นักเล่นแร่แปรธาตุปัญญานิ่มตอนที่ 6
บทที่ 6 - การหายตัวไป
หลังจากเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น พวกเขาก็ยิ่งต้องดูลูกตัวเองให้รอบคอบยิ่งขึ้นไปอีก พวกเขานั้นพยายามเฝ้ามองจากไกลๆและก็ได้เลือกตัดสินใจที่จะให้ลูกกลายเป็นผู้ปกครองดินแดน
ด้วยความที่เขาสามารถมีพลังในการจดจำ เขาก็คงจะเรียนรู้เกี่ยวกับกฏหมายของอาณาจักรและทำความคุ้ยเคยกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันได้ โชคไม่ดีนัก หลังจากที่เจ้าชายที่สิบสามอ่านพวกมัน ความคิดของเขาก็น่ากลัวเป็ฯอย่างมาก
“กฎหมายพวกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเลย! ทำไมจึงมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างชนชั้นสูงและสามัญชนกัน? กฎหมายควรจะเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน จักรพรรดิควรได้รับการลงโทษด้วยเช่นกันหากเขาทำผิดกฎหมาย! บ้าไปแล้วหรือไง!”
“การมีทาสก็ควรจะถูกยกเลิกด้วย…”
“ผู้นำประเทศนั้นควรได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน…”
…
สำหรับอาชีพที่สามของเจ้าชายที่สิบสามนั้น หลังจากลองผิดลองถูกมาสักพัก เย่เฉิงเทียนและภรรยาของเขาก็เริ่มกังวล ตอนนี้พวกเขาตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงถามเจ้าชายที่สิบสามโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขาต้องการที่จะเป็นอะไรเมื่อเขาโตขึ้น? เขาต้องการทำอะไรในอนาคต?
เจ้าชายที่สิบสามคิดสักครู่แล้วก็พูดพร้อมกับยิ้ม “ข้าอยากเป็นลูกคนรวย!”
“...” ทั้งคู่ต่างมองหน้ากัน หลังจากเงียบไปสักพัก พวกเขาก็ได้พูดออกมา“อะไรนะ? เจ้าช่วยพูดอีกทีได้ไหม”
“ข้าอยากจะเป็นลูกคนรวย” เขาพูดซ้ำแล้วพูดเพิ่มอีกว่า---
“ลูกคนรวยที่มีอำนาจ สถานะ เงินและก็สาวน่ารัก! ใช่แล้ว จะดีกว่านี้หากข้ามีลูกน้องคนสนิท !!”
“เจ้าอยากจะเป็นอะไรนะ?” คู่รักคู่นี้กลับถามซ้ำแบบเดิมอย่างโง่เขลา พวกเขาหมดคำจะพูด
“ข้าต้องการใช้เงิน ข้าอยากจะเป็นอาเสี่ย!!”
“...”
“เย่หลานหยู่!!” เสียงคำรามของคู่รักดังขึ้นเป็นคำพูดเดียวกัน นี้จะต้องเป็นฝีมือน้องสาวของเขา เย่หลานหยู่
พวกเขารู้สึกว่าเจ้าชายที่สิบสามไม่มีทางที่จะมีความคิดผิดปกติพวกนี้แน่ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ เย่หลานหยู่ป้อนสิ่งแปลกๆนี้ให้กับเขา ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับเย่หลานหยู่เล็กๆน้อยๆ
เย่หลานหยู่ตัวน้อยผู้แสนน่าสงสาร! เธอถูกดุและเป็นเหยื่อบริสุทธิ์โดยไม่สามารถโต้เถียงได้เลย ในเวลาเดียวกัน ลูกชายคนที่สิบสามก็มองไปที่พ่อและแม่ของเขาอย่างสับสน เขาไม่เข้าใจเลยว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพี่สาวของเขายังไง
ลูกชายคนที่สิบสามผู้นี้เพิ่งจะมีอายุเพียงห้าขวบ เขาเป็นเด็กพิเศษที่มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ในวัยนี้มาก
ซึ่งก็มีเรื่องรำคาญอย่างหนึ่งก็คือ ชื่อเจ้าชายที่สิบสามของเขา
แม้แต่ตระกูลเย่ก็ยังรู้สึกแปลกประหลาด พวกเขาต้องการตั้งชื่อเขาว่า เย่เถียนโหยว [เถียน= สวรรค์ โหยว= การคุ้มครอง] มันเป็นการตั้งชื่อที่ชัดเจนเลย พวกเขาต้องการให้สวรรค์นั้นคุ้มครองเขา
เมื่อเจ้าชายที่สิบสามเริ่มเรียนรู้การอ่านและการเขียน เขาก็เขียนชื่อเขาว่า เย่หลาง เมื่อคนอื่นเรียกเขาว่า เย่เถียนโหยว เขาจะไม่ตอบ เขาจะตอบก็ต่อเมื่อเรียกเขาว่า เย่หลาง
มันเป็นเรื่องแปลกจนกลายเป็นเรื่องปกติ จนท้ายที่สุดทุกๆคนเริ่มลืมเลือนชื่อ เย่เถียนโหยว คำสองคำอย่าง เย่หลาง ได้ทดแทนมันและกลายเป็นชื่อที่เขาจะใช้ชั่วชีวิต
เย่หลางงั้นเหรอ? มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีเหตุผลอื่นอีกไหม?
ไม่มีใครรู้คำตอบนี้แน่ชัด พวกเขารู้เพียงว่า เจ้าชายน้อยผู้นี้ได้ตัดสินใจที่จะเป็นอาเสี่ยและต้องการที่จะใช้เงิน ก่อนอื่นเลย เขาจะต้องมีเงินเพื่อเอาไปใช้เสียก่อน หากไม่มีเงิน จะกลายเป็นอาเสี่ยและใช้เงินได้ยังไงกัน?
ซึ่งมันก็มีวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ เพราะเจ้าชายเย่น้อยจะไม่เคยออกจากพื้นที่ตระกูลเลย นั้นทำให้เขาได้รับเบี้ยเลี้ยงมากมายทุกปีและเงินจำนวนนั้นก็ยังไม่เคยถูกใช้อีก เขานั้นเสมือนมหาเศรษฐีบ่อน้ำมันเลยในตอนนี้
และนี้ก็เป็นเพียงเบี้ยเลี้ยงเท่านั้น หากเขาต้องการเพิ่ม เขาก็จะได้รับมากขึ้นอีก
หลังจากได้รับการสนับสนุนทางการเงินแล้ว เขาก็มีภารกิจที่สอง นี่เป็นสิ่งสำคัญ: เขาต้องออกจากบริเวณบ้านให้ได้!
สำหรับหลายๆคน การออกจากบ้านของตัวเองคงจะต้องเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าชายน้อยที่สิบสามของเราแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ครอบครัวตระกูลเย่ทั้งหมดไม่ยอมปล่อยเขาออกไป อย่างน้อยก็ในตอนนี้
เหตุการณ์ประหลาดอีกเหตุการณ์หนึ่งของเจ้าชายน้อยตระกูลเย่ก็เริ่มขึ้น
"โอ้ไม่นะ!" คุณนายขอรับ นายน้อยได้หายตัวไปแล้ว”
เพียงแค่ข้ารับใช้ผู้หนึ่งพูดออกมา ทั่วทั้งสมาชิกของตระกูลเย่ต่างตระหนักว่าเจ้าชายน้อยที่สิบสามที่มักไม่ค่อยปรากฏตัวได้หายตัวไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถหาเขาได้เลย แม้จะค้นทั่วตระกูลเย่แล้วก็ตาม
ในตอนแรก พวกเขาคิดว่าหลานหยู่และเจ้าชายที่สิบสามอาจเล่นเกมกัน ซึ่งความคิดนั้นก็จางหายไปในบันดล หลานหยู่นั้นกำลังนั่งอยู่บนพื้นและไม่ได้อยู่เล่นกับเจ้าชายที่สิบสาม ซึ่งความคิดที่บอกว่าเธอกับเจ้าชายที่สิบสามกำลังเล่นอยู่ด้วยกันจึงได้จางหายไปแบบที่บอกนั้นแหละ
ซึ่งหลานหยู่ในตอนนี้กำลังนั่งสมาธิ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนเวทย์มนต์ของเธอ แต่พอเมื่อได้ยินข่าว เธอก็เลิกการฝึกฝนทันที เพื่อตามหาน้องชายของเธอ
เพียงไม่นานนัก ทั่วทั้งตระกูลเย่ก็ได้โกลาหลวุ่นวาย ผู้นำตระกูลเย่แทบจะใช้พลังของบรรพบุรษทั้งหมดเพื่อออกตามหาเขา
ไม่มีใครคิดเลยว่าเขาจะหายไป ไม่มีใครคิดเลยจริงๆ เด็กอายุห้าขวบที่เป็นเพียงเด็กที่เรียนรู้ช้าจะหายออกไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไงกัน? นี้ยิ่งทำให้เรื่องมันงงงันไปอีก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การตามหาตัวเด็ก ไม่ว่าเจ้าชายที่สิบสามจะเป็นพวกไร้ประโยชน์เพียงใด อย่าง้นอยเขาก็เป็นหลานชายของผู้เฒ่าเย่ อีกทั้งเขาเป็นบุตรชายของเยเฉิงเทียน
ในไม่ช้า สมาชิกตระกูลเย่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนถนนทุกสายและแทบทุกซอย แน่นอนว่าในหมู่พวกเขาก็มียามประจำเมืองที่ได้รับข่าวการหายตัวไปด้วย พวกเขาทั้งหมดต่างกำลังตามตัวเด็กชายผู้นั้นอยู่
สิ่งนี้ทำให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชน ซึ่งไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถรู้ได้เลยด้วยซ้ำ อะไรถึงทำให้เกิดเรื่องโกลาหลเช่นนี้กัน?
เช่นนี้แล้ว เหล่าฝูงชนเลยเริ่มที่จะสืบเสาะกันเอง แม้ว่าพวกเขาจะไม่พบว่าคนเหล่านี้กำลังตามหาใคร แต่พวกเขารู้ว่าทุกคนต่างตามตัวเด็กชายชนชั้นสูงอายุห้าขวบ ผมสีดำ ดวงตาสีดำ อีกทั้งเด็กชายผู้นี้ยังเป็นชนชั้นสูงที่เอื่อยเฉื่อยด้วย
คนที่มีความรู้สึกที่ไวก็ตระหนักทันทีว่าเด็กผู้นี้คือใคร มีคนไม่มากนักในเมืองหลวงที่สามารถก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่และมีเพียงไม่กี่คนที่ตรงตามเงื่อนไขด้านบนนั้น
พวกเขาจึงเริ่มสงสัยอีกว่าเจ้าชายน้อยหายไปได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเขาอยู่บ้านตลอดเวลางั้นเหรอ?
พอเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็เริ่มตามหาพร้อมกับเริ่มคำถามในหัว ส่วนบางคนก็มีความตั้งใจอื่นอยู่ด้วย ในไม่ช้า ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มตามตัวเด็กชายผู้นี้ในเมืองหลวงกันให้ทั่ว
ถ้าหากว่าเจ้าชายอยู่ในเมืองหลวง ตัวเขาก็จะต้องถูกพบตัวในไม่ช้าอย่างแน่นอน ใช่แล้ว ซึ่งนั้นก็เป็นแค่สิ่งที่ทุกคนคิดกัน
แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยสักนิด มันเป็นเวลายาวนานกว่าสามวันแล้ว พวกเขานั้นพลิกหินแทบทุกก้อน แต่ก็ยังไม่พบตัวเจ้าชายที่สิบสามเลย เขาไปไหนกัน? เขาหนีจากทุกคนได้อย่างไร? นี้เขาถูกลักพาตัวไปงั้นเหรอ? คำถามนี้ปรากฏในใจของพวกเขาแทบทุกคน ...