บทที่ 8: การแก้แค้นของสโนว์ไวท์
บทที่ 8: การแก้แค้นของสโนว์ไวท์
พอรู้ว่าอลิซสามารถใช้ <อ่านใจ> ได้ เฉินรุยก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ งั้นนางก็รู้ทุกอย่างงั้นเหรอ? รวมถึงระบบสุดยอดและการข้ามผ่านมิติด้วย?
“ไม่ต้องกังวล” อลิซมองดูท่าทางที่เขาตกใจอย่างมีความสุข “พลัง <อ่านใจ> ของข้ายังอ่อนแอ ข้าบอกได้แค่ว่าเจ้ากำลังโกหก ข้าไม่สามารถรู้อะไรที่เฉพาะเจาะจงอย่างเจ้าหลงรักเคีย ข้าไม่สามารถรู้อะไรแบบนั้นได้”
เมื่อเขาได้ยินว่านางไม่สามารถอ่านความคิดที่เฉพาะเจาะจงได้ เฉินรุยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในทันทีและเริ่มสงสัยว่าอลิซสามารถอ่านใจได้จริงหรือไม่
แต่เรื่องที่เขาหลงรักเคียไหม ก็ต้องบอกก่อนเคียนั้นเป็นมารสาวที่สามารถฆ่าใครก็ได้อย่างง่ายดาย มันไม่ใช่เรื่องเลยหากบอกว่าเขาจะชอบนาง แม้ว่านางจะชอบเขาจริง แต่เขาคงจะไม่เอานางเป็นคู่ชีวิตแน่ เขาให้เกียรติคนอื่นกลายเป็นมนุษย์ตากแห้งแทนเขาจะดีเสียกว่า
“อืม! แต่การอ่านใจของข้าใช้พลังงานวิญญาณมากเกินไป ข้าจะต้องพักสักสองสามวันหลังจากใช้มันไป ข้าจะไม่ใช้มันเสียเปล่ากับเจ้าอีกหรอก” อลิซพูดพร้อมกับนอนแผ่ "ข้าเหนื่อยมากแล้ว คงจะดีนะถ้ามีคนเล่าเรื่องให้ข้าฟัง”
คนที่ไม่ทำอะไรเลยดันบ่นว่าเหนื่อยเนี่ยนะ
เฉินรุยได้แต่ดูถูกอลิซที่บอกว่าตัวเองเหนื่อย แต่ด้วยความที่นางบอกว่าตนมีความสามารถอ่านใจ เขาก็ได้แต่จำใจยอมเชื่อไปก่อน โลลิน้อยตนนี้เองก็เป็นมารสาวน้อยด้วย การที่ทำให้นางรู้สึกสนุกคงเป็นการดีกับเขามากกว่า
ดังนั้นแล้ว เฉินรุยจึงเล่าเรื่อง “เจ้าชายอสูรและโฉมงาม” สุดแสนสนุกให้โลลิน้อยฟัง
เรื่องราวน่าเบื่อนี้กลับเป็นเรื่องราวที่นางดันชอบมากซะงั้น นางสนใจมันมันมาก จนดวงตาของนางเปล่งประกายแสงออกมา ช่วงท้ายขณะที่เล่าเรื่อง เมื่อนางได้ยินว่าเจ้าชายอสูรได้ฆ่าตัวตาย นางก็ได้แต่รู้สึกผิดหวัง นางบอกให้เขาเปลี่ยนเนื้อเรื่องเป็น นักรบมนุษย์แสนเลวร้ายและมารสาวผู้แสนดี
เฉินรุยได้แต่เกาศีรษะ ตอนนี้เขาเป็น“ศิษย์” ของอัลดาซแล้ว มันเท่ากับว่า เขาได้อุทิศตนให้กับอาณาจักรมารแล้ว ดังนั้นเขาก็เป็นคนทรยศต่อเผ่ามนุษย์ เขาได้แต่โทษวิญญาณเขาที่มายังร่างนี้ ถ้าวิญญาณของเขาได้อยู่บนโลกเหนือพื้นดิน เขาอาจได้รับโชคลาภมากมาย อย่างน้อยเขาก็อาจจะกลายเป็นเด็กคาบช้อนเงินช้อนทองโดยใช้ตัวตนของอาเธอร์ได้
อย่างไรก็ตาม นี่คืออาณาจักรมาร เขาได้แต่ต้องพยายามรักษาชีวิตตัวเองไว้เท่านั้น
บางทีอาจจะมีโอกาสที่จะหลบหนีไปยังโลกมนุษย์อยู่ พอถึงเวลานั้นเขาจะต้องพูดอะไรบางอย่างกับโลลิตัวน้อยแบบ "ขอโทษที ข้าเป็นสายลับจากพื้นโลก" ให้ได้
ในขณะนั้นเอง เคียก็ได้กลับมาพร้อมตะกร้าที่เต็มไปด้วยผลไม้ แก้วมังกรหยกดูคล้ายกับวอลนัทแห้ง มันใหญ่มาก ผิวของมันบางและเนื้อหวานมาก เฉินรุยได้ลิ้มรสมันและรสชาติของมันก็เหมือนถั่วพิสตาชิโอกับถั่วพีแคน ผลไม้นี้อาจจะทำให้คนเสพติดมันเลยก็ได้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมโลลิตัวน้อยถึงต้องการมายังทะเลสาบสีฟ้า
ไม่นานนัก อาเธน่าก็ได้กลับมาจากบนยอดภูเขาพร้อมกับปลาสองสามตัวและสัตว์ที่เหมือนแพะสองตัว ซึ่งพวกมันถูกลอกหนังจนสะอาด ปลาเองก็ถูกจับในลำธารบนภูเขา เนื่องจากน้ำในทะเลสาบสีฟ้านั้นมีพิษมากเกินไป จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยอยู่ในทะเลสาบสีฟ้า
"ช่างแปลกเสียเหลือเกิน เพียงแค่สองเดือนเท่านั้น สัตว์พวกนี้ลดลงมากขนาดนี้ได้ไงกันเนี้ย?“อาเธน่าสับสน” ข้าเจอแค่นี้ ไม่แน่ใจว่ามันเพียงพอหรือเปล่า…”
ปลาหกตัวกับ “แกะ” สองตัวนั้นไม่เพียงพอเหรอ?
เฉินรุยตกตะลึง มีคนทั้งหมดสี่คน สามคนเป็นหญิงและผู้ชายคนหนึ่ง นี่พวกนางเป็นพวกตะกละตะกลามงั้นเหรอ?
การกระทำของอาเธน่าและเคียนั้นคล่องแคล่วมาก พอพวกนางเตรียมของเสร็จแล้ว ก็เจาะด้วยแท่งเหล็ก ลอกหนังและทำความสะอาด เสร็จแล้วพวกนางก็ตั้งกองไฟขึ้น มันทั้งอบอุ่นและให้ความรู้สึกสบาย
เมื่อพวกนางกำลังย่างอาหาร ในที่สุดเฉินรุยก็ได้เวลาอวดความสามารถเสียที แม้ว่าเขาจะเป็นโอตาคุ แต่เขาก็ได้สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเขาจึงมีความสามารถในการดูแลตนเองที่แสนแข็งแกร่ง เขานั้นถึงกับมีชื่อเล่นว่า “พระเจ้าแห่งการทำอาหารตัวน้อย” เลยในช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย
เครื่องปรุงรสที่โลลิน้อยเตรียมมานั้นครบครันมาก เฉินรุยลองเอามันมาและปรุงดู หลังจากลองชิมปลาย่างที่ทำโดยเฉินรุยแล้ว งานย่างทั้งหมดก็ได้ถูกยกให้กับเขา แม้แต่เคียเองก็ยังรู้สึกประทับใจ
โลลิน้อยถึงกับพูดขึ้นมาว่า นางนั้นรู้ถึงความเจ๋งของเฉินรุยจึงได้นำเขามาด้วย แต่อาเธน่าไม่ได้พูดอะไรเลย นางยังคงกินอาหารด้วยความรวดเร็ว
ตอนนี้เฉินรุยรู้แล้วว่าทำไมอาเธน่าพูดว่าอาหารอาจไม่เพียงพอ เมื่อพิจารณาจากคำพูดก่อนหน้านี้ของนางแล้ว บางทีนางอาจจะสามารถกินมันทั้งหมดได้ด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ
ในขณะที่อลิซกำลังยุ่งอยู่กับการพูด อาเธน่าก็กวาดอาหารไปแทบทั้งหมดแล้ว อลิซนั้นช้าเกินไป นางเห็นปลาไม่กี่ตัวที่เฉินรุยเพิ่งจะย่างและนางก็กำลังจะคว้ามัน แต่นางก็ได้ส่งสายตาแปลกๆ มาให้เขาพร้อมกับพูดอย่างเขินอายว่า “เจ้าควรกินมันก่อน ไว้ค่อยปรุงข้าทีหลังเถอะ”
มันเป็นเรื่องยากมากเลยที่จะเห็นมารสาวน้อยคนนี้แสดงความเมตตาออกมา เฉินรุยส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มและมอบมันให้กับนาง อลิซยิ้มอย่างอ่อนหวาน จากนั้นก็รับมันไปและกินอาหารต่อไป
บรรยากาศนี้ทำให้เฉินรุยนึกถึงอดีต เมื่อเขาไปย่างบาร์บีคิวกับเพื่อนสนิทไม่กี่คนในช่วงเวลาเรียน น่าเสียดายที่ชีวิตก็เหมือนการโทรศัพท์ จู่ๆ หนึ่งในพวกเราก็ดันตายก่อน ชีวิตของเขาบนโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแฟนเก่าของเขา เขาก็ไม่มีทางที่จะได้พบพวกเขาอีกแล้ว
อลิซเอาปลาย่างไปกัดสองสามตัว พอสังเกตเห็นว่าเฉินรุยกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ นางก็ได้โยนผลไม้แก้วมังกรหยกไปบนศีรษะของเขาและหัวเราะ “เฉินรุย ไม่น่าเชื่อว่าปลาย่างของเจ้าจะอร่อยขนาดนี้ บางทีข้าอาจพิจารณาที่จะพาเจ้าไปเป็นของเล่นผู้ชายของข้าก็ได้นะ”
เฉินรุยเองก็ได้หยิบผลไม้มาและกัดลงไป พอได้ยินคำพูดนั้นเขาแทบจะกัดลลิ้นตนเองเลย สาวน้อยคนนี้รู้จักความหมายของคำว่า “ของเล่นผู้ชาย” หรือเปล่าเนี่ย?
ส่วนอาเธน่าก็กำลังสนใจแค่อาหาร ดังนั้นนางจึงไม่สนใจอะไรเลย มีเคียเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ส่งสัญญาณเตือนให้เฉินรุย แต่ก็ไม่ส่งเสียงออกมา ดูเหมือนว่าพวกนางคงจะคุ้นเคยกับคำที่แสนน่าอัศจรรย์ของโลลิตัวน้อยพอสมควร หลังจากกินไปซักพักหนึ่ง ภายใต้แรงคุกคามและการล่อลวงของอลิซ เฉินรุยก็ได้ถูกบังคับให้เปลี่ยนจากพ่อครัวเป็นนักเล่าเรื่อ
เรื่องราวที่เฉินรุยเลือกก็คือ“สโนว์ไวท์” ที่โด่งดังบนโลก
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เรื่องราวนี้ใกล้จะจบ ราชินีตัวร้ายในเรื่องก็ได้ถูกดูถูกโดยอลิซ นางกล่าวว่ามันดูปัญญาอ่อนเกินไป โดยเฉพาะแอปเปิ้ลที่มีพิษ ถ้ากินไปแค่คายออกก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ?
ถ้าเป็นนาง ผู้หญิงคนที่ชื่อสโนว์ไวท์คงจะไม่สามารถหนีจากวังได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น แม้กระทั่งเจ้าชายก็จะถูกนางวางยาพิษจนตาย หลังจากนั้นนางก็จะพิชิตประเทศอื่นรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและให้ชื่อเสียงของนางถูกยกย่องไปตลอดกาล
อาเธน่าเองก็ไม่พอใจกับตัวละครเอกของเรื่อง สโนว์ไวท์ นักดาบสาวกล่าวว่า แม้ว่าราชินีจะมีเวทย์มนตร์ แต่สโนว์ไวท์นั้นสามารถเลือกฝึกดาบได้! ถึงนางจะต้องหนีไปที่ป่า นางก็ควรจะยึดและกดขี่พวกคนแคระทั้งเจ็ด พอถึงช่วงเวลาสำคัญ เมื่อพระราชินีต้องการแต่งงานกับเจ้าชายโดยการบังคับ นางจะต้องกลายเป็นตัวเอกเพื่อช่วยชีวิตชายหนุ่ม หลังจากที่นางต่อสู้อย่างหนักและฆ่าราชินีเสร็จ นางก็จะซ่อนตัวอยู่ในภูเขาพร้อมกับเจ้าชายในตอนท้าย ร่วมกันสร้างตำนานแห่งดาบและเวทมนตร์อันชอบธรรม
เคียเองก็ได้พูดความคิดของนางอกมาด้วย เพราะกระจกวิเศษบอกว่าสโนว์ไวท์เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดแล้ว ทำไมนางถึงไม่ใช้เสน่ห์ใส่ผู้ชายทุกคนในอาณาจักรเพื่อรับมือกับราชินีแทนล่ะ อย่างน้อยนางก็คงจะดึงดูดเจ้าชายหลายต่อหลายคนให้ก่อสงครามระหว่างสองประเทศได้ เหมือนกับตำนานหญิงงามล่มเมือง
เฉินรุยได้แต่ลองสรุปฉากทั้งสามแบบดู เหงื่อก็พลันไหลลงมาทั้งร่างกายเขา
หนึ่งนั้นคือจบแบบจักรพรรดินี มันดูเหมือนกับเรื่องราวของจักรพรรดินีบูเช็กเทียนมาก ความคล้ายคลึงถึง 80% เลย ส่วนอีกคนก็เปลี่ยนตัวเอกของเรื่อง แต่ที่นางต้องการคือตัวละครที่มีมากมายเหมือนในนิยายจอมยุทธ ความคล้ายคลึงกับตัวละครมากมายนั้นมีนับไม่ถ้วน อันสุดท้ายคือหญิงงามล่มเมือง เป็นตัวแทนของต๋าจี๋และเปาชี่ ความคล้ายคลึงกันมันแทบจะ 90%
หลังจากปรมาจารย์อู๋ เฉิงเอิน อาจารย์แอนเดอร์สันก็คงต้องหลั่งน้ำตาด้วย ในเวลาที่เฉินรุยกำลังตกระกำลำบาก ทั้งสามตนก็ได้ยืนกรานว่าต้องการเรื่องแนวนี้
ทว่าเรื่องราวมันเป็นมาแบบสำเร็จรูป จะให้เขาไปแก้ไขได้ยังไง? เฉินรุยทำอะไรไม่ถูกมากนัก หลังจากที่เรื่องราวดันกลายมาเป็นแบบนี้
แต่พอเขาได้ใช้ความคิดมากมายแล้ว เขาก็ได้แก้ไขจุดจบท้ายสุดและออกมาพร้อมกับภาคต่อ
ในช่วงเวลาที่สำคัญนั่นเอง สโนว์ไวท์ก็ได้รู้ว่าแอปเปิ้ลนี้มียาพิษ เพื่อที่จะทำให้เป็นไปตามแผนของราชินี นางจึงจงใจกินแอปเปิ้ล แต่ต่อมานางก็ได้ดูบ้าคลั่งขึ้น แอบฝึกเสริมความแข็งแกร่ง แล้วนางยังชักชวนเจ้าชายแห่งอาณาจักรใกล้เคียงมาด้วย ในที่สุดการรวมพลังอันแสนป่าเถื่อนและเจ้าชายของนางก็สามารถเอาชนะราชินีได้ในทันที
ภาคต่อของเวอร์ชั่นนี้เรียบง่ายมาก แต่มันก็ยังคงไม่น่าพอใจอยู่ดี เหล่าผู้ชมต่างชี้ให้เห็นถึงฉากที่มีความบกพร่องเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับอยู่ดี เฉินรุยเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขาและได้แต่พูดในใจอย่างลับๆ ว่าถ้าเขาสามารถกลับไปยังโลกได้ เมื่อเขาไปอ่านนิยายออนไลน์ เขาจะแสดงความคิดเห็นที่ให้กำลังใจพวกนักเขียนมากขึ้นกว่านี้ เพราะการเป็นนักเขียนมันไม่ง่ายเลยสักนิด
ทั้งสามตนยังคงพูดคุยโต้เถียงกันเรื่องนี้ต่อเรื่อยๆ โดยเฉพาะอลิซกับอาเธน่า พวกนางทั้งคู่ได้หลงใหลในเนื้อเรื่องเข้าเต็มเปา เฉินรุยไม่กล้าพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยเขาด้วย เขาจึงได้เลือกอยู่ห่างจากคนทั้งสามคนและทำงานหน้าที่พ่อครัวของเขาต่อ ในฐานะแฟนตัวยงของเว็บนวนิยายแล้ว เขาสามารถจำได้อย่างน้อย 800 เรื่อง แต่มารสาวทั้งสามตนอาจจะเป็นแบบนี้อีกก็ได้ ถ้าเกิดเรื่องที่เขาเล่าเป็นแบบสโนว์ไวท์ในคราวนี้ มันคงจะเหนื่อยมากกว่าที่คิดแน่
เมื่อย่างเสร็จแล้ว สาวทั้งสามตนก็ดูเหมือนจะอิ่มกันแล้ว พวกนางไม่ได้ต่อสู้กันแย่งอาหารอีกต่อไป พวกนางมานั่งรวมตัวกันและเสียงของพวกนางก็เบาลงเรื่อยๆ พวกนางเงียบลงอย่างช้าๆ แม้แต่อลิซที่กระตือรือร้นที่สุดก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกนางจะหลับลงไปไปบนพื้นแล้ว
สตรีที่งดงามกำลังหลับอยู่ หมาป่า ไม่สิ ... ยังมีผู้ชายตื่นอยู่นะเฟ้ย แล้วตัวเขาจะทำยังไงดีเนี่ย?
เฉินรุยส่ายศีรษะอย่างรุนแรง เจ้าหญิงผู้นี้เคยหักหลังเขามาก่อน สงสัยว่านางคงพยายามแกล้งเขาอีกแน่
บางทีนางคงรู้ว่าร่างกายของนางไม่น่าดึงดูดพอ ดังนั้นนางจึงให้อาเธน่าและเคียมาแสดงด้วย ถ้าเขาเผลอทำอะไรลงไป แม้ว่าเขาจะพยายามหลบหนี แต่เขาก็คงจะต้องตกหลุมพรางของนาง สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการรอจนกว่าโลลิตัวน้อยจะหมดความอดทน จากนั้นการแกล้งของนางก็จะพังทลายลงไป
ต้องบอกว่าการแสดงของโลลิน้อยไม่ดีเลยสักนิด ลมหายใจของนางยาวและปลอมเกินไป มีข้อบกพร่องอยู่มากมาย อาเธน่าเองก็ไม่ดีเช่นกัน ท่าทางของนางแปลกเกินไป นางนั้นกอดดาบไว้แน่นเลย อลันนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ เขาไม่สามารถแม้แต่จะสามารถเทียบฝีมือดาบกับนางได้ ส่วนคนที่ดูจะทำได้สำเร็จมากที่สุดก็คือ ซัคคิวบัส ท่าแอ่นโค้งหลังของนางน่าสนใจมาก คราวนี้ยกรางวัลให้กับ เคีย ไปเลย
เฉินรุยตัดสินจากมุมมองของโอตาคุมืออาชีพของเขา จากนั้นเขาก็สัมผัสว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาวางสิ่งที่กำลังย่างอยู่และยืนขึ้น ในขณะนั้นเอง แรดสามเขาอันแสนเชื่องก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด ราวกับพวกมันกำลังสื่อสารอะไรบางอย่าง
การแจ้งเตือนในใจของเฉินรุยก็เริ่มส่งเสียงและความคืบหน้าของระบบสุดยอดก็เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ มันเริ่มช้าและเร็วขึ้นและเร็วขึ้น 20% 30% ... มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนมากกว่า 80%!
แม้จะมีพิษต่างๆ ในห้องทดลองของอัลดาซ แต่มันก็สามารถไปได้แค่ 20% มันมีอะไรที่รุนแรงมากจนทำให้ระบบเพิ่มไวขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
เขาควรจะมีความสุขที่ความเห็นความเร็วระบบสุดยอดเร่งจรวดแบบนี้ ทว่าเมื่อดวงตาของเฉินรุยมองดูทะเลสาบสีฟ้าที่แสนเงียบสงบเหมือนกระจก ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างและเริ่มมีเหงื่อเย็นไหลออกมาทันที
สายลมอ่อนพัดจากด้านนั้น มีชายผมสั้นที่จู่ๆ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาด้านข้างเฉินรุยที่กำลังถือบาร์บีคิวเสียบไม้ทั้งสองมือ
ผมของมนุษย์ผู้นี้เป็นสีดำ ผิวสีน้ำตาลเหลือง ร่างกายแข็งแรง สวมเสื้อคลุมสีเข้มแปลกประหลาด ดูเหมือนว่าร่างกายของคนผู้ๆ นี้จะถูกล้อมรอบด้วยสายของสัญลักษณ์แปลกๆ ที่เปล่งแสงสลัวๆ
"โผล่ออกมาแล้ว"
ซึ่งพอเฉินรุยพูดแบบนี้ ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้ตะลึงและถามออกมาว่า“เจ้ารู้จักข้างั้นหรือ?”
เฉินรุยบุ้ยปากไปทางทะเลสาบสีฟ้าและถามขึ้นมาว่า “ท่านเป็นมังกรพิษงั้นเหรอ?”
“เจ้าควรจะพูดกับข้าในฐานะ 'มังกรพิษอันแสนยิ่งใหญ่' หรือ 'มังกรพิษผู้แสนเชี่ยวชาญ สิ” ชายผู้นั้นยิ้มและเผยฟันขาวของเขาขึ้นมา