ตอนที่แล้วตอนที่ 20 กลั่นแกล้งในหอพัก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 อาจจะไม่ใช่สำหรับเจ้า

ตอนที่ 21 สถานที่ไร้กฎ


จางชิงซานตอบโต้ในจังหวะแรกที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเริ่มเคลื่อนไหว แต่เขาก็ยังช้ากว่าป๋ายเสี่ยวเฟยอยู่ดี

เมื่อลูกบอลทรงกลมระเบิด กลิ่นเหม็นแสบพลันกระจายเข้าสู่จมูกเขาแทบจะในทันที

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา จางชิงซานไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ากลิ่นเหม็นและกลิ่นเผ็ดแสบรวมกันจะเลวร้ายได้ขนาดนี้!

มันเลวร้ายถึงขนาดที่ว่าแค่หายใจก็เจ็บปวดจนอธิบายไม่ได้!

แต่ยังไม่จบ ไม่เหมือนจางชิงซาน ป๋ายเสี่ยวเฟยและพวกไม่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นแม้แต่น้อยและมีบางสิ่งกำลังพุ่งเข้าหาหัวของเขา มันคือเก้าอี้ไม้...

จางชิงซานอยากจะต่อต้าน ในฐานะนักเชิดหุ่นสายพิฆาตระดับเริ่มต้น เขามีพละกำลังอยู่ไม่น้อย เพียงแต่...

ต่อให้เป็นปรมาจารย์ก็มิอาจเคลื่อนไหวได้ในหากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา!

ปัง!!

เสียงกระแทกดังขึ้นมาตรงข้ามกับสติของจางชิงซานที่ดิ่งวูบลง

จางชิงซานเป็นเพียงคนแรกที่ถูกโจมตี

อีกเจ็ดคนที่เขาพามามีสภาพไม่ต่างกันนักเพราะก๊าซที่ป๋ายเสี่ยวเฟยปล่อยกระจายไว้ทั่วห้อง

เสี่ยวเอ้อผู้มีความได้เปรียบจากร่างกายเล็กได้ย่องไปปิดประตูตั้งแต่วินาทีแรก ห้อง 807 กลายเป็นห้องปิดตายไร้ทางออกโดยสมบูรณ์แบบ

ในอีกด้าน พวกโม่ข่าไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาได้ยินสัญญาณโจมตีของป๋ายเสี่ยวเฟยชัดแจ๋ว

ในฐานะผู้ที่มีพลังต่อสู้มากที่สุดในกลุ่ม หวู่จื๋อกระโจนไปข้างหน้าทันที เป็นเวลานี้เองที่เขาสังเกตถึงบางอย่าง

‘เหตุใดคนพวกนี้ไม่โต้กลับ?’

‘เหตุใดพวกมันถึงอ้วกอาเจียน?’

‘เหตุใดเจ้านั่นถึงกับร้องไห้ออกมา?’

‘มันไม่โหดร้ายเกินไปหรือที่จะอัดพวกมันในสภาพนี้...’

ในวินาทีที่หวู่จื๋อลังเล เขาหันหลังกลับไปมองอีกสามคนและเมื่อเขาเห็นเก้าอี้และแท่งไม้ลอยไปทั่วห้องเขาระงับความคิดไร้เดียงสาของตนก่อนจะต่อยหมัดเหล็กออกไป...

ผลลัพธ์ของกลุ่มนักเชิดหุ่นระดับเริ่มต้นและกลางที่ยืนนิ่งให้ผู้ฝึกยุทธ์อัดเล่นน่ะหรือ...?

ในอดีตอาจจะไม่มีคำตอบ เพราะสถานการณ์แปลกประหลาดตรงหน้าไม่เคยเกิดขึ้น

แต่จากวันนี้ผู้ที่สร้างคำตอบไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวู่จื๋อ

ก๊าซเหม็นหายไปหมด กลุ่มทั้งสามของป๋ายเสี่ยวเฟยเหนื่อยถึงขั้นหอบหายใจ มีเพียงหวู่จื๋อที่เหงื่อออกเล็กน้อยเท่านั้น

ทุกตารางนิ้วภายในห้องไม่มีที่ใดไร้รอยขีดข่วน เตียงที่เพิ่งจัดตั้งอยู่ในสภาพเละเทะไม่ต่างไปจากของมือสอง บนพื้นเต็มไปด้วยของเสียจากอาเจียนและของเหลวแปลกประหลาดหลากสีสัน...

แต่เป็นในสถานการณ์น่าสะอิดสะเอียนนี้เองที่ทำให้กลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยมองหน้ากันและยิ้มออกมา

“พี่ใหญ่เฟย เมื่อครู่ช่างวิเศษเหลือเกิน! ข้าไม่เคยได้อัดใครขนาดนี้มาก่อน!”

โม่ข่ายิ้มกว้างถึงหู

ปกตินักปรุงยาจะไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ โม่ข่าไม่มีความสามารถด้านนี้แม้แต่น้อย หากต้องสู้กับใครจะเป็นเขาเองที่ถูกอัด...

“พวกเราจะทำอย่างไรกับคนพวกนี้?”

สือขุยเอนตัวลงบนเตียงถามพลางหอบหายใจ ถึงร่างกายเขาจะแลดูแข็งแรงบึกบึนแต่คุณภาพของกล้ามเนื้อพวกนั้นกลับไม่แตกต่างจากโม่ข่าเท่าไรนัก และเป็นเพราะสิ่งที่เขาทำแตกต่างจากโม่ข่า

“ทางสถาบันเป็นผู้จัดการหอพักหรือไม่?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ตอบแต่ถามคำถามที่แลไม่เกี่ยวข้องกันออกมา

“ไม่ ศิษย์พี่ที่มานำทางให้ข้าบอกว่าทางสถาบันจะรับผิดชอบเรื่องการสอนเท่านั้นและหากไม่มีใครตายสถาบันจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว”

ใบหน้าหวู่จื๋อปรากฎความผิดหวังขณะพูด

เป็นคำนี้เองที่ทำให้พวกเขารู้สึกหมดหนทางเมื่อศิษย์พี่พวกนั้นกรรโชกทรัพย์พวกเขา

ป๋ายเสี่ยวเฟยยินดีเมื่อได้ยินเช่นนี้

“กรรโชกทรัพย์! ค้นตัวพวกมันหาตราหยกและถ่ายโอนหินกำเนิดทั้งหมดออกมา!”

พวกโม่ข่ายืนเหม่อตะลึงในสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยพูด

“นี่... เกินไปมิใช่หรือ?”

ท้ายที่สุดทั้งสามรู้สึกกลัวเล็กน้อย

“พวกเจ้ากลัวอะไร เจ้าคิดหรือว่าพวกมันจะไม่ทำอะไรหากเราปล่อยพวกมันไป? ไม่ว่าอย่างไรเมล็ดพันธุ์แห่งความปฏิปักษ์ก็ถูกหว่านไว้แล้ว เหตุใดจึงไม่ทำให้สุด?”

อย่างไรเสียป๋ายเสี่ยวเฟยก็มาจากหุบเขาวีรบุรุษ นิสัยทำอะไรต้องทำให้สุดถูกปลูกฝังไปถึงแก่นกระดูก

ทั้งสามมองหน้ากันและความมุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นในดวงตาพวกเขา

ครู่ต่อมาพวกเขากระโจนเข้าหากลุ่มจางชิงซานก่อนจะเริ่มค้นตัวโดยไม่สนว่าพวกมันจะสกปรกเพียงใด

ผ่านไปไม่นาน ตราหยกแปดชิ้นก็ถูกวางไว้ข้างหน้าป๋ายเสี่ยวเฟย

“สองชิ้นต่อคน ได้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับดวงของพวกเจ้า พวกเจ้าเลือกก่อนได้เลย”

เวลานี้ไม่ควรโลภมาก แทนที่จะยินดีปีติคนเดียวมิสู้ยินดีถ้วนหน้า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหินชิงหลัวของคนพวกนี้รวมกันอาจจะมีไม่เท่าป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยซ้ำ

แตกต่างจากป๋ายเสี่ยวเฟย พวกโม่ข่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ด้วยผลงานของพวกมันในบททดสอบ คนธรรมดาทั่วไปย่อมมีหินชิงหลัวเยอะกว่าพวกมัน

โม่ข่าและพวกกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเลือกตราหยกที่พวกเขาคิดว่าบรรจุหินชิงหลัวไว้มากที่สุด แต่ไม่มีใครแตะต้องหินหยกของจางชิงซาน

ไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่ามันต้องเป็นตราที่มีหินเยอะที่สุดเป็นแน่แท้แต่พวกเขาทั้งสามไม่มีใครโง่ ตราหยกชิ้นนั้นเป็นของป๋ายเสี่ยวเฟย

หลังจากถ่ายโอนหินชิงหลัวจากตราหยกที่เหลืออยู่สองชิ้น ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจ

ไม่ใช่เพราะเขาได้รับหินชิงหลัวมามากเพราะมันมีเพียงสามสิบสี่ก้อนเท่านั้น แต่เป็นเพราะท่าทีของพวกโม่ข่าต่างหาก

‘ข้าคิดถูกที่รับพวกมันเป็นน้องชาย!’

“หวู่จื๋อ ไปหาเชือกมามัดพวกมัน”

หลังจากได้ประโยชน์ การเคลื่อนไหวของหวู่จื๋อรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้คำพูดของป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นดั่งประกาศิตที่ต้องปฏิบัติตามเป็นอันดับแรก

หลังจากหวู่จื๋อนำเชือกมา ในที่สุดกลุ่มของจางชิงซานก็ถูกมัดเป็นบ๊ะจ่างภายใต้ ‘ความพยายาม’ ของพวกเขา

“ให้พวกมันดมเจ้านี่”

ป๋ายเสี่ยวเฟยโยนขวดกระเบื้องเล็กๆ ให้ม่อข่าขณะพูด กลิ่นเหม็นหึ่งจากขวดตอนโม่ข่าเปิดฝาจุกออกทำเขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

‘นักปรุงยาคือข้าหรือเขากันแน่? ทำไมเขามียาประหลาดมากกว่าข้าเสียอีก....’

โม่ข่าคิดในใจก่อนจะปลุกพวกจางชิงซานด้วยกลิ่นนั้นอย่างรวดเร็ว

เสียงกระแอมกระไอดังบ้างเบาบ้างภายในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นนานาชนิด ทั้งแปดเริ่มฟื้นสติคืนมา ความฮึกเหิมก้าวร้าวในตอนแรกหายไปหมดสิ้น

“เจ้าหนู....”

จางชิงซานยังไม่ทันพูดจบก็เป็นป๋ายเสี่ยวเฟยที่ตบหน้าเขา

“เจ้าเรียกข้าว่ากระไร?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยจ้องจางชิงซานอย่างเย็นชาราวกับเป็นคนละคนจากเมื่อครู่

“เจ้ารู้จักพี่ใหญ่ของข้า...”

เพี๊ยะ!

เขาตบหน้าจางชิงซานอีกครั้ง ไร้ความคิดที่จะเบิ่งหูฟังผายลมของมัน

“ให้ข้าบอก...”

เพี๊ยะ!

หลังจากถูกตบไปสามคราจางชิงซานก็เข้าใจสถานการณ์ของตนเองเสียที คนข้างหน้าไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยเหตุผลได้

จางชิงซานสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะโยนศักดิ์ศรีทิ้งจนหมดสิ้น

“พี่ใหญ่ข้าผิดไปแล้ว ปล่อยพวกเราไปเถิด”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด