นักเล่นแร่แปรธาตุปัญญานิ่มตอนที่ 7
บทที่ 7 - หญิงสาวที่ดีที่สุดในเมือง
ทุกคนตระกูลเย่ต่างก็เป็นกังวลกันทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวพ่อและแม่ ลูกชายตัวน้อยของพวกเขาได้หายตัวไป! ทั้งคู่รู้สึกเสียใจมาก พวกเขานอนไม่หลับถึงสามวันสามคืน
หลานหยู่ตัวน้อยก็แทบไม่ต่างกัน เธอแทบจะไม่อยากแตะอาหารเลยสักนิด ในบรรดาพี่น้องทั้งสี่ เธอเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเย่หลางมากที่สุด พวกเขาอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา อาจเป็นเพราะเจ้าชายที่สิบสามเป็นพี่น้องคนเดียวที่อายุน้อยกว่าเธอ เธอก็เลยสนุกกับความรู้สึกที่ได้เป็นพี่สาวซักครั้ง
การหายตัวไปของเจ้าชายที่สิบสามนี้ทำให้แม้แต่ตัวจักรพรรดิเองก็ต้องยื่นมือเข้ามา ไม่เพียงแต่เขาจะพยายามหาข่าว แต่ตัวเขายังส่งคนจำนวนมากตามหาตัวเด็กชายที่หายไปด้วย
“เจ้าทำงานของเจ้าเสร็จสิ้นแล้วใช่มั้ย?? เป็นเวลาสามวันแล้วนะ แต่ทำไมพวกเจ้ากลับหาเด็กที่อายุเพียงแค่ห้าขวบไม่ได้กัน?!” เสียงของผู้เฒ่าตระกูลเย่ เย่หยี ดังขึ้น
“นี้มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด พวกเราค้นหาทั้งเมืองมาสามวันแล้ว เจ้าคิดว่าเย่หลางได้ออกจากเมืองไปหรือเปล่า?” ภรรยาของเย่หยี เหลียนหร่วนเอ้อ พูดออกมาด้วยความเป็นกังวล ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้น
“นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาเป็นเพียงแค่เด็กเล็กนะ เว้นเสียแต่ว่า ... เขาถูกนำตัวออกจากเมืองอย่างจงใจ ...” เย่หยีขมวดคิ้ว เขาสั่งให้คนค้นหาออกไปนอกเขตเมือง แต่ตัวเย่หยีก็ไม่กล้าที่จะเชื่อความคิดแบบนี้โดยสนิทใจ
มันอาจจะเป็นข่าวร้ายอย่างแน่นอน หากตัวเย่หลางได้ถูกนำออกไปจากเมือง ช่างปวดหัวและปวดใจเหลือเกิน
“ถ้าใครกล้าทำร้ายลูกชายข้า ข้าจะทำลายครอบครัวทั้งหมดของมันซะ!” เย่เฉิงเทียนตอนนี้เป็นคนที่กังวลที่สุดในตระกูลเย่ แม้เสียงบ่นของเขาจะดูนุ่มนวล แต่คำพูดของเขาดูหนักแน่นเป็นอย่างมาก
“เฉิงเทียน…” หลงแอนคี ภรรยาของเขาจับมือเขาแน่น น้ำเสียงของเธอดูซับซ้อนมาก ราวกับว่าเธอยอมรับชะตากรรมนี้ไว้แล้ว
ในช่วงเวลาที่มืดมนนี้ จู่ๆก็ได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น ทุกๆคนต่างรู้สึกแปลกใจ
"นายท่าน! นายท่านขอรับ! เจ้าชายที่สิบสาม เจ้าชายที่สิบสาม ... ” มีคนรับใช้คนหนึ่งจู่ๆก็ได้วิ่งเข้ามา คนรับใช้ผู้นี้ดูเหมือนจะได้รับข่าวสารบางอย่างมา
"เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ข่าวเกี่ยวกับการค้นหาใช่มั้ย?" เย่หยีถามอย่างกังวล ท่าทางของข้ารับใช้ผู้นี้ทำให้เขามวนท้องยิ่งนัก
“เจ้าชายที่สิบสามเขา…เขา…” ข้ารับใช้เริ่มส่งเสียงดังขึ้น
"เขาเป็นอะไรงั้นเหรอ?! พูดออกมาสิ!" คราวนี้เป็นหลงแอนคีที่ตะโกนออกมา
ข้ารับใช้ผู้นี้สูดหายใจลึกๆและก็พูดขึ้นมา "เจ้าชายที่สิบสามอยู่ที่บ้าน"
ทันใดนั้นพื้นที่โดยรอบเงียบเป็นเป่าสาก
"อะไรนะ?! มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะ?" ทุกๆคนในบ้านต่างก็เริ่มพูดกัน พวกเขาต่างกระฉากคนรับใช้ผู้นี้และยิงคำถามใส่เขารัวๆ คนรับใช้ผู้นี้รู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้รับความสนใจมากขนาดนี้
“เจ้าชายที่สิบสามเพิ่งกลับมายังตระกูล อีกทั้งเขายังนำเด็กสาวมาด้วย”ข้ารับใช้ตอบ ซึ่งก่อนที่เขาจะพูดจบ เด็กหนุ่มที่เขากำลังพูดถึงก็ได้เดินเข้ามาพอดี นั้นทำให้ทุกๆคนเลิกสนใจเขาโดยพลัน
ซึ่งช่างโชคร้ายที่เขาถูกผลักออกไปข้างทางทันทีที่เขาพูดยังไม่จบประโยค ไม่มีใครให้ความสนใจกับประโยคที่เขาพูดว่า "นำเด็กสาว " มาด้วยเลยสักคน
เย่หยีและผู้คนต่างวิ่งไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านโดยพลัน จากนั้นพวกเขาก็พบเข้ากับเย่หลางและเด็กสาวคนหนึ่ง หากมองดูแล้ว เด็กสาวผู้นี้มีอายุคล้ายเด็กหนุ่ม เพียงแต่เธอไม่ใช่มนุษย์ นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องกังวลเลย เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการในตอนนี้ก็คือ การเข้าไปหาเจ้าชายที่สิบสามเพื่อสวมกอดอย่างแนบแน่น เรื่องอื่นจะสนใจไปทำไมกัน ขอเพียงแค่เขาปลอดภัยก็พอแล้ว
คนแรกที่มาถึงตัวเย่หลางคือผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ของพวกเขา แม่ของเขา หลงแอนคี เมื่อเห็นลูกชายของเธอ แม่ผู้นี้ก็เป็นห่วงมากถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่สิ ที่จริงแล้วดูว่าเธอจะเป็นห่วงโคตรๆจากการวิ่งไปถึงเร็วสุดนี้แหละ ทันทีที่เธอไปหาเขา เธอก็กอดเขาอย่างแน่น
"ลูกรักของแม่! นี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมากัน? เจ้าได้กินข้าวมาใช่หรือเปล่าเนี้ย…” แม่ของเขาดูสับสนเป็นอย่างมาก เธอยกแขนของลูกชายขึ้นหนึ่งข้างเพื่อตรวจสอบว่าเขาบาดเจ็บใหม่และใช้แขนอีกข้างของเธอกันคนอื่นด้วยความเป็นห่วงเย่หลาง
เจ้าชายที่สิบสามส่ายหัว “ไม่ท่านแม่ มีอาหารอร่อยๆและข้าก็ยังได้ไปเจอเรื่องดีๆอีก” เด็กชายพูดอย่างช้าๆ
"อะไรนะ?" หลังจากหลงแอนคีได้ตรวจสอบอย่างแน่ใจ เธอก็มั่นใจว่าลูกชายของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บ “เจ้าไปที่ไหนมางั้นเหรอ? ใครพาเจ้ามาที่นี่? แล้วเด็กผู้หญิงนั่นใครกัน? เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ…เด็กผู้หญิงคนนี้…”
ซึ่งกว่าหลงแอนคีจะตระหนักว่ามีเด็กผู้หญิงยืนอยู่ข้างๆลูกชายเธอ มันก็เป็นเวลานานพอสมควรเลย เดี๋ยวก่อนนะ ใช่ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่มนุษย์เลยสักนิดเดียว
เด็กหญิงตัวเล็กผู้นี้มีตาโต เขี้ยวเล็กๆและยังหูแมวที่อยู่บนหัวของเธอราวกับยอดมงกุฏ อีกทั้งเธอยังมีหางเล็กๆข้างหลังเธออีก! เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นมนุษย์สัตว์
แต่ที่นี่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง เธอมาจากเผ่าพันธุ์แมวหรือเผ่าเสือกัน? ชนเผ่าทั้งสองนี้มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุยังน้อย
“โอ้ ข้าชื้อเธอมา พวกเขาบอกว่าเธอเป็นแม่เสือสาวที่ดีที่สุดที่ข้าจะสามารถหาได้ในเมือง” เจ้าชายที่สิบสามตอบในทันที
“...”
ทุกๆคนไม่รู้เลยว่าจะแสดงท่าทีออกไปยังไงดี พวกเขาได้แต่นิ่งเงียบพร้อมกับจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มข้างหน้าพวกเขาด้วยความสับสน
“เจ้าซื้อเธอมางั้นเหรอ? นี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมากัน? ตั้งสามวันเชียวนะ! นอกจากนี้แล้ว เรื่องมันเป็นมายังไงกัน? เจ้าค่อยบอกข้าช้าๆก็ได้นะ เจ้าลูกชาย” หลงแอนฉีพูด เธออยากรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่ลูกชายของเธอประสบมาตอนที่เขาหายตัวไปเสียเหลือเกิน
คนอื่นๆเองก็จ้องมองไปที่เจ้าชายที่สิบสามเช่นเดียวกัน พวกเขานั้นก็อยากจะรู้ด้วย
“โอ้ วันนี้ลมแรงจริงเชียว เข้าไปข้างในกันเถอะ” ก่อนที่ลูกชายของเธอจะพูด แม่ของเขาก็ได้อุ้มลูกชายของเธอขึ้นมาแล้วเข้าไปในตึก เธอไม่ต้องการให้ลูกชายของเธอเป็นหวัด
ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดีเช่นเดียวกัน ทุกคนจะได้พักผ่อนดื่มชากัน
เจ้าชายที่สิบสามได้เล่าประสบการณ์สามวันของเขาเมื่อทุกๆคนนั่งกันบนเก้าอี้ บางส่วนดูคลุมเครือและดูเหมือนว่าทุกๆคนจะต้องพยายามเดาบางประโยคที่เขาจะพูด
ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกคนที่นี่สามารถเข้าใจคำพูดของเด็กหนุ่มได้อย่างครบถ้วน สิ่งที่เขาเล่าตั้งแต่ต้นจนจบนั้นทำให้ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง มันบ้ามากๆ!
อย่างแรกเลย เด็กชายอธิบายว่าเขาหลบหนีจากบ้านตระกูลเย่ได้อย่างไร คำตอบของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกตะลึงงันจริงๆ ไม่ใช่ว่ามันซับซ้อน แต่มันง่ายเกินไป
“ข้าก็ออกไป แค่นั้นแหละ ไม่มีใครหยุดข้าหรือมองข้าเลย!” เจ้าชายที่สิบสามพูด
ใช่แล้ว เป็นแบบนัน้เลย คนของตระกูลเย่ไม่ได้มองเขาเลยสักนิดเดียว นั่นคือวิธีที่เด็กอายุห้าขวบหนีออกจากบ้านตอนกลางวันแสกๆ
แน่นอนว่ายังมีปัจจัยอื่นๆอีกเช่นกัน ปัจจัยหนึ่งในนั้นคือ ตระกูลเย่ที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก ดังนั้นการที่มีเด็กที่อายุเท่าเขาที่จะเดินไปมารอบๆตระกูลจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย นอกเหนือจากคนไม่กี่คนแล้ว คนในตระกูลส่วนใหญ่ก็ยังไม่เคยเห็นเจ้าชายที่สิบสามมาก่อนอีก!
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านพักตระกูลเย่ค่อนข้างเข้มงวดเกี่ยวกับทางเข้าของตระกูลมากๆ ความเข้มงวดเรียกได้ว่าแทบเทียบเท่าพระราชวัง อย่างไรก็ตาม มีจุดบอดในการเฝ้าระวังอยู่ พวกเขาไม่ได้สนใจอะไรมากสำหรับคนที่จะออกไป!
พวกเขาไม่สงสัยเด็กชายอายุห้าขวบเลยสักนิด
การที่เย่หลางสามารถออกจากบ้านได้นั้นเป็นผลจากความบังเอิญหลายอย่างรวมๆกัน ไม่อย่างนั้นแล้ว มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถออกจากบ้านได้
ถึงกระนั้น มันก็ยังเรียกได้ว่าเป็นการกระทำอันแสนน่าอัศจรรย์โดยแท้