ตอนที่ 114 การค้นพบ
หากมนุษย์มีวิญญาณ เมื่อคนเหล่านี้ตกนรกและกลายเป็นผี พวกเขาจะเสียใจกับการกระทำของพวกเขา พวกเขาปฏิบัติต่อชีวิตมนุษย์เป็นเหมือนหญ้าไม่สนใจอะไรสักนิด พวกเขาคืออาชญากรรมที่ไม่อาจให้อภัยได้!
เฟิงหลินไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่เนื่องจากพวกเขาเสียชีวิตในมือของทหารโคลนจึงอาจกล่าวได้ว่าบั้นปลายชีวิตของพวกเขาสมเหตุสมผลแล้ว
เฟิงหลินให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้
บริษัทยาไจแอนท์ล่มสลายไปแล้วและตอนนี้นี่เป็นเรื่องของชีวิตและความตาย มันถึงเวลาที่จะชักดาบออกจากฝักแล้ว
แฟรงค์เหมือนเทพเจ้าแห่งความตาย ทุกครั้งที่เขาเรียกชื่อใครคนๆนั้นจะตายทันที
ต่อหน้าเหล่าทหารโคลนที่ดุร้าย นักวิจัยที่อ่อนแอเป็นเหมือนลูกแกะรอการสังหาร พวกเขาไม่กล้าและไม่มีหนทางที่จะต่อต้านได้เลย
ตามธรรมชาติแล้ว เฟิงหลินเป็นข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียว
ถ้าแฟรงค์เรียกชื่อเขาออกมา เฟิงหลินจะไม่ซ่อนความสามารถของเขาอีกต่อไป
เขาพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาตลอดเวลา!
แต่ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเขา ชื่อของเฟิงหลินไม่เคยถูกเรียก
เฟิงหลินไตร่ตรองเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้และในไม่ช้าก็เข้าใจ
มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ของกระสวยอวกาศ คนเหล่านี้ที่ถูกเรียกชื่อคือผู้ที่ประสบความสำเร็จน้อยกว่าหรือมีประสิทธิภาพการทำงานต่ำกว่าที่ควรจะเป็น พวกเขาจะถูกกำจัดไปจนเหลือเพียงห้าสิบคน(ตอนที่แล้วเขียนผิดไปว่า15คนค่ะ)
สำหรับเฟิงหลิน หากไม่คำนึงถึงการดัดแปลงยาอะดรีนาลีนหรือการสร้างเทคนิคยาผลึกผงที่สมบูรณ์แบบความสำเร็จของเขานั้นถือว่าค่อนข้างดี นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเรียกชื่อที่ดำเนินมาเป็นเวลานานยังไม่มีชื่อของเขา
เมื่อเขาคิดถึงสิ่งนี้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้น
จำนวนคนที่นี่ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เหลือเพียงห้าสิบเอ็ดคน
สายตาของทุกคนฉายแววความหวัง
เพียงอีกชื่อเดียวถ้าไม่ใช่ชื่อของพวกเขา คนที่เหลือก็จะรอด
สำหรับทหารโคลน พวกนี้เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่มีใครปฏิบัติกับมันเหมือนมนุษย์
สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่แฟรงค์รอให้เขาเรียกชื่อ
"มัตสึชิตะ โอนิจิน!" แฟรงค์เรียกชื่อญี่ปุ่นที่ไม่ใช่คนอื่นนอกจากผู้ช่วยของเฟิงหลิน
คนที่ไม่ถูกเรียกรู้สึกโล่งอก
ในที่สุดพวกเขาก็ปลอดภัย ...
เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานของพวกเขาจำนวนมากตาย หัวใจของพวกเขาก็เกือบจะหลุดออกจากอก ใครจะไปคิดว่าพวกเขาสามารถอยู่รอดได้จนกว่าจะถึงตอนนี้
"บากะ!" มัตสึชิตะ โอนิจิอุทานเป็นภาษาแม่ของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ขาว แต่เขาก็ไม่สามารถระงับสัญชาตญาณของเขาได้
"แฟรงค์ซัง ความสำเร็จของผมยอดเยี่ยมมาก ทำไมคุณถึงกำจัดผม?ผมป็นนักพันธุศาสตร์และได้สร้างน้ำยาฟอกสีที่สามารถทำให้มนุษย์ผิวสีต่างๆกลายเป็นเผ่าพันธุ์สีขาวได้" เขาทำดีที่สุดเพื่อปกป้องตัวเอง
“ขอโทษจริงๆ ยานั้นไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเรา เรามีพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ที่เปลี่ยนคนให้เเป็นบุตรของพระเจ้าได้อย่างสมบูรณ์ ยาของคุณสามารถเปลี่ยนสีผิวของคนๆหนึ่งได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนคุณลักษณะหรือสายเลือดได้”แฟรงค์พูดอย่างเย็นชา
"เป็นไปได้ยังไง?" มัตสึชิตะไม่อาจยอมรับสิ่งนี้ได้ ตั้งแต่เขายังเด็ก เขามักจะอยากเป็นคนผิวขาว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงคิดค้นน้ำยาเปลี่ยนสีและกลายเป็นนักพันธุศาสตร์ในบริษัทยาไจแอนท์
แต่เดิมเขาคิดว่าหลังจากพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์และเขากลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขาจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์สีขาว และถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว
ใครจะคิดว่าท้ายที่สุดเขานั้นต้องถูกกำจัดทิ้งอย่างนี้
"พิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์?" เขาพูดพึมพำและจ้องมองโคลนนิ่งเคลื่อนเข้าหาเขา หัวใจของเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งนี้
ทันใดนั้นแสงสีดำก็เข้าปกคลุมตาสีฟ้าเขา จิตใจของมัตสึชิตะโอนิจินเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ เขาชี้นิ้วไปที่เฟิงหลิน “แล้วเขาล่ะ?ทำไมเขาถึงไม่ถูกกำจัด?
แฟรงค์ตอบว่า "เฟิงหลินมีความสำเร็จที่โดดเด่นและเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่จะต้องถูกกำจัด"
“ไม่ยุติธรรม! เด็กเหลือขอนี่ยังไม่ได้เข้าพิธีกรรมเลือดศักดิ์สิทธิ์ ผมและตาของเขายังเป็นสีดำ เขาไม่ใช่คนอย่างเราที่มีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า เขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างและไม่น่าไว้ใจ ทำไมคุณไม่กำจัดเขา แต่มาเลือกผมแทน”มัตสึชิตะ โอนิจินใช้ข้อนี้มาแข่งขัน เพื่อที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากคนอื่นๆ
นักวิจัยไข่คนอื่นๆก็ค่อนข้างเห็นด้วย พวกเขาเริ่มพูดคุย
"นั่นเป็นความจริงเพื่อนคนนี้มีผมสีดำและผิวสีเหลือง เขาแตกต่างจากเรา เราไม่สามารถไว้วางใจเขาได้!"
"ก่อนที่จะเข้าพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเรา!"
“ไม่ว่าในกรณีใด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะ แต่เทคนิคยาผลึกผงของเขาก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ? ความสำเร็จของเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่ามัตสึชิตะ!”
"ความสามารถของมัตสึชิตะ โอนิจินอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง แต่เขาก็ทำงานอย่างหนักเพื่อบริษัทมาเป็นเวลาหลายปี เขาถือว่าเป็นผู้บุกเบิกบริษัทยาไจแอนท์ของเรา และเราไม่ควรกำจัดเขาอย่างไร้ความปราณี! "
...
เสียงการสนทนาดังขึ้น
ไม่ใช่เผ่าเดียวกัน ไม่สามารถไว้วางใจได้!
ตรรกะนี้ใช้ได้ทุกที่ในโลก
ก่อนหน้านี้คนเหล่านี้ทั้งหมดได้รับประโยชน์จากเฟิงหลิน เขาถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการสร้างยาผลึกผงให้กับพวกเขา นอกจากนี้อิทธิพลไร้รูปร่างของการสะกดจิตยังทำให้ทุกคนรู้สึกดีต่อเขา
แต่ตอนนี้ ในสถานการณ์ที่เกี่ยวกับชีวิตและความตาย การสะกดจิตกลายเป็นไร้ประโยชน์เพราะสัญชาตญาณในการปกป้องตัวเอง
ความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่นั้นยิ่งใหญ่กว่าอารมณ์อื่น ๆ
ตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ใครจะคิดว่าในท้ายที่สุดสิ่งนี้จะเกิดขึ้น?
เมื่อมองไปที่ใบหน้าน่าเกลียดของมัตสึชิตะ โอนิจิน เขาก็หัวเราะเยือกเย็นในใจ
เป็นไปตามคาดของคนญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนเชื้อชาติ บุคลิกที่เหมือนสุนัขจิ้งจอกของเขาและนิสัยชอบกัดเจ้านายของตัวเองจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แฟรงค์หารือกับไอค์ สายตาของเขาเปลี่ยนไป
มัตสึชิตะ โอนิจินรู้สึกมีความหวังมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเห็นทุกคนกำลังสับสน เขาก็ตะโกนเสียงดัง "แม้ว่าเฟิงหลินจะปรับเปลี่ยนสูตรยาอะดรีนาลีนและยาแห่งชีวิตก่อนหน้านี้ได้ เทคนิคยาผลึกผงก็ยังไม่สำเร็จสมบูรณ์ บางทีสิ่งที่เขาพูดอาจจะไม่ใช่ความจริง เทคนิคนั่นอาจไม่มีทางสมบูรณ์ได้ ไม่มีใครมีพลังจิตแข็งแกร่งเท่าเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถตรวจสอบสิ่งที่เขาพูดได้ ทุกคนอย่าหลงกลเขา! "
เพื่อปกป้องชีวิตของเขา เขาใส่ร้ายหัวหน้าของเขา การกระทำของเขาน่ารังเกียจสิ้นดี
เขาลืมไปว่าตอนที่เขาต้องการให้เฟิงหลินถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคนิคยาผลึกผงให้ เขาทำหน้ายังไง
ตอนนี้แม้แต่แฟรงค์ก็ยังเงียบ
ทันใดนั้นไอค์ก็พูดขึ้นมา "ผู้จัดการ เวลามีค่า ถ้าเราไม่ตัดสินใจตอนนี้ทุกอย่างจะสายเกินไป"
"เฟิงหลินเป็นอัจฉริยะ แต่มัตสึชิตะเป็นพนักงานเก่าของบริษัท ผมจะเลือกยังไง การตัดสินใจครั้งนี้ยากเกินไป" แฟรงค์ลังเล
ทันใดนั้นไอค์ก็หันมาจ้องเฟิงหลินอย่างเยือกเย็น
เฟิงหลินรู้สึกไม่สบายใจ
ไอค์ตัดสินใจเติมน้ำมันลงกองไฟ "แม้ว่าความสามารถของมัตสึชิตะจะค่อนข้างธรรมดา แต่เขาก็เป็นพนักงานที่ภักดีมาก เขาอยู่กับเรามานาน นอกจากนี้เนื่องจากเขาเป็นผู้ช่วยของเฟิงหลิน เขาก็น่าจะเรียนรู้มาอย่างเต็มที่แล้ว สำหรับเฟิงหลิน ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะโดดเด่น แต่เขาก็ยังไม่ผ่านพิธีเลือดศักดิ์สิทธิ์ และเราไม่สามารถไว้วางใจเขาได้ ในเวลาที่อันตรายเช่นนี้ เราไม่สามารถรับความเสี่ยงได้อีก นอกจากนี้ยังมีคำพูดที่ว่า - อัจฉริยะที่ตายแล้วย่อมไม่ใช่อัจฉริยะอีกต่อไป! "
เฟิงหลินตกอยู่ในสถาณการณ์ที่ยากลำบาก หลังจากที่ไอค์รู้ว่าตำแหน่งของเขาถูกคุกคาม ในสายตาของเขา เฟิงหลินก็เหมือนเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงเขา
เห็นได้ชัดว่าเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์
"เฟิงหลิน ผมขอโทษ แต่คุณก็ยังทำยาผลึกผงไม่สมบูรณ์แบบจริงๆ”แฟรงค์กล่าว พร้อมส่งสัญญาณให้ทหารโคลน
มัตสึชิตะ โอนิจินรู้สึกโชคดีมากที่สามารถรอดชีวิตได้
เมื่อเห็นโคลนนิ่งเหล่านี้เคลื่อนเข้าใกล้ ถึงแม้เฟิงหลินจะรู้สึกโกรธในใจ แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเลย ความแข็งแกร่งของเขาคือสิ่งที่ไม่มีใครสามารถแย่งชิงไปได้
หากเขาแสดงความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ แม้กระทั่งกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร ถ้าพวกเขาไม่ส่งคนจำนวนมากมาล้อมก็จะไม่สามารถขัดขวางเขาได้เลย
เพียงแต่เฟิงหลินกลับรู้สึกลังเล หากเขาลงมือตอนนี้ นั่นก็หมายความว่าเขาจะสละโอกาสในการเข้าสู่ซากปรักหักพังในตำนานที่ถูกทิ้งไว้ของนิกายเตาหลอมอมตะ และเขาจะไม่สามารถได้รับมรดกที่แท้จริงได้
ถ้าเขาไม่มีทางเลือกจริงๆ เขาก็ไม่ต้องการที่จะทำเช่นนี้
ความสำเร็จของเขานั้นไม่ถือว่าแย่ เพียงเพราะเขาไม่ใช่คนเผ่าเดียวกัน แฟรงค์จึงตัดสินใจแบบนี้
เฟิงหลินรำพึงเงียบๆ เขารู้สึกว่าเขาควรจะเดิมพันให้หนักพอที่จะเปลี่ยนความคิดของแฟรงก์
ทันใดนั้นความคิดต่างๆก็วิ่งวนไปหมดอยู่ในหัวเขา ก่อนที่โคลนนิ่งจะเข้าใกล้ เขาก็ตะโกนเสียงดัง
"เดี๋ยวก่อน! ฉันได้ทำการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ จริงๆแล้วเทคนิคการสร้างยาผลึกผงนั้นสมบูรณ์แล้ว!"
"นั่นมันเป็นไปไม่ได้!" ทุกคนอุทานอย่างไม่เชื่อ
"เขาโกหก! ฉันเฝ้าดูเขามาหลายวันแล้วและเขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว!" มัตสึชิตะ โอนิจินกระโดดโหย่งเหมือนหนูที่ถูกเผา
แต่ในขณะที่เขาพูด เสียงของเขาก็เหมือนเป็ดที่ถูกบีบคอ เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
ผลึกโปร่งแสงสีเขียวหยกปรากฏในมือของเฟิงหลิน มันเป็นวัตถุที่สวยที่สุดในโลก มันดึงดูดสายตาของทุกคน ไม่มีใครสามารถละสายตาไปจากมันได้