บทที่ 147 มนต์สะกด
จิ้งจอกวิญญาณสามหางมีลักษณะตามชื่อเรียกของมัน แถมมันยังเป็นจิ้งจอกที่โด่งดังในทวีปนี้ด้วย!
จิ้งจอกชนิดนี้เกิดมาพร้อมกับหางที่มีสามหางและมันเป็นสัตว์อสูรระดับสามแต่กำเนิด พลังของมันไม่ใช่แค่บรรดาหนึ่งในสัตว์อสูรที่น่ากลัวที่สุด แต่พลังของมันน่ากลัวที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรระดับสาม!
มีข่าวลือว่าจิ้งจอกวิญญาณสามหางสามารถบ่มเพาะพลังและดูดซับแก่นแท้ของสวรรค์และโลกเพื่อวิวัฒนาการอย่างช้าๆเพื่อกลายเป็นราชาจิ้งจอกสี่หางหรือแม้กระทั่งจักรพรรดิจิ้งจอกห้าหางได้ในที่สุด แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่ตำนาน ในประวัติศาสตร์นั้นยังไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับจักรพรรดิสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเลย
อย่างไรเสีย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจิ้งจอกวิญญาณสามหางจึงเป็นสัตว์สัตว์อสูรที่น่ากลัวที่สุดในสัตว์อสูรระดับสามทั้งหมด ยี่สิบปีก่อน มีเหตุการณ์น่ากลัวเกิดขึ้นบนหุบเขา ต้นกำเนิดการต่อสู้ในอาณาจักรเซิ่งหลิง
ลูกจิ้งจอกวิญญาณสามหางถูกจู่โจมและสังหารโดยกลุ่มนักผจญภัย จิ้งจอกจึงลงมาจากหุบเขาด้วยความโกรธแค้นและต่อสู้ด้วยความโกรธอย่างแรงกล้าและสังหารทุกคนในเมืองที่เชิงเขา ในหมู่คนเหล่านั้นมีผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ถึงสองคนที่อยู่ขอบเขตเสินโหยว!
ผู้ปกครองของอาณาจักรเซิ่งหลิงโกรธควันออกหูและออกคำสั่งให้กองทหารไปจับจิ้งจอกวิญญาณสามหาง ในคราวนั้น ผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำสุดในกลุ่มอย่างน้อยก็อยู่ขั้นที่สามของขอบเขตเสินโหยวแล้ว
ในท้ายที่สุด ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวสี่ในสิบแปดคนเสียชีวิตอย่างอนาถก่อนที่พวกเขาจะฆ่าจิ้งจอกวิญญาณสามหางได้
จิ้งจอกวิญญาณสามหางนั้นมีรูปร่างที่เล็กมาก ความเร็วของมันก็ไม่ได้เร็วและความแข็งแกร่งของกรงเล็บและฟันก็อ่อนแอเช่นกัน การโจมตีเดียวที่มันมีคือวิชาอสูร ร่างกายของมันสามารถปลดปล่อยกลิ่นรัญจวนของจิ้งจอกซึ่งส่งผลให้จอมยุทธเข้าสู่มนต์สะกด
ผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังไม่มากพอหรือไม่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งจะถูกมนต์สะกดจากกลิ่นรัญจวนและอยู่ภายใต้การควบคุมของจิ้งจอก
พลังของผู้อาวุโสหลิวและผู้อาวุโสจีนั้นไม่แข็งแกร่งมากพอ เนื่องจากพวกเขาอยู่เพียงขั้นที่สองและขั้นที่สามของขอบเขตเสินโหยวตามลำดับ ดังนั้นผู้อาวุโสหลิวจึงถอยกลับทันทีหลังจากที่เขาค้นพบว่ามีจิ้งจอกวิญญาณสามหางอยู่ไกลออกไป
เขาไม่กล้าแม้แต่จะไปช่วยเจียงอี้ เพราะหากเขาถูกมนต์สะกดของจิ้งจอกวิญญาณสามหางแล้ว เขาจะกลายเป็นหุ่นเชิดและทุกคนที่อยู่ที่นั่นจะต้องตาย!
"ลูกพี่!"
"เจียงอี้!"
"พี่ใหญ่เจียงอี้!"
เฉียนว่านก้วน, จ้านอู๋ซวงและจ้านหลินเอ๋อร์ร้องออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ จ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนสะบัดมือของผู้อาวุโสหลิวและผู้อาวุโสและตรงไปยังทางปากถ้ำที่กำลังถล่มเมื่อดาบสองมือถูกตวัดลง ทั้งสองต่างตาพร่ามัวและมืดดับหลังจากนั้นร่างกายของพวกเขาก็อ่อนยวบลงไป ร่างของจ้านหลินเอ๋อร์ก็อ่อนยวบลงไปด้วยฝ่ามือของผู้อาวุโสเช่นกัน
การดูแลความปลอดภัยของประมุขน้อยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับผู้คุ้มกันลับ ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินที่เป็นอันตราย ไม่มีสิ่งใดสำคัญนอกเหนือไปจากชีวิตของประมุขน้อยแล้ว
"ทุกคน กลั้นหายใจ! อย่าส่งเสียงใดๆ ไม่เช่นนั้น จงตายซะ!"
ผู้อาวุโสหลิวมองไปรอบๆโดยใช้ดวงตาแผ่จิตสังหารของเขา คนจากตระกูลเฉียนต่างก็ปิดปากเงียบและนั่งลงบนพื้นทันทีโดยไม่พูดอะไร
สิ่งนี้ไม่เพียงจะเกี่ยวข้องกับการรับรองความปลอดภัยของเฉียนว่านก้วน ทุกคนในที่นี้จะต้องตายถ้าหากพวกเขาถูกจิ้งจอกวิญญาณสามหางพบเข้า
"ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป จิ้งจอกวิญญาณสามหางนั่นยังเด็กอยู่และมันไม่น่าจะสังเกตเห็นเราได้"
ผู้อาวุโสหลิวเห็นความเครียดและเป็นกังวลของทุกคนและกลัวว่าพวกเขาอาจทำผิดพลาดแทน ดังนั้นเขาจึงขยับปากของเขาและส่งข้อความถึงทุกคน
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่คำพูดที่จะปลอบโยนคนอื่นๆ ไม่ว่าจิ้งจอกวิญญาณสามหางจะเยาว์วัยเพียงใด มันก็ยังเกินความสามารถที่จะจัดการกับมันเพราะกลิ่นของจิ้งจอกนั้นสามารถคร่าชีวิตถึงตายได้
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสหลิวก็ไม่ได้หมดหวังเพราะเขาสามารถดำเนินการล่าถอยได้เมื่อเขาเจอจิ้งจอกวิญญาณสามหาง ทั้งเขาและผู้อาวุโสจีเห็นว่าจิ้งจอกวิญญาณสามหางมาจากป่าที่อยู่ไกลออกไปและจับจ้องมาที่เจียงอี้ผู้ซึ่งกำลังตามล่าสัตว์อสูรตลอดเวลา มันคงไม่สังเกตเห็นพวกเขา
...
"จิ๊ จิ๊!"
แน่นอนว่าจิ้งจอกวิญญาณสามหางไม่ได้สังเกตเห็นกลุ่มคนพวกนั้น ดวงตาที่คล้ายอัญมณีขนาดเล็กจับจ้องไปที่เจียงอี้ มันดูตัวเล็กมาก ร่างของมันมีขนาดเท่ากับลูกแมวและมันเป็นสีขาวเหมือนหิมะที่ไม่มีขนแม้แต่เส้นเดียว หางที่งดงามทั้งสามที่ก้นของมันกำลังเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ามันถูกดึงดูดโดยกลิ่นเครื่องหอมของอำพันทะเลที่ยังหลงเหลืออยู่
"ปัง!"
เจียงอี้นั้นไม่ทราบว่าอันตรายกำลังจะมาถึง นี่เป็นเพราะจิ้งจอกวิญญาณสามหางไม่มีร่องรอยของกลิ่นอายที่รุนแรงซึ่งปกติแล้วจะถูกปล่อยออกมาจากสัตว์อสูรที่ทรงพลัง ในทางกลับกัน มันกลับดูเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่น่ารักเสียมากกว่า
เจียงอี้นั้นเห็นจิ้งจอกจิ้งจอกสามหางมานานแล้ว แต่เขาก็เมินเฉยต่อมันอย่างสิ้นเชิงและกวัดแกว่งดาบของเขาเพื่อโจมตีสัตว์อสูรที่เหลืออยู่ไม่กี่ตัวต่อไป
"จี๊ จี๊!"
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่จิ้งจอกตัวน้อยนี้ได้เห็นมนุษย์ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและยังร้องเสียงแหลมสองครั้งไปที่เจียงอี้ อย่างไรก็ตาม มันตกใจกับดวงตาแดงก่ำของเจียงอี้ซึ่งจู่ๆก็พุ่งไปทางมัน ทำให้มันถอยห่างออกไปสองก้าว ในไม่ช้ามันก็เดินไปหาเจียงอี้อย่างเงียบ ๆ
"บูม!"
เจียงอี้โจมตีสัตว์อสูรต่อไป เขากระโดดสูงและคว้านกริชเข้าไปในหัวของวานรสีเหลือง ทำให้สัตว์อสูรระดับหนึ่งนี้มีแผลรอยเลือดอยู่บนหัวของเขา เจียงอี้ใช้ร่างของเขาและส่งลูกเตะไปที่ร่างกำยำของวานรสีเหลือง เขาหมุนร่างของเขาไปรอบๆอย่างพริ้วไหว และเหยียบไปบนตัววานรและเริ่มจู่โจมสัตว์อสูรประเภทเสือที่เหลือสองตัวสุดท้าย
"ย๊าาาา!"
พลังของเสือสองตนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร พวกมันอยู่ขั้นต่ำของสัตว์อสูรระดับสองและภายใต้การจู่โจมที่เดือดดาลของเจียงอี้ พวกมันก็ล้มตายลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของเจียงอี้ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดของสัตว์อสูร เขายืนอยู่อย่างภาคภูมิใจในถิ่นกันดารที่มีซากสัตว์อสูรนอนเกลื่อนอยู่ทุกที่ ดวงตาโลหิตของเขามองไปรอบๆและรู้สึกว่าทำไมจ้านอู๋ซวงไม่มาโจมตีเขาและทำให้เขาสลบไปหลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง?
ดวงตาสีแดงโลหิตของเขาจ้องมองไปที่ผาหินและเขาประหลาดใจที่เห็นว่าทางเข้าถ้ำหินพังทลายลงมาจริงหรือ? เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้คิดอะไรมาก จิตใจของเขาถูกความกระหายเลือดครอบงำ เขาหันกลับไปมองที่จิ้งจอกตัวน้อยอีกครั้งและพุ่งเข้าหามัน
"จี๊ จี๊!"
ดูเหมือนว่าจิ้งจอกตัวนั้นจะยังอายุน้อยจริงๆ เมื่อมันเห็นเจียงอี้วิ่งไปข้างหน้า ร่างของมันก็หดตัวลงด้วยความกลัว แทนที่จะโจมตี มันก็หันหลังเพื่อที่จะหนี
"ตาย!"
ความเร็วของเจียงอี้ไม่ถือว่าเร็วนัก แต่เจตจำนงสังหารของเขาแข็งแกร่งมากจนส่งผลต่อความเร็วของจิ้งจอกตัวน้อย เมื่อระยะห่างระหว่างพวกลดลง จิ้งจอกตัวน้อยก็ถูกแรงกดดันกดทับอยู่กับที่ มันคดงอตัวอยู่บนพื้นดินโดยไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
"จี๊ จี๊!"
จิ้งจอกตัวน้อยหันมาและมองเจียงอี้ด้วยความกลัว ดวงตาเล็กๆของมันกำลังร้องขอความเมตตาและการแสดงออกของมันเต็มไปด้วยความกรุณา มันไม่เหมือนสัตว์อสูรที่ทรงพลังเลย มันคล้ายกับลูกแมวตัวน้อยที่น่ารักเสียมากกว่า
ในขณะนั้น เจียงอี้ตกอยู่ในสภาวะที่บ้าคลั่ง และเขาไม่เห็นสีหน้าของจิ้งจอกเลย กลิ่นอายสังหารนั้นทวีความน่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่อเขาพุ่งเข้าไปใกล้และจิ้งจอกตัวน้อยก็ไม่สามารถหยุดสั่นด้วยความกลัว
ในท้ายที่สุด แสงสีขาวที่น่าขนลุกก็ส่องผ่านดวงตาของมัน และร่างกายของมันเริ่มปล่อยกลิ่นหอมอบอวลออกมา
กลิ่นรัญจวนของจิ้งจอก!
ความน่าสะพรึงกลัวของกลิ่นรัญจวนของจิ้งจอกที่สามารถดึงดูดจอมยุทธขอบเขตเสินโหยวได้ถูกปล่อยออกมาในที่สุด เจียงอี้นั้นไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งใดและเขาก็ยังคงพุ่งไปข้างหน้า
"หืม?"
จมูกของเจียงอี้กระตุกอย่างกระทันหันในเสี้ยววินาทีต่อมา ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นบางสิ่ง สติของเขานั้นได้กลับมาอีกครั้งและเขาอาจรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงถึงตายที่เขากำลังพาตัวเองใกล้เข้าไป
"บูม!"
ร่างกายของเขาทรุดตัวลงบนพื้นและดวงตาของเขาก็กลิ้งเกลือกไปมาราวกับคนหมดสติ เขารู้ว่าเขาไม่ได้หมดสติ แต่มันเป็น ... ร่างกายของเขาที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ด้วยจิตสำนึกของตัวเอง!
เกิดอะไรขึ้น?
เจียงอี้หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เขาอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆแต่เขาก็พบว่าเขาไม่สามารถขยับปากได้
ในขณะนี้ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวดำโดยอัตโนมัติ และจิตใจของเขาก็มั่นใจเป็นพิเศษ จริงๆแล้วเขาสามารถออกจากเจตจำนงสังหารได้ด้วยความสมัครใจ.....
ทุกส่วนในร่างกายของเขานั้นไม่เป็นอะไรและเขาก็ยังรู้สึกตัวอยู่ แต่ปัญหาก็คือเขาสูญเสียการควบคุมร่างกายของเขาไปโดยสมบูรณ์!
อะไรกัน....สิ่งนี้มันคืออะไรน่ะ?!
ในไม่ช้าเขาก็พบเหตุผล เขาสังเกตเห็นว่ามีภาพเงาปรากฏขึ้นในใจของเขา มันเป็นภาพของจิ้งจอกตัวเล็กๆตัวหนึ่งและมันก็ล่องลอยอยู่ภายในจิตวิญญาณของเขา มันกำลังกลืนวิญญาณของเขา!
จิ้งจอกน้อย? กลิ่นหอมประหลาด? หรือนี่จะเป็นจิ้งจอกวิญญาณสามหาง!?
เจียงอี้ตื่นขึ้นมาทันที เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานของจิ้งจอกวิญญาณสามหาง แต่เขาตกอยู่ในสภาวะของเจตจำนงสังหารครั้งนี้ จิ้งจอกวิญญาณสามหางไม่มีกลิ่นอายสังหารอย่างรุนแรงเหมือนสัตว์อสูรที่ทรงพลัง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจมันเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
มันจบแล้ว หากจิตวิญญาณของข้าถูกสะกดโดยจิ้งจอกวิญญาณสามหาง ข้าจะกลายเป็นหุ่นเชิดของจิ้งจอกวิญญาณสามหางนี้ ...