RC:บทที่ 5 เสี่ยวเฮ่ยเลียน้ำยา
RC:บทที่ 5 เสี่ยวเฮ่ยเลียน้ำยา
“เอาล่ะ แกไปได้แล้ว!” หลินเฟิงบอกจางเล่ย และยกเท้าของเขาขึ้นวางบนอกของจางเล่ยและปล่อยให้เขากลิ้งไปหลายตลบ
จางเล่ยลุกขึ้นยืนและไม่ได้พูดอะไร เขาเริ่มวิ่ง เขาวิ่งเร็วอย่างกับกระต่ายเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จางเล่ยจากไปแล้ว แต่สายตาของเขาเป็นประกายตาชั่วร้าย และปากก็พึมพำออกมาว่า
“หลินเฟิง ฝากไว้ก่อนเถอะ แกกล้าดียังไงถึงได้มาต่อยฉัน! ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้!”
ขณะที่มองดูจางเล่ยจากไป หลินเฟิงเองก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูด และสีหน้าของเขาก็แสดงถึงความรังเกียจ แน่นอนเขารู้ว่าจางเล่ยจะต้องไปรายงานแต่หลินเฟิงจะไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสหรอก
หลินเฟิงยังคงอยู่ที่นี่เพราะว่าเขาต้องการที่จะทดสอบว่าสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
หลินเฟิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอีกครั้งและกดปุ่มเปิดล๊อคหน้าจอและหันไปยังบ่อน้ำเสียตรงหน้าของเขา กระแสน้ำวนสีดำปรากฎขึ้นและพลังการดูดก็ปรากฎขึ้นและดูดน้ำเสียจากอีกบ่อขึ้นมาอีกครั้ง
หลินเฟิงรับผิดชอบบ่อน้ำเสียจำนวนสามบ่อ และแต่ละบ่อก็มีความจุ 100 ตันแต่โดยทั่วไปแล้วจะมีน้ำเสียเพียง 50 ถึง 60 ตัน
หนึ่งบ่อเพิ่งจะบำบัดเสร็จไป และตอนนี้ก็เป็นบ่อที่สอง ไม่นานหลังจากนั้น น้ำเสียจากบ่อบำบัดบ่อที่สองก็หายไปและกลายมาเป็นน้ำสะอาด แล้วขวดน้ำยาอีกห้าขวดก็ถูกเพิ่มเข้าไปในกระเป๋าของหลินเฟิง
จากบ่อน้ำเสียบ่อที่สามก็ถูกบำบัด ไม่นานนักบ่อน้ำเสียก็ถูกบำบัดเสร็จเรียบร้อยและขวดน้ำยาอีกห้าขวดก็ถูกผลิตขึ้นมา ในเวลานี้หลินเฟิงมีขวดน้ำยาสีเขียวแปดขวดและน้ำยาสีแดงหกขวด
หลังจากที่จัดการสิ่งเหล่านี้แล้ว หลิงเฟิงก็จากไปอย่างรีบเร่ง!
เป็นเพราะหลินเฟิงรู้ดีว่าเมื่อจางเล่ยถูกเขาตีอย่างกับหมู เขาจะไม่มีวันเลิกรา! เขาจะต้องกลับมาหาเรื่องอีกเป็นแน่ ดังนั้นหลินเฟิงรีบจากไปหลังจากที่เสร็จสิ้นการบำบัดน้ำเสีย
แน่นอนว่า ไม่นานนักหลังจากที่หลินเฟิงออกไป จางเล่ยก็กลับมาพร้อมด้วยอันธพาลอีกห้าคน พร้อมด้วยแท่งเหล็ก ท่อเหล็ก และกระบอง พวกนั้นมีผมสีแดง ขาว เหลือง และเขียว ช่างดูมีสีสันจริงๆ
คนหลายคนต่างพากันรีบเร่งมาที่นี่ด้วยแรงโน้มถ่วงอันยิ่งใหญ่เหมือนกับตัวละครเก่าๆ ในภาพยนตร์ แต่เมื่อพวกเขามาถึงหลินเฟิงก็ได้จากไปแล้ว
“แม่งเอ้ย หลินเฟิง แกหายหัวไปไหนล่ะไอ้ลูกหมา? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” จางเล่ยคำรามออกมาเสียงดัง แต่เขาพูดได้ไม่ชัดเพราะว่าฟันหน้าสองซี่ของเขานั้นหักไปเสียแล้ว
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น หลินเฟิงรีบลงจากรถประจำทางและรีบกลับไปที่บ้าน
ครอบครัวของหลินเฟิงอยู่ที่หมู่บ้านลั่วหยาง พ่อแม่ของเขาเป็นชาวนา นอกจากการทำนา เขาก็ยังเลี้ยงไก่เป็นจำนวนมาก เขามีฟาร์มไก่ที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน ซึ่งมีราว 200 ตัว
แต่ในช่วงปีหลังๆ นี้ ไก่ขายไม่ค่อยดีนักและทำได้เพียงเท่าทุน
“ปัง!”
หลินเฟิงรีบเข้าไปในบ้าน
“นั่นใคร!”
เสียงอันดังทำให้แม่ของหลินเฟิงตื่นตระหนกและพูดออกมาเสียงดัง
แม่ของหลินเฟิง คือ จ้าวค่ายหยิง เป็นชาวนาที่มีความซื่อสัตย์ เธอไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียนและมีความรู้น้อยมาก
“แม่ ผมขอโทษ นี่ผมเอง เสี่ยวเฟิง!”
หลินเฟิงตระหนักว่าเขาเองที่ประมาทและเขาขอโทษ
“โอ้ เสียวเฟิงนี่เอง เจ้าเด็กเหม็น วันนี้กลับบ้านมาได้อย่างไรแล้วไม่ไปทำงานงั้นหรือ?”
แม่ของหลินเฟิงถามอย่างประหลาดใจ โดยปกติแล้วหลินเฟิงไม่ค่อยจะกลับบ้าน และการที่เขากลับบ้านเร็วหลังจากที่ออกไปได้ไม่นานทำให้เธองง
“คือว่า ผมลาออกแล้ว ผมมีอะไรที่ต้องทำแล้วในตอนนี้ แล้วผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง!” พอพูดจบ หลินเฟิงก็รีบตรงไปที่สนามหลังบ้าน
“อะไรนะ? ลาออก?”
แม่มองดูหลินเฟิงและถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก ผมไม่อยากให้แม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับผม!”
พอพูดจบ หลินเฟิงก็หายไปที่สวนหลังบ้าน
จากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็มาถึงสนามหลังบ้านที่เป็นฟาร์มไก่ ซึ่งห่างจากตัวบ้านของเขาประมาณ 100 เมตร และเต็มไปด้วยไก่พื้นเมือง เมื่อพวกมันเห็นหลินเฟิงเข้ามาพวกมันคิดว่าหลินเฟิงจะเข้ามาที่นี่เพื่อให้อาหาร
แต่สายตาของหลินเฟิงไม่ได้เหลียงมองไก่พื้นเมืองพวกนั้นเลย เขากลับมองไปรอบๆ แทนและดูเหมือนกำลังมองหาบางอย่าง
ในเวลาอันสั้น หลินเฟิงก็พบเป้าหมายที่เขากำลังมองหา นั่นก็คือเถาวัลย์ เถาวัลย์ที่กำลังจะตาย
เถาองุ่นถูกคุ้ยเขี่ยโดยพวกไก่ทั้งหลาย มันเต็มไปด้วยมอด และกำลังจะตาย
มันมีเพียงใบสีเหลืองอยู่สองสามใบ
นี่เป็นช่วงเวลาที่องุ่นกำลังออกผลแต่เถาองุ่นของบ้านหลินเฟิงนั้นไม่มีติดผลเลย ซึ่งกิ่งก้านและเถาได้เหี่ยวแห้งไปตั้งนานแล้ว
“ลองกับเถาองุ่นนี่ล่ะ!”
ดังนั้นหลินเฟิงจึงก้าวไปที่เถาองุ่น เขานั่งยองๆ ลง และจากนั้นจึงหยดน้ำยาจากขวดเล็กสีแดงลงไปบนเถาองุ่น โดยเทลงไปบนเถาองุ่นและไหลเรื่อยตามเถาไปสู่ราก
จากนั้นสักพัก แต่เถาองุ่นไม่ได้ปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น?” หลินเฟิงสงสัย
“น้ำยาในขวดสีเขียวสามารถที่จะชุบชีวิตหญ้าที่ตายแล้วและต้นกล้าได้ และมันก็เจริญเติบโตอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วที่สามารถเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า แล้วทำไมตอนนี้มันถึงไม่เกิดผลอะไรเลย?” หลินเฟิงสับสน
“ยังไงซะ น้ำยามีทั้งขวดสีเขียวและขวดสีแดง หรือว่ามีอะไรที่ต้องทำกับสีของน้ำยางั้นหรือ?” หลินเฟิงทบทวนความจำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และคาดเดา
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”
ในเวลานี้หมาสีดำตัวใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่าเข้ามาจากที่ไหน หมาตัวนั้นตื่นเต้นมาก ทั้งกระโดดและเห่าใส่หลินเฟิง มันมีความสุขเป็นอย่างมาก หางอันใหญ่โตของมันแกว่งไปมาก เจ้าหมาสีดำตัวใหญ่ตัวนี้คือลูกหมาที่หลินเฟิงเก็บมากจากกองขยะ เมื่อครั้งแรกที่เขาเก็บมันมาเลี้ยงมันทั้งผอมโซและน่าสงสาร มันเหมือนกำลังจะตาย ต้องขอบคุณความเอาใจใส่ดูแลของหลินเฟิงที่ทำให้มันดีขึ้นได้
ในตอนนี้เป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีแล้ว จากหมาสีดำตัวน้อยก็เติบโตเป็นหมาใหญ่ที่มีความสูงเสมอไหล่ซึ่งสูงมากกว่า 60 เซนติเมตร ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าหมาน้อยสีดำตัวนี้ฉลาดมาก มันมักจะช่วยเฝ้าไก่ให้ครอบครัวของหลินเฟิง และบางครั้งบางคราวมันก็ช่วยจับหนู พังพอนและสัตว์อื่นๆ ที่จะมากินไก่
สิ่งนี้เองที่ทำให้ครอบครัวของหลินเฟิงรักมัน
“เสี่ยวเฮ่ย? แกมาอยู่ที่ได้ไง?” หลินเฟิงดีใจมากและเขาก็ลูบหัวของเสี่ยวเฮ่ย
ทันใดนั้นเสี่ยวเฮ่ยก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
เสี่ยวเฮ่ยดมกลิ่นไปรอบๆ บริเวณ ทันใดนั้นมันก็มาดมน้ำยาสีแดงที่หยดจากเถาองุ่น จากนั้นเสี่ยวเฮ่ยก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อมันเริ่มเลียน้ำยา
“เฮ้ เสี่ยวเฮ่ย นี่แกกำลังทำอะไร?”
หลินเฟิงรีบเข้าไปดึงเสี่ยวเฮ่ยออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเอาเรี่ยวแรงมากมายมาจากไหน ซึ่งมันไม่ขยับเลย มันยังคงเลียน้ำยาสีแดงอยู่
หลังจากที่หลินเฟิงออกแรงดึงมันอยู่สี่ห้าครั้ง เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเขาจึงได้ปล่อยให้มันเลียต่อไป จากนั้นสักพักเมื่อเสี่ยวเฮ่ยเลียน้ำยาจนพอใจ และแม้แต่เปลือกไม้ที่ตายแล้วมันก็เคี้ยวออกจนหลุดเป็นชั้นๆ
หลังจากนั้นเสี่ยวเฮ่ยที่เลียน้ำยาเข้าไปเริ่มตัวสั่นและตาลอย มันเริ่มเดินไปรอบๆ และล้มลงในเวลาต่อมา
“ฉันผิดเอง มันคงไม่ใช่ยาพิษนะ นี่แกโอเคไหม เสี่ยวเฮ่ย...”