บทที่ 1 บุรุษผู้เฉยชา
เมืองหลงอันตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลประเทศจีน
และเป็นเมืองที่กำลังเติบโตเบ่งบานทางเศรษฐกิจ
ยามเมื่อคิมหันตฤดูหมุนเวียนมาเยี่ยมเยียนเมืองนี้ในรอบปี
กิ่งไม้ใบหญ้าแกว่งไกวดูสดใสต้อนรับหน้าร้อน
หนุ่มสาวแต่งตัวตามสมัยนิยม พากันเดินขวักไขว่ไปทั่วเมือง ราวกับเป็นเส้นโลหิตที่หล่อเลี้ยงให้เมืองอุตสาหกรรมแห่งนี้
ดูคึกคักมีชีวิตชีวาอย่างน่าสนใจทีเดียว
และ ครั้นเมื่อโมงยามแห่งราตรีมาเยือนเมืองหลงอัน เมืองทั้งเมืองก็ดูเบ่งบานสว่างไสวด้วยแสงไฟหลากสี
ซึ่งหากใครบังเอิญพลัดหลงมาที่นี่ในช่วงโมงยามนี้
ช่วยไม่ได้เลยที่เขาเหล่านั้นคงต่างรู้สึกยินดีปรีดาเสียเหลือเกิน ที่ได้ใช้ชีวิต
ในยุคสมัยอันเรืองรองเช่นเดียวกับที่พวกเขาได้พบพานในเมืองหลงอัน
แต่จุดที่น่าสนใจที่สุดในเมืองหลงอันยามค่ำคืน คงหนีไม่พ้นสถานบันเทิงเริงรมย์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆ
ซึ่งไม่ได้เป็นเส้นทางที่คนจะเดินกันพลุกพล่านขวักไขว่สักเท่าใด
ช่างน่าแปลกเสียจริงที่ประตูทางเข้าบาร์แห่งนี้คราคร่ำไปด้วยนักท่องราตรี
ที่พร้อมใจมายืนต่อคิวยืดยาวเป็นหางว่าวเพื่อรอเข้าบาร์
และที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ต่อคิวอยู่ล้วนเป็นผู้หญิงทั้งนั้น
และหากคุณเดินผ่านเหล่าหญิงสาวที่กำลังต่อคิวรอเข้า “สถานเริงรมย์”
แห่งนี้ คุณอาจจะได้ยินสาวๆ ในกลุ่มนั้นพูดคุยกันอื้ออึงว่า
“เฮ้อ... ฉันไม่แน่ใจว่าคืนนี้เจ้าของบาร์เขาจะมาไหม
ฉันแค่อยากจะแอบมองเขา ให้ตายฉันก็ยอม ฉันขอแค่ให้ได้มองเขาน่ะ”
“บอสเขาจะมาไหมฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะ มันก็แล้วอารมณ์เขาล่ะ
คืนไหนเขาอารมณ์ดีหน่อย เขาก็จะชงเหล้า
ผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้าด้วยตัวเอง อย่างคราวที่แล้ว
มีผู้หญิงคนนึงได้ดื่มเหล้าที่เจ้าของบาร์ชงให้
เธอคนนั้นตื่นเต้นดีใจถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลย”
“พวกหล่อนคงเพิ่งเคยมาเที่ยวที่นี่สินะ พวกเธอน่ะ ไม่รู้อะไรซะแล้ว
นอกจากบอสเขาจะเป็นสุดยอดบาร์เทนเดอร์ เขายังเป็นนักมายากลด้วยล่ะ
ฉันเห็นมากับตา ฉันเห็นเปลวไฟสีน้ำเงินในอุ้งมือข้างนึงของเขา
มันดูมหัศจรรย์มาก”
“จริง! คืนนั้นฉันก็อยู่ที่บาร์
ฉันคงไม่มีวันลืมค่ำคืนนั้นไปจนจวบวันสุดท้ายของชีวิต
ใต้แสงไฟสีน้ำเงินจากอุ้งมือเขา ใบหน้าของบอส... คือใบหน้านั้น ช่าง...
ขอโทษที ฉันไม่รู้จะหาคำไหนมาใช้เพื่อบอกว่าเขาหล่อมาก
มันคงดีไม่น้อยเลยล่ะ ถ้าเพียงแค่ฉันจะมีโอกาสมีความสัมพันธ์กับเขา
ความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อน หรือขอแค่มีความสัมพันธ์กับเขาสักครั้ง
แค่คิด... ฉันก็น้ำลายจะไหลแล้วล่ะเนี่ย”
“นี่หล่อน! ฉันแนะนำว่าเธอควรจะเลิกคิดเรื่องนั้นไปเลย
ฉันได้ยินมาว่าบอสเขารักความสะอาดเป็นที่สุด
เขานิยมแต่ผู้หญิงที่สะอาดผุดผ่องเท่านั้นล่ะย่ะ”
“นี่หล่อน! แล้วฉันสกปรกตรงไหนมิทราบ
ฉันว่าหล่อนนั่นแหละที่เป็นนังโสโครก!”
ไม่ทันจะสิ้นคำพูด
บรรยากาศหน้าบาร์ก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นสนามมวยแทน
โดยคู่ชกคู่ฟัดคือผู้หญิงสองคนที่กำลังตบตีทึ้งผมกันพัลวัน หนุ่มๆ
ที่รอต่อคิวอยู่ด้วยพากันมองดูความบันเทิงตรงหน้าอย่างสนุกสนาน
แน่นอนพวกเขาไม่ได้มาเพื่อชื่นชมความหล่อเหลาของบอสเจ้าของบาร์
แต่พวกเขามาที่บาร์แห่งนี้เพราะมีสาวๆ มากหน้าหลายตา
พวกเขาแค่หวังว่าพวกเขาคงมีโอกาสกับสาวๆ เหล่านั้นบ้างก็เท่านั้น
ตรงกันข้ามกับบรรยากาศด้านในบาร์แห่งนี้
ทั่วทั้งบาร์อบอวลด้วยเสียงดนตรีบางเบา
ผนังรายรอบถูกตกแต่งด้วยภาพวาดสีน้ำมันของเหล่าศิลปินผู้มีชื่อเสียง
หลายคนสงสัยว่า ใครจะบ้าเอาภาพเขียนราคาแพงๆ
มาแขวนไว้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ ภาพเหล่านี้คงไม่ใช่ภาพจริง
คงเป็นเพียงแค่ภาพปลอม
แค่ใครเล่าจะสนใจภาพเขียนเหล่านั้นในเวลาเช่นนี้ โดยเฉพาะสาวๆ
ในบาร์ พวกเธอมองไปยังบันไดที่ทอดจากชั้นสองโดยไม่ละสายตา
พร้อมทั้งคอยเงี่ยหูฟังว่าเมื่อไหร่นะที่เสียงหนักๆ
ของส้นรองเท้าจะกระทบกับพื้นบันได
เมื่อนั้นพวกเธอจะได้ยลร่างของบุรุษที่พวกเธอกำลังรอคอย
แต่ค่ำคืนนี้ ดูเหมือนว่าการรอคอยของสาวๆ คงสูญเปล่า
เพราะล่วงเลยใกล้รุ่งสางโมงยามที่บาร์จวนจะปิดบริการ
บอสหนุ่มเจ้าของบาร์ก็ยังไม่ปรากฏกาย ไร้แม่แต่เงาให้เห็น
“ไปตามเจ้านายเธอมาเดี๋ยวนี้ ฉันมาที่บาร์นี่เป็นคืนที่สามแล้ว
ฉันยังไม่เห็นบอสเลย ไม่เคยแม่แต่สักครั้ง เขาก็แค่ผู้ชายคนนึงใช่มั้ย
ตามเขาออกมาสิ เรียกเขามาเอาเงินที่ฉันนี่
ฉันจะฟาดหัวเขาสักห้าล้านหยวน
ถ้าเขายอมมาเป็นหนุ่มในสังกัดการดูแลของฉัน”
หญิงสาวในชุดกระโปรงงามสง่าลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างอดรนทนไม่ไหว
พร้อมตะโกนออกมาด้วยความโมโห หญิงสาวผู้นี้สวยเตะตาเลยทีเดียว
เพียงแต่ว่าเครื่องสำอางที่อาบอยู่บนใบหน้าของเธอออกจะหนาไปสักหน่อย
จังหวะที่เธอตะโกนด้วยความโกรธ
น่ากลัวเหลือเกินที่ชั้นเครื่องสำอางที่พอกหน้าเธอไว้จะหลุดร่วงลงมา
“กรุณาอยู่ในความสงบครับคุณผู้หญิง”
พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบรุดมายังสุภาพสตรีผู้นี้
เขาพยายามใช้น้ำเสียงที่สุภาพที่สุดกับเธอ
สตรีผู้งดงามนางนี้ได้แต่พ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมาจากจมูกและพูดตอบว่า
“ฉันจะก่อความไม่สงบที่นี่ แล้วจะทำไม จะทำอะไรฉัน ฉันมีเงินนะ
ฉันไม่ใช่ยาจกที่ไหน เรียกบอสของนายออกมาสิ
ไม่งั้นฉันจะพังที่นี่ให้ราบเลย”
ทันใดนั้น
เสียงพื้นรองเท้ากระทบพื้นบันไดที่เหล่าสุภาพสตรีรอคอยก็ได้ดังขึ้น
เสียงฝีเท้าของก้าวย่างนั้นสยบความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่
ตอนนี้สตรีทุกนางในบาร์ต่างนิ่งงันราวต้องมนต์สะกดเพียงแค่เห็นรองเท้า
หนังสีดำคู่นั้นกำลังเยื้องย่างลงมาจากบันได
และเมื่อร่างของบุรุษเจ้าของรองเท้าคู่นั้นปรากฏเต็มตัวต่อหน้าธารกำนัล
สถานเริงรมย์แห่งนี้ถึงขั้นเงียบสงัด มีเพียงเสียงกลืนน้ำลายของสาวๆ
เท่านั้นที่ดังขึ้นมาทำลายความเงียบนั้น
ชายที่หญิงสาวทุกคนในบาร์รอคอยปรากฏกายในชุดสูทสีดำ
สวมทับบนเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมเผยให้เห็นแผงอกอันชวนให้สาวๆ
วาบหวามใจมิใช่น้อย เขาสวมแหวนไว้ที่นิ้วชี้มือข้างขวา
หัวแหวนนั้นถูกสลักด้วยสัญลักษณ์ประหลาดบางอย่างที่ไม่มีใครรู้จัก
ดวงตาอันดำสนิทราวสีของรัตติกาลดูขลังและทรงพลังยามจับจ้องมายังสุภาพสตรีในบาร์
ใบหน้าราวเทพบุตรของบุรุษผู้นี้โดดเด่นสะดุดตาจนยากจะหาใบหน้าของชายใดมาเปรียบ
ทุกอย่างที่ประกอบร่างสร้างองค์ทรงเครื่องให้ชายหนุ่มทำให้เขาคือประติมากรรมอันสมบูรณ์แบบ
เขาช่างหล่อเหลาไร้ที่ติ แค่ชำเลืองตามองบุรุษผู้นี้
ก็อาจทำให้ผู้มองตกอยู่ภายใต้อิทธิพลอันทรงเสน่ห์ของเขา
ทุกคนที่ได้ประจักษ์เห็นบอสเจ้าของสถานเริงรมย์แห่งนี้ด้วยตาตนเอง
ต่างลงมติเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคือเอกบุรุษผู้สมบูรณ์แบบที่สุดคนหนึ่งบนผืนปฐพีนี้
คงเป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อย หากชายผู้นี้จะเป็นเพียงคนที่ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากและซับซ้อน
เพียงแต่ว่าเขาเป็นชายที่มีบุคลิกเยือกเย็นและเย็นชาที่สุดในบรรดาผู้คนแบบเดียวกันกับเขา
ที่คุณอาจจะเคยพบพานยากมากที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเทพบุตรผู้นี้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยแสดงท่าทีว่าเขาจะสนใจผู้หญิงสวยๆ เลย
และ ณ ขณะนี้ สาวงามผู้นั้นที่โกรธเกรี้ยวเมื่อสักครู่ ได้แต่ยืนนิ่ง
พยายามกลืนก้อนน้ำลายตัวเองลงคออย่างยากลำบาก
มันสมตามคำร่ำลือจริงๆ บอสเจ้าของบาร์หล่อเหลาเอาการ
เขางามราวเทพบุตรจุติตามคำบอกเล่าที่เธอได้ยินมา ไม่ใช่สิ!
จะเรียกว่าหล่ออย่างเดียวคงไม่พอ “บอส” ผู้นี้
อยู่เหนือนิยามความหล่อและความงดงามทั้งปวง
“ผมได้ยินว่าคุณอยากพบผมเหรอครับ คุณผู้หญิง”
เย่หัวก้าวย่างช้าๆ มายังสุภาพสตรีผู้นั้น
ตอนนี้เธอรู้สึกว่ากำลังมีหินผาก้อนมหึมากำลังกดทับเธอ
เธอถูกสะกดแน่นิ่งไม่ไหวติงด้วยนัยน์ตาสีราตรีคู่นั้น
ดูเหมือนว่าตอนนี้ ความโกรธขึ้งของหญิงสาวได้มลายหายไปสิ้นแล้ว
เธอยื่นมือขวาที่สั่นเทิ้มไปยังบุรุษผู้อยู่เบื้องหน้า
และพูดด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักว่า “นี่คือ... เงิน... ห้าล้านหยวน และฉัน...ฉันอยากจะ.... เอ่อ...”
“คุณต้องการอะไรหรือครับคุณผู้หญิง” เย่หัวถามเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มเบา
แต่ในน้ำเสียงนั้นแฝงด้วยอำนาจบางอย่าง
มันคือพลังปีศาจที่เขามีตามธรรมชาติในน้ำเสียง
ที่แม้ใครเพียงได้ยินก็อาจถึงขั้นประหวั่นพรั่นพรึงไปเลยทีเดียว
หญิงสาวผู้งามสง่ารวบรวมพลังทั้งหมดที่เธอเหลืออยู่เพื่อตอบเขาไปว่า
“ฉันต้องการคุณ คุณต้องมาเป็นผู้ชายนายบำเรอของฉันไงล่ะ”
หลังได้ยินคำตอบของหญิงสาว เย่หัวไม่แสดงอาการใดๆ โต้ตอบ
หรือแม้แต่จะเผยให้เห็นความรู้สึกใดๆ ที่เขามีต่อคำพูดนั้น
เขาหันไปมองหญิงสาวปราดเดียวและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า
“จมูกและตาของคุณคงผ่านการศัลยกรรมมาสินะ คางของคุณ...
ทำออกมาไม่เลวทีเดียว และหน้าอก... หน้าอกของคุณอาจจะเป็นของจริง
แต่มองดูส่วนอื่นๆ ในร่างกายคุณสิ
คุณคิดว่าจะมีส่วนไหนที่จะดึงดูดผมได้เหรอ”
สิ้นคำพูดนั้น หญิงสาวถึงกับตาเบิกโพลง ราวกับเพิ่งโดนผีหลอกมาหยกๆ
เช็กในมือของเธอปลิดปลิวหล่นลงพื้นขณะที่เธอก้าวเท้าไปข้างหลังเพื่อตั้ง
หลัก จังหวะนั้นเองที่เธอเสียการทรงตัวจนทรุดลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น
และแล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมาราวกับเด็กผู้หญิงตัวน้อย
ไม่เคยมีใครหน้าไหนวิพากษ์ความงามของเธอเหมือนกับที่ผู้ชายคนนี้พึ่งทำลงไปกับเธอ
“รายที่เท่าไหร่แล้วละเนี่ย”
ผู้หญิงคนหนึ่งหันไปพูดกับหญิงสาวที่มาด้วยกัน
“นับไม่หวาดไม่ไหวหรอกเธอ ทุกครั้งที่บอสโผล่มาในบาร์
จะต้องมีนังตัวดีสักคนที่อยากลองของ อย่างฉันนี่นะหล่อน
ฉันเข้าใจและยอมรับสถานะตัวเอง แค่ได้มองบอส ฉันก็ปลื้มแล้วย่ะ”
“ฮ่าๆๆ ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็คงได้แค่มอง ใครจะรับมือผู้ชายแบบบอสได้
ไม่มีหรอก”
เย่หัวไม่ชายตามองสาวงามที่ทรุดลงร่ำไห้อยู่กับพื้นแม้แต่น้อย
เขาหันไปสั่งพนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่ม “เอาตัวเธอออกไป มันน่ารำคาญเกินไปละ”
“ดะ... ได้ครับหัวหน้า” รปภ.หนุ่มละล่ำละลักตอบ ทุกครั้งที่เขาได้พบบอส
เขามักจะประหม่าแบบนี้ทุกครั้งไป แต่โปรดอย่าได้เข้าใจผิดคิดเป็นอื่น
เขาไม่ได้คิดหรือรู้สึกกับบอสเหมือนกับสาวๆ เหล่านั้น
อาการประหม่านี้เกิดขึ้นความกลัวเกรงเจ้านายเสียมากกว่า
และแล้วก็ถึงเวลาที่บาร์ปิดให้บริการ
บรรดานักท่องราตรีต่างทยอยกันกลับจนไม่เหลือลูกค้าในร้านแม้แต่คนเดียว
เย่หัวเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อผสมเครื่องดื่มสีสันแปลกตาแก้วนึงขึ้นมาดื่มเอง
ของเหลวในแก้วไวน์มีสีเขียวเข้ม อีกทั้งยังมีเส้นสีแดงลอยละล่องดูคล้ายปอยผมอยู่ภายในแก้วอีกด้วย
เหล่าพนักงานหญิงที่กำลังทำความสะอาดบาร์ลอบมองนายของพวกเธออย่างคลั่งไคล้ใหลหลง
ในที่สุดสาวน้อยหน้าตาน่ารักนางหนึ่งใช้ความกล้าหาญตัดสินใจอย่างเด็ด
เดี่ยวควักกระดาษที่บรรจงพับซ่อนเก็บมาจากกระเป๋ากางเกงของเธอ
มันคือจดหมายรักที่เธอปรารถนาจะมอบแด่บอสหนุ่มที่เธอแอบหลงรัก
“ถังเหว่ย! อย่านะ อย่าไป” พนักงานสาวอีกคนทักท้วงเพื่อนร่วมงาน
เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเธอกำลังจะทำสิ่งอุกอาจที่ไม่ควรทำ
ถึงกระนั้น เด็กสาวถังเหว่ยยังคงเดินอย่างองอาจตรงไปยังเจ้านาย
เมื่อไปหยุดอยู่ตรงหน้าเย่หัว เธอยื่นจดหมายไปให้เขาด้วยมือทั้งสองข้าง
แต่เธอกลับก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตา “บอส” แม้แต่น้อย
เย่หัวมองเด็กสาวด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ไร้ความรู้สึกใดๆ
แล้วเขาก็หันไปเพ่งพินิจมองของเหลวในแก้วไวน์แทน
“บอสคะ...” เสียงของเด็กสาวช่างไพเราะน่าฟัง หน้าตาก็ใช่ว่าขี้ริ้วขี้เหร่
ผิวพรรณหน้าตาของเธอระดับดาวเด่นของโรงเรียนเชียวล่ะ
ซึ่งในความเป็นจริงเธอคือเด็กสาวดาวประจำโรงเรียน
เธอมาทำงานพิเศษที่บาร์แห่งนี้และได้พบเย่หัวที่นี่
“เธอคือเด็กใหม่ใช่มั้ย” บอสหนุ่มถามอย่างไม่ใยดี
ถังเหว่ยเกิดอาการอึดอัดทำตัวไม่ถูกเสียแล้วในตอนนี้
เธอก้มหน้าและตอบเจ้านายของเธอไปว่า “ใช่ค่ะ”
“งั้นเธอไปรับค่าจ้างของวันนี้ และตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีก”
น้ำเสียงของเขาช่างแห้งแล้งไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
แม้แต่เด็กสาวหน้าตาสะสวยอย่างถังเหว่ย ก็ไม่อาจสั่นคลอนหัวใจของชายผู้นี้ได้
เขาไล่เด็กสาวออกจากงานเพียงเพราะแค่เธอสารภาพรักกับเขาเท่านั้น