บทที่ 10 เธอผู้รักสนุก
ผ่านไป 10 นาที รถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำ รุ่น S600 คันหนึ่ง
พุ่งอย่างรวดเร็วเข้ามาจอดเทียบหน้าบริษัทหลงฮู่เอสเตท
ชายวัยกลางคนลงจากรถ และวิ่งเข้าไปในตัวอาคารอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้ามาด้านใน เขาเห็นจิงหยาก่อนเป็นคนแรก
และเห็นน้องชายของเขาอยู่อยู่ใกล้ๆ
เขาเข้าใจสถานการณ์ทันทีว่าใครเป็นใคร และเกิดอะไรขึ้น
เผียะ!
เชงต้าวหวดฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าที่อัดแน่นไปด้วยไขมันของเชงฉ่วยอย่างแรง
ร่างที่หนักถึง 125 กิโลกรัมของเขาถึงกับร่วงไปกองอยู่บนพื้น
เชงฉ่วยล้มทั้งยืนแบบไม่ทันตั้งตัว เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปัญหาที่เขาก่อมันหนักหนาสาหัสแค่ไหน
“สวัสดีครับท่านประธานจิง” เชงต้าวกล่าวทักทายจิงหยา
พร้อมโค้งคำนับเธอด้วยความเคารพ
“ฉันต้องการบ้านหลังนี้” เธอชี้ไปยังโมเดลจำลองแบบบ้าน
“จะแพงแค่ไหนฉันก็จะซื้อ” จิงหยาพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมราบเรียบ
เชงต้าวรีบบอกเธอไปทันทีว่า
“บริษัทเราอยากมอบวิลล่าหลังนี้เป็นของขวัญสำหรับท่านประธานครับ
ขอความกรุณาท่านให้เกียรติบริษัท และรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ด้วยนะครับ”
“ฉันไม่อยากได้ของขวัญอะไรทั้งนั้น จริงๆ แล้วฉันควรตรวจสอบบริษัทหลงฮู่ฯ ให้เข้มข้นขึ้นไปอีก การบริหารจัดการที่นี่แย่มาก”
จิงหยาพูดแล้วหันไปมองดูเชงฉ่วยที่นอนอยู่กับพื้น
เมื่อได้ยินคำพูดของจิงหยา ใบหน้าของเชงต้าวหมองลงทันที
เขานำบริษัทฝ่าวิกฤติมานักต่อนักเพื่อมาถึงจุดนี้
เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ทุกอย่างพังเป็นอันขาด
“ท่านประธานจิงครับ ผมขอความกรุณาท่านเถอะนะครับ เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
เชงต้าวคุกเข่าลงกับพื้นเพื่ออ้อนวอนขอความปราณีจากจิงหยาอย่างไม่อายใคร
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกเสียวสันหลังวาบไปตามๆ กัน
เชงต้าวผู้นี้คือนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนึงแห่งเมืองหลงอัน
แต่ทว่าตอนนี้เขากลับคุกเข่าหน้าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึง
ผู้หญิงคนนี้เธอคือใครกัน เสียงซุบซิบเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เริ่มอื้ออึง
“ฉันว่าฉันเคยเห็นเธอมาก่อน นึกก่อนนะที่ไหน... นึกออกแล้วล่ะ ฉันเคยเห็นเธอในทีวี
รู้สึกว่าเธอจะติดโผท็อปเท็น ผู้ทรงอิทธิพลรุ่นใหม่ของประเทศด้วยนะ
คนทั่วไปเรียกเธอว่าราชินีแห่งไฮโอเชี่ยนซิตี้
ธุรกิจและทรัพย์สินทั้งหมดมีมูลค่ารวมกันประมาณหมื่นล้านหยวน
เธอเลยติดอันดับคนรวย 50 คนแรกของประเทศนี้เลยนะ”
“จริงอ่ะ เหลือเชื่อ เธอยังดูเด็กๆ อยู่เลย”
“ฉันไม่ได้พูดอะไรเกินจริงเลยนะ ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนี้ เริ่มต้นธุรกิจของเธอก่อนที่เธอจะจบมหาวิทยาลัย
ภูมิหลังของครอบครัวเธอก็ร่ำรวยอยู่แล้ว เธอเลยมีต้นทุนมากมาย และธุรกิจของเธอยังประสบความสำเร็จอีก
ฉันเพิ่งเห็นเธอตัวเป็นๆ ก็วันนี้ ตัวจริงสวยมาก”
จิงหยามองดูผู้ชายที่คุกเข่าต่อหน้าเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม
เธอพูดกับเขาด้วยน้ำเย็นชาว่า “ยิ่งเห็นคุณมาคุกเข่าต่อหน้าฉันแบบนี้
ฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่กับคุณและบริษัทคุณ นับจากนี้
บริษัทจิงเฉินอินเตอร์เนชั่นแนลจะขอถอนหุ้น
และจะไม่ยุ่งเกี่ยวบริษัทคุณอีก... เอาล่ะ ฉันยังอยากได้บ้านหลังนี้
คุณแค่ขายมันให้ฉันก็พอ”
ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเชงต้าวถึงกับเหยเกบูดเบี้ยว
ฝ่ายเชงฉ่วยผู้น้องก้มหน้าก้มตาด้วยความกลัว
ทันใดนั้นเชงต้าวดูจะควบคุมตัวเองไม่ได้
เขาเอื้อมไปหยิบไม้กวาดที่อยู่ใกล้ๆ
และฟาดลงบนร่างที่อัดด้วยไขมันของเชงฉ่วยไม่ยั้ง “ไอ้สารเลว!
นอกจากไม่เคยช่วยอะไร แกยังทำลายทุกอย่างอีก ไอ้ชั่ว!”
จังหวะนั้น จิงหยากวักมือเรียกพนักงานคนเดิม
ฝ่ายหลังเมื่อเห็นจิงหยาเรียก
เขาถึงกับรีบวิ่งไปหาเธออย่างรวดเร็วด้วยความกลัว
“วิลล่าหลังนี้ราคาเท่าไหร่ ฉันขอรูดบัตรเครดิต”
“ได้ครับท่าน” พนักงานหนุ่มตอบจิงหยาด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ
เขากลัวบารมีของเธอผู้นี้เสียแล้ว แม้แต่ประธานบริษัทหลงฮู่ฯ ยังต้องคุกเข่ายอมเธอ
เบ็ดเสร็จแล้ว บ้านหลังนี้มีราคา 10 ล้านหยวน
นั่นไม่ได้ทำให้จิงหยาสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
หลังจากจัดการซื้อบ้านเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้เธอเริ่มจัดการหาทีมงานตกแต่งวิลล่าหลังนี้ให้พร้อมเข้าอยู่
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เย่หัวไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมใดๆ เลย
เขาเลือกสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
ตอนนี้เขายอมรับในตัวภรรยาของเขาแล้วว่า เธอผู้นี้ช่างไม่ธรรมดา
การซื้อขายเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 13.00 น.
ขณะที่จิงหยาและเย่หัวเดินออกจากบริษัทมาด้วยกัน
อากาศข้างนอกค่อนข้างร้อนอบอ้าวเลยทีเดียว
อากาศร้อนจนถึงขั้นทำให้จิงหยาหน้าผากย่นตลอดเวลา
“สนุกดีนะ ได้เห็นคุณกร่างใส่คนเหล่านั้น” เย่หัวบอกภรรยา
จิงหยาจ้องมองเย่หัวโดยไม่พูดตอบอะไร
ในใจนึกรังเกียจผู้ชายคนนี้ที่เธอต้องเรียกว่าสามี
“แทนที่จะมองดูอย่างเดียว ทำไมไม่เข้ามาช่วยฉันล่ะ”
จิงหยาพูดด้วยน้ำเสียงถากถาง
“ถ้าผมช่วยคุย คนพวกนั้นคงต้องตายสถานเดียว” เย่หัวตอบ
จิงหยาตกใจเล็กน้อยกับคำตอบ จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา
“คุณก็ทำเฉยได้แนบเนียนเชียวนะ”
เย่หัวไม่ได้ตอบโต้คำพูดของจิงหยา เขาจุดบุหรี่สูบอีกมวน
“ไง... คุณจะทำตัวให้ซับซ้อนไปทำไม”
จิงหยายังไม่หยุดพูดเหน็บแนมสามี
ทันใดนั้น
รถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำคันเดิมพุ่งอย่างเร็วเข้ามาจอดตรงที่คนทั้งสองกำลังคุยกันอยู่
เชงต้าวก้าวลงมาจากรถ และพูดกับจิงหยาว่า
“ท่านประธานครับ แถวนี้เรียกแท็กซี่ค่อนข้างยาก อนุญาตให้ผมไปส่งท่านเถอะครับ”
เย่หัวปาก้นบุหรี่ทิ้ง แล้วกระโดดขึ้นไปบนรถตัดหน้าจิงหยา
เธอโมโหมากระหว่างก้าวขึ้นรถด้านคนขับ ถ้าเธอฆ่าผู้ชายคนนี้ได้
เธอคงทำไปแล้ว เชงต้าวรอจังหวะก้าวขึ้นรถไปนั่งตรงที่นั่งผู้โดยสาร
เขาหวังว่าจะใช้โอกาสนี้โน้มน้าวจิงหยาให้เปลี่ยนใจ ไม่ถอนหุ้นออกไปจากบริษัทของเขา
"ออกไป" เย่หัวสั่งเชงต้าว เมื่อเห็นเขากำลังเข้ามาในรถ
เชงต้าวชักเท้ากลับ ไม่ก้าวขึ้นรถตามคำสั่ง แต่แล้วเขาฉุกคิดว่า
ทำไมเขาต้องฟังคำสั่งชายผู้นี้ด้วย เขาคิดว่าเค้าคือใคร?
“ประธานเชง คุณไม่ต้องไปกับพวกเราหรอก”
จิงหยาบอกเชงต้าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อทั้งจิงหยาและเย่หัวอยู่ด้วยกันในรถ
บรรยากาศภายในนั้นเย็นเยือกจนแทบไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ
“ครับท่านประธาน” เชงต้าวรับคำ และหันไปสั่งคนขับรถว่า “เสี่ยวหวัง ขับรถดีๆ ล่ะ”
เมื่อทั้งคู่อยู่ด้วยกันอีกครั้งบนรถ ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่พูดไม่จา
จนในที่สุด จิงหยาเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาก่อน
“ระหว่างที่ตกแต่งบ้าน ฉันจะพักที่โรงแรม เมื่อไหร่ที่งานตกแต่งเสร็จเรียบร้อย เราค่อยย้ายเข้าบ้านไปพร้อมกัน”
"โรงแรม? ทำไมไม่พักที่บ้านผมล่ะ” เย่หัวถามกลับ มีความไม่พอใจในน้ำเสียง
“ชั้นสองของบาร์นั่นอ่ะนะ มันแคบและอึดอัดไป คนก็เยอะแยะพลุกพล่านเกินไปด้วย”
“หยุดเถียงผมไปเลย คุณต้องอยู่กับผมที่บาร์” เย่หัวยืนยันอย่างหนักแน่น
จิงหยาถอนหายใจและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“แล้วฉันก็ต้องซื้อเสื้อผ้าเพิ่มด้วย...” จิงหยาหันมาพูดกับเย่หัว
เธอเหมือนกำลังพยายามชวนเขาคุย
“เอาสิ”
“แต่คุณจ่ายนะ”
“ผมไม่มีเงิน”
"คนขี้เหนียว" จิงหยาพูดกัดเย่หัว
หลังจากนั้น ในรถยังคงเงียบ
เสี่ยวหวังคนขับรถฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่อย่างตั้งใจ ในที่สุด
เขารู้ว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน เขาจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเชงต้าว
เจ้านายของเขาคงให้ทิปสมนาคุณเขาแน่ๆ ที่เขาได้ข้อมูลนี้มา
“ทำไมรีบขึ้นรถมาล่ะ” จิงหยาถามเย่หัวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เธอไม่คิดว่าเขาจะใจเย็น ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
เย่หัวเอามือขึ้นมาลูบคาง ก่อนตอบว่า
“บางทีขยะก็มีประโยชน์ ปล่อยเขาไว้ก่อน ผมว่าเขาได้บทเรียนจากคุณไปแล้วล่ะ ตอนนี้ก็แค่รอดูผลที่จะเกิดขึ้น”
จิงหยานิ่งฟังและไม่ได้ตอบอะไรออกไป
ฝ่ายเสี่ยวหวังที่ยังลอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่ถึงกับตกใจ
ผู้ชายคนนี้กล้าเรียกเจ้านายเขาว่าขยะ ผู้หญิงคนนี้ก็ฟังเฉยเลย
“บีบให้เขาไปสู่ทางตัน แล้วเขาก็จะกลายเป็นแค่หมาจนตรอกตัวนึง”
เย่หัวพูด
“คุณนี่เลือดเย็นจริงๆ”
จิงหยาพูดด้วยเสียงอันเบาจนเกือบเหมือนเสียงกระซิบ
เย่หัวหัวเราะ
“คุณก็เหมือนกัน ถ้าผมไม่ขึ้นรถมา คุณจะยืนรอใครตรงนั้นเหรอ คุณก็ต้องหาเรื่องขึ้นรถมาเหมือนกันล่ะ”
จิงหยาหัวเราะ เวลาผู้หญิงคนนี้หัวเราะ โลกทั้งใบดูสว่างไสว และเธอก็ดูสวยมากยามเธอหัวเราะอย่างเบิกบาน
จิงหยาคิดว่าจริงๆ แล้วเย่หัวก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่ อย่างน้อย ๆ เขาก็เดาใจเธอออก
ระหว่างขับรถไป เสี่ยวหวังชักรู้สึกสับสน สองคนนี้พูดถึงเจ้านายเขาลับหลัง
ไม่กลัวเขาได้ยิน แล้วไปบอกเรื่องที่เขาคุยกัน กับเชงต้าวหรืออย่างไร
ช่วยแอบซุบซิบคุยกันก็ได้
ยังไงเขาต้องเอาเรื่องทั้งหมดไปรายงานให้เชงต้าวฟังอย่างแน่นอนว่า สามี ภรรยาคู่นี้ร้ายกาจยังไง
"คุณคิดว่าเขาจะไปบอกอะไรเจ้านายเขามั้ย" จิงหยาถามเย่หัว
เธอไม่ได้มีอาการวิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย
“เขาไม่กล้าหรอก” เย่หัวตอบ
"ฉันเห็นด้วย” จิงหยาพยักหน้า
มือที่จับพวงมาลัยของเสี่ยวหวังเริ่มสั่น ทั้งสองคนเป็นอะไรกัน
ทำไมกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเขา ตอนนี้เขากลัวและไม่กล้าเอาเรื่องที่ได้ยินไปบอกเชงต้าวเสียแล้ว
เมื่อรถวิ่งมาถึงถนนเส้นหนึ่ง ที่เป็นตลาดกลางคืน และถนนคนเดิน
เย่หัวสั่งเสี่ยวหวังว่า “จอดที่นี่”
“จอดทำไม?” จิงหยาถามอย่างสงสัย
"กิน" โดยไม่ต้องรอให้จิงหยาตอบ เย่หัวเปิดประตูลงไปจากรถ
จิงหยาถอนหายใจ และลงจากรถตามเขาไป