ตอนที่แล้วAtW ตอนที่ 35 ช็อตแรก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAtW ตอนที่ 37 ภารกิจมอบธนู

AtW ตอนที่ 36 ปล้นกันชัดๆ


AtW ตอนที่ 36 ปล้นกันชัดๆ

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

อัศวินมาแชลได้แต่มองดูธนูและลูกธนูในมือของตัวเอง อัศวินมาแชลไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลยว่าวิกฤตที่ปราสาทถูกโจมตีในตอนนี้จะสามารถฝ่าวิกถตได้เพียงแค่การยิงธนูจากคันธนูคันนี้เท่านั้น อัศวินมาแชลได้สงสัยว่านี้เป็นพลังที่แท้จริงของปรมาจารย์ช่างตีเหล็กอย่างงั้นหรอ

เมื่ออาเบลมองไปที่อัศวินมาแชลอาเบลก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้อัศวินมาแชลต้องติดใจธนูทดกำลังอย่างแน่นอน การแสดงออกทางสีหน้าของอัศวินมาแชลนั้นคุ้นตาอาเบลเป็นอย่างมาก การแสดงสีหน้าของอัศวินมาแชลในตอนนี้ก็เหมือนกับตอนที่อัศวินมาแชลกำลังนั่งทำความสะอาดชุดเกราะที่เขารักนั่นเอง

อาเบลหวังไว้ว่าอัศวินมาแชลจะคืนธนูทดกำลังคันนี้ให้กับตัวอาเบล อาเบลได้ยื่นมือออกไปทางอัศวินมาแชล ตอนนี้อาเบลหวังที่จะได้ธนูของเขาคืนจากอัศวินมาแชลนั่นเอง

แต่ถึงแม้อาเบลจะเอื้อมมือออกไปสักพักแล้วแต่ธนูทดกำลังที่อัศวินมาแชลถืออยู่ในมือนั้นก็ยังคงไม่ถูกขยับเขยื้อนไปไหน

"อาเบล? ไม่คิดว่าพ่อทำได้ดีเลยหรอไงในวันนี้น่ะ?"

รอยยิ้มบนหน้าของอัศวินมาแชลทำให้อาเบลนึกถึงหมาป่าเจ้าเล่ห์ในนิทานอย่างหนูน้อยหมวกแดง รอยยิ้มนี้เองทำให้อาเบลรู้สึกสั่นกลัวไปถึงข้างในจิตใจของเขา

อาเบลก้มหัวลงก่อนจะพูดกับอัศวินมาแชลว่า "พ่อเก่งที่สุดสำหรับผมอยู่แล้วครับ"

"รู้ไหมว่าพ่อไม่เคยมีธนูดีแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย ในชั่วชีวิตของอัศวินระดับกลางคนนี้เคยใช้แต่ธนูห่วยๆ....แต่จนถึงตอนนี้" อัศวินมาแชลพูดอย่างน่าสงสาร

แต่จากที่อาเบลได้สังเกตมา ทุกครั้งที่อัศวินมาแชลจะออกไปไหนเขาจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าสุดแพงและมีราคาทุกครั้ง แน่นอนว่าทุกครั้งที่ไปไหนอัศวินมาแชลจะพกดาบเวทย์รวมไปถึงเกราะที่ส่องแสงแวววาวทุกครั้งไป แม้แต่ม้าของอัศวินมาแชลเองก็ยังแข็งแกร่งกว่าม้าตัวอื่นๆ ดังนั้นการที่อัศวินมาแชลจะถือธนูธรรมดาๆ ก็คงจะเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าไรนัก หากไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้จริงๆ แล้วอัศวินมาแชลก็คงจะไม่พกอุปกรณ์สวมใส่ธรรมดาไปอย่างแน่นอน

อัศวินมาแชลรู้ว่าธนูนี้ทำยากแค่ไหน แต่ถ้าหากอัศวินมาแชลคืนธนูคันนี้ไปก็เท่ากับว่าเขาจะต้องกลับไปใช้ธนูธรรมดาอีกครั้งนั่นเอง นั่นไม่ใช่นิสัยของอัศวินมาแชลเลย

ตอนนี้กองกำลังป้องกันปราสาทแฮรี่นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ออร์คกว่า 12 ตัวถูกฆ่าตายนอกปราสาทในทันที แต่ออร์คทั้งหมดที่ถูกฆ่าตายเป็นเพียงแค่ออร์คธรรมดาเท่านั้น ถ้าหากเป็นออร์คธรรมดาทั่วไปอัศวินมาแชลก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรพวกมันเลย ออร์คเหล่านี้มีระดับการต่อสู้อย่างน้อยระดับ 6 และออร์คทุกๆ ตัวก็รู้วิธีการใช้พลังลมปราณในการต่อสู้ดี แต่ถึงส่วนมากออร์คจะมีฝีมือแต่อัศวินมาแชลที่เป็นอัศวินระดับกลางนั้นก็สามารถจัดการออร์คเหล่านั้นอย่างไม่ยากเย็นนักถ้าหากต้องสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง ออร์คส่วนมากนั้นจะมีพลังการต่อสู้ที่มากกว่าคนที่มีพลังต่อสู้อยู่ในระดับเดียวกัน การที่อยู่ในสงครามมาหลายปีทำให้พวกออร์คนั้นฝึกฝนและผ่านประสบการณ์อันยากลำบากมาส่งผลให้พวกมันนั้นแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วพวกออร์คก็กลายเป็นเครื่องจักรสังหารหมู่ในสงครามไปนั่นเอง

อัศวินมาแชลจำไม่ได้ว่าครั้งล่าสุดนั้นเขารู้สึกตื่นเต้นกับการต่อสู้เมื่อไรกันแน่ ตอนนี้อัศวินมาแชลยืนอยู่บนกำแพงพร้อมกับที่ยิงลูกธนูไปที่เหล่าออร์คทั้งหลาย ลูกธนูพวกนี้เป็นเหมือนกับข้อความแห่งความตายที่ไปถึงออร์คตัวไหนก็แล้วแต่ออร์คตัวนั้นจะต้องตายจากไป

เมื่ออาเบลได้เห็นชายวัยสี่สิบกว่าอย่างอัศวินมาแชลที่พยายามทำตัวน่ารักอยู่ตรงหน้าของอาเบล อาเบลก็รู้สึกพ่ายแพ้ไปในที่สุด อาเบลได้แต่มองไปที่คันธนูที่ตัวเขาสร้างเองอย่างสิ้นหวัง ดูเหมือนว่าอาเบลคงจะไม่ได้ธนูคันนี้คืนแล้วนั่นเอง ตอนนี้อาเบลรู้สึกได้ว่าธนูทดกำลังที่สามารถใช้แรงยิงได้ถึง 400 ปอนด์นั้นกำลังลอยไปไกลจากตัวอาเบลมากขึ้น สุดท้ายแล้วอาเบลก็ตัดใจก่อนที่จะพูดออกไปว่า "งั้นพ่อก็ใช้ธนูคันนี้ไปเถอะครับ"

หลังจากที่อาเบลยอมแพ้อัศวินมาแชลก็ได้หัวเราะครั้งใหญ่ออกมา ตอนนี้เขาเริ่มที่จะดึงคันธนูอีกครั้งในท่ายืนของมือธนูแล้ว อาเบลที่ได้เห็นแบบนั้นเขาก็เริ่มพูดต่อไป "สำหรับอัศวินที่ทรงพลังแบบพ่อแล้วการที่จะได้ใช้ธนูแบบนี้ก็คงจะเหมาะสมที่สุดแล้ว!"

"แต่พ่อครับ ถ้าหากพ่อดึงธนูโดยไม่ใส่ลูกธนูไปแล้วละก็ธนูก็จะเสียหาย ถ้าถึงตอนนั้นแล้วก็คงจะไม่มีอะไหล่จากไหนที่จะซ่อมแซมธนูคันนี้ได้" อาเบลพยายามทำเป็นไม่สนใจในตอนที่อัศวินมาแชลกำลังทำเป็นเท่ห์อยู่นั่นเอง

หลังจากที่ได้ยินคำเตือนของอัศวินมาแชลเขาก็หยุดหัวเราะในทันที ตอนนี้อัศวินมาแชลได้ค่อยๆ ปล่อยคันธนูอย่างเบามือ สายธนูที่อยู่ในมือของอัศวินมาแชลก็เริ่มกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้นคันธนูคันนี้ก็ยังแตกต่างจากคันธนูทั่วๆ ไปอยู่ดี คันธนูธรรมดาทั่วๆ ไปนั้นจะต้องออกแรงดึงธนูอย่างเต็มที่แต่คันธนูคันนี้กลับไม่ต้องใช้แรงมากมายอะไรเลย แต่ถึงจะไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมายแต่ลูกธนูที่ถูกยิงโดยธนูคันนี้กลับทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ อัศวินมาแชลได้แต่ปาดเหงื่อที่ไหลรินออกมาจากหน้าผากก่อนที่จะสังเกตธนูทดกำลังที่อาเบลทำขึ้นอย่างถี่ถ้วน ธนูคันนี้เป็นเหมือนกับธนูอันศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับมา ถ้าหากรีบร้อนที่จะทดลองใช้มันมากจนเกินไปมันก็จะเสี่ยงที่จะทำลายคันธนูคันนี้ไปนั่นเอง

อาเบลถอนหายใจก่อนที่จะเดินออกจากกำแพงป้องกันอย่างเศร้าสร้อย ตอนนี้อาเบลจะต้องกลับไปที่โรงตีเหล็กเพื่อที่จะประกอบธนูทดกำลังขึ้นมาใหม่เป็นคันที่สอง ตอนนี้อาเบลคิดจะสร้างธนูทดกำลังขึ้นมาอีก 2 คันด้วยกันซึ่ง 1 ในคันธนูอันใหม่นั้นจะเป็นของอาเบลเอง และคันธนูที่เหลืออีก 1 คันนั้นอาเบลตั้งใจที่จะมอบให้กับผู้เป็นพ่ออย่างอัศวินเบ็นเน็ตต์ อาเบลรู้ได้ทันทีว่าถ้าหากอัศวินมาแชลได้รับธนูทดกำลังไปในไม่ช้านี้อัศวินมาแชลต้องเอาไปโชว์กับอัศวินเบ็นเน็ตต์อย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วถ้าหากอัศวินเบ็นเน็ตต์รู้ถึงการมีอยู่ของธนูโดยที่ไม่มีเขาจะต้องเสียใจมากอย่างแน่นอน แม้ว่าพ่อของเขาอย่างอัศวินเบ็นเน็ตต์จะไม่พูดอะไรแต่อาเบลก็รู้ได้ว่าอัศวินเบ็นเน็ตต์จะต้องเสียใจ

"เปิดประตูปราสาทซะ! ลากศพของพวกมันไปด้านหลังและอย่าลืมจัดการกับสัตว์ขี่ของมันด้วยล่ะ" อัศวินมาแชลตะโกนให้ทหารยามด้านล่างนั้นเปิดประตู ทหารม้าที่รอคอยคำสั่งอยู่นานตอนนี้กำลังออกเคลื่อนไหวแล้ว

หลังจากที่ประตูปราสาทเปิดขึ้น ทหารม้านับสิบก็รีบวิ่งออกจากประตูในทันที มีหมาป่าที่น่าสงสารสองตัวที่ไร้เจ้านายกำลังยืนอยู่ในสนามรบตอนนี้ ทันทีที่พวกมันเห็นมนุษย์พวกมันก็ทำท่าทางที่จะต่อสู้ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายทันที

แต่หมาป่าทั้งสองนั้นไม่ทันที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น ลูกธนูปริศนาก็ได้เจาะกระโหลกของพวกมันในทันที ทหารม้าในตอนนี้กำลังถูกนำโดยผู้นำอย่างอัศวินมาแชลนั่นเอง อัศวินมาแชลกำลังขี่ม้าศึกพร้อมกับสวมใส่ชุดเกราะเงางามตัวโปรดของเขาอยู่ การที่ผู้นำอย่างอัศวินมาแชลนำทัพด้วยตัวเองนั้นทำให้เหล่าทหารมีกำลังใจเพิ่มขึ้นนั่นเอง

นอกจากหมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่ทั้งสองตัวจะถูกยิงตายไป ตอนนี้วัวโลกันตร์อีกสี่ตัวที่อยู่ไกลๆ กับปราสาทก็ลูกธนูยิงจนบาดเจ็บด้วยเช่นกัน สัตว์ขี่ตัวอื่นๆ ที่รอดชีวิตมาได้กลับวิ่งหนีไปพร้อมๆ กับออร์คตัวอื่นๆ แล้ว วัวโลกันตร์เป็นออร์คที่ไม่ได้ฉลาดเท่าไรนัก แน่นอนว่าพวกมันเองก็ไม่ได้ซื่อสัตย์อะไรอีกด้วย ดังนั้นแล้ววัวโลกันตร์ทั้งหลายจึงสามารถฝึกให้เชื่องได้นั่นเอง

หลังจากที่ได้ขับไล่พวกออร์คได้กองกำลังทหารก็ได้เดินไปจับวัวโลกันตร์ทั้ง 4 ตัวที่ถูกทิ้งเอาไว้ไม่ไกลจากปราสาทมากนัก อัศวินมาแชลตัดสินใจไว้แล้วว่าจะทำให้มันเชื่องจนกลายเป็นสัตว์รับใช้ไปนั่นเอง อัศวินมาแชลตัดสินใจที่จะเปลี่ยนม้าที่คอยลากรถม้าให้เป็นวัวโลกันตร์แทน โดยที่ให้วัวโลกันตร์กับอาเบลไปทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน การที่มอบวัวโลกันตร์ให้กับอาเบล 2 ตัวนั้นจะทำให้อัศวินมาแชลลดความรู้สึกผิดลงที่มีต่อตัวอาเบลได้นั่นเอง แต่ความจริงแล้วอัศวินมาแชลก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรมากนัก ถ้าหากอัศวินมาแชลไม่ได้เอาธนูคันนี้มาจากอาเบล อาเบลก็คงจะไม่มีแรงบันดาลใจในการสร้างธนูแบบนี้อีกต่อไป

ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างได้ถูกคลี่คลายแล้ว ตอนนี้ไม่มีออร์คที่จะกล้าบุกตีปราสาทแฮรี่อีกต่อไป อัศวินมาแชลได้สั่งให้ทหารยามที่คอยลาดตระเวนนั้นพักผ่อนได้ ในหลายวันที่ผ่านมานี้อัศวินมาแชลได้เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นแล้วพวกทหารยามรวมถึงอัศวินมาแชลเองจึงต้องสวมชุดเกราะอยุ่ตลอดเวลานั่นเอง คนที่ดูเครียดมากที่สุดเป็นอัศวินมาแชลอย่างไม่ต้องสงสัย อัศวินมาแชลเป็นผู้นำของปราสาทนั่นเองดังนั้นแล้วเขาจึงต้องรับผิดชอบทุกๆ อย่างอย่างเต็มที่

ถ้าหากมีออร์คปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ กับปราสาทที่ใครก็แล้วแต่เป็นเจ้าของ ขุนนางที่เป็นเจ้าของคนนั้นจะไม่สามารถที่จะออกจากปราสาทได้นั่นเอง นี่เป็นเหมือนกับกฎที่ถูกจัดตั้งขึ้นสำหรับมนุษย์ทุกคนที่อยู่ในดินแดนนี้ ถ้าหากมีศัตรูของมนุษยชาติบุกยึดปราสาทนั้นได้ขุนนางที่เป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้นก็จะถือว่าเป็นผู้ที่ละทิ้งทรัพย์สินไปแล้วนั่นเอง

กฎต่างๆ เหล่านี้ไม่ครอบคลุมถึงความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง หากมีมนุษย์ทั้งสองกลุ่มต่อสู้กัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่รู้ตัวว่าไม่สามารถจะเอาชนะได้สามารถที่จะยอมแพ้ได้นั่นเอง แน่นอนว่าฝ่ายที่แพ้ก็จะกลายเป็นเชลยของฝ่ายที่ชนะไปในที่สุด การต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองเกิดขึ้นไม่บ่อยมากนัก ไม่มีใครที่อยากจะเสี่ยงต่อสู้กับขุนนางด้วยกันเอง เว้นแต่ว่าพวกเขาทั้งสองฝ่ายนั้นต่างก็เกลียดชังกันมานานแล้ว

อาเบลได้กลับไปที่โรงตีเหล็กเดิมแล้ว ตอนนี้อาเบลกำลังสร้างธนูทดกำลังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง อาเบลต้องทำธนูทดกำลังทั้งหมด 2 คันด้วยกัน อาเบลได้รวบรวมธนูหนักถึง 4 คันด้วยกันในโรงเก็บของที่ปราสาทแฮรี่ แต่ด้วยอัศวินมาแชลทำให้อาเบลรู้สึกไม่พอใจอาเบลจึงไม่ได้บอกอะไรกับอัศวินมาแชลนั่นเอง

ในการสร้างธนูครั้งนี้อาเบลได้ใช้เวลามากกว่าครั้งที่ผ่านมา นอกจากที่อาเบลจะต้องสร้างธนูทดกำลังถึงสองคันแล้วอาเบลก็ไม่ลืมที่จะสร้างสปริงขนาดใหญ่ในครั้งนี้ด้วย ตอนนี้อาเบลเตรียมพร้อมที่จะอัพเกรดยานพาหนะของเขาแล้ว ทุกครั้งที่อาเบลนั่งรถม้าในการเดินทางเขาจะรู้สึกชอกช้ำไปทั่วทั้งตัว อาเบลเคยชินกับการนั่งรถยนต์ในอดีตมากกว่า ในโลกใบนี้ยานพาหนะอย่างรถม้านั้นทำให้ตัวของอาเบลช้ำตลอดเวลาในการเดินทาง

วันเวลาผ่านไปถึง 2 วัน อาเบลได้ใช้พลังของเขาทั้งหมดในการสร้างธนูทดกำลังทั้ง 2 คันไป ตอนนี้อาเบลได้รับประสบการณ์มากขึ้นจากการสร้างธนูแล้ว ธนูทดกำลังถึง 2 คันนั้นถูกปรับปรุงแก้ไขให้ใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น

ตอนนี้พวกออร์คทั้งหลายได้ถูกขับไล่ออกไปจากปราสาทแฮรี่แล้ว อาเบลเลยตัดสินใจที่จะไปทดลองใช้ธนูคันใหม่นี้ข้างนอกปราสาทนั่นเอง

อาเบลปรับระยะการยิงของธนูได้แล้ว ตอนนี้ธนูคันใหม่ของอาเบลสามารถยิงในระยะ 100 เมตร 200 เมตร และ 400 เมตร แต่เมื่ออาเบลลองยิงธนูที่ระยะ 400 เมตรอาเบลก็รู้ได้ทันทีว่าความรุนแรงของลูกธนูนั้นลดลงไปเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองอาเบลจึงคิดได้ว่าระยะยิงที่ไกลที่สุดที่จะหวังผลได้ของธนูทดกำลังที่เขาสร้างนี้ก็คือ 400 เมตรนั่นเอง ถ้าหากยิงไกลเกินกว่านี้พลังของลูกธนูจะไม่สามารถที่จะฆ่าใครได้เลย ความเสียหายที่ทำได้ก็คงทำให้ศัตรูของอาเบลนั้นบาดเจ็บเพียงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วของลูกธนูก็จะลดลงไปอย่างมากอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากหลีกเลี่ยงได้แล้วละก็คงจะต้องยิงธนูในระยะที่ใกล้กว่า 400 เมตรเท่านั้น

เมื่อการทดลองธนูเสร็จสิ้นลงอาเบลตัดสินใจที่จะส่งธนูทดกำลังคันนี้ให้กับอัศวินเบ็นเน็ตต์ในทันที ดังนั้นแล้วอาเบลจึงตัดสินใจขอให้อัศวินมาแชลนั้นไปเยี่ยมเยียนอัศวินเบ็นเน็ตต์ที่ปราสาทนั่นเอง

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด