บทที่ 9: ปลุกมังกรพิษ
บทที่ 9: ปลุกมังกรพิษ
อันที่จริงแล้วสิ่งที่เฉินรุยคิดคือ:
เขาโผล่มาแล้ว
ข้าก็มายังที่นี่แล้วสิ
เขาไม่ควรโผล่มา
แต่ข้าก็ยังมาอยู่
ใครก็ตามที่มาที่นี่ในตอนนี้จะต้องตาย
ท้ายที่สุดทุกคนจะตายกันหมด
......
หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบได้ผ่านพ้นไป ชายสองคนก็ได้ยืนประจันหน้ากัน ราวกับว่าเป็นศัตรูกัน ...
ตอนนั้นเอง เขาก็ได้เริ่มคิดหาวิธีคุย ...
ช่างโชคร้ายที่มังกรตัวนี้เป็นมังกรพิษ ทั้งยังเป็นมังกรโบราณด้วย
หัวใจของเฉินรุยกำลังเต้นแรง เขาพยายามหาวิธีทำให้อีกฝ่ายเป็นมิตรให้ได้มากที่สุด “ท่านปรมาจารย์มังกรพิษคงจะตื่นมาซักพักแล้วสินะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่อาเธน่าบอกว่าเหยื่อที่อยู่รอบๆ นั้นน้อยลงมาก”
พวกเขาบอกว่ามังกรพิษได้หลับใหลมานานหลายพันปีและถูกผนึกโดยชายที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรมารด้วยผนึกแห่งแสงสว่างและความมืดไม่ใช่เหรอ? มันตื่นมานานแค่ไหนกันแล้วเนี่ย? แล้วทำไมเขาถึงต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้กันวะ!
มังกรพิษได้กัดกินเนื้อที่ย่างโดยเฉินรุยและโบกแท่งเหล็กเปล่าไปมา เขาถามขึ้นมาว่า“เจ้าเป็นมนุษย์ใช่ไหม? ช่างแปลกมาก ที่เจ้ามาอยู่ในอาณาจักรมารซะได้ บาร์บีคิวนี้อร่อยกว่าของพวกมารเมื่อไม่กี่วันก่อนพอสมควร มีอีกไหม?”
มังกรพิษได้บอกถึงจุดจบของหน่วยสอดแนมที่ส่งมาโดยอลันทันที เฉินรุยรู้สึกถึงความหนาวเหน็บถึงกระดูกสันหลัง เขาได้แต่พยายามที่จะหายกลัว “ไม่มีแล้ว หากปรมาจารย์มังกรพิษต้องการ ท่านก็จะต้องไปล่าเหยื่อ ข้าสามารถช่วยท่านทำบาร์บีคิวได้”
“ไม่มีสำรองงั้นเหรอ? ฮึ่ม แต่แรดสามเขาพวกนั้นก็มีรสชาติที่ไม่ดีด้วยสิ” ชายคนนั้นชี้ไปยังแรดที่มีสามเขา ซึ่งหมดสติไปแล้ว จากนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปที่มารสาวทั้งสามคน “อืม มารสามตนนี้ดูเหมาะกับเป็นอาหารดี ตราบเท่าที่เจ้ารับใช้ปรมาจารย์ปากลีโรผู้นี้และทำบาร์บีคิวให้ข้ากิน เจ้าก็จะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้”
ทันใดนั้นจู่ๆ ก็ได้มีเสียงอ่อนแอเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ไม่!”
เสียงนั้นมาจากอาเธน่า หญิงสาวผู้แสนแข็งแกร่งผู้นี้คู่ควรกับชื่อนักดาบสาวที่เก่งที่สุดในเมืองพระจันทร์ดับ ขณะที่นางสัมผัสถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึง นางก็ได้พยายามต่อต้านพิษที่ทำให้ง่วงและตื่นขึ้นมา รูปร่างหน้าตาของนางก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน ผิวสีน้ำตาลของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงซีด เขาโค้งสองเขาสีแดงเข้มปรากฏขึ้นบนหัวของนาง ร่างมารของนางตอนนี้ดูคล้ายกับยามที่ทำลายปริศนาแท่งไม้ ร่างของนางถูกปกคลุมด้วยไฟที่ลุกโชน นางได้แต่ค้ำยันร่างของนางด้วยดาบใหญ่ๆ ของนาง
“เฉินรุย รีบหนีไปพร้อมกับอลิซเร็ว! ข้าจะขวางเขาไว้เอง!” อาเธน่ากัดฟันและตะโกนขึ้นมา ลมหายใจของนางเร็วและเปลวไฟรอบตัวของนางก็ได้สว่างขึ้น
“เพ้อฝันเกินไปแล้ว เจ้าผู้หญิงแสนโง่เขลา! แม้ว่าเจ้าจะใช้พลังไปจนหมด แต่เจ้าก็ไม่สามารถต้านทานพลังของปรมาจารย์ปากลีโรผู้นี้ได้หรอก” มังกรพิษได้พูดดูถูกเหยียดหยามออกมา
ทันใดนั้นดาบอันใหญ่ของนักดาบสาวก็เริ่มถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากนั้นไม่นาน ดาบอันแสนยิ่งใหญ่ก็ได้กลายเป็นสนิม จนกระทั่งไม่สามารถทนรับแรงของอาเธน่าได้ และเสียง “เปร๊ง!” ได้ดังขึ้นพร้อมกับดาบที่สลายหายไป
อาเธน่าเองก็ถูกพิษกัดกร่อนพร้อมกับร่วงลงสู่พื้นด้วย ร่างมารของนางและเปลวไฟแห่งชีวิตค่อยๆ เลือนหายไป จากนั้นนางก็ได้กลับสู่ร่างมนุษย์ หากไม่ใช่เพราะมังกรพิษต้องการเก็บนางไว้เป็นอาหาร นางคงจะกลายเป็นกองกระดูกขาวๆ ไปเสียแล้ว
"เห็นไหม? มนุษย์ เจ้ามีแค่สองทางเลือกเท่านั้น เชื่อฟังหรือตาย!“ปากลีโรเยาะเย้ย”ตอนนี้ปรมาจารย์ปากลีโรจะเริ่มด้วยการกินเด็กสาวตัวน้อยๆ พวกนี้เลยแล้วกัน!"
ในที่สุดเฉินรุยก็ได้ตัดสินใจได้แล้ว เขาส่ายหัวอย่างหนักแน่น “ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้!”
ถ้าอลิซตายที่นี่ เจ้าหญิงเชียคงจะทุ่มกำลังทั้งหมดในการแก้แค้น ในเวลานั้น มังกรพิษก็คงจะจากไปแล้ว ตัวเขาก็จะถูกกล่าวโทษ นอกจากนี้ เขาคงไม่สามารถทนดูโลลิน้อยและคนอื่นๆ ถูกกินโดยมังกรพิษที่แสนดุร้ายตนนี้ไปได้
ถึงยังไงเขาก็จะต้องตายอยู่แล้ว ขอลองเสี่ยงสักครั้งเถอะวะ อาจมีโอกาสรอดชีวิตอยู่บ้าง ยังไงมันก็บ้าตั้งแต่ที่ต้องมาสิงร่างคนอื่นอยู่แล้ว เขาขอยอมเสี่ยงแx่งทุกอย่าง!
อาเธน่ามองไปทางเฉินรุยอย่างประหลาดใจ นางไม่คิดเลยว่ามนุษย์ผู้แสนขลาดเขลาและโลภที่อลิซพรรณาจะมีความกล้าเผชิญหน้ากับมังกรพิษผู้แส่นน่าหวาดหวั่น จากจุดนี้ เขาดีกว่าอลันมากโข!
“เจ้ามนุษย์แสนอ่อนแอ เจ้ากล้าปฏิเสธความเมตตาของปรมาจารย์ปากลีโรผู้นี้งั้นหรือ!” ดวงตาของมังกรพิษกำลังปลดปล่อยบรรยากาศที่น่ากลัวออกมา ทันใดนั้นแท่งเหล็กในมือของเขาก็สึกกร่อนและหายไปในก้อนเมฆสีเขียว “ข้าจะกินเจ้าก่อนแล้วก็ผู้หญิงของเจ้าด้วย!”
"เดี๋ยวก่อน!" เฉินรุยไม่มีเวลาอธิบายความสัมพันธ์ของเขากับอลิซและเด็กสาวแล้ว ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้ เขากลับใจเย็นผิดถนัด “ท่านคือมังกรพิษใช่ไหม? มาพนันกันเถอะ! หากท่านสามารถเอาชนะข้าด้วยพิษได้ ข้าจะยอมแพ้ ถ้าท่านทำไม่ได้ ท่านจะต้องปล่อยพวกเราไป”
"เดิมพันงั้นเหรอ?" ปากลีโรทำตาหยีและมองไปที่เฉินรุย ทันใดนั้น เฉินรุยรู้สึกว่าการบูทระบบของระบบสุดยอด ซึ่งตอนแรกไม่ขยับ แต่ตอนนี้เริ่มขยับขึ้นไปอย่างช้าๆ 82.6%, 83.1% ...
“ฮึ่ม! ชีวิตเล็กๆ ของเจ้ายังอยู่ในเงื้อมมือของข้า ข้าจะไม่เล่นการพนันที่น่าเบื่อแบบนี้หรอก” มังกรพิษตัวนี้ฉลาดแกมโกง มันปล่อยพิษขณะพูดออกมา หลังจากยืนยันว่าพิษมันไร้ประโยชน์ มันก็ปฏิเสธข้อเสนอของเฉินรุยไป “สำหรับผู้ไร้พลังเยี่ยงเจ้า ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ด้วยนิ้วเดียว”
เฉินรุยแอบสาปแช่งไหวพริบของอีกฝ่าย ตัวเขาจึงเปลี่ยนเรื่องทันที เขาชี้ไปที่อลิซผู้ซึ่งนอนอยู่ข้างหลังอาเธน่าและพูดว่า“เด็กสาวคนนี้เป็นเจ้าหญิงน้อยของอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ อลิซ ลูซิเฟอร์ หากท่านกล้าทำร้ายนาง ท่านจะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นของจักรวรรดินางฟ้าตกสวรรค์”
“ตระกูลลูซิเฟอร์ อาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์?” ปากลีโรเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “แล้วมันอะไรกันล่ะ? อย่าดูถูกพลังของข้าจะดีกว่า แม้ว่า สักยะ ลูซิเฟอร์ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ทำได้แค่เสมอกับข้า!”
สักยะ ลูซิเฟอร์เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์เมื่อสองชั่วอายุคน ความแข็งแกร่งของเขาแสนจะมากมาย เขาเป็นที่รู้จักดีในฐานะปีกแห่งมาร
เฉินรุยยังคงทดสอบต่อไปอีกว่า “อย่าพูดเกินจริงเลย เมื่อท่านตื่นแล้วทำไมท่านยังต้องนอนอยู่ในที่นี่ด้วย อาหารมันจะมีพอเป็นพันๆ ปีเชียวหรือ? สัญลักษณ์ที่เหมือนโซ่ในร่างกายของท่านคงจะเป็นเหมือนตราผนึกใช่ไหม? ข้าได้ยินมาว่า เมื่อสี่ร้อยปีก่อนมีมารที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรแห่งมาร เจ้าพระอาทิตย์เที่ยงคืน เขาได้สร้างตราประทับผนึกแห่งแสงสว่างและความมืดไว้ที่ตัวท่าน…”
มังกรพิษขมวดคิ้ว “ผนึกแห่งแสงสว่างและความมืด? ข้าไม่แปลกใจเลยสักนิด…”
เฉินรุยที่เห็นมังกรพิษกำลังลังเลอยู่ เขาก็ได้พูดขึ้นมาอย่างกล้าหาญว่า“ให้ข้าเดานะ พลังของปรมาจารย์พิษตอนนี้กำลังถูกผนึกอยู่ใช่ไหม? หรือมีแค่การเคลื่อนไหวของท่านีท่กำลังถูกจำกัดอยู่ หรือเป็นทั้งคู่? หากความแข็งแกร่งของท่านไม่ลดลง แน่นอนว่าคงจะไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุ อย่างไรก็ตาม เมื่อข่าวที่ว่าพลังของท่านถูกผนึก ข้าเชื่อว่าคงมีหลายคนเต็มใจที่จะมาที่นี่เพื่อต่อสู้ชิงตำแหน่งนักรบมังกรเป็นแน่”
ใบหน้าของปากลีโรเปลี่ยนไป ทันใดนั้นเขาก็เริ่มพูดออกมามาด้วยความโกรธ“มนุษย์ เจ้ากล้าที่จะขู่ปรมาจารย์ปากลีโรผู้นี้งั้นเหรอ! ข้าจักจะทำให้เจ้ากลายเป็นกองขี้เถ้าพิษเสีย!”
เฉินรุยนั้นสังเกตเห็นแล้วว่าปากลีโรเป็นลูกแกะในหนังสิงโต เมื่อรู้ว่าเขารู้จุดอ่อนของปากลีโรแล้ว เขาก็สงบลงทีละน้อย “ท่านควรจะรู้แล้วว่าข้าไม่กลัวพิษของท่าน โดยเฉพาะตอนที่ความแข็งแกร่งทางร่างกายของข้าถูกปลุกขึ้นมา ...”
ก่อนที่เฉินรุยจะทำให้อีกฝ่ายกลัวด้วยปรมาจารย์หงอคง ปากลีโรก็ได้มองอย่างตื่นตระหนกและกล่าวขึ้นมาว่า "เดี๋ยวก่อน มนุษย์ เจ้า…พูดว่าสิ่งใดอยู่บนกายข้า สัญลักษณ์? โซ่งั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว” เฉินรุยชี้ไปที่สัญลักษณ์บนร่างของปากลีโรที่เปล่งแสงจางๆ “พวกมันเคลื่อนไหวไปมา ม้วนกันเป็นวงกลมคล้ายกับโซ่”
ปากลีโรดูเหมือนจะหัวเสียมาก“สัญลักษณ์พวกนี้มีลักษณะอย่างไร? มันหมายความว่าอย่างไร?”
เฉินรุยส่ายหัวและถามอาเธน่า “อาเธน่า เจ้าพอจะรู้จักมันไหม? สิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์พิเศษของผนึกแห่งแสงและความมืดใช่ไหม? พอดีข้าเองก็อ่านไม่ออก”
“สัญลักษณ์อะไร? ข้ามองไม่เห็นเลย” อาเธน่าสับสนและเบิกตากว้างๆ ของนาง ในสายตาของนางร่างกายของปากลีโรไม่มีอะไรแบบที่เฉินรุยพูดเลยสักนิด
พวกเขาไม่เห็นสิ่งที่ชัดเจนโต่งๆ แบบนี้งั้นหรือ? เฉินรุยรู้สึกแปลกๆ เขาเลียนแบบสัญลักษณ์บางอย่างแล้วลากแท่งเหล็กวาดลงบนพื้น“เจ้านี้คงไม่ใช่สัญลักษณ์ผนึกแห่งแสงและความมืดใช่ไหม?”
ปากลีโรนั้นรู้สึกสงสัยสิ่งที่เฉินรุยกำลังวาด แต่พอเห็นครบ เขาก็ไม่สงสัยอีกต่อไป เขาตกใจและพูดขึ้นมาว่า “ผนึกแห่งแสงสว่างและความมืดบ้านเจ้าสิ! นี่คืออักษรรูนโบราณ! มันเป็นของจริง!”
อักษรรูนโบราณ! ยังคงมีอีกตราประทับอีกอันหนึ่งบนร่างของมังกรพิษและมันเป็นตราประทับที่ทรงพลังที่สุด!
ปากลีโรกำหมัดแน่นและก็เริ่มวิตกกังวล เขาพูดกับตัวเองขึ้นว่า “มีเพียงผู้หญิงคนนั้นที่เข้าใจเรื่องอักษรรูนโบราณ ถ้าข้ารู้แบบนี้ ข้าคงไม่...”
เฉินรุยเห็นว่าปากลีโรเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เขาจึงส่งสัญญาณให้อาเธน่า อาเธน่ารู้และเข้าไปหาอลิซอย่างช้าๆ นางต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการหลบหนี
“ฮึ่ม!” ปากลีโรรู้ว่านางจะทำอะไร เขาได้ปลดปล่อยรังสีคุกคามออกมา เฉินรุยที่อยู่ระยะไกลยังรู้สึกหนาวสั่นเลย เขาทนไม่ไหวกับแรงกดดันและก็นอนลงล้มลงกับพื้น ต้องขอบคุณสัญลักษณ์พวกนั้น ทันทีที่มันปรากฏขึ้น รังสีก็หายไปทันที
“เมื่อเจ้ารู้ความลับของปรมาจารย์ปากลีโรผู้นี้แล้ว เจ้ายังคิดจะได้จากไปอีกงั้นหรือ? เจ้าจะต้องตายในวันนี้!”
เฉินรุยสามารถบอกได้เลยว่า “อักษรรูนโบราณ” นั้นหยุดยั้งพลังของปากลีโรอย่างมาก เขาคิดแผนทั้งหมดไว้แล้ว “ทั้งราชินีและหัวหน้าทหารอลันต่างรู้ว่าเรามาที่ทะเลสาบสีฟ้าในวันนี้ หากท่านฆ่าเราและทำสิ่งเลวร้ายลงไป ท่านจะไม่มีวันดีๆ อีกเลย ทำไมเราไม่ทำข้อตกลงกันล่ะ? ท่านเพียงแค่ปล่อยให้เราไปและเราจะช่วยท่านทำลายตราประทับได้นะ”
ปากลีโรตกตะลึงและถามว่า “เจ้าจะทำลายอักษรรูนโบราณได้ยังไงกันล่ะ?”
เนื่องจากความไม่รู้ของอักษรรูนโบราณ เฉินรุยจึงไม่กล้าที่จะหลอกลวงด้วยเรื่องราวปรมาจารย์หงอคง เขาคิดและพูดขึ้นมาว่า“อลิซเป็นเจ้าหญิงน้อยของจักรวรรดินางฟ้าตกสวรรค์ เราสามารถหาผู้ที่มีฝีมือในอักษรรูนโบราณและผนึกแห่งแสงและความมืดเพื่อช่วยท่านได้”
“พอถึงตอนนั้น ข้าเกรงว่าคงจะมีคนแบบนักรบมังกรมาล่าข้าใช่ไหมละ!?” ปากลีโรเยาะเย้ย “ผนึกแห่งแสงสว่างและความมืดไม่ได้มีผลกับข้าสักนิดเดียว ปัญหาอยู่ที่อักษรรูนโบราณที่เลือนหายไปแล้วเมื่อสองพันปีก่อน นอกจากนี้ตราประทับยังถูกลงไว้โดย”ผู้หญิงคนนั้น" มีเพียงผู้หญิงแสนจองหองคนนั้นเท่านั้น ข้าเกรงว่าคงจะไม่มีใครอื่นในอาณาจักรมารที่จะสามารถทำลายตราประทับนี้ลงได้หรอก”
เฉินรุยไม่ใช่คนโง่ เขารู้แล้วว่ามังกรพิษไม่ต้องการกินคนอีกต่อไป แต่เขาต้องการที่จะทำลายตราประทับ ไม่อย่างนั้น เขาคงจะต้องถูกโจมตีด้วยกรงเล็บแน่ ด้วยเหตุนี้เฉินรุยจึงเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นแล้ว
“งั้นเราจะตามหา”ผู้หญิง“ที่แสนจะจองหองให้เอง!”
ปากลีโรมองไปทางเฉินรุยสักพัก ซึ่งมันทำให้เขาประหม่ามาก ในที่สุดปากลีโรก็พูดขึ้นมาว่า“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะช่วยข้า?”
หลังจากได้รับการตอบรับอย่างหนักแน่นจากเฉินรุย ปากลีโรก็ได้กล่าวขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “เพื่อป้องกันเจ้าจากการหลอกลวงตัวข้า เราจักทำสัญญานายบ่าวกัน”
สัญญาในโลกนี้เป็นกฎทางวิญญาณที่ไม่เหมือนกับใคร ใครก็ตามที่ละเมิดกฏ จะต้องถูกลงโทษเป็นอย่างหนัก การลงโทษในสัญญานายบ่าวนั้นเข้มงวดมาก หากผู้รับใช้ทรยศ เขาหรือนางจะต้องตายในทันที
เฉินรุยลังเล จากนั้นเขาก็มองไปที่ปากลีโรอย่างมั่นคงและส่ายศีรษะของเขา“ไม่เป็นไรหรอก การช่วยเหลือผู้อื่นคือของโดยธรรมชาติของมนุษย์ ข้าจะไม่ใช้ความเมตตาในการผูกปีกแห่งอิสรภาพของท่านและข้าก็ไม่ต้องการให้ท่านมาตอบแทนข้าด้วย!”
ปากลีโรสับสนกับคำพูดอีกฝ่ายมาก แต่พอได้ยินจนจบประโยค เขาก็อยากที่จะสังหารมนุษย์ผู้นี้เหลือเกิน “ข้าเป็นนาย! เจ้าเป็นบ่าว! ไอ้เจ้าบ้านี้ มันไม่ใช่ความเมตตา แต่เป็นข้อตกลง!”
จะต้องมีผลประโยชน์ร่วมกันถึงจะเป็นข้อตกลงได้ เฉินรุยจึงได้ยิ้มอย่างสงบ“เนื่องจากเป็นข้อตกลง ถ้าเช่นนั้นเราทั้งคู่จึงควรจริงใจต่อกันและหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขกันเถอะ”