เล่ม1 : บทที่ 5 – การฝึกฝน
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 5 – การฝึกฝน
ชีวิตของโนอาห์ยังคงดำเนินต่อไป ผมสีดำยาวของเขาเริ่มยาวขึ้นจนแม่ของเขาต้องมัดให้ในบางครั้ง ลิลลี่เก็บกวาดชั้นแรกของตึกแขกในกรณีที่รอพบกับริสในบางคืน เธอร้องขอให้เขาทำอะไรเพื่อลูกชายบ้าง อธิบายให้เขาฟังว่าโนอาห์สนใจในการฝึกตนและศิลปะการต่อสู้ แต่ริสก็มักจะปฏิเสธอยู่เสมอ ภายใต้กฎของตระกูลหลัก
“ข้าทำอะไรไม่ได้ ลิลลี่ กฎก็คือกฎ ฐานะของเขาเข้าถึงได้แค่เคล็ดระดับต่ำเท่านั้น และนั่นจะได้รับอนุญาตก็ต่อเมื่อเขาได้แสดงให้เห็นคุณสมบัติด้วยการเป็นผู้พิทักษ์ตระกูล และบรรลุภารกิจให้สำเร็จ เจ้าจงส่งเขาไปที่นั่นแล้วปล่อยให้มันเป็นไปตามอย่างที่มันควรจะเป็น”
สีหน้าของลิลลี่หม่นหมองลงเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านั้น ความจริงก็คือโนอาห์ไม่ได้ใช้เวลาในห้องสมุดเลยตั้งแต่ตอนอายุแปดขวบ เขาต้องไปอยู่ตึกผู้พิทักษ์เพื่อแลกเปลี่ยนเคล็ดการต่อสู้
ลิลลี่รวบรวมน้ำเสียงวิงวอนแล้วถามริสออกไป
“ลูกของเราเป็นคนฉลาด เขาค้นพบแล้วว่าหาอะไรจากการเป็นผู้ฝึกตนไม่ได้เลยในห้องสมุด จึงหันเหความสนใจไปที่ผู้พิทักษ์แทนโดยหวังว่าจะได้รับสิ่งที่มีค่า ตอนนี้เขาแค่สิบขวบ ต้องรอให้สิบสามปีบริบูรณ์ถึงจะเข้าร่วมผู้พิทักษ์ได้ เขารับใช้ที่นั่นมาสองปีแล้ว นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับเขา! ท่านช่วยอะไรเข้าไม่ได้เลยรึ? กับลูกอีกสองคนของท่าน ท่านก็ทำแบบนี้กับพวกเขาหรือ...”
เพี๊ยะ!!!
ริสตบเข้าที่แก้มซ้ายของลิลลี่ เธอตะโกนเบาๆ จากนั้นก็กลับมาอยู่ในท่านั่งทุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมก้มศีรษะลง ชิมเลือดที่ไหลอยู่ขอบปาก
“พึงระลึกฐานะของเจ้าไว้! พึงระลึกไว้ว่าข้าเป็นผู้ที่ยอมให้เจ้าถือกำเนิดเด็กนอกรีตคนนั้น และนั่นก็เป็นเพราะเจ้าคือผู้ที่คลายความโศกเศร้าให้กับข้าจากการที่ต้องสูญเสียคนรักไป อย่าบังอาจเปรียบเทียบลูกชายและลูกสาวที่ รีเบ็คก้า อุ้มท้องพวกเขามากับลูกชายของหญิงงามเมืองชั้นต่ำเช่นเจ้า จงอย่าลืมว่าข้าคือผู้ที่อนุญาตให้พวกเจ้าทั้งสองได้อยู่ดีกินดีภายใต้หลังคาแห่งนี้”
ลิลลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ข้าขออภัยค่ะนายท่าน!”
จากนั้นเธอก็ก้มศีรษะลงติดกับพื้น
“ชิ ยืนขึ้นและชดใช้ที่ทำให้ข้าโกรธ”
* * * * *
ขณะเดียวกันนั้น ณ ตึกผู้พิทักษ์ มีเด็กอายุราวสิบถึงสิบเอ็ดปีคนหนึ่งกำลังแบกถังน้ำใหญ่สองถังไปยังกลุ่มผู้พิทักษ์ เนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยไคลเหงื่อภายใต้แสงแดด
เด็กคนนั้นคือโนอาห์ที่กำลังทำงานที่น่าเบื่อให้กับกลุ่มผู้พิทักษ์
เนื่องจากเขาเข้าใจแล้วว่าไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้จากการอ่านตำรา เขาจึงเริ่มค้นคว้าหาวิธีที่จะได้มาซึ่งการครอบครองเคล็ดการฝึกตน นอกเหนือจากการแอบเข้าไปยังตึกเขตในและขโมยตำรา ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ทางเลือกเดียวที่เขามีก็คือเข้าไปยังสถานที่ผู้พิทักษ์ของตระกูล และหากมีคุณสมบัติมากพอก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังเขตในได้ อาจารย์ต่อว่าเขาอยู่ครึ่งวันก่อนจะเลิกและปล่อยให้เขากลับไปยังเขตในขณะที่อยู่อ้อมกอดของแม่และเธอก็พูดว่า
“ระวังตัวด้วยนะ”
แม้โนอาห์จะเห็นร่องรอยความผิดหวังในดวงตาของลิลลี่ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นจำต้องไปตามการตัดสินใจของเขา เขาไม่ยอมแพ้และใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้ค่า และหวังว่าชีวิตที่ตอนนี้ดูไม่มีสีสันจะกลับมาสดใสขึ้นบ้างเฉกเช่นคนปกติ
‘แม่รักฉันน่าดูเลย แม่ยังคงมองพ่ออยู่ตลอด อาจจะเป็นเพราะฉันที่ทำให้แม่ยังคงอดทนกับพ่ออยู่’
ช่วงนี้ ทุกครั้งที่เขากลับไปที่ห้องก็มักจะเห็นรอยฟกช้ำบนร่างกายของแม้ แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นใบหน้าของลิลลี่ที่ปราศจากรอยยิ้มเมื่อมองมาที่เขา
‘ฉันคงต้องพยายามให้มากขึ้นกับชีวิตนี้แล้วล่ะ คิดว่าคงไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขหากไม่ได้ดูแลแม่ให้ดีที่สุด’
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขาหลังจากคิดเช่นนั้น ช่างน่าเสียดายที่ความคิดถูกขัดด้วยเสียงตะโกนจากผู้พิทักษ์คนหนึ่ง
“เฮ้ย ไอ้ลูกนอกสมรส ยืนยิ้มเหมือนคนโง่อยู่ได้ ไม่ขนน้ำแล้วรึ?”
เขาตบที่หลังเพื่อดึงโนอาห์ออกจากฝันกลางวัน และให้รีบกลับไปยังกลุ่มเพื่อส่งถัง
“ขออภัยขอรับ หวังว่าการฝึกฝนของท่านจะผ่านไปด้วยดีนะขอรับ บางทีท่านต้องผ่อนคลายจิตใจจากการฝึกฝนร่างกายอย่างหนักบ้างนะขอรับ การฝึกฝนที่หนักเช่นนั้นจะนำมาซึ่ง...”
“หุบปากของเจ้าเสีย คนล่าสุดที่เจ้าโกงเขาถูกผู้กองส่งไปล้วงส้วมถึงสามเดือนเต็ม จะไม่มีผู้ใดบอกอะไรกับเจ้าทั้งนั้น แต่หากเจ้ายังต้องการที่จะช่วยเราด้วยวิธีเดิมๆ ล่ะก็ ข้าพนันได้เลยว่าจะมีผู้สมัครมากกว่าหนึ่งแน่นอน”
ผู้พิทักษ์ขัดจังหวะต่อหน้าต่อตาโนอาห์ก่อนที่มันจะเริ่มขึ้น เขาพูดถูก เมื่อสองปีก่อนหน้า โนอาห์ได้รับเคล็ดบางอย่างโดยการแกล้งเป็นใสซื่อต่อหน้าผู้พิทักษ์ผู้เซื่องซึมคนหนึ่ง เขามักเลือกผู้พิทักษ์ที่ถูกกีดกันหรือถูกกลั่นแกล้งเพื่อที่เขาจะสามารถเริ่มการเชื่อมโยงในฐานะบุตรนอกรีตและจากนั้นเขาก็จะขอให้ผู้พิทักษ์เหล่านั้นแสดงรูปแบบและเคล็ดเพื่อให้เป็นที่ “ประทับใจ” และเพิ่มขวัญกำลังใจ
ในปีที่แล้ว ผู้พิทักษ์ระดับสูงเริ่มสังเกตเห็นความตั้งใจอันแรงกล้าของเขาและเลือกลงโทษผู้พิทักษ์ที่เผยข้อมูลสำคัญ พวกเขาไม่กล้าลงโทษโนอาห์เนื่องจากเขายังเด็กและเป็นไอ้ลูกนอกสมรสที่มีสายเลือดของตระกูลหลักไหลเวียนอยู่
สำหรับ “การช่วยด้วยวิธีเดิมๆ” มันคือการที่ผู้พิทักษ์ตีโนอาห์จนเขาล้มลงกับพื้นซึ่งเป็นรูปแบบของ “การฝึกฝนการต่อสู้”
การฝึกฝนการต่อสู่ยังคงอยู่ในความคิดของโนอาห์หลังจากที่เขาไม่สามารถรับมือกับผู้พิทักษ์จำนวนมากได้ อย่างไรก็ตาม ในชีวิตที่แล้ว เขาไม่เคยมีประสบการเรื่องการต่อสู้มาก่อนดังนั้นตอนนี้จึงถึงเวลาที่ต้องชดเชยสิ่งที่ขาดหายไป
“ไหนๆ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว มาลองสู้กันสักตั้งเถอะ มันต้องสนุกแน่”
กลุ่มผู้พิทักษ์ต่างโห่ร้องเมื่อได้ยินคำตอบของโนอาห์และเริ่มโอน้อยออกกันเพื่อหาผู้โชคดีหนึ่งเดียวที่จะได้สอนบทเรียนให้แก่เด็กไร้ยางอายผู้นี้
ในขณะเดียวกัน โนอาห์ก็เดินไปยังจุดเก็บดาบสำหรับการฝึกแล้วดึงดาบสั้นออกมาเล่มหนึ่ง
ตึกผู้พิทักษ์มีลานขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางเพื่อให้บรรดาผู้พิทักษ์มีพื้นที่สำหรับการฝึกฝนที่กว้างขวางและเป็นส่วนตัว โนอาห์ต้องขอบคุณความไร้เดียงสาจอมปลอมของเขาและความเฉลียวฉลาดในการทำงานที่น่าเบื่อหน่ายให้กับคนพวกนี้
จุดเก็บดาบอยู่ด้านข้างของลาน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมายังกลุ่มผู้พิทักษ์พร้อมกับดาบเหล็กสั้น ทื่อๆ เล่มหนึ่ง ผู้พิทักษ์คนนั้นคือเด็กที่เคยสามารถใช้ดาบด้วยมือข้างซ้ายของเขาได้อย่างคล่องแคล่ว
“ฮ่าๆ! เจ้าเปี๊ยก และวันนี้ก็มาถึงตาของข้า เจ้าจะได้ชดใช้กับสิ่งที่ทำกับข้าไว้ครังที่แล้ว”
ผู้พิทักษ์คนนี้สูงราวหนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตรและมีมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรง หัวโล้น มีหนวดเครายาว มีขนหน้าแก และมีกล้ามเนื้อที่ปูดโปน จากสภาพของเขาที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าปกปิด คุณก็จะเข้าใจได้ทันทีเลยว่าเขาคือต้นแบบของทหารที่สมบูรณ์แบบ
“เข้ามาเลยมิกกี้ มันก็แค่ดาบธรรมดาทำอะไรเจ้าไม่ได้มากขนาดนั้นหรอก!”
คำพูดนั้นได้จุดไฟโทสะในตัวมิกกี้ให้ลุกโชนขึ้นขณะที่เขาเริ่มเดินเข้ามาใกล้โนอาห์มากขึ้น
“การใช้อาวุธคงจะไม่ยุติธรรมสำหรับเด็กอย่างเจ้า ฉะนั้นข้าจะใช้เพียงแค่มือเปล่า ข้ารู้ว่าเจ้าฝึกฝนเคล็ดการหมุนเวียนน้ำแข็งและไฟมาแล้ว ฉะนั้นจงอย่าคิดว่าเจ้าจะล้มข้าได้ง่ายๆ ล่ะ”
มิกกี้พุ่งตรงไปหาโนอาห์ขณะใช้แขนตั้งเพื่อป้องกันศีรษะและหน้าอก
โนอาห์ยึดตำแหน่งที่เขาเรียนรู้จากกระบวนดาบและรอโอกาสที่เหมาะสม ทิ้งน้ำหนักลงไปยังขาข้างหน้า พร้อมที่จะพุ่งไปได้ทุกเมื่อ
เมื่อมิกกี้อยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว โนอาห์ก็พุ่งลงต่ำเพื่อหลบการโจมตีที่พุ่งตรงเข้ามาและหลบจากระยะการมองเห็น ส่วนสูงของเขาได้แค่ครึ่งเดียวจากส่วนสูงของมิกกี้
ในขณะที่เขาพุ่งหลบไปก็ได้ฟันดาบเป็นแนวทแยงมุมไปที่ขาขวาของมิกกี้
ฟั่บ!
เสียงของโลหะกระทบกับโลหะขณะการ์ดแขนสกัดกั้นวิถีของดาบ มิกกี้คาดเดาการเคลื่อนที่ของเขาเอาไว้แล้ว
มิกกี้โถมใส่โนอาห์อย่างรวดเร็ว โดยเล็งไปที่ใต้หัวไหล่ของเขา
ตรงกันข้ามกับการคาดเดา โนอาห์ไม่หลบแต่กลับบิดข้อมือซ้ายที่กำลังถือดาบอยู่ด้วยวิธีแปลกๆ ดาบได้หายไปครู่หนึ่งก่อนจะมาปรากฏอีกครั้งที่ต้นคอของมิกกี้โดยที่เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต
‘ในที่สุดฉันก็ทำได้ในการต่อสู้จริง คงถึงเวลาที่ต้องยอมแพ้แล้วล่ะ’
เมื่อคิดเช่นนั้น โนอาห์ก็ปล่อยดาบและปล่อยให้มิกกี้ชนเข้าที่หน้าอก
เขาลอยขึ้นไปสองเมตรก่อนจะร่วงลงพื้น จากนั้นก็คุกเข่าและไอออกมาเป็นเลือด
“นับว่าเป็นโชคดีของเจ้าที่ข้าออมมือให้ หากข้าใช้กำลังทั้งหมดเจ้าคงได้นอนหยอดข้าวต้มไปตลอดหกเดือน”
มิกกี้ส่งเสียงโห่ร้อง มีความสุขที่เอาชนะเด็กอายุสิบขวบได้
“เจ้าแข็งแกร่งมากมิกกี้ ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนล่ะ พลังอันแข็งแกร่งของเจ้ายากนักที่จะต้านทาน”
โนอาห์พูดขณะลุกขึ้นยืนและรีบตรงกลับตึกของเขา เมื่อเขาอยู่ตรงทางออกก็ได้ยินกลุ่มผู้พิทักษ์หัวเราะลั่นพร้อมกับตะโกนด้วยความโกรธในเสียงหัวเราะที่ฟังคล้ายกับชื่อของเขา...
ในห้องบนตึกผู้พิทักษ์ มีคนสองคำกำลังมองลงมายังลานที่มีกลุ่มผู้พิทักษ์กำลังหัวเราะเสียงดังลั่นกับมิกกี้หัวล้านผ่านหน้าต่าง
“คิดยังไงกับเจ้านั่น?”
คนหนึ่งถามอีกคนหนึ่ง
“เขาชนะอย่างเห็นได้ชัดเจนแต่ยังหลอกแกล้งแพ้เช่นเดิม เขาตระหนักถึงฐานะในตระกูลดังนั้นจึงพยายามวางมันไว้ให้อยู่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่กระนั้นก็ยังคงไม่ล้มเลิกที่จะค้นหาพลัง เขาคืออัจฉริยะ ข่าวลือพวกนั้นเป็นจริงทุกประการ ข้าไม่คิดว่าเขาจะเรียนเคล็ดข้อมืออสรพิษได้เร็วขนาดนี้ในเวลาเพียงแค่ไม่ถึงสองปี...”