51 คมดาบของมนุษยชาติ!
51 คมดาบของมนุษยชาติ!
ดวงตาของเซี่ยทิงเสียนเบิกกว้าง และริ้วรอยบนใบหน้าของเขาเริ่มกระตุก เขาวาดวงแหวนอักขระด้วยมือขวา แล้วแสงสีม่วงก็เปล่งแสงครอบคริสตัลโพรเซสเซอร์เอาไว้
เศษเสี้ยวความทรงจำจากการซ่อมก่อนหน้านี้ ถูกดึงออกมาจากตัวอาร์ติเฟ็กซ์ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ก่อนที่เซี่ยทิงเสียนจะค่อยๆพยักหน้าของเขา
“พอคิดถามที่เธอบอกฉันมาแล้ว ฉันก็ลองแสกนอาร์ติเฟ็กซ์นี้ดูอีกครั้งอย่างละเอียด ฉันก็พบว่า มีอยู่สองสามจุดที่ทำออกมาได้อย่างไม่ค่อยชำนาญมากนัก และจุดเชื่อมบางจุดที่เห็นได้ชัดและไม่ราบเรียบ แต่สำหรับเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้ มันก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว”
“หนูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แล้วเขาก็เป็นแค่นักเรียนธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่การตื่นของรากวิญญาณอาจจะไม่ถึง 70% ด้วยซ้ำ เขาจะเก่งขนาดนั้นจริงๆเหรอคะ?” ซือเจียเสวี่ยอดที่จะถามออกมาไม่ได้
“แน่นอนที่สุดเลยล่ะ เพราะการตื่นของรากวิญญาณยังไม่ถึง 70% ของเขา แต่กลับสามารถประดิษฐ์งานออกมาได้ดีขนาดนี้ มันยิ่งทำให้เขาพิเศษมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง! เพื่อนนักเรียนคนนี้ของเธอมีชื่อว่าอะไรเหรอ? แล้วเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วยรึเปล่า?” เซี่ยทิงเสียนถามออกมาด้วยความสนใจ
“เขามีชื่อว่า หลี่เย้า ค่ะ ฉันมีข้อมูลบางอย่างของเขาอยู่ด้วย ปู่เซี่ยลองอ่านดูได้นะคะ”
ซือเจียเสวี่ยดึงวิดีโอออกมาจากคริสตัลโพรเซสเซอร์ของเธอ
“โอ้ เป็นหนุ่มน้อยคนนี้เองหรอกเหรอเนี้ย?”
เซี่ยทิงเสียนต้องตกใจอีกครั้ง และได้เผยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเขาไม่หุบ เขาพยักหน้าซ้ำๆ “หนุ่มน้อยคนนี้น่าสนใจจริงๆ ดูเหมือนว่า ในการแข่งขันครั้งนี้ ฉันคงจะต้องจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิดซะแล้ว”
......
เช้าของวันใหม่เวลา 8.30 น. นักเรียนทั้ง 3,000 คน ได้มารวมตัวกันที่ดาดฟ้าท้ายเรือธงเหลียวหยวนฮ่าว
ดาดาฟ้าเนื้อที่กว้าง เต็มไปด้วยเหล่าวัยรุ่นเลือดร้อนถึง 3,000 คน พวกเขาส่งเสียงดังจอแจ ดูคล้ายกับว่าดาดฟ้าเรือกำลังจะพลิกคว่ำ
หลังจากที่ได้เข้าร่วมงานสัมมนาไปเมื่อวาน ในเวลานี้ ทุกคนต่างเข้าใจถึงความแข็งแกร่งและข้อมูลของทั้ง 9 มหาวิทยาลัยชั้นยอด พวกเขาต่างก็ตั้งตาที่จะได้เข้าสู่โลกของผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยปริศนาไม่รู้จบใบนั้น
“ฆ่าฆ่าฆ่า ฉันจะฆ่าอย่างสุดความสามารถบนเกาะมังกรปีศาจ ฉันจะขึ้นไปอยู่เหนือนักเรียนนับพัน และได้รับความสนใจจากสถาบันการทหารแห่งแรกของสหพันธรัฐ และกลายเป็นนักเรียนทหารที่มีชื่อเสียงให้ได้!” เด็กหนุ่มร่างสูงและใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวได้คำรามออกมา ท่ามกลางฝูงชน
“สิ่งที่ฉันเชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือการสังเคราะห์ตัวยา ฉันได้ยินมาว่า บนเกาะมังกรปีศาจมีสมุนไพรและพืชพันธุ์ที่มีสรรพคุณทางยาอยู่กว่า 10,000 ชนิด แล้วฉันก็จะแสดงทักษะของฉันให้เหล่าแมวมองจากวิทยาลัยการแพทย์เทียนตูได้เห็น!” ข้างๆเขา มีเด็กสาวผิวแทนและใบหน้าที่น่ารัก ได้พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“ฉันมีความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่ที่ฉันเติบโตขึ้นมา—ก็คือกลายเป็น แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ และสั่งการกองทัพขนาดใหญ่! ถ้าฉันสามารถเข้าสู่รอบตัดสินได้ คนที่ได้อยู่ทีมเดียวกับฉันก็คงจะโชคดีมาก เพราะฉันสามารถสั่งการทุกคนให้ต่อสู้ร่วมกับฉัน ได้เหมือนกับยุทธวิธีของทางกองทัพของสหพันธรัฐ แล้วศัตรูก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!” เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนตัวเล็ก แต่เมื่อเขาพูด มันกลับเต็มไปด้วยพลัง
เหล่าเด็กหนุ่มสาวทั้ง 3,000 คน คือเหล่าผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกคัดสรรออกมาจากหลายสิบเมืองอย่างพิถีพิถัน มันไม่สำคัญว่าความแข็งแกร่งของพวกเขามีมากแค่ไหน แค่พวกเขาล้วนมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม
แมวมองจากทั้ง 9 มหาวิทยาลัยชั้นยอด ตัวแทนของกองทัพ และครูผู้ดูแลของนักเรียนหลายๆคน ได้เดินออกมาจากโถงทางเดินทั้งสองฝั่งของตัวเรือ พวกเขาเดินออกมารวมตัวกันทีละคนๆ และเผยรอยยิ้มออกมา เมื่อได้เห็นความมั่นใจบนใบหน้าของเด็กๆแต่ละคน มันทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
“ผ่านไปปีแล้วปีเล่า และก็มาถึงอีกปีหนึ่งแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ พอฉันได้เห็นเด็กๆพวกนี้ มันก็ทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงปีนั้น และวันเวลาที่เราได้ร่วมแข่งขันท้าทายขีดจำกัด พวกเราในเวลานั้น...เรายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น!”
“ใช่แล้วล่ะ เหตุผลเดียวที่สหพันธรัฐสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เรื่อยๆ ภายใต้การโจมตีของสัตว์อสูรมากมาย ก็เพราะคนหนุ่มสาวเหล่านี้!”
“ไม่รู้ว่าในปีนี้จะมีเด็กๆที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์สักกี่คน ที่จะสามารถพุ่งทะยานออกมาจากนักเรียนกลุ่มนี้ และมีคุณสมบัติพอที่จะเดินไปบนเส้นทางของการบ่มเพาะ? ผมคงต้องขอพูดเอาไว้ก่อนเลยนะ ครูจาง ผมได้เลือกผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 2087 เอาไว้แล้ว อย่าได้คิดพยายามที่จะมาแย่งชิงกับผมเด็ดขาด!”
“ฮาฮา หมายเลข 2087 อย่างนั้นเหรอ? หลังจากนี้ ผมคงต้องให้ความสนใจกับเขาเป็นพิเศษแล้วล่ะ ถ้าเขามีพรสวรรค์อยู่จริงๆ มันก็คงต้องขึ้นอยู่กับทรัพยากรของแต่ละฝ่ายแล้วล่ะ ว่าใครจะสามารถเสนอได้สูงที่สุด!”
ในวันที่เร่าร้อนและเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกแบบนี้ หลี่เย้ากลับยืนอย่างสงบอยู่ที่มุมหนึ่งของดาดาฟ้า ปุจิขนสีขาวปุกปุยได้นอนอยู่บนหัวของเขาอย่างเป็นสุข หัวของมันเอียงไปมา ราวกับว่า มันกำลังกรนอยู่
เมื่อคืน หลี่เย้าเอาแต่กระสับกระส่ายและไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อศึกษากติกาของการแข่งขัน ดวงตาของหลี่เย้าแดงก่ำ แต่เขาก็ยังคงกระฉับกระเฉิงจากการที่เขาตื่นเต้นมากเกินไป
มันเป็นเพราะว่า เขาได้ค้นพบช่องโหว่ในกติกาของการแข่งขัน บางที มันอาจจะเป็น “โอกาส” ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้เห็นมัน
แต่เขาก็ไม่รู้ว่า กลยุทธ์ที่เขาสร้างขึ้นมาโดยเน้นไปที่เรื่องของ “ช่องโหว่” จะได้ผลหรือไม่
หากมันสำเร็จ เขาก็มีโอกาสถึง 90% ที่จะเข้าไปอยู่ในท๊อป 50 ในรอบตัดสินได้!
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ภายในใจนั้น แสงสว่างตรงหน้าเขาก็มืดลง ร่างสูงใหญ่ได้ปรากฏขึ้น และก้มลงมองมาที่เขา
เขาก็คือ...เฮ่อเหลียนเลี่ย!
“เพื่อนนักเรียนหลี่เย้า เกาะมังกรปีศาจเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่มาก แต่มันก็เล็กมากเช่นกัน ฉันหวังว่านายจะหลุดออกจากการแข่งขันได้โดยเร็วที่สุดนะ เพราะนายคงจะไม่อยากมาเจอกับฉันบนเกาะมังกรปีศาจหรอก” หลังจากที่พูดออกไปแล้ว เฮ่อเหลียนเลี่ยก็หยุดไปและเผยให้เห็นรอยยิ้มมาดร้าย
หลี่เย้ามองไปที่เขาอย่างเฉยเมย หลังจากนั้นสักพัก เขาก็นำหูฟังออกมาจากหูทั้งสองข้างของเขา เกิดเสียงดนตรีจังหวะเร่าร้อนดังออกมาจากหูฟัง
“หืม? เพื่อนนักเรียนเฮ่อเหลียนเลี่ย เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ? ฉันต้องขอโทษด้วย พอดีฉันฟังเพลงอยู่น่ะ เลยไม่ได้ยินที่นายพูด นายพูดอีกครั้งจะได้ไหม?” หลี่เย้าพูดออกมาด้วยท่าทีที่ดูงุนงง
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเลี่ยแดงก่ำ เขาส่งเสียงหึออกมา แล้วเดินจากไปและกลืนเข้าไปในฝูงชน
หลี่เย้าเฝ้ามองตามหลังของเฮ่อเหลียนเลี่ยอยางตั้งใจ และหัวเราะออกมา บนสีหน้าที่มีรอยยิ้มของเขา ปรากฏภาพของ “อีแร้ง” อยู่กลายๆ
“ความจริงแล้ว ฉันรอคอยที่จะได้เผชิญหน้ากับนายบนเกาะมังกรปีศาจมากๆเลยล่ะ เพื่อนนักเรียนเฮ่อเหลียนเลี่ย!”
ในเวลานั้นเอง หน้าจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่บนดาดฟ้า
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ผ่านร้อนหนาว และราวกับถูกแกะสลักออกมาด้วยคมดาบ ได้ปรากฏออกมาตรงกลางของหน้าจอโฮโลแกรม ดวงตาทั้งสองข้างที่ฝังลึกอยู่ในเบ้าตานั้นราวกับได้บรรจุจักรวาลทั้งหมดเอาไว้ในนั้น ดวงดามนับแสนได้เปล่งประกายอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น
“เขาคือ เสวี่ยฮ่าวหราน ผู้นำสหพันธรัฐเสวี่ยฮ่าวหราน!” นักเรียนหลายคนได้ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“นักเรียนทุกคน เราได้มาถึงอีกปีของการแข่งขันท้าทายขีดจำกัดกันแล้ว ในวันนี้ พวกเธอทุกคนคือลูกเหยี่ยวที่ยังไม่ได้สยายปีกบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเธอทุกคนยังไม่ได้ก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ!”
“แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเธอจะกลายเป็นเสาหลักของชาติ พวกเธอจะปกป้องบ้านเกิดของเรา ปกป้องสหพันธรัฐ และปกป้องความหวัง ความฝัน และเกียรติยศในอารยธรรมมนุษยชาติของเรา!”
“ดังนั้น จงดิ้นรนและต่อสู้! สู้เพื่อตัวเอง และสู้เพื่ออนาคตของสหพันธรัฐ! เพื่ออนาคตของมนุษยชาติ!”
“จำเอาสิ่งนี้เอาไว้ให้ดี มนุษยชาติคือเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสงครามแห่งดวงดาวไร้ที่สิ้นสุด และผู้ฝึกตน...คือคมดาบของมนุษยชาติ! ดาบเล่มนี้ จะฟาดฟันอสูรและกำจัดปีศาจ ทำลายภูเขาและตัดวิหาร ถอนรากถอนโคนและทำลายเผ่าพันธุ์อื่นให้สิ้น ขยายอาณาเขตและดินแดนของเรา จนกว่าเราจะปกครองทั่วทั้งจักรวาล!”
“ฉันหวังว่า พวกเธอจะกลายมาเป็นผู้ฝึกตนแบบนี้ กลายเป็นคมดาบของสหพันธรัฐ ฉันขอให้พวกเธอทุกคนประสบความสำเร็จ!”
ผู้นำสหพันธรัฐเสวี่ยฮ่าวหราน ยืนตรงอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานของเขา เขาถอยไปหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วทำความเคารพในแบบของทหารต่อนักเรียนทั้ง 3,000 คน
บนดาวเทียนหยวนที่ซึ่งมีสัตว์อสูรดุร้ายวิ่งพล่านไปทั่ว สหพันธรัฐถูกก่อตั้งขึ้นมาจากการสู้รบ ผู้นำสูงสุดก็ยังเป็นทหาร การทำความเคารพแบบทหารเป็นการทำความเคารพที่การปฏิบัติที่น่ายกย่อง และเป็นการแสดงความนับถืออย่างสูงสุด
“ผู้นำสหพันธรัฐเสวี่ยฮ่าวหรานทำความเคารพในแบบทหารต่อพวกเรา นักเรียนมัธยมปลายอย่างนั้นเหรอ?”
“เพื่ออนาคตของสหพันธรัฐ...เพื่ออนาคตของมนุษยชาติ...เรา...เรามีพลังมากขนาดนั้นจริงๆเหรอ?”
“แน่นอนว่าเรามี! ในเวลานี้ เราอาจจะเป็นแค่เพียงนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ แต่ลองคิดถึงผู้ฝึกตนในระดับเขตแดนวิญญาณ, และพวกสัตว์ประหลาดในระดับรวมวิญญาณพวกนั้นดูสิ...มีใครบ้างที่ไม่ได้เริ่มจากการเรียนในชั้นประถม, มัธยมต้น, และมัธยมปลาย ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกตนบ้าง? ใครจะไปสามารถกลายเป็นสัตว์ประหลาดระดับรวมวิญญาณได้ตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่กัน! ถ้าพวกเขาสามารถทำได้ พวกเราก็ต้องทำได้เหมือนกัน!”
“มันจะต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ฉันจะกลายเป็นผู้ฝึกตนที่ยิ่งใหญ่ ที่มีพลังเขย่าโลกและเฉิดฉายไปทั่วทุกหนแห่ง ไล่สังหารสัตว์อสูรและปกป้องสหพันธรัฐ!”
“สังหารอสูรและกำจัดปีศาจ ทำลายภูเขาและตัดผ่านวิหาร ถอนรากถอนโคนและทำลายเผ่าพันธุ์อื่นให้สิ้น ขยายอาณาเขตและดินแดน และปกครองทั้งจักรวาล...มันสุดยอดไปเลย นี่คือเส้นทางที่ฉันจะก้าวไป นี่คือโชคชะตาของเหล่าผู้ฝึกตน! ฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
ด้วยการทำความเคารพของเสวี่ยอ่าวหรานเพียงเท่านั้น ก็สามารถทำให้บรรยากาศโดยรอบเร่าร้อนขึ้นมาได้ และทำให้เยาวชนทั้ง 3,000 คนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
ภาพเดียวกันนี้ ได้เกิดขึ้นในสนามสอบของเขตอื่นๆด้วยเช่นกัน เลือดในกายของคนหนุ่มสาวต่างเดือดพล่าน!
เจ้าหน้าที่ในชุดสีดำ พร้อมด้วยกะโหลกศีรษะของสัตว์อสูรที่พาดอยู่บนไหล่ข้างหนึ่งของเขา เขามองดูภาพของความตื่นเต้นจนถึงที่สุดของเหล่าหนุ่มสาว และได้ประกาศออกมาด้วยเสียงอันดังว่า:
“การแข่งขันท้าทายขีดจำกัดประจำปี ครั้งที่ 137 เริ่มขึ้น ณ บัดนี้! ผู้เข้าแข่งขันทุกคนเตรียมตัว!”