บทที่ 2: ระบบสุดยอด
(เนื่องจากถือว่าผสานร่างเข้ากับความทรงจำของเจ้าของร่างแล้ว ขอใช้ข้าเจ้าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนะขอรับ)
บทที่ 2: ระบบสุดยอด
เช้าตรู่ของวันถัดมา เฉินรุยก็ได้ถูกพาไปที่ห้องทดลองห้องโดยแซลลี่ เขาไม่มีเวลาที่จะสังเกตโดยละเอียดเลยเมื่อวันก่อน ห้องทดลองนี้มีขนาดค่อนข้างกว้าง โต๊ะเองก็เต็มไปด้วยตัวอย่างและเครื่องมือแปลกๆ
ด้านหน้าของอัลดาซ แซลลี่กำลังยืนเคารพเขาอยู่ด้วยความเคารพอย่างสูงพร้อมกับเฉินรุย อัลดาซได้โบกมือและบอกให้แซลลี่เลิกกล่าววาจายกยอไม่รู้จบนั้นได้แล้ว จากนั้นเขาก็ถามเฉินรุยว่า “เจ้าหิวใช่ไหม?”
เฉินรุยหวังอย่างยิ่งว่าเขาจะตะบั้นหน้าไอ้ผอมแห้งคนนี้ให้จงได้ แต่เขาก็ได้พยักหน้าตอบอย่างเงียบๆ ไป
“เยี่ยมมาก งั้นลองนี้ดู” อัลดาซยิ้มอย่างชั่วร้ายและหยิบขวดสีเขียวที่มีของเหลวข้นหนืดที่เดือดและปล่อยก๊าซสีขาวออกมา
เฉินรุยชำเลืองมองไปที่มัน ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจในทันทีและก็ได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความสิ้นหวัง
แซลลี่ที่เฝ้ามองอยู่ก็ได้จับหัวของเฉินรุยกระแทกในทันทีและเริ่มต่อยเขา
"พอได้แล้ว! ให้มันดื่มไปครึ่งหนึ่งก่อน" คำพูดของอัลดาซทำให้การกระทำของแซลลี่หยุดลง
ภายใต้อาณัติของผู้อื่น เขาก็ได้แต่จำเป็นต้องทำตาม วันใดวันหนึ่ง ข้าจะให้พวกแกได้ดื่มน้ำล้างเท้าของข้าแน่!
เฉินรุยต้องทนอาการคลื่นไส้และดื่มสารละลายที่น่าขยะแขยงในขวดด้วยความสิ้นหวังไป มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้มันเข้าผ่านลำคอโดยไม่ผ่านลิ้น หลังจากกินเข้าไปไม่นาน ท้องของเขาก็เริ่มอุ่นขึ้นและบวมขึ้นพร้อมกับความเจ็บปวดมากมาย
ตอนนี้เฉินรุยเข้าใจถึงเหตุผลของรอยยิ้มอันแสนน่าขนลุกของอัลดาซแล้ว
ในขณะนั้นเสียง“ติ๊ง” ก็ได้ดังขึ้นในใจของเขาและเสียงลึกลับก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “พบสารพิษที่ไม่สามารถระบุได้ ผู้ใช้ต้องการดูดซับและเริ่มทำงานระบบสุดยอดหรือไม่?”
"ใช่!" อาการปวดท้องของเฉินรุยรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่สนใจอะไรแล้วก็ตะโกนออกมาดังๆ ความรู้สึกสดชื่นที่คุ้นเคยกลับมาและความเจ็บปวดก็พลันเลือนหายไป ท้องที่ป่องเริ่มกลับสู่สภาพเดิม
“การจัดหาพลังงานไม่เพียงพอ กระบวนการเปิดระบบ 0.7%; ต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อทำให้เสร็จสมบูรณ์”
เฉินรุยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาได้ยินอย่างชัดเจนเลยในครั้งนี้ เมื่ออาการเจ็บปวดหายไป เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก: 'ระบบสุดยอดงั้นเหรอ? ชื่อมันฟังดูคุ้นหูมากชะมัด '
เห็นได้ชัดว่าอัลดาซไม่ได้ยินเสียงลึกลับ เขาเบิกตากว้างและมองอย่างประหลาดใจไปทางเฉินรุยที่ซึ่งในตอนนี้กลับมาเป็นปกติในเวลาอันสั้น“ไม่น่าเป็นไปได้ หรือตัวข้าได้ผสมสูตรหญ้าบวมผิดไปอีกแล้ว?”
อัลดาซมองไปที่แซลลี่ที่กำลังง้างปากของเฉินรุยอยู่และก็ได้สั่งว่า “แซลลี่ จงดื่มที่เหลือซะ!”
ทันใดนั้นใบหน้าของแซลลี่ก็เป็นอันเครียดมาก เขาได้แต่ขอร้อง “นายท่านผู้น่านับถือ…”
ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ เขาก็ได้ถูกมือสายฟ้าของอัลดาซตวัดใส่ แซลลี่ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่จำใจดื่มยาพิษนั้นลงไป ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น มันก็ราวกับว่ามีปีศาจอยู่ในท้องของเขา เขาดิ้นพล่านไปทั่วพื้นห้องด้วยความเจ็บปวด ท้องของเขาค่อยๆ บวมเหมือนหญิงมีครรภ์ เมื่อมองดูความทุกข์ระทมของแซลลี่แล้ว อารมณ์ของเฉินรุยก็เริ่มเย็นลง ห้องทดลองนี้อันตราย การรีบหนีไปคงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“มันไม่ถูกต้อง! เห็นได้ชัดว่ามันยังมีประสิทธิภาพอยู่...” อัลดาซมองดูสภาพที่น่าสังเวชของแซลลี่และเขาก็นึกถึงอาการของเฉินรุยเมื่อครู่ จากนั้นเขาก็เริ่มนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา เขาจึงรีบสั่งข้ารับใช้ของตนอย่างรวดเร็ว “แซลลี่ จงรีบตะโกนคำว่า 'ใช่' เร็วๆ เสีย!”
"ใช่!" แซลลี่อดทนต่ออาการปวดท้องและตะโกนออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีผลใดๆ เลย
"ใช่! ใช่ ใช่ ใช่!" เสียงตะโกนของแซลลี่ดูสิ้นหวังมาก การพูดในขณะที่มีสภาพเช่นนี้ส่งผลให้มันเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
"เจ้างี่เง่า ช้าลงหน่อย ปรับสำเนียงการพูดของเจ้าด้วย!“อัลดาซด่าแซลลี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อแซลลี่พูดคว่า” ใช่” จนแทบจะพูดไม่ได้อีก ผลจากยาก็ยังไม่จางหายลงไป
“อย่าขยับ!” อัลดาซตะโกนไปที่เฉินรุย เขาขยับขาของเขาและกระโดดขึ้นไปสองสามเมตรเพื่อขวางหน้าเฉินรุยไว้ มียาอีกขวดหนึ่งในมือของเขา ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า“ดื่มขวดนี้ซะ!”
ความพยายามในการหลบหนีของเฉินรุยดูเหมือนจะถูกเห็นเข้าแล้ว เขาได้แต่สาปแช่งคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในใจ ทำไมข้าถึงต้องดื่มพิษอีก?
แต่เมื่อมองดูการใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวของอัลดาซแล้ว เขาก็ได้แต่ดื่มมันลงไป
ผลที่ได้รับในครั้งนี้มีเพียงแต่ความฝืดคอ เมื่อเสียงระบบในสมองของเขาดังขึ้นอีกครั้ง เฉินรุยก็สูญเสียความรู้สึกทางร่างกายและเขาก็พูดด้วยปากไม่ได้เลย เมื่อเขาคิดว่า “ใช่” ในใจ ผลอันน่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้งและอาการฝืดคอนี้ก็ได้หายไป จากนั้นระบบก็ได้ระบุความคืบหน้าอยู่ที่ 1.2%
นอกจากนี้ยังมีข้อความอื่นอย่าง
“<การส่งผ่านข้อมูลสาร> สามครั้งติดต่อกันเสร็จสมบูรณ์ ต้องการเปิดใช้งาน <การดูดซึมอัตโนมัติอัจฉริยะ> หรือไม่?”
เฉินรุยยืนยันในใจของเขา เพราะนี่คือสิ่งที่ช่วยชีวิตเขาหากเขาพบพิษร้ายแรงที่ฆ่าเขาได้ในทันที บางครั้งเขาอาจจะไม่สามารถตอบตกลงกับระบบได้
อัลดาซคว้าขวดเปล่าและมองดูฉลากบนขวด หมายเลข 103“ยาพิษสุดร้ายแรง”
เขาดูตกใจอย่างมากจนพูดขึ้นมาว่า “มนุษย์บ้า เจ้ากำลังใช้มนต์อะไรกัน!”
ข้ายังถูกบังคับให้ดื่มยาพิษอยู่เลย เรื่องเวทย์มนต์อะไรข้าจะไปรู้จักจากไหนกันได้?
เฉินรุยได้แต่แสดงควาไม่พอใจในใจ แต่เขาก็แสดงท่าทางออกมาราวกับไม่รู้เรื่องอะไร อัลดาซจึงก็พาเขาขึ้นไปที่โต๊ะแล้วดึงขวดพร้อมกับเหยือกกองหนึ่งออกมาแล้วบังคับให้เขาดื่ม
เฉินรุยตกใจเมื่อมองไปที่ป้ายที่เขียนบอกไว้ว่า “ยาพิษร้ายแรงถึงตาย” และ“ยาพิษกัดกินหัวใจสุดแข็งแกร่ง” โชคดีที่ระบบดูดกลืนสุดทรงพลังนั้นดูดซึมทุกสิ่งจริงๆ เมื่อมองขวดที่กำลังดื่มทีละขวด เฉินรุยก็ยังปลอดภัยอยู่ แต่อัลดาซกลับเริ่มตื่นเต้นมากเสียยิ่งขึ้นไปอีก
ความคืบหน้าการเริ่มระบบของสุดยอดสูงถึง 18% เฉินรุยตระหนักว่า ยาพิษที่แข็งแกร่งนั้นได้ทำให้ความก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้น แต่พอดื่มยาแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ความคืบหน้าก็จะลดลง
เขายิ่งอยากรู้ขึ้นเรื่อยๆ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อระบบไปถึง 100%
ทันใดนั้นเฉินรุยก็แสดงสีหน้าที่ทนไม่ได้และพูดออกมาว่า“นายท่าน เดี๋ยวก่อน!”
ดวงตาของอัลดาซที่กำลังเปล่งประกายได้แต่มองไปที่ขวดเปล่าที่เพิ่งถูกดื่มไป เขายกขวดอย่างระมัดระวังราวกับว่าเขาคว้าความหวังสุดท้ายและถามด้วยความหวังออกมาว่า “นี่เจ้ารู้สึกเป็นอัมพาตและหายใจลำบากบ้างหรือไม่?”
“ไม่เลยสักนิด…” เฉินรุยพูดขึ้นมา "เมื่อคืนนี้ ตัวข้าไม่ได้กินข้าวเลย ดังนั้นข้าจึงดื่มน้ำมากเกินไป ข้าอั้นฉี่ไม่ไหวอีกแล้ว ข้าขอทางไปห้องน้ำหน่อยได้หรือไม่?”
"ปัง!" ขวดได้แตกกระจายในทันที ใบหน้าที่หล่อเหลาของอัลดาซเหมือนกับถูกบี้เข้าหากัน เขากัดฟันแล้วก็พูดออกมาว่า “ดื่มน้ำมากเกินไปงั้นเหรอ? มนุษย์เอ๋ย! เจ้ากล้าดูถูกงานทั้งชีวิตของปรมาจารย์พิษผู้นี้เรอะ!”
เฉินรุยตกใจและปิดปากในทันที เมื่อวานนี้การเลือกปฏิบัติต่อสีผิวขออัลดาซก็ทำให้เขาถูกลงโทษด้วยฟ้าผ่า วันนี้เขาได้ทำผิดพลาดซ้ำอีกครั้งโดยดันไปดูถูกผลงานของอีกฝ่ายงั้นเหรอ?
ดี งั้นก็ฟ้าผ่ามาเลย ข้าจะฉี่แตกที่นี่แหละ
ช่างน่าเสียดายที่ระบบสุดยอดไม่สามารถดูดซับสายฟ้าได้ ...
“ร่างกายมนุษย์…ได้มาถึงระดับนี้แล้วงั้นเหรอ? ผลการวิจัยของข้า พิษใหม่ของข้า…พวกมัน…” อัลดาซอ้าปากค้างและตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ไม่! ข้ายังมีอีกสูตร! ยามนี้ข้าจะใช้สิ่งที่ข้าปรุงยากที่สุด พิษสีขาวที่กัดกร่อนกระดูกของทุกสรรพสิ่ง!”
ในขณะนั้นเอง ผลของพิษบวมครึ่งขวดก็ค่อยๆ ลดลง อาการปวดท้องของแซลลี่ลดลงอย่างมาก เขาล้มตัวนอนลงบนพื้นดินพร้อมกับอ้าปากค้างเพื่อสูดอากาศเข้ามาในปอด เจ้ามารตัวนี้มักจะคอยรับใช้อัลดาซอยู่หลายครั้ง เมื่อเขาได้ยินคำว่า "ยาพิษสีขาว" เขาก็ดูกลัวมากและก็ได้แต่ตะโกนออกมาว่า "ท่านอาจารย์อัลดาซอย่า... "
น่าเสียดายที่อัลดาซไม่สนใจอะไรแล้วและไม่คิดที่จะฟังด้วย อะไรจะทำให้โกรธยิ่งกว่าการได้เห็นความพยายามทั้งหมดในชีวิตเขาที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยกัน?
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังแย่ลง เฉินรุยก็แอบวิ่งไปที่ทางเข้าห้องทดลอง
เมื่ออัลดาซเทของเหลวสีม่วงลงในหลอดทดลองเดือดๆ มือของเขานั่นสั่นเป็นเจ้าเข้า.....
“ตู๊ม!”
มันได้ระเบิดออกมา เครื่องแก้วบนโต๊ะกระเด็นกระดอนด้วยแรงกระแทก ของเหลวและผงต่างๆ กระจัดกระจายไปรอบๆ เหมือนสายฝน อัลดาซปลิวไปมากกว่า 10 เมตรและตกลงสู่พื้น ตอนนี้เขายังมีชีวิตหรือตายก็ไม่เป็นอันทราบได้ ส่วนมารอีกตนที่อยู่ใกล้เขาก็ถูกเป่าและกระเด็นติดเข้ากับกำแพง
โชคดีที่เฉินรุยถอยออกจากห้องทดลองทันและยังมีชีวิตรอดอยู่ ส่วนของห้องทดลองนั้นมีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง มันจึงไม่มีรอยแตกใดๆ เลย
เฉินรุยมองรอบๆ ตัวอย่างถี่ถ้วนและชื่นใจมาก แม้ว่าเขาตั้งหน้าตั้งตารอให้ "ระบบสุดยอด" เปิดระบบอย่างเต็มที่ แต่ความบ้าคลั่งของอัลดาซก็น่ากลัวจนเกินไป คงมีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่าเขาจะทำอะไรน่ากลัวๆ อีก
ถ้าเขาไม่จากไปตอนนี้ แล้วเขาควรจะไปเมื่อไรกัน
เฉินรุยหยิบเสื้อคลุมที่ตกอยู่บนพื้นคลุมศีรษะของเขาแล้วออกไป
ห้องทดลองของอัลดาซดูเหมือนจะอยู่ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ระดับอันตรายของห้องทดลองอาจสูงเกินไปจนไม่มีใครกล้าอยู่ใกล้ ก่อนหน้านี้เขาดื่มยาจำนวนมา เขาทนอั้นฉี่ไม่ไหวอีกแล้ว
พอเขามาถึงสวนแห่งหนึ่ง เขาก็ได้เริ่มรดน้ำต้นไม้ด้วยฉี่ของเขา
เฉินรุยรู้สึกโล่งใจและรูดซิปกางเกงของเขาขึ้น เมื่อเขาหันหลังกลับไป เขาก็สับสนเพราะมีใบหน้าที่กำลังจ้องมองเขาอย่างสงสัย
อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่แต่งกายในชุดสีขาว นางอายุประมาณ 12 หรือ 13 ปี ผิวขาว มีใบหน้าที่งดงาม ผมหยิกยาวและสีบลอนด์ ดวงตาของนางสีม่วงทั้งสองข้าง มันสวยงามมากและดูเหมือนว่ามันกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างยามที่นางกระพริบตา
แม้ว่าเฉินรุยจะไม่ได้เป็นโลลิคอน แต่เขาก็ยังทึ่งกับความงดงามของเด็กสาวคนนี้ เขาได้เห็นดาราและคนงามนับไม่ถ้วนบนอินเทอร์เน็ต แม้แต่สาวงามที่ได้รับการผ่าตัดพวกนั้นก็คงไม่สามารถแข่งขันกับเด็กสาวผู้บริสุทธิ์ผู้นี้ที่มีทั้งอารมณ์และใบหน้าที่สมบูรณ์แบบได้เลย
เด็กหญิงคนนั้นกระพริบตาดวงโต ของนาง จากนั้นก็สายตาของนางขยับไปที่ร่างกายส่วนล่างของเขาอย่างช้าๆ และแสดงสีหน้าน่าสงสารออกมา “ช่างน่าเสียดายที่มันมีขนาดเล็กเกินไป…”
เฉินรุยเกือบคิดว่าหูของเขานั้นมีปัญหา ภาพที่สมบูรณ์แบบของโลลิจิตใจบริสุทธิ์ในหัวใจของเขาได้แตกกระจายไปอย่างสิ้นเชิง เขาใช้เวลานานที่จะเลิกคิดถึงเรื่องนี้และได้แต่ตอบกลับไปด้วยความยากลำบาก “คือว่ามันก็มีขนาดพอเหมาะอยู่นะ ดูสิไม่เห็นเล็กตรงไหนเลย...”
สิ่งนี้เป็นความภาคภูมิใจของผู้ชายมากที่สุด เขาไม่อาจที่จะท้อต่อคำดูถูกได้ แม้ว่าจะเป็นคนที่งดงามแบบเด็กสาวผู้นี้ก็ตาม
เด็กสาวถอนหายใจและส่ายศีรษะของนาง “ของอื่นยังใหญ่กว่านี้เลย…”
เป็นไปได้ไหมที่นางเห็นสิ่งที่ใหญ่มากกว่านี้อีกงั้นเหรอ?
เฉินรุยยอมรับเลยว่าของอาเธอร์นั้น “ดีพอประมาณ” อย่างน้อยมันก็ใหญ่กว่าชีวิตที่แล้วของเขา
ว่าแต่พวกมารนั้นเป็นปีศาจกันหรือไง? ทำไมคนที่งดงามแบบนางถึงพูดเรื่องพวกนี้แบบเป็นธรรมชาติกัน
ในความสิ้นหวัง เฉินรุยก็ได้แต่กล่าวออกมาด้วยความโกรธเคืองว่า“มีคนที่ใหญ่ในหมู่ของคนที่ใหญ่อยู่เสมอ ขนาดแค่นี้มันก็ดีมากแล้วนะ”
"เจ้ากำลังพูดอะไรกัน!" โลลิมองดูเขาอย่างประหลาดและชี้ไปที่พืชที่คล้ายหัวไชเท้าใต้ดินที่อยู่ในใต้เท้าของเฉินรุย “ข้าบอกว่ามันฝรั่งลาลานี้ยังไม่โตเต็มที่ ข้าจึงไม่สามารถดึงออกมาและกินได้ต่างหาก”
มันฝรั่งลาลางั้นเหรอ?
จากนั้นเฉินรุยก็ตระหนักว่านางกำลังถือตะกร้าเล็กๆ ที่มีดอกไม้และสมุนไพรอยู่ ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่รู้สึกอับอายมาก
แต่ทว่าเขาดูจะไม่ได้สังเกตเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของนางเลยสักนิดเดียว