นักเล่นแร่แปรธาตุปัญญานิ่มตอนที่ 4
บทที่ 4 - สุดยอดความทรงจำอันแข็งแกร่ง
การขาดทักษะของเจ้าชายที่สิบสามเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพ่อแม่ของเขามาก อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ปลอบใจตัวเองว่า ตราบใดที่ลูกชายของพวกเขาปลอดภัย สิ่งอื่นก็ล้วนหาใช่สำคัญ แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางจะทิ้งลูกของตัวเองไปเป็นแน่ พวกเขาเชื่อว่า ความพยายามนั้นสำคัญกว่าพรสวรรค์ที่ได้มาตามธรรมชาติ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นเด็กอัจฉริยะ แต่อย่างน้อยเขาก็คงสามารถทำอะไรสักอย่างได้
อย่างน้อย ลูกสามคนของพวกเขาก็ฉลาดมาก โดยเฉพาะลูกคนโต เย่ฮุย เขาเป็นลูกชายคนเดียวนอกเหนือจากเจ้าชายที่สิบสาม และทุกๆคนต่างก็คอยเฝ้ามองเขาเติบโตอย่างมีความสุข พี่น้องคู่นี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งนั้นเป็นอัจฉริยะอย่างชัดเจน
เย่เฉิงเทียนและภรรยาของเขาอย่างน้อยก็รู้สึกสบายใจกับความสามารถที่เย่ฮุยมีอยู่บ้าง ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงพยายามเลี้ยงดูเย่ฮุยเป็นอย่างดี ส่วนลูกสาวทั้งสองคนเองก็เช่นเดียวกัน สำหรับเจ้าชายที่สิบสาม พวกเขานั้นไม่ใช่ว่าจะไม่เลี้ยงเขา พวกเขายังคงรักเขาอยู่ แต่ระดับการศึกษาของเขาจะเข้มงวดน้อยกว่าพี่น้องของเขามาก
ถ้าเจ้าชายที่สิบสามยังคงเป็นแบบนี้อยู่ เขาก็จะสามารถใช้ชีวิตอันแสนสงบสุขได้ตลอดไป ด้วยสถานะของตระกูลเย่ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถแต่งงานกับเจ้าหญิงได้ แต่อย่างน้อยเขาก็คงจะมีภรรยาที่ดีสักคน ชีวิตของเขาก็จะสมบูรณ์แบบเลย ช่างเป็นชีวิตที่แสนสุขเสียจริง
แต่ทำไมเขาถึงแต่งงานกับเจ้าหญิงน้อยไม่ได้? ไร้สาระ! พอสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกลงจะยกเลิกสัญญาการแต่งงาน ทั้งตระกูลเย่และราชวงศ์จะไม่ยอมให้เจ้าชายที่สิบสามแต่งงานกับเจ้าหญิงน้อยแห่งอาณาจักร
มันจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนจริงเชียว หากตระกูลเย่นั้นไม่สนใจทุกอย่างและปล่อยให้เขาแต่งงานกับเจ้าหญิงน้อย ในอนาคตชื่อเสียงของพวกเขาในอาณาจักรลอยฟ้าอาจถดถอยลงได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในฐานะชนชั้นสูงแล้ว ตระกูลเย่ไม่ยอมทำตระกูลให้อับอายต่อราชวงศ์อย่างแน่นอน พวกเขายืนยันว่าจะต้องขจัดปัญหานี้ไปให้ได้
จากนั้น พวกเขาก็ได้ยืนยันกันอีกครั้ง ราชวงศ์ก็จะไหลไปตามน้ำเหมือนกัน เพียงแต่ใช่ว่าพวกเขาจะยืนกราน
แน่นอนว่าเพราะตอนนี้พวกเขายังเด็กอยู่ ปัญหาของเรื่องนี้จึงต้องถูกโยนทิ้งไปก่อน ไม่มีใครอยากกวนแม่น้ำให้มันขุ่นหรอกนะ ในทางทฤษฎีแล้ว เจ้าหญิงน้อยในตอนนี้จึงยังคงเป็นคู่หมั้นของเจ้าชายที่สิบสามอยู่
ซึ่งนั้นทำให้มีข่าวลือว่า เด็กชายผู้นี้มีอะไรแปลกๆบางอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องของสติปัญญาของเด็กชายผู้นี้ เพราะทุกคนต่างทราบเรื่องนี้กันอยู่นานโขแล้ว เรากำลังพูดถึงเรื่องอื่นอยู่
สิ่งแปลกประหลาดแบบ รังสีแห่งพระเจ้า เหมือนกับที่ตอนที่เขาได้เกิดขึ้นมา ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
คนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาไม่ได้เป็นคนนอก แต่เป็น เย่หลานหยู่ น้องสาวของเขา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอกอดและเล่นกับเขา จู่ๆเธอก็รับรู้ว่าทักษะการจดจำของเขาตรงข้ามกับความฉลาดที่เขามีอยู่
ซึ่งในตอนนั้น เจ้าชายที่สิบสามแทบจะไม่สามารถคุยกับคนอื่นได้เลย แม้ว่าการพัฒนาของเขาจะค่อนข้างช้า แต่ก็ยังเป็นที่ยอมรับของทุกคนอยู่ ซึ่งนี้ทำให้ไม่มีใครคาดหวังเขาสูงมากนัก พวกเขาหวังแค่ว่าเจ้าตัวน้อยนี้จะมีชีวิตที่สงบสุขเท่านั้นเอง
ไม่สำคัญว่าเขาจะรู้วิธีดูแลตัวเองหรือไม่ เพราะยังไงตระกูลเย่ก็สามารถดูแลเขาตลอดชั่วชีวิตได้อยู่แล้ว ผู้คนทุกคนต่างก็คิดกันไปก่อนแบบนั้นเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลานหยู่น้อยในตอนนั้นก็ได้พบกับความผิดปกติบางอย่างของเขา พวกเขาเล่นเกมจับคู่ที่ทดสอบทักษะการวิเคราะห์และความจำกัน เธอพยายามเล่นเกมง่ายๆสำหรับเด็กกับเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม หลานหยู่ตัวน้อยรู้สึกว่าเธอฉลาดกว่าเด็กปกติ (ซึ่งก็เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดกันทั้งนั้แหละ) ดังนั้นเธอจึงเล่นปริศนาที่ยากขึ้นสำหรับตัวเธอเอง มันยากมากสำหรับเด็ก แม้แต่ผู้ใหญ่ก็อาจจะหาคำตอบได้ยากเชียว
ถูกต้องแล้ว หลานหยู่ตัวน้อยฉลาดมาก แต่สติปัญญาของเด็กแบบเธอก็ยังคงมีจำกัดอยู่ แม้ว่าเธอจะพยายามไขปริศนาทั้งวัน แต่ท้ายสุดเธอก็ไม่สามารถทำมันได้และได้แต่โยนมันไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง
ในขณะที่หลานหยู่ตัวน้อยกำลังเศร้าสร้อยอยู่ เจ้าชายที่สิบสามก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว เขามองดูตัวต่อบนพื้นพร้อมกับมองใบหน้าอันแสนหงุดหงิดของน้องสาวเขาด้วยความสับสนเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจว่าน้องสาวของเขาอารมณ์เสีย เพราะเธอไม่สามารถไขเกมปริศนานี้ได้ ดังนั้นแล้ว เขาเลยใช้มือเล็กๆของเขาหยิบมันขึ้นจากพื้นและค่อยๆต่อมันในแผ่น
“น้องน้อง อย่าเล่นมันเลย มันไม่สนุกเลยสักนิด เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไป…” เมื่อหลานหยู่ตัวน้อยกำลังพูดอยู่ เธอก็สังเกตเห็นว่าเจ้าชายน้อยที่สิบสามกำลังเล่นเกมปริศนาที่เธอโยนทิ้งไปอยู่ ครั้งแรกนั้น เธอคิดว่าเขาเพียงแค่พยายามจับมันเล่นเฉยๆ แต่ในไม่ช้า เธอก็ตระหนักว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
ดวงตาของเธอมองไปที่แผ่นนั้น ดูเหมือนว่าส่วนหนึ่งของปริศนาได้สมบูรณ์แล้ว! เธอตกใจมาก เมื่อเธอมองใกล้ๆ เธอก็ตระหนักว่าเขาได้ไขปริศนาครึ่งหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ…เอ่อ…” สีหน้าของหลานหยู่ดูราวกับว่าเธอเพิ่งจะค้นพบกับอเมริกา เธอมั่นใจว่าเจ้าชายน้อยที่สิบสามเป็นผู้แก้ปริศนานี้อย่างแน่นอน เพราะที่นี่มีแค่สองคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะใช้เวลาแทบทั้งวัน แต่เธอก็ไม่สามารถไขปริศนานี้ได้เลยสักนิด น้องชายตัวน้อยของเธอกลับสามารถแก้ไขมันได้ถึงครึ่งหนึ่งโดยใช้เวลาเพียงบเล็กน้อย ราวกับว่ามันเป็นเพียงของไร้สาระ
หลานหยู่ตัวน้อยจ้องมองไปที่เจ้าชายที่สิบสามอย่างเงียบงัน
“ดูสิพี่สาว! เสร็จแล้ว! อย่าโกรธเลยนะ” เจ้าชายที่สิบสามนั้นพูดช้ามาก เขานั้นพยายามอย่างมากที่จะสื่อคำที่เขาคิดให้กลายเป็นคำพูด
หลานหยู่ตัวน้อยเองก็คุ้นเคยกับวิธีการพูดของเขาแล้ว เขามักจะพูดแบบนั้นอยู่เสมอ
บังเอิญ มันจะต้องเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
หลานหยู่ตัวน้อยจ้องไปที่ปริศนาที่ไขเสร็จอย่างไม่เชื่อเลยสักนิด ก่อนอื่นเลย เธอไม่อยากเชื่อว่าน้องชายที่แสนโง่ของเธอจะไขปริศนานี้ได้ ประการที่สอ งเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอโง่ยิ่งกว่าน้องชายของตน ในฐานะที่เป็นพี่สาว มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนัก
"ข้าไม่ได้โกรธ น้องชาย เรามาเล่นอีกครั้งเถอะ” หลานหยู่ตัวน้อยยิ้มแล้วนำตัวปริศนาแยกออกจากกัน เพื่อตรวจสอบว่านี้มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น
เจ้าชายน้อยอายุสิบสามจ้องมองไปที่เธอ จากนั้นก็ได้คลานมาที่ตัวปริศนา ขณะที่เขาไขปริศนาเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ ปากของหลานหยู่ก็ได้เปิดกว้าง
“แม่ แม่! อุ๊ว๊าาา! น้องชายตัวน้อย เขา…”หลานหยู่รีบวิ่งไปบอกแม่ของเธอในทันที
ในไม่ช้า เรื่องปั่นป่วนก็ได้เกิดขึ้นในครอบครัวตระกูลเย่ เหตุการณ์เล็กๆนี้ทำให้ทุกคนตระหนักถึงทักษะการจดจำของเขาที่มากกว่าคนปกติ มันราวกับความทรงจำรูปถ่าย (มองเห็นแล้วก็จำได้ในทันที)
หลังจากทดสอบหลายครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็ได้ข้อสรุปกัน มันช่างเป็นข้อสรุปที่แสนจะไม่น่าเชื่อ
ความเฉลียวฉลาดของเจ้าชายที่สิบสามนั้นยังคงน่าผิดหวัง เขายังอยู่ข้างหลังคนอื่นๆอีกมากโข อย่างไรก็ตาม ความสามารถด้านความจำของเขานั้นเกินกว่าผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ
เขาเป็นอัจฉริยะโคตรระดับตำนาน
บางทีนั่นอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ หรือบางทีเจ้าชายที่สิบสามอาจจะขาดอะไรบางอย่างไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่