บทที่ 5: ดาร์คเอลฟ์ผู้แสนจะน่าประทับใจ
บทที่ 5: ดาร์คเอลฟ์ผู้แสนจะน่าประทับใจ
ในอีกสามวันต่อมา เฉินรุยก็รู้สึกอุ่นใจ คุกใต้ดินได้ถูกทำความสะอาด ทั้งยังมีฟางและข้าวสามมื้อด้วย ซึ่งคนทำก็เป็นแซลลี่ที่โดนอัลดาซสั่งมา
“เฉินรุย ท่านอาจารย์อัลดาซเรียกเจ้า”
จากคนที่กลายเป็นเหยื่อกลับกลายเป็นแขกที่เขาต้องรับใช้ เขาทั้งรู้สึกเจ็บปวดจิตใจโดยไม่ทราบได้เลยว่าทำไมมันเป็นเช่นนี้ เมื่อมองดูเฉินรุยเดินไป มารตนนี้ก็ได้กระทืบเท้าพร้อมกับกัดฟัน“มนุษย์เอ๋ย ข้าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จักกินเนื้อและดื่มโลหิตของแกให้ได้สักวันหนึ่ง!”
อย่างไรก็ตาม แซลลี่ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ก็ได้แค่ทำความสะอาดขณะที่กำลังกล่าวสาปแช่งมนุษย์อยู่
“เฉินรุย เข้ามาได้เลย!” อัลดาซที่เห็นเฉินรุยมาก็ตื่นเต้น แม้ว่าชื่อของมนุษย์ในตอนแรกคืออาเธอร์ แต่ตอนนี้เขาชื่อเฉินรุย ซึ่งดาร์คเอลฟ์ผู้นี้ก็ไม่ได้สนใจอะไรมันนัก
ทุกวันนี้อัลดาซเชื่อมั่นในเส้นทางฮัวหยงอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้ถามความจริงเกี่ยวกับปรมาจารย์หงอคงอีกแล้ว ความคิดแรกที่จะฆ่าเฉินรุยที่ไร้ประโยชน์ก็มลายหายไป
แม้กระทั่งเครื่องมืออันไร้ค่าก็ยังกลายเป็นของอันแสนอัศจรรย์ได้ หากมีการสร้างน้ำอมฤตและอุปกรณ์ได้... ดาร์คเอลฟ์ตนนี้ก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“ดูหมากรุกใหม่ที่ข้าทำสิ”
เส้นทางฮัวหยงที่เฉินรุยเห็นดาร์คเอลฟ์คนนี้ดัดแปลงเรียกได้ว่ามีศิลปะพอสมควรเลย แต่ละชิ้นได้ถูกแกะสลักด้วยรูปปั้นหัวนูนที่แสนสวยงาม อย่างไรก็ตาม ตัวโจโฉนั้นดูหล่อมากเป็นพิเศษและกวนอูก็ยังมีเขาสองข้าง มันทำให้เขาดูเหมือนมัจจุราชเลย ส่วนที่เหลืออย่าง จู่ลงกับม้าเฉียว ก็ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของพวกเขาด้วยเช่นกัน มันแทบจะกลายเป็นเส้นทางฮัวหยงเวอร์ชั่นมารเลยทีเดียว
พอได้พูดคุยกับอัลดาซและแซลลี่ เฉินรุยก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับอาณาจักรมาร เมืองพระจันทร์ดับที่ซึ่งเขาอยู่นั้นอยู่ในดินแดนของอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์และเจ้าของที่นี่ก็คือพี่สาวของอลิซ ราชินิเชีย ลูซิเฟอร์
มารที่พบบ่อยในอาณาจักรมารแห่งนี้คือ มัจจุราช ซัคคิวบัส เซนทอร์ ลิชและอิมป์
มารพวกนี้แต่ละตัวมีคุณสมบัติพิเศษ:
มัจจุราช นั่นเป็นที่รู้จักกันในนามมารอันแสนยิ่งใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นอันดับต้นๆ หากไม่นับตระกูลราชวงศ์ พวกเขาเกิดมาเป็นนักรบที่ทรงพลัง เก่งในการใช้อาวุธทั้งหมดและพวกเขายังสามารถเลือกที่จะมีความเชี่ยวชาญในด้านวิญญาณหรือความแข็งแกร่ง หรือแม้กระทั่งทั้งคู่เลยก็ได้ มารที่ยิ่งใหญ่บางตนมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น หลังจากสายเลือดได้กลายพันธุ์ไป ขีดจำกัดสูงสุดของมารผู้ยิ่งใหญ่ธรรมดาคือกลายเป็นมารระดับสูง การกลายพันธุ์อาจทำลายคอขวดของการพัฒนาพลัง ทั้งยังทำให้สามารถไปยังระดับที่สูงขึ้นได้
เซนทอร์นั้นแข็งแกร่งกล้าหาญและไร้ความกลัว มักจะเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในการเป็นทัพโจมตี บางคนก็กลายเป็นช่างตีเหล็กที่เชี่ยวชาญในการตีเหล็ก พวกเขานั้นมีขีดจำกัดสูงสุดอยู่ที่ขั้นกลาง
ลิชนั้นแสนบอบบาง แต่ก็มีพลังเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่ง คนที่มีความสามารถประมาณหนึ่งก็จะมีความสามารถเลี้ยงสัตว์ ขีดจำกัดสูงสุดของพวกเขาอยู่ที่ขั้นกลาง
ซัคคิวบัสเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีเฉพาะเพศหญิง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิญญาณเท่านั้น พวกเขามีพรสวรรค์คือเสน่ห์ที่ใช้เย้ายวนได้ทุกคน ในแง่ของการสืบพันธุ์ ความน่าจะเป็นของทารกที่ได้จะเป็นเพศหญิงสูงมากและทารกจะเป็นซัคคิวบัสตราบใดที่เด็กคนนั้นผู้หญิง ขีดจำกัดสูงสุดอยู่ที่ขั้นกลาง
สำหรับอิมป์อย่างแซลี่แล้ว พวกเขาเป็นปีศาจอันดับต่ำที่สุด พวกเขามักจะเป็นคนที่ต้องตายในการรบ อิมป์ระดับสูงมีความสามารถในการใช้ภาพลวงตาที่ทำให้ผู้อื่นสับสนได้ ซึ่งมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถกลายพันธุ์เป็นมัจจุราชได้
ดาร์คเอลฟ์และดาร์คโนมเป็นเผ่าพันธุ์ขุนนาง ซึ่งพวกเขาเป็นที่จำเป็นมากในตระกูลของมาร ดาร์คเอลฟ์นั้นเก่งในการลอบเร้น ลอบสังหารและวางยาพิษ แต่คนอย่างอัลดาซกลับเชี่ยวชาญด้านการปรุงยา นอกจากนี้แล้ว ยังมีเหล่าดาร์คเอลฟ์บางคนที่มีความสามารถเนโครแมนเซอร์ที่เก่งกาจเสียยิ่งกว่าลิชด้วยซ้ำ
แม้ว่าพวกโนมจะมีอายุขัยสั้น น่าเกลียดและมีพลังการต่อสู้เล็กน้อย แต่ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาก็แสนน่าทึ่ง พวกเขาเชี่ยวชาญในงานฝีมือและการประดิษฐ์ บางคนก็โดดเด่นในการเล่นแร่แปรธาตุ
เนื่องด้วยพลังพิเศษของดวงจันทร์สองดวงในอาณาจักรมาร จึงไม่มีอะไรแบบพวกลูกผสม แม้จะเกิดการผสมพันธุ์กันระหว่างเผ่าอยู่บ้าง แต่ทารกที่เกิดมาก็จะมีเผ่าของพ่อหรือของแม่แบบสุ่ม
นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากมายในอาณาจักรมาร เช่นพวกเผ่าธาตุ ดวงตามาร มังกรที่ร่วงหล่นและสัตว์อสูรมากมายที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความอันตราย
เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้ว พลังเริ่มต้นของมารนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก หากไม่คำนึงถึงความสามารถของมนุษย์ตอนแรกเริ่มแล้ว ตอนเกิดพวกเขาก็คงจะคล้ายๆ กัน ทว่ามารนั้นต่างออกไป ความแตกต่างในพลังนั้นเห็นได้ชัดเลยตั้งแต่แรกเกิด แม้จะถึงวัยผู้ใหญ่แล้ว พวกเขาก็ยังคงมีขีดจำกัดและการเลื่อนระดับไปก็ยังยากอีกด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ จุดเริ่มต้นของมารนั้นสูงกว่ามนุษย์และอายุขัยของพวกเขาก็มากด้วยเช่นกัน เพียงแต่การพัฒนาพลังของพวกเขาต่ำกว่ามนุษย์ ยิ่งระดับของมารสูงมากเท่าไหร่ การที่จะพัฒนาไปต่อได้ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
เชียและอลิซเป็นราชวงศ์ของเหล่ามาร โดยทั่วไปแล้ว ราชวงศ์ก็มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์ที่แข็งแกร่งโดยที่มีศักยภาพไม่จำกัด สามารถเพิ่มได้ในระหว่างการต่อสู้ พวกเขานั้นมีฝีมือเหนือกว่ามารตนอื่นโดยธรรมดา สายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุด ย่อมมีพรสวรรค์พิเศษของสายเลือด ทำให้สามารถกดดันผู้ที่ต่ำกลัวได้
บางทีอาจเป็นเพราะความเคารพนับถือต่อราชวงศ์ของพวกเขา ทั้งอัลดาซและแซลลี่จึงไม่ได้ต้องการที่จะเปิดเผยเรื่องของเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ให้เขาฟังมากนัก
“ตัวละครพวกนี้ไม่มีเอกลักษณ์เลยสักนิด บุคคลผู้มีอำนาจในยุคดึกดำบรรพ์ไม่ได้มีลักษณะเป็นเช่นนี้…การตกแต่งและการดัดแปลงควรที่จะทำตามประวัติศาสตร์” เฉินรุยวิพากษ์วิจารณ์ตัวละครของเส้นทางฮัวหยงในเวอร์ชั่นอาณาจักรมาร ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ได้พิจารณาเลยว่าตัวเองได้เปลี่ยนแปลงมันไปอะไรหลายๆ อย่างแล้ว พอเป็นแบบนี้มันก็ยิ่งดูยุ่งเหยิงมากกว่าเดิมพอสมควร แค่เรื่องราวหงอคงผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาดัดแปลงก็อาจจะทำให้อู๋ เฉิงเอินระเบิดน้ำตาในโลกหลังความตายแล้วกระมัง
อัลดาซเองก็ยอมรับคำวิจารณ์นี้และยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าแค่คันมือนิดหน่อยเอง ครั้งต่อไปข้าจะทำตามที่เจ้าพูด ครั้งนี้ข้าได้ก้าวผ่าน 209 ซึ่งดีกว่าครั้งที่แล้วพอสมควร”
เฉินรุยส่ายหัวเล็กน้อยและก็ถอนหายใจออกมา “ยังไม่พอ ท่านปรมาจารย์หงอคงใช้เพียงแค่ 81 ก้าวเท่านั้นและจากการคาดเดาของเขา มันยังต้องน้อยกว่านี้อีก”
อัลดาซรู้ว่าเพื่อลดการเคลื่อนไหวให้น้อยลงมันจำเป็นต้องมีการคำนวณอย่างละเอียด เมื่อเขาเล่นเส้นทางฮัวหยงเป็นครั้งแรก เขามีความสุขมากจนเขาจำไม่ได้ว่าใช้ไปกี่ก้าว ครั้งที่สองดูเหมือนเขาจะใช้ไปมากกว่า 300 ก้าว เมื่อเขาเห็นเฉินรุยสามารถจบเกมได้แค่ 100 กว่าก้าว เขาก็มั่นใจว่าสถิติของปรมาจารย์หงอคงนั้นเป็นของจริง
“ที่จริงแล้ว การใช้เส้นทาง”ขี่ม้าด้วยใบดาบดาบ“เป็นเพียงหนึ่งในเส้นทางฮัวหยง ยังมีทางอื่นอีก อย่างไรก็ตาม เส้นทางฮัวหยงเป็นเพียงกิจกรรมยามว่างของท่านปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องหมกหมุ่นกับมันมากขนาดนั้นก็ได้”
เฉินรุยจงใจกล่าวออกมา เมื่อเห็นว่าอัลดาซหมกหมุ่นในตัวเส้นทางฮัวหยงมากจนเกินไป
ซึ่งดาร์คเอลฟ์ผู้นี้ก็ได้ส่ายหัวและกล่าวออกมาว่า“ปรมาจารย์นั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่แท้ถึงแก่นลึกภายใน เพียงแค่สิ่งเล็กๆ น้อยสำหรับเขาก็เป็นการค้นพบอันมีค่าสำหรับเราแล้ว”
“แต่ท่านไม่สามารถละเลยการปรุงยาของท่านได้” เฉินรุยเปลี่ยนหัวข้อและแสดงถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา “ทำไมไม่ให้ข้าลองยาของท่านดู ยิ่งเป็นพิษยิ่งดีเลย หากท่านสามารถทำลายพรของท่านปรมาจารย์หงอคงได้ บางทีพิษของท่านอาจจะไปถึงระดับที่สูงขึ้น”
ทดสอบพิษงั้นเหรอ? เขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้นหรอก เขาแค่อยากจะเปิดใช้งานเจ้าระบบสุดยอดต่างหาก
เฉินรุยนั้นคิดเรื่องนี้แทบตลอดเวลา แต่เส้นทางฮัวหยงกลับกำลังขัดขวางเขาอยู่ แม้มันจะไม่ใช่ทางออกระยะยาว แต่หากเขาแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ เขาก็คงจะสามารถออกไปจากอาณาจักรมารและสามารถรักษาชีวิตตัวเองให้รอดไว้ได้
ซึ่งระบบสุดยอดแสนลึกลับนี้อาจจะเป็นความหวังเดียวของเขาก็เป็นได้
ดาร์คเอลฟ์ประหลาดใจและก็พูดขึ้นมาว่า “เจ้าไม่กลัวว่าเจ้าจะตายในขณะที่พรสลายไปงั้นเรอะ?”
“เพื่อให้เข้าใจถึงคุณสมบัติของสมุนไพรได้ดีขึ้น ปรมาจารย์หงอคงจึงได้ลองชิมสมุนไพรทั้งหมดด้วยตัวเอง เขาเกือบเสียชีวิตจากพิษสองสามครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถสร้างยาอายุวัฒนะได้เหมือนลูกท้อ ก็ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ แต่มันคือความเพียรและความพยายามต่างหาก”
เฉินรุยเริ่มนำเรื่องราวของ เฉินหนง มาทับบนเรื่องราวของหงอคงอีกครั้งแล้ว
“ลองด้วยตัวเองงั้นเหรอ?” ใบหน้าของอัลดาซเต็มไปด้วยความเคารพและเขาก็พูดว่า“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่สามารถต่อสู้กับเหล่าเทพเจ้าได้! ดูเหมือนว่านอกเหนือจากความรู้ ยังมีหลายสิ่งที่ข้าต้องเรียนรู้จากปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่…”
เฉินรุยนั้นเริ่มมองเห็นความกระตือรือร้นบนใบหน้าของอัลดาซ เขาเริ่มกลัวว่าสหายคนนี้จะลองใช้สมุนไพรด้วยตัวเขาเอง เฉินรุยจึงได้พูดเสริมไปอย่างรวดเร็วว่า“ทุกวันนี้ ข้ารู้สึกได้ถึงข้อความที่เหลือฝากไว้จากปรมาจรย์ผู้ยิ่งใหญ่ มันช่างล้ำลึกจนข้าประทับใจเป็นอย่างมาก ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะสืบทอดมรดกของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยมีพื้นฐานของการปรุงยามาก่อนและข้าก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้ที่ลึกซึ้งของเรื่องพวกนั้นได้ ท่านอาจารย์ ท่านยินดีช่วยข้าไหม? ถึงแม้ว่าข้าเป็นมนุษย์ก็เถอะ”
"ข้ายอมรับ! ตั้งแต่วันนี้ข้าจะสอนเจ้าเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานของการปรุงยา!” ในฐานะที่เป็นดาร์คเอลฟ์ อัลดัาซนั้นไม่ใช่มารที่ซื่อสัตย์ แต่เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยาพิษอย่างแท้จริง อัลดาซดูจะเชื่อใจเฉินรุยมากพอสมควร เชื่อใจมากจนแทบจะสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว
“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์! ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนข้าก็จะพยายาม!” เมื่อมองดูการแสดงออกของอัลดาซ เฉินรุยก็รู้ว่าเขาสามารถหยุดกังวลเกี่ยวกับการเอาตัวรอดและใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับการปรุงยาได้แล้ว
จากนั้นอัลดาซก็นำหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า "พื้นฐานของสมุนไพร" ออกมา
เมื่อเขากำลังจะเริ่มการสอน เจ้าหญิงอลิซตัวน้อยก็ได้มาถึงและนอกเหนือจากเคียแล้วยังมีหญิงสาวผมสั้นที่ไม่คุ้นเคยมาด้วยอีกคน
หญิงสาวคนนี้ดูสวยงาม มีผมสีม่วง ตาสีแดง ผิวสีน้ำตาลอ่อน สัดส่วนร่างกายที่สมบูรณ์ สายตาของนางสื่อออกมาถึงจิตวิญญาณที่แสนกล้าหาญและนางก็สวมเกราะที่มีสีแดงส้มเล็กน้อย นอกจากนี้นางยังถือดาบขนาดใหญ่ฝักของมันคล้ายกับเปล่งประกายที่น่าดึงดูดใจออกมา
แม้ว่าหญิงสาวที่มีผมสั้นคนนี้จะงดงาม แต่เฉินรุยกลับตื่นกลัวมารสาวอย่างยิ่ง เพราะเขาเคยถูกหลอกโดยอลิซอย่างชอกช้ำแล้ว ซัคคิวบัสสาวที่อยู่ข้างกายอลิซเองก็น่ากลัวมากด้วย
“อาเธน่า นี่คือมนุษย์ที่ข้าพูดถึง เขาน่าสนใจมากเลยทีเดียว” อลิซจับแขนของอาเธน่าอย่างใกล้ชิด หากเขาไม่ได้พิจารณาถึงทรวดทรงองเอวและใบหน้าที่แสนบอบบางของอาเธน่าแล้ว เขาคงจะคิดว่าพวกนางเป็นคู่รักกัน
“ท่านอาจารย์อัลดาซ สวัสดี” อาเธน่าไม่ได้เป็นคนสบายๆ แบบอลิซ นางคำนับอัลดาซอย่างสุภาพ อย่างไรก็ตาม นางแค่ทำตามารยาทกับแค่ดาร์คเอลฟ์คนนี้เท่านั้น พอนางมองไปทางเฉินรุย ดวงตาของนางก็ดูหยิ่งยโสมาก
เฉินรุยรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในกรงในสวนสัตว์และถูกเยี่ยมเยียนจากบรรดานักท่องเที่ยว ดังนั้นเขาจึงได้หันไปหาอัลดาซเพื่อขอความช่วยเหลือ
ซึ่งคนที่เฉินรุยกำลังจะมาขอความช่วยเหลือก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น พร้อมกับซ่อนเส้นทางฮัวหยงเวอร์ชั่นอาณาจักรมารไว้ใต้แขนเสื้อตัวเอง
สำหรับอัลดาซแล้ว อาเธน่านั้นจัดการได้ง่ายดาย แต่เจ้าหญิงอลิซเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นมารตัวน้อยแห่งเมืองพระจันทร์ใหม่ หมากรุกตัวใหม่ที่เขาสร้างขึ้นด้วยความพยายามอย่างมากนั้น เขาจะไม่ยอมให้นางฉกไปอีกแน่
ถึงอัลดาซจะเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย นางก็ยังสังเกตเห็น เขาจะซ่อนมันจากสายตาอันเฉียบแหลมของโลลิตัวน้อยได้อย่างไร?
ดวงตาโตๆ ของนางจ้องมองไปที่แขนเสื้อของอัลดาซและศีรษะของนางก็ขยับเล็กน้อย การเคลื่อนไหวโดยเจตนานี้ชัดเจนมาก จนทำให้อาเธน่าเองก็รู้สึกสนใจมันเช่นเดียวกัน
“ท่านอาจารย์ ท่านซ่อนอะไรไว้ใต้แขนเสื้อ? ให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพิ่งจะสร้างเส้นทางฮัวหยงแบบเร่งด่วนมาน่ะ” อัลดาซที่สังเกตเห็นสถานการณ์ที่ไม่ดีก็ได้เปลี่ยนหัวข้อไปเรื่องอื่นอย่างรวดเร็ว “จริงสิ เฉินรุย ของขวัญที่เจ้าสัญญาว่าจะให้เจ้าหญิงอลิซเมื่อวันก่อนเสร็จแล้วใช่ไหม?”
จากนั้นความสนใจของอลิซก็ได้เปลี่ยนไป ดวงตาโตของนางได้เปล่งประกายความหวัง “พี่ชายมนุษย์ หนูกำลังรอของขวัญของพี่อยู่เลย”
คำเรียกอันแสนหวานอย่าง “พี่ชาย” ทำให้เฉินรุยระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อน เขาเกือบจะกระโดดและตะโกนออกมา
ทริคเดียวกันนี้ไม่มีทางที่จะใช้ได้กับผู้ที่เคยโดนไปแล้วได้หรอก! การแสดงของเจ้ามันกระจอกเกินไป! ไม่มีทางที่เขาจะมองไม่ออก!
แม้ว่านางจะเคยหักหลังเขา แต่ภายใต้แรงกดดันของความน่ารักของโลลิน้อย เฉินรุยจึงได้หยิบของบางอย่างขึ้นมา
[1] เฉินหนง ในเรื่องปรัมปราจีน เฉินหนงสอนมนุษย์ใช้คันไถ และสอนเรื่องอื่น ๆ ให้แก่มนุษย์ เช่น การเกษตรขั้นพื้นฐาน และการใช้สมุนไพร ทั้งยังเป็นเทวดาแห่งลมร้อน (burning wind) ซึ่งน่าจะเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อเรื่องจักรพรรดิหยาน (炎帝) และการเกษตรแบบตัดและเผา (slash-and-burn)