็นแน่
แต่ในตอนนี้ หลินเฟิงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเพราะว่าชายชราที่ถูกเขาชนและได้ลอยไปไกลหลายเมตร ไกลออกไปเกือบจะสิบเมตรเลยทีเดียว
เกิดอะไรขึ้นกับชายชราคนนั้นกันนะ เขาเด้งขึ้นจากพื้นดินจากนั้นก็ตกลงมา เด้งขึ้นเด้งลงอยู่อย่างนั้นเหมือนกันลูกบอลติดสปริง จากนั้นเขาก็เด้งต่ออีกสองสามทีและนอนลงบนพื้นดินอย่างเงียบๆ
ผู้คนต่างพากันตื่นตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมันดูเกินความเป็นจริง เพราะว่าด้วยความเร็ว 100 หลาไม่อาจที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ของการชนเช่นนี้ได้
ยิ่งไปกว่านี้ที่นี่ก็มีผู้คนมากมาย อย่างมากความเร็วของหลินเฟิงก็ไม่เร็วไปกว่าคนเหล่านี้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะลอยไปไกลขนาดนั้น และมันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเด้งขึ้นเด้งลงราวกับติดสปริงเช่นนั้นซึ่งมันช่างขัดกับความเป็นจริง
“ขอทานชราคนนี้คงไม่ใช่พวกมิจฉาชีพที่แกล้งมาชนรถหรอกนะ? แม่ ทำไมผมถึงโชคร้ายเช่นนี้!” หลินเฟงรีบจอดรถไว้ที่ริมถนนและวิ่งไปยังขอทานชราคนนั้น
“ผมขอโทษ ผมขอโทษ!” หลินเฟิงกล่าวคำขอโทษอย่างไว
หลินเฟิงเอื้อมมือออกไปและพยายามที่จะพยุงเขาขึ้น แต่เขากลับพบว่าเขาไม่สามารถที่จะพยุงชายขึ้นมาได้เลย มันรู้สึกเหมือนกับกำลังยกอะไรสักอย่างที่หนักเป็นแสนๆ ตัน และเขาก็พบว่าชายชราคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“ท่านผู้เฒ่า ผมไม่ยอมให้คุณมาโกงผมหรอกนะ คุณเห็นไหม ว่าผมมันจนและไม่มีเงิน! คุณต้องการอะไร?” หลินเฟิงกระซิบที่ข้างหูของเขา
หลินเฟิงกล่าวและพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะช่วยให้เขาลุกขึ้น แต่ชายชราก็ยังคงนอนอยู่อย่างนั้น เขาทำราวกับเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่นอนอยู่ที่นั่น
ชายชราคนนี้คงไม่ปกติอย่างแน่นอน ความรู้สึกของหลินเฟิงบอกเช่นนั้น
ในตอนนี้เริ่มมีผู้คนเข้ามารุมล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าหนึ่งโหลเลยทีเดียว ในขณะนี้ผู้คนมากมายต่างพากันมารุมล้อมแม้แต่เจ้าหน้าที่ของเมือง
หลินเฟิงไม่ต้องการที่จะให้เหตุการณ์มันใหญ่โตเช่นนี้
“เฮ้ พ่อหนุ่ม ฉันไม่ต้องการที่จะหักหลังอะไรเธอเลยนะ ฉันแค่อยากจะได้องุ่นจากรถของเธอสักสองสามจิน!” ชายชรากล่าวออกมาอย่างหยาบคาย
“เพราะองุ่นของฉันอย่างนั้นหรือ ได้สิ! ฉันนี่โชคร้ายเสียจริง! เอ๊ เดี๋ยวก่อนนะ คุณรู้ได้ยังไงว่าในตะกร้าบนรถของผมมีองุ่นอยู่?” หลินเฟิงประหลาดใจ
ขอทานชราคนนี้ไม่ปกติเป็นแน่ เพราะองุ่นของหลินเฟิงถูกบรรจุอยู่ในถุงขนาดใหญ่ตั้งแต่อยู่ที่บ้าน พวกเขาได้ห่อหุ้มมันอย่างแน่นหนา จากที่ปรากฏแล้วพวกเขาไม่มีทางที่จะเห็นได้ว่าข้างในมันคืออะไร มันช่างแปลกที่ขอทานชรารู้ว่ามันคือองุ่นเพียงแค่มองเพียงชั่วพริบตา
“ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้นหรอก!”
เมื่อสิ้นคำพูดของหลินเฟิง ชายชราที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็ลุกขึ้นในทันทีโดยการกระโดดพลิกตัว เหมือนกับที่พวกเราเคยได้ดูศิลปะการป้องกันตัวในโทรทัศน์
“นี่คุณเคยแสดงผาดโผนมาก่อนงั้นหรือ แล้วทำไมคุณถึงได้มาถึงจุดที่ต้องเป็นมิจฉาชีพล่ะ?”
“ไปซะเถอะ นี่คุณกำลังเล่นกลอยู่งั้นหรือ?” ขอทานชรากล่าวอย่างไม่พอใจ และจากนั้นก็เหลือบมองดูองุ่นที่ด้านหลังของรถเป็นครั้งคราว
หลินเฟิงมองดูขอทานชราอย่างละเอียดถี่ถ้วยแต่เข้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย มันช่างน่าประหลาดเสียเหลือเกินที่เขาช่างไม่เหมือนใคร
“โอเค โอเค ฉันโอเค ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว!” ขอทานชราลุกขึ้นยืนและพูดกับพวกจีนมุง
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับขอทานชรา ฝูงชนก็ค่อยๆ สลายตัวไปอย่างช้าๆ ซึ่งทำให้หลินเฟิงโล่งใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็ไม่เกิดผลลัพธ์ที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
“ฮ่าฮ่า พ่อหนุ่ม องุ่นนั่น...” ขอทานชราชี้นิ้วไปที่อยู่ที่อยู่ด้านหลังของรถและขยิบตาให้เขา และแสดงให้เขาเห็นอย่างบ้าคลั่ง
“เอาล่ะ นี่ครับ มันเป็นโชคไม่ดีของผมเอง จริงๆ เลย!” จากนั้นหลินเฟิงก็หยิบองุ่นออกมาสองพวงจากตะกร้า และยื่นให้กับขอทานชรา แต่ละลูกนั้นช่างใหญ่และแข็งแรง และมีน้ำหนักประมาณห้าถึงหกจิน
“ว้าว องุ่นอะไรนี่ช่างใหญ่เหลือเกิน!” เมื่อขอทานชราได้เห็นองุ่นของหลินเฟิง น้ำลายของเขาก็หยดลงมาและเขาก็แลบลิ้นออกมาเลียที่ริมฝีปากของเขา
“นี่ไง นี่ไง!” ขอทานชราเกือบจะเอื้อมมือมาคว้ามันไว้
“ช้าก่อน จำได้ไหม อย่ามารบกวนผมอีก!” เมื่อขอทานชราเกือบจะเอื้อมมือมาถึง หลินเฟงิก็รีบชักมือกลับและพูดออกมา
“เอาล่ะ ฉันมั่นใจว่าฉันจะไม่มารบกวนนายอีกเลย โอ้ ไม่นะ แต่นายชนฉันนี่นา ใช่ไหม?”
“เอ่อ...ก็ใครบอกให้คุณมายืนขวางทางผมล่ะ? เอาล่ะเลิกเถียงกันได้แล้ว เอานี่ไป!”
หลินเฟิงให้องุ่นสองพวงแก่ขอทานชรา และขับรถหนีออกมาอย่างเร่งรีบด้วยความกลัวว่าชายชราคนนั้นจะก่อเรื่องอะไรให้เขาอีกในภายหลัง
“พระเจ้า องุ่นหวานๆ เช่นนี้ ฉันได้กลิ่นหอมหวานตั้งแต่เธอเข้ามาแล้วล่ะ ดูที่สีของมันสิเป็นสีใสปิ๊ง เต็มไปด้วยความกลมกล่อม ลองดูสิ...” ขอทานชราเริ่มชิมรสชาติขององุ่น
“มันช่างหวาน องุ่นนี้ช่างหอมเหลือเกิน!” ขอทานชรารีบนำองุ่นลูกที่สองและสามเข้าปาก ภายในเวลาเพียงสามนานทีแม้แต่เปลือกขององุ่นก็หมดเกลี้ยง
“เอ๊? มันบรรจุพลังจิตวิญญาณอยู่จริงๆ ด้วย! ฉันอยากจะ...”
เมื่อเขาหันไปรอบๆ หลินเฟิงก็ไม่เห็นใครแถวๆ นั้นเลย
“ลืมมันซะ รีบเอาองุ่นไปก่อนดีกว่า!” จากนั้นขอทานชราก็หายตัวไป
จากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็มาถึงตลาดหลังจากที่หาที่จอดรถได้แล้วเขาก็เข้าไปในตลาด
เมื่อเขาหาแผงขายของที่ดีได้แล้ว เขาก็วางตะกร้าลงพร้อมกับนั่งลงตะโกน
“องุ่นครับ องุ่น ไม่คิดเงินถ้ามันไม่หอม ไม่คิดเงินถ้ามันไม่หวานครับ!”
“องุ่นครับ...”
แต่ไม่ว่าหลินเฟิงตะโกนเท่าใด ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ยังไม่ใครมาดูองุ่นของเขาเลย
แต่ในเวลานี้ ชายหนุ่มที่อยู่บนรถสามล้อเขาบรรทุกส้ม แอปเปิ้ล และผลไม้อื่นๆ เขาลงมาจากรถของเขาอย่างเร่งรีบและเดินเข้ามาหาหลินเฟิง
“คุณ เอาของของคุณออกไปและอย่ามาขวางทางผม...”