บทที่ 249 - สิ่งที่เกิดซ้ำสองจะ... (9) [15-09-2020]
บทที่ 249 - สิ่งที่เกิดซ้ำสองจะ... (9)
”
ทันทีที่ฉันตระหนักได้ว่าทักษะเพ่งเล็งหยุดใช้งานลงไปแล้วฉันก็ได้หยิบเอาขวดอิลิกเซอร์ออกมา หลังจากที่ฉันได้ดื่มลงไปประมาณครึ่งขวดฉันก็ขอให้ชาราน่าเอาอิลิกเซอร์นี้ไปให้ล็อทเต้ได้ดื่ม แม้ว่าเรายังอยู่ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน ข้อความก็ยังไหลมาต่อ
[น่าทึ่งมาก คุณได้ฆ่าหนึ่งในศัตรูที่คุกคามโลกได้อย่างสมบูรณ์เพียงลำพัง คุณได้เก็บเกี่ยวดวงวิญญาณของราชาแห่งการจำศีลด้วยเคียวยมทูต ด้วยดวงวิญญาณที่เก็บมานี้ทำให้มอนสเตอร์ที่มีธาตุสายฟ้าทั้งหมดที่บุกรุกมาที่โลกจะถูกลดพลังลง 10% นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ นอกไปจากนี้คุณยังสามารถจะเรียกพลังเวทย์ที่เหลืออยู่ในร่างกายและวิญญาณของราชาแห่งการจำศีลมาเปลื่ยนเป็นพลังของคุณได้]
[ถ้าหากคุณรับพลังของราชาแห่งการจำศีล ศพของราชาแห่งการจำศีลจะหายไปและคุณจะไม่ได้รับรางวัลใดๆจากการจู่โจมนี้ ถ้าหากว่าคุณทำลายวิญญาณของราชาแห่งการจำศีลคุณจะได้รับศพของราชาแห่งการจำศีลและได้รับรางวัลที่เหมาะสมจากดันเจี้ยน คุณต้องการจะทำอะไร]
[คุณได้รับฉายา 'จ้าวแห่งสายฟ้า' ความสัมพันธ์ธาตุสายฟ้าของคุณเพิ่มขึ้นอย่างมาก พลังในการควบคุมภูติธาตุสายฟ้าได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ แม้ว่าจะไม่มีมานาคุณก็สามารถจะดึงพลังสายฟ้าจากธรรมชาติมาใช้ได้]
[คุณได้รับแต้มสเตตัส 30 แต้มและแต้มทักษะ 10 แต้มเป็นรางวัลสำหรับการเคลียร์การจู่โจมที่ยิ่งใหญ่]
ฉันได้คิดไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้น ฉันสามารถจะบอกอะไรบางอย่างได้ว่ามีสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่เคียวของยมทูตโจมตีเป็ฯครั้งสุดท้าย รับพลังของราชาแห่งการจำศีลงั้นหรอ ฉันกำลังขบคิดกับข้อความข้อความนี้
[สามีที่รักคุณโอเคนะ]
"ใช่ ฉันไม่เป็นไรและล็อทเต้ล่ะ พลีนตอนนี้หยุดร้องเพลงได้แล้วนะ"
[อื้อ]
ในตอนที่ฉันมองกลับไปที่พรรคพวกของฉัน หน้าต่างข้อคามก็ได้เด้งขึ้นมาอีกครั้งราวกับรอคอยคำตอบจากฉัน
[คุณจะทำอะไร ถ้าหากว่าคุณไม่รีบตัดสินใจ วิญญาณของราชาก็จะดับสูญไป]
ความจริงแล้วฉันไม่มั่นใจเลยว่าจะทำยังไงดี ด้วยการเปลื่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนนี่ฉันได้มองไปที่ศพของกระเบนยักษ์ที่อยู่ใต้น้ำ มันมีขนาดเล็กลงกว่าในตอนที่ราชาแห่งการจำศีลปรากฏตัวในตอนแรก
ใช่แล้ว ความลับของมันไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่ มันก็เพียงแค่มีพลังที่สามารถจะขยายขนาดหรือย่อขนาดได้เท่านั้น มันแค่มีความสามารถในด้านนี้เท่านั้น
สิ่งที่ทำให้พลังของมันน่ากลัวก็คือการที่มันสามารถจะหดตัวลงไปจนราวกับว่ามันไม่ได้มีตัวตนอยู่หรือขยายขนาดของมันราวกับว่ามันเป็นศัตรูที่น่าสะพรึง นอกไปจากนี้ไม่ว่ามันจะมีขนาดตัวเท่าไหร่ก้ตามแต่พลังจริงๆของมันก็ไม่ได้เปลื่ยนไปเลย ในตอนที่มันย่อตัวทำให้พลังสายฟ้าขนาดมหาศาลอยู่ในตัวที่เล็กจิ๋วของมันและโจมตีด้วยความเร็วที่น่ากลัวแม้แต่อินิกม่าก็ยังไม่สามารถจะต้านทานได้เลย มันเป็นพลังที่เหมาะสมแล้วกับราชาแห่งการจำศีล
คำถามก็คือฉันรู้ได้ยังไง มันก็ต้องขอบคุณเพลิงโกลาหลไม่ว่ามันจะมีขนาดเล็กแค่ไหน แต่เพลิงโกลาหลที่เผาอยู่ภายในดวงตาของมันก็ไม่ได้หายไป นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันได้รู้
ยังไงก็ตามถ้าหากมันรู้ตัวว่าฉันรู้ความลับนี้แล้วฉันก็จะพลาดโอกาสที่จะสวนกลับไป เพื่อที่จะโจมตีมันในเวลาที่เหมาะเจาะแบบนี้ ฉันได้ทำเป็นไม่เห็นมันและจบลงด้วยการที่มีรูอยู่ทั่วตัว
ต้องขอบคุณเรื่องนี้ด้วยที่ทำให้มันเผลอลดการป้องกันลงและทำให้ฉันใส่การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดลงไปได้ ถ้าหากว่ามันยังคงไม่พอฉันก็ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะใช้ความพิโรธของเทพแห่งท้องฟ้าเป็นการปิดฉาก แต่ว่ามันก็ไม่จำเป็นเลย ด้วยผลของตรีศูลและเคียวยมทูตก็เพียงพอแล้วที่จะปิดฉากมัน
[คุณจะทำอะไร]
"...ฟู่"
การตัดสินใจนี้มันขึ้นอยู่กับฉัน ถ้าหากฉันเอาศพและรางวัลการจู่โจมมา หืม...เดซี่จะได้รับอันเดทที่ทรงพลังและฉันก็จะได้รับไอเทมระดับตำนาน ยังไงก็ตามฉันก็สนใจในพลังที่จะกลายมาเป็นของฉัน แม้ว่าถ้าหากมันเป็นพลังที่สามารถเปลื่ยนร่างหรืแพลังในการซ่อนตัวตนฉันก็สามารถนำมันมาใช้เองได้ นอกไปจากนี้มันยังเป็นสิ่งที่พี่สาวข้อความแนะนำออกมาในตอนแรก...
"ฉันจะเอาพลัง"
ในตอนที่ฉันได้ตอบกลับไปศพของราชาแห่งการจำศีลก็เริ่มที่จะหดลง ฉันได้มองมันอย่างมึนงงจนกระทั่งศพได้หายไปโดยสมบูรณ์ ในท้ายที่สุดแล้วมีเพียงแค่พลังงานสีน้ำเงินที่ลอยออกมา จากนั้นมันได้ลอยเข้ามาในตัวของฉันอย่างช้าๆ
[สามีที่รัก]
ลิโคไรท์และพลีนที่เข้ามาหาฉันด้วยท่าทางที่โล่งใจได้ช็อคขึ้นเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ยังไงก็ตามฉันก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะอธิบายสถานการณ์ให้พวกเธอได้ ในตอนที่พลังงานสีน้ำเงินเข้าไปในตัวของฉันมันได้ส่งเสียงก้องออกมาเพราะวงจรเพรูต้าและทะลุเข้าไปในร่างของฉันด้วยความเร็วที่น่ากลัว
[คุณสามารถจะหนึ่งในสองฉายานี้ หนึ่งคือ 'ราชาแห่งการจำศีล' และคุณก็จะได้รับทักษะพิเศษ 'โลกมายา' ด้วยทักษะนี้คุณจะสามารถเปลื่ยนแปลงขนาด รูปร่างและตนของของคุณได้อย่างอิสระโดยที่ยังคงความแข็งแกร่งเอาไว้ได้]
[ฉายาอย่างที่สองคือเปลื่ยนฉายาที่มอบให้กับคุณ 'จ้าวแห่งสายฟ้า' ไปเป็นฉายาใหม่ 'เทพสายฟ้า' ด้วยฉายานี้คุณจะมีความสัมพันธ์และอำนาจควบคุมด้านสายฟ้าไปถึงจุดสูงสุดทำให้คุณสามารถจะสร้างและใช้สายฟ้าได้ตามที่คุณต้องการ นอกไปจากนี้คุณก็ยังจะไม่ได้รับความเสียหายจากสายฟ้าที่มีระดับต่ำกว่า EX และคุณยังทำได้แม้แต่นำสายฟ้าของศัตรูมาใช้เป็นของตนเอง]
"แน่นอนสิว่าต้องเป็นเทพสายฟ้า เธอกำลังล้อฉันเล่นหรอ!?"
สองอย่างนี้มันเทียบกันได้ที่ไหนล่ะ ฉันได้ตะโกนออกไปราวกับว่าพี่สาวข้อความจะได้ยินฉัน หลังจากนั้นพลังงานสีน้ำเงินที่เข้ามาในร่างของฉันได้เปลื่ยนเป็นสีทองประกายในทันที มันได้เปลื่ยนแปลงเป็นสายฟ้าที่ทรงพลังและบ้าคลั่งราวกับจะเผาไหม้ฉัน
[นายท่าน พลังมากขนาดนี้... นี้มันคือ... ของนายท่าน]
"อ๊ากกกกกกกกก"
เนื่องจากว่าฉันไม่สามารถจะทนต่อการช็อคได้ทำให้ฉันได้ร้องออกมาจนทำให้ใต้น้ำสั่น นี้มันเหมือนกับในตอนที่ฉันได้รับพลังของเทพ... ไม่สิ ร่างกายของฉันเปลื่ยนไปมากกว่าตอนที่ได้รับพลังของเทพซะอีก
[คุณได้รับฉายา 'เทพสายฟ้า' ความสัมพันธ์และอำนาจควบคุมด้านสายฟ้าไปถึงจุดสูงสุด คุณสามารถจะใช้สายฟ้าทั้งหมดที่มีระดับต่ำกว่า EX ได้เหมือนกับเป็นของคุณเองและคุณจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากสายฟ้าเหล่านี้
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้พบกับหนึ่งในเงื่อนไขหนึ่งเพื่อที่จะก้าวไปสู่อาณาจักรระดับต่อไป]
มันใช้เวลานานแน่ไหนกันนะก่อนที่ข้อความนี้จะดังขึ้น ฉันไม่มีทางจะรู้มันได้เลย ในตอนที่ฉันยังคงสติอยู่ ลิโคไรท์ ล็อทเต้และพลีนได้เข้ามากอดฉันเอาไว้
[สามีที่รัก สามีที่รัก]
[ฮีโร่อย่าตายนะ]
[ตื่นสิ ชิน]
ริยูกับชาราน่าก็ยังลอยอยู่รอบๆฉันอย่างกังวล ยังไงก็ตามเนื่องจากไพก้าอยู่ในร่างกายของฉันตลอดเวลาเธอจึงดูจะไม่ได้กังวลมากนัก ฉันได้ดีดหน้าผากของพวกเธอและให้พวกเธอถอยไป
"ฉันไม่เป็นไร หยุดพยายามถอดเกราะของฉันแล้วถอยไปได้แล้ว"
[แต่ว่าฉันอยากจะด้วยสอบร่างกายคุณ คุณจะต้องบาดเจ็บแน่]
ด้วยท่าทางที่สงสัยของลิโคไรท์ทำให้ฉันต้องตรวจสอบร่างกายของตัวเองและจากนั้นฉันก็ดีดหน้าผากของลิโคไรท์อีกครั้ง ทันใดนั้นเองฉันสงสัยว่าเหตุผลที่ฉันได้รับฉายาเทพสายฟ้ามันเป็นเพราะบัฟของลิโคไรท์หรือป่าว ยังไงก็ตามก็ต้องขอบคุณบัฟของเธอที่ได้ช่วยฉันอย่างมากอยู่ดี
ดังนั้นฉันได้เปลื่ยนความคิดไปลูบหัวของเธอ แม้ว่ามันจะไม่ได้ผลมากนักเพราะเราอยู่ใต้น้ำ แต่เธอก็ดูเหมือนจะเข้าใจในความรู้สึกของฉันทำให้หน้าของเธอสดใสขึ้น ทันใดนั้นเธอก็ถามออกมา
[แล้วฉันถอดเสื้อคุณได้ไหม]
"หยุดเลย ขอร้องล่ะ"
เพื่อเป็นการทดสอบพลังฉันได้ลองจุดสายฟ้าขึ้นบนมือซ้าย มันสำเร็จได้โดยที่ไม่ต้องใช้พลังของไพก้า แม้ว่าเราจะอยู่ใต้น้ำสายฟ้าสีทองก็ยังคงเต้นอยู่ในฝ่ามือของฉันอย่างเป็นธรรมชาติ ฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้นอกจากความสุข
[สามีที่รัก... ฉันรู้นะ ถ้าคุณได้รับพลังในระดับนี้มันทำให้รู้สึกว่าคุณจะเป็นลม มันเป็นยังไงบ้าง คุณรับมือกับมันไหวไหม]
"แน่นอนสิ ฉันรู้สึกเหมือน..."
ฉันได้โยนสายฟ้าลงไปที่ก้นของทะเล เส้นสายฟ้าเส้นเดียวไม่ได้สูญเสียพลังไปแม้แต่นิดในขณะที่ลดลงไปอย่างไม่สิ้นสุด ในไม่ช้าแสงที่ปล่อยลงไปก็หายไปและทิ้งไว้เพียงแรงระเบิดที่รุนแรงที่รู้สึกได้
"ฉันสามารถจะฆ่าได้แม้แต่ราชาที่เหลืออยู่อีกสามคนเพียงลำพัง"
ก่อนที่เราจะเข้าไปในเหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับ SSS ที่อยู่ข้างล่าง ฉันได้บอกให้สมาชิกกิลด์คนอื่นๆที่เหลือได้รู้ว่าฉันได้จัดการราชาไปแล้วและไม่ต้องการกำลังเสริมอะไรอีก บางคนก็รู้สึกโล่งอก บางคนก็บ่น บางคนก็หัวเราะออกมาราวกับมันเป็นเพียงเรื่องปกติ ความเชื่อใจที่ลีออนมีให้ฉันมันมากเกินไปแล้ว
[มันไม่มีอะไรลำบากสำหรับหัวหน้ากิลด์เลย หัวใจฉันตกไปตาตุ่มตั้งนานแนะ]
[ราชานั่นอ่อนแอหรอ?]
"มันพูดว่ามันอ่อนแอที่สุดนะ"
[ถ้าหากว่าราชาทั้งหมดเป็นแบบนี้เราก็จะต้องระวังตัวเป็นพิเศษ นายบอกว่ามันได้ซ่อนตัวตนทำให้หาไม่เจอได้หรอ?]
ฉันได้เผลอหยักหน้าลงไปแม้ว่าฮวาหยาจะไม่เห็นก็ตามและตอบกลับไป
"มันเป็นเทคนิคแปลกๆที่มีแค่ราชาแห่งการจำศีลทำได้นะ ราชาตัวอื่นๆไม่น่าจะทำแบบนี้ได้ ฉันมั่นใจในเรื่องนี้ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลหรอก ราชาตัวอื่นๆทำแบบนี้ไม่ได้ การมีตัวตนของพวกมันจะมีอยู่อย่างทรงพลัง"
[ใช่แล้วราชาลาวาก็เป็นแบบนั้น แต่ว่า...]
[ศพ... เรื่องที่...สวยงาม ทนทาน...]
"มันไม่มีอะไรแบบนั้นนะ"
[อ่า... คังชิน ฉันเกลียดนาย]
เดซี่ดูจะโกรธที่ฉันไม่สามารถเอาศพของมันไปให้เธอได้ แต่ว่าฉันก็จะเลือกแบบเดิมแม้ว่าจะต้องย้อนเวลากลับไป ฉันได้ยิ้มออกมาและปลอบเธอ
"ฉันมั่นใจว่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในแอนตาร์กติกาก็เป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลังที่เหมือน ฉันจะหาตัวที่แข็งแกร่งไปให้เธอนะ"
"เกี่ยวก้อยสัญญา...."
ในตอนนั้นเองยุยก็ได้บอกฉันอย่างประทับใจ
[พี่ไข่ฟักแล้วนะ]
"จริงหรอ"
ฉันเศร้ามากที่ไม่สามารถจะไปอยู่กับเธอเพื่อเป็นพยานได้
[เป็นลูกไดโนเสาร์ที่น่ารักมากๆ]
"แล้วมันชื่ออะไรหรอ
ฉันรู้สึกไม่สบายใจจริงๆเลยทำให้ฉันถามยุยออกไป ยุยได้ตอบกลับมาอย่างร่าเริง
[ชื่อของมันคือดู....] [1. https://en.wikipedia.org/wiki/Dooly_the_Little_Dinosaur]
"ถ้ายุยยังไม่ตั้งชื่องั้นเอาเป็น 'รุท' เป็นไง"
ฉันได้ตัดบทเธอและตะโกนออกไป ยุยได้แก้ไขออกมา
[เธอเป็นผู้หญิง นอกจากนี้หนูก็ตั้งชื่อให้เธอแล้ว]
"ชื่อที่ยุยตั้งคือดู... ไม่ ชั่งมันเถอะ แล้วลูน่าเป็นไง"
[โอ้ เป็นชื่อที่ดีเลยพี่ ถ้างั้นนับจากนี้เรียกว่าลูน่าละกัน]
เพียงเพราะแบบนี้ฉันก็ได้ทำอนาคตที่สดใสให้กับยุยและลูน่า ฉันได้ตะโกนที่ที่เข้ามาในหัวออกไป แต่ว่าชื่อของลูกมังกรไฟลูน่า... เซนต์ในการตั้งชื่อของฉันนี่มัน....
[หนูดีใจจังที่พี่ตั้งชื่อให้กับเธอ หุหุ]
"พี่ก็ดีใจนะที่ยุยมีความสุข"
[หนูเห็นด้วยกับเรื่องนี้นะ แต่ว่าพี่ชายกับน้องสาวจะต้องมีระยะห่างบางอย่างกันนะ]
[หนูก็ห่างจากพี่แล้ว คุณก็อยากจะให้หนูไกลออกไปอีกหรอ หนูเกลียดพี่ฮวาหยา]
[ดูสิ แค่การตอบสนองแรกก็ผิดแล้ว ยุย นี่พี่สาวจะแนะนำเด็กหนุ่มดีๆให้เป็นไง]
[ไม่เอา หนูจะอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิต หนูเกลียดพี่สาว]
มันดูเหมือนว่าฉันได้เผลอจุดประกายปัญหาขึ้นงั้นสินะ เนื่องจากฉันกลัวทั้งฮวาหยาและยุย ฉันจึงตัดสินใจที่จะทำเป็นไม่รู้เรื่องจากนั้นก็มุ่งตรงสู่เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับ SSS
ในสองสัปดาหต่อมา วันที่ 32 นับจากที่ฉันออกมาจากเกาหลี ฉันได้กวาดล้างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรโอเชียเนียและมุ่งหน้าตรงไปสู่มหาสมุทรแอนตาร์กติกต่อ นับรวมแต้มเสตตัสของการจัดการราชาแห่งการจำศีลและจากดันเจี้ยนที่ได้รับมาแล้ว ฉันได้รับแต้มสเตตัสทั้งหมด 55 แต้ม ในขณะที่อัตราการเติบโตของหอกโกลาหลอยู่ที่ 84%