บทที่ 2 ความสดใหม่
ถังเหว่ยเกิดอาการมือไม้สั่นไปหมด น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
ที่โรงเรียน เด็กสาวผู้นี้เป็นที่หมายปองของบรรดาเด็กหนุ่ม แต่ทว่า
สำหรับเย่หัว เธอไม่ได้มีค่าในสายตาเขาเลย เขาไม่อยากมองเธอด้วยซ้ำ
“บอสคะ อย่าไปถือสาหาความถังเหว่ยเลยค่ะ เธอไม่ได้ตั้งใจ
ยกโทษให้เธอนะคะ การทำงานที่นี่สำคัญต่อเธอมาก”
พนักงานสาวอีกคนทักท้วงขึ้นมา
เธอคือคนเดียวกันกับคนที่ห้ามถังเหว่ยไม่ให้สารภาพรักกับบอส
ดูเหมือนว่าเด็กสาวทั้งสองจะมีไมตรีจิตต่อกันค่อนข้างมากเลยทีเดียว
“ใครๆ ก็อยากได้งานกันทั้งนั้นล่ะ” เย่หัวยังคงพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
สายตาของเขายังคงจับจ้องที่แก้วไวน์
“แต่ว่า... บอสคะ ครอบครัวของถังเหว่ยกำลังมีปัญหาทางการเงิน
อีกอย่างคือถังเหว่ยเธอเป็นคนสวย
ไปทำงานที่ไหนก็มีแต่คนจ้องคุกคามลวนลามเธอ
ฉันเป็นคนชวนเธอมาทำงานที่นี่เอง บอสคะ ขอร้องล่ะค่ะ
อย่าไล่เธอออกเลยนะคะ"
เย่หัวหันมามองเจ้าของเสียงพูด เขาตอบออกไปว่า
“เธอคิดว่าบาร์ของฉันคือที่หลบภัยอย่างนั้นเหรอ”
หญิงสาวได้แต่ก้มหลบสายตาคู่นั้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะปริปากตอบ
นี่ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวานหรือก่อนหน้านี้
เย่หัวคงไล่ถังเหว่ยออกจากงานโดยไร้ความปราณี
แต่วันนี้ดูบอสจะอารมณ์ดีมากกว่าปกติ
“อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” น้ำเสียงของเขาทุ้มเบา
ดูมีความเมตตาต่างจากก่อนหน้านี้
“ถังเหว่ย! รีบขอบคุณบอสสิ”
หญิงสาวผู้นั้นหันไปบอกเพื่อนร่วมงานที่กำลังร้องไห้
“ขะ... ขอบคุณค่ะบอส” เด็กสาวสะอึกสะอื้นตอบ
“กลับไปทำงาน” เย่หัวออกคำสั่ง
“เดี๋ยวก่อน!” เขาตะโกนเรียกเด็กสาว ขณะที่เธอกำลังหันหลังเดินจากไป
ถังเหว่ยเองเกิดอาการกลัวขึ้นมาทันที
เธอกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจไล่เธอออกอีกรอบ
“เอาของของเธอคืนไปด้วย มันเกะกะ”
ถังเหว่ยรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว น้ำตากำลังเอ่อออกมาทั้งๆ
ที่เธอหยุดร้องไห้ไปแล้วเมื่อครู่ เธอหยิบจดหมายที่วางไว้บนโต๊ะฉบับนั้น
และกลับไปทำความสะอาดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย
จังหวะนั้น
หนุ่มใหญ่วัยกลางคนหัวหน้ายามรักษาความปลอดภัย ก็เดินไปหยุดตรงหน้าเด็กสาวถังเหว่ย
ชายผู้นี้มีนามว่า เว่ยฉาง ถึงอายุอานามของเขาจะลุล่วงเข้าสู่วัยกลางคน แต่เขาก็ยังดูดีมิใช่น้อย
เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้เด็กสาว และปลอบเถอว่า “เสี่ยวถัง อย่าทำอะไรโง่ๆ
แบบนี้อีกนะ เธอก็เห็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นเมื่อคืนแล้วนี่นา”
“ค่ะ คุณอาเว่ย... แล้วบอสเขาชอบผู้หญิงแบบไหนคะ”
ถังเหว่ยถามทั้งน้ำตา
“ฟังนะเสี่ยวถัง ตั้งแต่อาทำงานที่นี่มา
อาเคยเห็นบอสพาผู้หญิงขึ้นไปชั้นบนแค่ครั้งเดียว แต่มันก็ผ่านมาแล้ว 3 ปี
ผู้หญิงคนนั้น... เธอสวยมากเลยล่ะ
เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งเท่าที่อาเคยเห็นมา”
“แล้วหลังจากนั้น เธอคนนั้นได้กลับมาที่นี่อีกหรือเปล่าคะ”
“ไม่เคยอีกเลย” เว่ยฉางตอบพร้อมกับส่ายหน้าบอกการปฏิเสธ
“ทำไมล่ะคะ ฟังจากที่คุณอาเล่า บอสน่าจะชอบเธอมากนะ”
คำถามของเด็กสาวช่างฟังดูไร้เดียงสา
“มาตรฐานเรื่องผู้หญิงของบอสเขาค่อนข้างสูงนะ
อีกอย่างเขาเป็นคนรักสะอาดเอามากๆ
ผู้หญิงของบอสต้องสะอาดหมดจดไร้มลทิน
และเขาก็ไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนซ้ำเป็นหนที่สอง”
เว่ยฉางกระซิบบอกเด็กสาว วึ่งอันที่จริงแล้ว
เรื่องที่เขาบอกเธอไปไม่ได้เป็นความลับอะไรเลย
พนักงานเก่าแก่ของบาร์แห่งนี้ต่างรู้กันเป็นอย่างดี
ณ ตอนนี้ ถังเหว่ยสำนึกแล้วว่าเธอได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไป
แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองยี่หัว เขาช่างมีเสน่ห์เสียเหลือเกิน
เว่ยฉางถอนหายใจ เขาแอบหวังในใจว่าถังเหว่ยจะเข้าใจในสิ่งที่เขาบอกกล่าว
เขาเองไม่อยากให้เด็กสาวต้องถูกไล่ออกจากงานที่ได้ค่าตอบแทนราคางามแบบนี้
เย่หัวยกแก้วไวน์ขึ้นมาแกว่งเบาๆ
เขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดของลูกน้องทั้งสองคน
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไร เพราะสิ่งที่เว่ยฉางบอกเล่าคือเรื่องจริง
สิ่งเดียวที่เขารู้สึกรำคาญใจ คงเป็นการที่เว่ยฉางพูดมากเกินไป
เรื่องจริงนั้นมีอยู่ว่า
เย่หัวคือจุติเทพที่เพิ่งเริ่มใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันนี้ได้เพียง 5 ปี เท่านั้น
ในอดีตกาล เขาไม่ได้มีความชิงชังขวางโลกขนาดนี้
เขาคือเทพบุรุษผู้เป็นอมตะ
เป็นผู้มีพลังทำลายล้างขั้นสูงที่สามารถทำให้ทุกอย่างหายวับดับสูญไปต่อหน้าต่อตา
ความรังเกียจโกรธแค้นที่เขามีต่อหมู่มวลมนุษย์ค่อยๆ
พัฒนาก่อร่างสร้างตัวขึ้นจนเขากลายเป็นมหาเทพผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม
นั่นเป็นเหตุผลที่ ในยุคแห่งเทพเทวาจอมราชันย์
เหล่าผู้นำชนชั้นมนุษย์ทั่วทุกหัวระแหงจึงได้รวมตัวกันเพื่อกำจัดเทพบุรุษผู้นี้พร้อมพวกพ้องของเขา
แต่เย่หัวคือจอมราชันย์อันเป็นอมตะ
เทพผู้มีชีวิตนิรันดร์ลงมายังพิภพโลกพร้อมพลังและบารมีที่สั่งสมมาจากมหาราชันย์ทั้งปวง
เขาคือจอมราชาแห่งราชาทั้งหลาย เขากู้ร่างสร้างตัวตนอันไร้เทียมทานขึ้นมาใหม่เพื่อมาล้างแค้น
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าการแก้แค้นคนเหล่านั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไรสักเท่าไหร่
เหล่าผู้นำมนุษย์เหล่านั้นไม่ได้ต่างจากปลาสร้อยปลาซิว เปรียบเทียบ
“พวกมัน” กับปลาสร้อยปลาซิวอาจจะสูงส่งเกินไปด้วยซ้ำ
สำหรับเย่หัว ช่วงเวลาเยี่ยงนี้คือวันคืนแห่งการพักผ่อน
ยุคสมัยแห่งการนองเลือดมันพ้นผ่านไปนานครัน
เขาอยากใช้ช่วงเวลานี้เพื่อเรียนรู้ความซับซ้อนของ “มนุษยชาติ”
เหล่ามนุษย์ผู้น่าเวทนา พวกเขาช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน
แค่เขาปล่อยลมหายใจใส่คนพวกนั้น
ชีวิตของพวกมันก็มีอันต้องมลายล้มตายไปจนสิ้น
ที่เขาเลือกอยู่ที่นี่ก็แค่เพราะที่นี่ไม่วุ่นวายและสงบเงียบดีก็เท่านั้น
แต่เรื่องยากของเย่หัว คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง
มันค่อนข้างยากที่เขาจะได้พบพานผู้หญิงที่มี “คุณภาพ” สักคน
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน
มีเพียงสตรีนางเดียวที่ก้าวแรงแซงหน้าทุกคนขึ้นมาเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเขา
และเขาก็ได้ลองร่วมรักกับเธอ นั่นคือประสบการณ์ที่เขาได้เรียนรู้จากการมีเนื้อหนังมังสาแบบมนุษย์
ความรู้สึกจากประสบการณ์ครั้งนั้นก็ไม่เลวทีเดียว
หากติดตรงที่ว่าเย่หัวสามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
หลังเสร็จกามกิจ ความสนใจในตัวเธอก็อันตรธานหายไปสิ้น
มันคงเป็นเรื่องง่าย หากเขาเพียงแค่หาผู้หญิงที่ใช่ ตรงตามรสนิยมของเขา
แต่สิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมทั้งปวง คือความรู้สึกสดใหม่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างฉับไว
เขาโหยหาสิ่งนี้ต่างหาก
นี่ก็ล่วงเลย
ผ่านไปหลายเพลาแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกสดใหม่แบบนั้นเลย
เขาชักไม่แน่ใจว่าต้องรออีกนานกี่ปีถึงจะเกิดความรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง
ถ้าวันนึงเขาอดรนทนไม่ไหวขึ้นมาจริงๆ เขาคงลุกขึ้นมาเผาที่นี้ให้ราบ
แล้วหันไปเช่าเหมาเครื่องบินสักลำเป็นที่พำนักพร้อมเดินทางไปทั่ว
นี่คือเรื่องราวของบุรุษนามเย่หัว เขาคือผู้เป็นอมตะ
ผู้ไร้อารมณ์ความรู้สึกตามแบบอย่างของมวลมนุษยชาติ
ถึงเขาจะใช้ชีวิตเยี่ยงชายสามัญคนนึงมาแล้วถึง 5 ปี
เหตุการณ์ที่เกิดเมื่อคืน การท้าทายโดยสตรีผู้นั้น เป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว
เป็นเพียงฝุ่นผงเล็กน้อยล่องลอยในมวลอากาศเท่านั้น
“คุณผู้หญิงครับ คุณเข้าไปไม่ได้นะครับ บาร์ของเราปิดแล้วครับ”
เสียงของยามรักษาความปลอดภัยดังขึ้นที่ประตู
เย่หัวถึงได้ตื่นจากภวังค์ความคิด
“ปิดอะไรกัน ทำไมไม่ขึ้นป้ายบอกล่ะ หลบไป ฉันจะเข้าไปข้างใน”
เย่หัวรู้สึกว่าตาข้างนึงของเขากระตุกอย่างมีนัยบางอย่าง
เสียงของสตรีผู้รุกล้ำฟังดูช่างเยือกเย็น น้ำเสียงใสกระจ่างราวหยกชั้นดี
เย่หัวชักสนใจเจ้าของเสียงผู้นี้เสียแล้ว
“คุณผู้หญิงครับ บาร์ปิดแล้วจริงๆ ครับ”
เสียงของรองเท้าส้นสูงแตะบนพื้นสร้างท่วงทำนองที่ชวนฟังมิใช่น้อย “เธอ”
ผู้นี้คงไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ
หรือเธออาจจะเป็นผู้หญิงที่ต้องรสนิยมของบอสหนุ่ม เย่หัวยังไม่ฟันธง
เขาอยากสัมผัสด้านอื่นของเธอก่อนที่จะยืนยันในประเด็นนี้แต่แค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ไม่สามารถต้านทานการรุกล้ำกร้ำกรายของเธอได้
นี่ก็น่าสนใจไม่เลว ดูเหมือนว่า รปภ. ไม่กล้าขัดขืน
และไม่กล้าแตะต้องเธอผู้นี้ด้วยซ้ำ
เมื่อเสียงฝีเท้านั้นเริ่มใกล้เข้ามา เย่หัวเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียงนั้น
ไม่เลวทีเดียวเชียว
เธอผู้นี้มีคุณลักษณะตามมาตรฐานส่วนตัวของเขาแทบทุกประการ
ทั้งความสะอาด ลีลา ท่วงท่าการเดินเหิน และภูมิหลัง แปลกใช่ไหมล่ะ
เราจะวิเคราะห์ภูมิหลังของคนได้อย่างไรผ่านการมองแค่แวบเดียว
ก็จากการแต่งตัวนั่นไง
ถ้าเดาไม่พลาด
ผู้หญิงคนนี้น่าจะสวมใส่ชุดกระโปรงที่ผ่านการออกแบบโดย เด็บบี้ วิงแฮม
ซึ่งสนนราคาของชุดเดรสตัวนี้น่าจะอยู่ที่ราวๆ 5.6 ล้านดอลล่าร์
ถ้าหากเธอใส่ชุดกระโปรงราคานี้ นั่นทำให้เธอดูน่าสนใจขึ้นมาไม่ใช่น้อย
นาฬิกาที่เธอสวมอยู่บนข้อมือของเธอน่าจะเป็นนาฬิกาจากซีรี่ส์สุดหรูของแบรนด์ปิเกต์
ซึ่งทำจากทองคำขาว 18 เค ประกอบด้วยเพชรทรงกลม 429 เม็ด
และเพชรทรงจตุรัสอีก 80 เม็ด ภายใต้แสงไฟในบาร์
นาฬิกาข้อมือของเธอดูเปล่งประกายวิบวับชวนมอง
ราคาของนาฬิกาเรือนนี้คงอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านหยวน
ส่วนรองเท้าส้นสูงสีดำคู่นี้ เขาไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นมาก่อน
น่าจะเป็นรองเท้าสั่งตัด แต่ที่สะดุดตาคือเพชรเม็ดงามที่ประดับบนรองเท้า
รองเท้าคู่นี้น่าจะมีมูลค่าหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นสร้อยคอของเธอ
เย่หัวจำได้ว่าเขาเห็นสร้อยแบบนี้ในนิตยสารสักฉบับ
มันน่าจะเป็นสร้อยเพชรคริสตี้ ที่ใช้เพชรคุณภาพระดับพรีเมี่ยมถึง 52 เม็ด
น้ำหนักโดยรวมมากถึง 104.84 กะรัต เขาจำได้ว่าราคาของสร้อยเส้นนี้อยู่ที่ 8.14 ล้านเหรียญ
ต่างหูของเธอก็ดูไม่ธรรมดา
มันคงมีคุณค่าอันหาที่เปรียบไม่ได้สำหรับเจ้าของผู้สวมใส่