นักเล่นแร่แปรธาตุปัญญานิ่มตอนที่ 9
บทที่ 9 - ตำนาน
"เอ่อ… ... พูดใหม่ได้ไหม?! ลูกชายของเจ้าอยู่ที่ซ่องสามวันเชียวเหรอ! เขาเพิ่งอายุห้าขวบนะ เขาไม่ควรเติบโตเร็วขนาดนี้สิ "จักรพรรดิพูดโพล่งขึ้นมา จักรพรรดิรู้สึกประหลาดใจมาก
แม้แต่ผู้ปกครองประเทศก็ยังมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ดังนั้นคุณคงสามารถจินตนาการได้ว่าคนอื่นๆจะเป็นยังไงได้เลย เมื่อมาถึงจุดนี้ ทั้งอาณาจักรต่างก็ตระหนักถึงความสำเร็จอันโดดเด่นของเจ้าชายที่สิบสามกันถ้วนหน้า เข้าซ่องเมื่อตอนอายุได้ห้าขวบ! นี่ต้องเป็นคนแรกที่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
เรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นหัวข้อของการสนทนาทั่วเมืองหลวงของอาณาจักร พวกเขาล้วนแล้วแต่ลือกันให้แซ่ดเกี่ยวกับเรื่องที่เจ้าชายที่สิบสามดื่มไวน์กับนักแสดงสาวในอาคารเริงรมย์ ลือว่าเขาแข่งประมูลชื้อทาสสาวยังไง
...
หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ก็ได้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างกายเจ้าชายที่สิบสาม ซึ่งนั้นก็คือเด็กผู้หญิงเผ่าเสือที่เขาชื้อมา หลงแอนฉีในตอนแรกก็อยากหาข้ารับใช้ที่มีอายุเท่าเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เขาต้องการทั้งเพื่อนเล่นและคนดูแล
แต่เด็กสาวเผ่าเสือคนนี้ดูจะคิดมากพอสมควรเลย เธอนั้นเพิ่งจะตระกหนักว่าการที่เธอสามารถถูกปลดปล่อยจากความอัปยศนี้ ทั้งหมดมันก็มาจากตัวเจ้าชายสิบสามที่แสนโง่เง่า แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเจ้าชายที่สิบสามไม่ได้ช่วยเธอด้วยใจจริง แต่ความจริงที่เขาช่วยเธอก็ยังไม่หนีไปไหน เขาช่วยชีวิตเธอจากชีวิตที่ราวกับอยู่ในนรก
ในฐานะสมาชิกของเผ่าเสือแล้ว มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องขอบคุณและพยายามชดใช้บุญคุณนี้ แม้แต่บุญคุณเล็กๆน้อยๆก็จำเป็นที่จะต้องตอบแทน แน่นอนว่าหากมีใครบางคนทำให้พวกเขาขุ่นเคือง พวกเขาก็ย่อมแก้แค้นกลับอย่างแน่นอน
แม้ว่าเด็กสาวเผ่าเสือชอบที่จะดูแลเจ้าชายที่สิบสาม แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความรักต่อมนุษย์คนอื่นเลยนอกจากเจ้าชายที่สิบสามเอง
ตั้งแต่นั้นมา ตระกูลเย่ก็เลยมีคนรับใช้ตัวน้อยเพิ่มอีกคน ในขณะที่เจ้าชายที่สิบสามก็มีผู้ดูแล/เพื่อนเล่นอีกด้วย
หลงแอนคีก็ได้ยกยอว่าลูกของเธอเองชาญฉลาดแค่ไหน เพื่อที่จะได้เก็บแม่เสือสาวนี้ไว้
อย่างไรก็ตาม เจ้าชายที่สิบสามกลับไม่เห็นด้วยเลยสักนิด เขายืนยันที่จะส่งสาวน้อยเผ่าเสือกลับบ้าน ซึ่งนี้เป็นวิถีแห่งลูกคนรวยโดยแท้จริง หลงแอนคีก็ได้ตีสั่งสอนเขาสักทีหนึ่ง
ไม่ใช่ว่าหลงแอนคีห่วงในเรื่องเงินที่ใช้ไป 50,000 เหรียญทอง เงินพวกนั้นไม่มีค่าสำหรับเธอเลยสักนิด อีกทั้งมันยังเป็นเงินในกระเป๋าของเจ้าชายที่สิบสามด้วย เธอแค่รู้สึกว่า เด็กสาวเผ่าเสือตัวน้อยคนนี้ถูกลิขิตให้มาพบกับลูกชายของเธอ
จากนั้นเจ้าชายที่สิบสามก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เขามักจะเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาและเขาก็มักไม่ออกความคิดเห็นอะไรอยู่แล้ว ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้มีเพื่อนเล่นคนใหม่มาเล่นด้วย ดังนั้นเขาจึงมีความสุขทั้งสองทางดี
จริงสิ เราลืมที่จะแนะนำชื่อของสาวน้อยเผ่าเสือเสียสนิทเชียว เธอเป็นที่รู้จักในนาม ไตหย่า แต่เธอมาจากตระกูลใดนั้นเธอก็ไม่ได้บอกกล่าว แล้วก็ไม่มีใครสนใจที่จะไต่ถามเธอด้วย
แม้หลังจากที่เธอบอกชื่อของเธอแก่พวกเขาแล้ว แต่มันก็ยังคงเหมือนเดิมสำหรับเจ้าชายที่สิบสาม เพราะเขาเรียกเธอด้วยชื่อเดียวเท่านั้น --- เสือสาว
นอกจากนี้แล้ว เสือสาวผู้นี้ก็มีอายุมากกว่าเจ้าชายสิบสามหนึ่งปี แต่ด้วยความที่เธอตัวเล็ก เธอจึงดูอายุน้อยกว่าเจ้าชายที่สิบสาม พอเธออายุมากกว่านี้ ตัวเธอก็คงจะเล็กกว่าเจ้าชายที่สิบสามอยู่ดี
อย่าคิดแค่ว่าทุกคนจากเผ่าพันธุ์เสือนั้นจะมีรูปร่างที่ใหญ่โต ในบรรดาสมาชิกหญิงของเผ่าเสือแล้ว ก็มีจำพวกตัวจิ๋วอยู่ด้วย แน่นอนว่าพวกมันหายากมากและเสือสาวนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
...
“น้องชายตัวเล็ก เจ้าอาคารเริงรมย์นั้นน่าสนใจจริงๆเหรอ? คราวหน้าเราไปกันเถอะนะ” หลานหยู่กระซิบเบาๆอย่างตื่นเต้น
"มันสนุกๆจริงๆ! แต่เราไปไม่ได้ ท่านแม่บอกว่าไม่ได้” เจ้าชายที่สิบสามพยักหน้าแล้วส่ายหัว
"เราไปได้! เพียงแค่อย่าบอกท่านแม่” หลานหยู่น้อยกระซิบ
"เราไปได้งั้นเหรอ?? งั้นให้ข้าไปถามท่านแม่ก่อน" เจ้าชายที่สิบสามวิ่งไปหาหลงแอนคีอย่างสับสน ในขณะที่หลานหยู่ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันเลวร้ายที่ไม่สามารถหยุดน้องชายตัวเองได้
“เย่หลานหยู่! เจ้าอยู่ที่ไหน!” เสียงคำรามของหลงแอนครดังก้องไปทั่วจักรวาล
“ท่านแม่ ข้าแค่ล้อเล่น เย่หลาง เจ้าสารเลว ข้าจะไม่พาเจ้าไปที่ไหนทั้งนั้นแหละ”
……
ในอีกหลายเดือนผ่านไป เจ้าชายที่สิบสามยังอยากจะเป็นลูกคนรวยผู้ใช้จ่ายเงินอยู่ทุกขณะ แน่นอนว่าเขายังคงขอเงินค่าขนมจากหลงแอนคีล่วงหน้าตลอด และในขณะที่เธอพูดว่า 'นี่เป็นครั้งสุดท้าย' แล้ว เธอก็ยังคงให้เงินเขาใช้ตลอดอยู่ดี
ในตอนแรกเจ้าชายที่สิบสามก็โดนกักบริเวณ แต่ต่อมาหลงแอนคีก็ได้ยอมให้เขาออกไปโดยไม่กักบริเวณอีกต่อไป ไม่ใช่ว่าเธอเชื่อในตัวเขา แต่เป็นเพราะเธอไม่มีทางเลือกต่างหาก
เจ้าชายที่สิบสามนั้นถูกกักบริเวณก็เพราะการหายตัวไปของเขาในครั้งแรก นั้นทำให้คนในตระกูลเย่ล้วนแล้วแต่ตื่นตัวกันเป็นอย่างมาก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้ออกจากบ้านอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งประหลาดก็ได้เริ่มเกิดขึ้น เจ้าชายที่สิบสามยังคงหายไปอีกสองสามครั้ง ซึ่งกว่าที่ทุกคนจะรู้ตัว เขาก็ได้หายไปแล้ว เขานั้นออกจากบ้านด้วยวิธีที่น่าสนใจมากมาย
วิธีการพวกนี้ล้วนถูกมองข้ามโดยคนธรรมดาทั่วไป บางทีพวกเขาคงจะต้องคิดในมุมมองของเขาดูมั้ง หลงแอนคีเองก็หมดคำจะพูดตอนที่เขาบอกวิธีการของเขาแก่เธอ
หลงแอนคีในตอนนี้แทบจะไม่แปลกใจเลยสักนิดเดียว เธอเพียงแค่สงสัยว่าเขาคิดวิธีการพวกนั้นได้หลายวิธียังไง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดวิธีการพวกนั้นได้มากขนาดนี้ แม้จะเป็นคนฉลาดก็ตามที เย่หลางนี่เป็นเพียงเด็กที่บกพร่อง ดังนั้นเขาจะไปมีความคิดมากมายเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?
ไม่ใช่เพียงแค่หลงแอนคีที่ปวดหัว แต่ทั้งตระกูลเย่ก็เช่นเดียวกัน พวกเขายังสงสัยเลยว่า เจ้าชายที่สิบสามนั้นแกล้งโง่หรือเปล่า แต่นั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ
ซึ่งเขาเป็นเพียงแค่เด็กเองนะ ถ้ามันเป็นแค่การแสดง เขาก็ต้องแสดงมันตั้งแต่เขาอายุยังน้อย นั่นเป็นไปได้ไหมนะ? แต่เขาทำทั้งหมดนี้จริงๆงั้นเหรอ?
นอกจากนี้แล้ว ยังมีนิสัยใจคอของเขาที่ไม่สามารถแกล้งทำได้อีก บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ใครจะไปรู้ แม้ว่าเขาจะมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมและฉลาดหลักแหลม แต่ก็คงไม่สามารถหลบลี้สายตาของบิดามารดาของตนจนไม่มีใครสังเกตเห็นได้
จึงมีเพียงคำอธิบายเดียว: เจ้าชายที่สิบสามนี้มีข้อบกพร่องทางจิตบางส่วน แต่เขาก็เหนือกว่าเด็กผู้อื่นเช่นเดียวกัน ถ้าเขาสามารถเติบโตได้เหมือนคนปกติ เขาก็คงจะเหมือนกับตัวละครในนิทานพื้นบ้าน กลายเป็นบุตรแห่งสวรรค์ในตำนานที่แท้จริง
แต่ในตอนนี้ คณะยามของตระกูลเย่ล้วนแล้วแต่ต้องปวดหัวกันมากกว่าเดิม พวกเขาเริ่มไม่พอใจเจ้าชายที่สิบสาม เพราะเขาโดนตำหนิแทบจะทุกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน มันก็เป็นการฝึกฝนให้พวกเขากลายเป็นกองกำลังลับสุดยอด การเฝ้ายามของพวกเขาเพิ่มความระมัดระวังสูงอย่างมากแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จากนั้น ความปลอดภัยของตระกูลก็เรียกได้ว่าเหนือกว่าจินตนาการ มันเข้ายากยิ่งกว่าพระราชวังเสียอีก
ครั้งหนึ่งเคยมีสุดยอดสายลับ สายลับในตำนานที่สามารถย่างกรายเข้าไปในทุกๆที่อย่างสบายๆ รอยเท้าของเขาไม่มีทางถูกพบเห็น การเข้าราชวังของทั้งสามอาณาจักรใหญ่นั้นง่ายเหมือนกับเดินกลับบ้าน ซึ่งเขาได้ชื่อว่าตำนานในตำนานของเหล่าสายลับ
อย่างไรก็ตาม เขากลับตกอยู่ในอุ้งมือของตระกูลเย่ซะงั้น ในขณะที่กำลังสอดแนมตระกูลเย่อยู่ เขาก็ได้ถูกจับกุมโดยพวกยาม เขาคิดว่ายามพวกนี้ต้องเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือแน่แท้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะจับเขาได้ยังไงกัน แต่เขากลับรู้สึกตระหนกมาก เพราะยามนั้นเป็นเพียงยามธรรมดาๆในตระกูลเย่
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหดหู่มากกว่าเดิมก็คือตอนที่เขาถามยามว่าพวกเขาสังเกตถึงตัวตนของเขาได้เยี่ยงไรกัน พวกยามก็ได้ตอบกลับไปว่า: “เจ้าชายที่สิบสามใช้อุบายของเจ้าเมื่อตอนเขายังเป็นเด็ก ความพยายามของเจ้านะมันไร้ประโยชน์สิ้นดี!”