ตอนที่ 117 สังหารหมู่
“รีบหนีเร็ว!”
“เขาบ้าไปแล้ว!”
“ความผันผวนของพลังงานที่แผ่จากตัวเขาถึงระดับของผู้บ่มเพาะดวงดาวแล้ว!”
…
กระสุนอากาศพุ่งผ่านอากาศ บินเร็วเท่ากับกระสุนจริงและมีความหนาแน่นเท่ากับเม็ดฝน พลังทำลายล้างสูงมาก
นักวิจัยเหล่านั้นพากันหนีตาย
ทรงพลังดุจเสีย เกรี้ยวกราดดุจหมาป่า
วินาทีที่เฟิงหลินเผยสีที่แท้จริง เขาก็เริ่มเข่นฆ่า
นักวิจัยเหล่านี้ดูเหมือนลูกไก่ แต่จริงๆแล้วทุกคนคือฆาตกรเลือดเย็น ไม่รู้ว่าพวกเขาฆ่ามนุษย์ไปกี่คนแล้ว
เฟิงหลินไม่รู้สึกผิดบาปอะไรกับการฆ่าพวกเขา
หากต้องฆ่าคนชั่วบ้าง บางครั้งพวกเขาก็อาจต้องเลวร้ายยิ่งกว่าเป้าหมาย
“พอแล้ว!”เฟิงหลินลงมือเร็วเกินไป ก่อนแฟรงค์จะตอบสนองทัน เขาก็เห็นคนของบริษัทยาถูกฆ่าทีละคน แฟรงค์โกรธจัด“ยักษ์เขียว ฆ่าเขาซะ!”
ครื่น!
ยักษ์เขียวสูงกว่าสามเมตรกระโดดออกมา ทำให้พื้นสั่นสะเทือน ร่างสูงใหญ่มันขวางตรงหน้าเฟิงหลิน ทำเหมือนโล่รับกระสุนอากาศ
นักวิจัยเหล่านั้นที่โชคดีพอยังรอดรีบคลานหนี พวกเขาอยากอยู่ให้ไกลจากเฟิงหลินที่สุด
“เฟิงหลิน ฉันประเมินแกต่ำไป!”แฟรงค์ผลักทุกคนและเดินออกมา เขามีแว่นไฮเทคตรงตาขวาและกำลังสแกนเฟิงหลิน ในไม่ช้าข้อมูลก็ปรากฏและแฟรงค์ก็อุทานด้วยความตกใจ“สถานะพลังชีวิต45.8 ไม่คิดเลยว่าคนหนุ่มอย่างแกจะมาถึงช่วงกลางแล้ว น่าประทับใจมาก!”
แม้เขาจะชมเชย แต่น้ำเสียงเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร
เครื่องสแกนพลัง!
เฟิงหลินรู้ทันทีและเข้าใจว่ามันคืออุปกรณ์ต่อสู้ระดับสูง ช่วยให้ผู้เข้าสแกนสถานะของฝ่ายตรงข้ามได้ มันสามารถบอกได้ว่าเขาอยู่ในช่วงกลางของอาณาจักรผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว
ทุกๆก้าวในอาณาจักรผู้บ่มเพาะดวงดาวถือว่าเป็นก้าวใหญ่ พลังชีวิตฐานพวกเขาจะเพิ่มเป็นสิบเท่า
ตัวอย่างเช่น ผู้บ่มเพาะฝึกหัดที่มีสถานะพลังชีวิตเริ่มจาก1 ผู้บ่มเพาะดวงดาวจะเริ่มจาก10 และผู้บ่มเพาะระดับสูงจะเริ่มจากร้อย
ทุกอาณาจักรบ่มเพาะสามารถแบ่งได้เป็นห้าขั้นเล็กๆตามสถานะพลังชีวิต ขั้นต้น กลาง ท้าย สมบูรณ์ และสูงสุด
สำหรับผู้บ่มเพาะดวงดาวที่มีพลังชีวิตต่ำกว่าสามสิบ พวกเขาถือเป็นขั้นต้น หากเป็น30-60 พวกเขาจะถือเป็นขั้นกลาง 60-90ถึงจะเป็นขั้นท้าย
สำหรับผู้บ่มเพาะขั้นท้าย การควบคุมความสามารถพันธุกรรมพวกเขาได้มาถึงจุดอิ่มตัวและสามารถเลือกวิวัฒนาการเป็นยีนขั้นสูงขึ้นได้
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาถึงมาขีดจำกัดของอาณาจักรบ่มเพาะแล้ว
หากสถานะพลังชีวิตเกินกว่า90 นั่นจะถือเป็นขั้นสมบูรณ์
ขั้นนี้ คนจะสามารถควบคุมความสามารถยีนได้อย่างสมบูรณ์และยีนพวกเขาจะสามารถกระตุ้นพลังชีวิตพวกเขาได้ ช่วยให้สถานะพลังชีวิตพวกเขาเพิ่มถึงขั้นที่มีน้อยคนจะบรรลุได้
แต่นี่ไม่ใช่ขั้นสุดท้าย เหนือกว่าขั้นสมบูรณ์ยังมีขั้นสูงสุด
หากพลังชีวิตมาถึง100ที่อาณาจักรผู้บ่มเพาะดวงดาว พวกเขาจะเจอกันขีดจำกัดและจะไร้เทียมทานที่ระดับนั้น
“ผู้จัดการ ฆ่าเขาซะ!”ไอค์คำราม หัวใจเขารู้สึกเหมือนกำลังหลั่งเลือด“นักวิจัยเหล่านี้สิ้นเปลืองทรัพยากรเราไปมาก แต่เขาก็ฆ่าไปหลายคน”
แฟรงค์จ้องศพบนพื้นขณะที่สีหน้าเขากลายเป็นบิดเบี้ยว
คนเหล่านี้แตกต่างจากพวกที่ถูกโยนเข้าลาวา คนเหล่านี้ถือเป็นหัวกะทิอย่างแท้จริง การเสียไปสักคนก็ทำให้หัวใจเขาเจ็บปวดแล้ว
“ยักษ์เขียว ฆ่าเขาซะ!”ดวงตาของแฟรงค์ทอประกายเย็นชา
โฮก!
ยักษ์เขียวคำรามขึ้นฟ้า ระดับเสียงคำรามนี้น่ากลัวมาก พลังเสียงทำให้การไหลของอากาศทั้งหมดปั่นป่วน
วินาทีต่อมา ยักษ์เขียวก็กลายเป็นสัตว์ป่าและวิ่งสี่ขาหาเฟิงหลิน
“อืม?”เฟิงหลินจ้องมันเงียบๆ มันราวกับหลุมดำที่สามารถกลืนวิญญาณของเป้าหมายได้ พลังงานจิตเขาหลั่งไหลออกมา ยิงไปข้างหน้าจากใจกลางระหว่างคิ้ว
ยีนจิตเขามีถึง9จุดแล้ว ทำให้พลังจิตของเฟิงหลินทรงพลังมาก มันเหมือนดาบที่มองไม่เห็น เจาะเข้าไปในจิตใจของยักษ์เขียวตรงๆ
ยักษ์เขียวโหยหวน และมือมันก็กุมหัวแน่นขณะกลิ้งกับพื้น หัวมันรู้จึกปวดราวกับสมองมันกำลังเปลี่ยนเป็นกาว
“เกิดอะไรขึ้น?”แฟรงค์ตกใจ“รีบฆ่าไอเด็กเหลือขอนั่นซะ!”
“ฆ่าคนขาวเหล่านั้นซะ!”เฟิงหลินออกคำสั่ง
สีหน้าของยักษ์เขียวบิดเบี้ยว มันไม่รู้ว่าจะฟังคำสั่งไหน
“รีบฆ่าเขา!”แฟรงค์สั่งต่อ
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”เฟิงหลินทำเหมือนกัน
...
ทั้งสองผลักกันออกคำสั่ง ซึ่งเจาะไปในจิตใจของยักษ์เขียว
ยักษ์เขียวไม่รู้ว่าจะฟังใคร หนึ่งคือสัญชาตญาณในการเชื่อฟัง อีกหนึ่งคือคำแนะนำไร้รูปร่างที่ยังดังก้องในหัวมัน ทำให้มันอยากทำตามคำสั่งด้วย
สีหน้ามันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ดวงตาคล้ายวัวมันแดงก่ำ ความบ้าคลั่งในสายตามันเพิ่มขึ้น ทันใดนั้น มันก็คำรามและแปลงเป็นสัตว์ป่าที่เริ่มทำลายไปทั่ว
ยักษ์เขียวกลิ้งไปมาและกระโดด หมัดขนาดใหญ่ของมันเหมือนค้อนทุบทุกอย่างที่ขวางหน้า พลังน่าสะพรึงกลัวของมันปลดปล่อยมาเต็มที่ ทำให้พื้นสั่นสะเทือนไม่หยุด
นักวิจัยอ่อนแอที่รอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้โชคร้ายมาก พวกเขาถูกทุบจนกลายเป็นแผ่นเนื้อ
หลังการฆ่าล้างของเฟิงหลิน ยักษ์เขียวก็เริ่มสืบสาน
“แกทำได้ยังไงกัน?”สีหน้าแฟรงค์น่ากลัวมาก เขาพบว่าเขาสูญเสียการควบคุมยักษ์เขียวไปแล้ว“ฉันฝังชิปในสมองของมัน ทำไมมันถึงฟังคำสั่งของแกแทน?”
“ยากมากหรือไง?”เฟิงหลินหัวเราะเสียงเย็น“แกคิดจริงๆว่าฉันจะไม่มีมาตรการเตรียมไว้เมื่อฉันทำยายักษ์เขียว?ยักษ์เขียวไม่ใช่แค่เครื่องจักรสังหาร มันมีชีวิต!”
“การควบคุมจิต!”แฟรงค์เข้าใจทันที“ฉันควรคิดถึงเรื่องนี้แต่แรก ในเมื่อแกปลุกยีนจิต มันก็ไม่ควรยากเกินสำหรับแกที่จะเรียนรู้การสะกดจิต”
ไอค์ผู้อยู่ข้างๆเห็นแจ้ง“ในอดีต แกก็ใช้มันกลับฉันด้วยสินะ?”
เขาพลันนึกถึงความรู้สึกดีๆที่เขามีต่อเฟิงหลินก่อนหน้า ทุกอย่างแปลกมาก
เฟิงหลินหัวเราะเสียงเย็น“แกยังไม่ถือว่าโง่!”
“แก..”สีหน้าของไอค์น่าเกลียด
ปัง!
เฟิงหลินกระทืบเท้าอย่างแรง ถีบตัวขึ้นอากาศ พุ่งใส่แฟรงค์
เขาสะบัดมือ มือหนึ่งเป็นหยาง อีกมือเป็นหยิน ทั้งหยินและหยางรวมกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไร้ขอบเขต
ระลิกคลื่นไร้รูปร่างแผ่ออกไป
แฟรงค์และไอค์ได้รับผล ถูกชักจูงด้วยการเปลี่ยนแปลงของท่ามือนับไม่ถ้วน จิตสำนึกพวกเขาเริ่มดำดิ่ง
รอยประทับกระจกหยินหยาง
เฟิงหลินลงมือทันที อยากถือไพ่เหนือกว่า
เพื่อปราบกลุ่มโจม มันต้องเด็ดหัวหัวหน้า!”
ตราบเท่าที่เขาจัดการแฟรงค์ได้ ศึกนี้ก็จะจบ เฟิงหลินไม่อยากเสียเวลา
เปลือกตาของไอค์เริ่มหนัก เขากำลังจะหลับ
“ตื่น!”แฟรงค์คำราม แสงสาดออกจากตาเขาขณะที่เขาตื่นจากอาการมึนงงและรีบทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับเฟิงหลิน
เมื่อเห็นแบบนี้ เฟิงหลินก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่แปลกใจเกินไป
ยีนจิตเป็นแค่ยีนพื้นฐาน แม้เขาจะเสริมมันถึง9จุด มันก็ไม่อาจสะกดจิตผู้บ่มเพาะดวงดาวที่ปลุกยีนแรกเริ่มได้
เนื่องจากการเดิมพันล้มเหลว เฟิงหลินจึงเปลี่ยนเทคนิค ทั้งสองมือเขากลายเป็นไร้กระดูก คล้ายกับงูตัวใหญ่ที่ฉกใส่แฟรงค์ อยากจับเขา
รอยประทับเชือกบ่วงเทพ!
แขนเขาพันกันเป็นเกลียมปม มันรู้สึกแม้กระทั่งเทพในตำนานก็ยังถูกจับได้ กระบวนท่านี้ทำให้เป้าหมายถูกพันธนาการ
“ปัง!’
ลำแสงสีขาวสว่างวูบ
“อะไรกัน?”เฟิงหลินพบว่ามีปีกสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏบนหลังของแฟรงค์ ขนบนปีกแหลมดุจมีดและแข็งเหมือนเหล็กเย็น พวกมันห่อหุ้มแฟรงค์ไว้เป็นการปกป้อง
เฟิงหลินคว้าเข้ากับปีกนั่นขณะเกิดประกายไฟ
แต่ด้วยการกระพือปีก พลังมหาศาลก็ผลักเฟิงหลินออกไป
หวืด หวืด
ปีกกระพืออย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดพายุขนาดเล็ก แฟรงค์ลอยขึ้น จ้องมองเฟิงหลินด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว ดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวเงินและไม่มีอารมณ์ใดบนหน้า เขาเหมือนฑูตจากสวรรค์ เหยียดมองมายังโลกมนุษย์